Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
ทฺวาทสมจิตฺตวณฺณนา
Dvādasamacittavaṇṇanā
๔๒๙. สหชาตาธิปติ นตฺถิ ‘‘ฉนฺทวโต เจ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, สา มยฺหํ อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติอาทิปฺปวตฺติยา อภาวาฯ อนุทฺธฎตฺตา ปฎิสิทฺธตา, ยถาธมฺมสาสเน อวจนมฺปิ อภาวํ ทีเปติฯ
429. Sahajātādhipati natthi ‘‘chandavato ce vicikicchā uppajjati, sā mayhaṃ uppajjeyyā’’tiādippavattiyā abhāvā. Anuddhaṭattā paṭisiddhatā, yathādhammasāsane avacanampi abhāvaṃ dīpeti.
อวจนโตติ อ-การสฺส ตทญฺญวจนตํ ทเสฺสติฯ เอเตน จ ทสฺสเนน ปหาตเพฺพสุ อภาววจเนน การณสิทฺธิยา ผลสิทฺธีติ ตตฺถ อภาวสฺส การณเมว ตาว ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิสนฺธิอนากฑฺฒนโต’’ติ วุตฺตํฯ เตน ตํสภาวตา ตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส วุตฺตา โหติฯ ตโต จ ‘‘พลวํ ปฎิสนฺธิํ อากฑฺฒติ, ทุพฺพลํ นากฑฺฒตี’’ติ อิทํ ปฎิสนฺธิทานสภาเวสุฯ ยสฺส ปน ปฎิสนฺธิทานสภาโว เอว นตฺถิ, น ตสฺส พลวภาโว ปฎิสนฺธิอากฑฺฒเน การณนฺติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ อนากฑฺฒนํ สาเธติ ‘‘ยทิ หิ อากเฑฺฒยฺยา’’ติอาทินาฯ ยสฺมา จ นาคตํ, ตสฺมา นากฑฺฒตีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ยสฺมา ปน ตํ ปฎิสนฺธิทานํ นตฺถิ, ตสฺมา นาคต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘อนากฑฺฒนโต อนาคมนํ สาเธตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Avacanatoti a-kārassa tadaññavacanataṃ dasseti. Etena ca dassanena pahātabbesu abhāvavacanena kāraṇasiddhiyā phalasiddhīti tattha abhāvassa kāraṇameva tāva dassetuṃ ‘‘paṭisandhianākaḍḍhanato’’ti vuttaṃ. Tena taṃsabhāvatā tassa cittuppādassa vuttā hoti. Tato ca ‘‘balavaṃ paṭisandhiṃ ākaḍḍhati, dubbalaṃ nākaḍḍhatī’’ti idaṃ paṭisandhidānasabhāvesu. Yassa pana paṭisandhidānasabhāvo eva natthi, na tassa balavabhāvo paṭisandhiākaḍḍhane kāraṇanti ayamattho dassito hoti. Anākaḍḍhanaṃ sādheti ‘‘yadi hi ākaḍḍheyyā’’tiādinā. Yasmā ca nāgataṃ, tasmā nākaḍḍhatīti adhippāyo. ‘‘Yasmā pana taṃ paṭisandhidānaṃ natthi, tasmā nāgata’’nti vuttattā ‘‘anākaḍḍhanato anāgamanaṃ sādhetu’’nti vuttaṃ.
อปายคมนียสฺสาติ อปายํ คเมตีติ อปายคมนียํ, ตํสภาวนฺติ อโตฺถฯ ปฎิสนฺธิอากฑฺฒเน สติ อุทฺธจฺจสหคตํ เอกเนฺตน อปายคมนียํ สิยาฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๔๒๙) ‘‘อิตรสฺสาปิ เอเตฺถว ปฎิสนฺธิทานํ ภเวยฺยา’’ติฯ น หิ อกุสลปฎิสนฺธิ สุคติยํ สมฺภวตีติฯ ‘‘จตูหิ อปาเยหิ จ วิปฺปมุโตฺต (ขุ. ปา. ๖.๑๑; สุ. นิ. ๒๓๔) อวินิปาตธโมฺม’’ติ (ส. นิ. ๒.๔๑; ๕.๙๙๘, ๑๐๐๔) วจนโต อปายคมนียญฺจ ทสฺสเนน ปหาตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อปายคมนียสฺส ทสฺสเนน ปหาตพฺพตฺตา’’ติฯ น เจตํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพํ, น โส ตสฺส อปายคมนีโย ราโค โทโส โมโห ตเทกฎฺฐา จ กิเลสาติ เอเตน สงฺคโหติ สกฺกา วตฺตุํ นิโยคโต ภาวนาย ปหาตพฺพภาเวน วุตฺตตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนาย ปหาตพฺพา, อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๖)ฯ
Apāyagamanīyassāti apāyaṃ gametīti apāyagamanīyaṃ, taṃsabhāvanti attho. Paṭisandhiākaḍḍhane sati uddhaccasahagataṃ ekantena apāyagamanīyaṃ siyā. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 429) ‘‘itarassāpi ettheva paṭisandhidānaṃ bhaveyyā’’ti. Na hi akusalapaṭisandhi sugatiyaṃ sambhavatīti. ‘‘Catūhi apāyehi ca vippamutto (khu. pā. 6.11; su. ni. 234) avinipātadhammo’’ti (sa. ni. 2.41; 5.998, 1004) vacanato apāyagamanīyañca dassanena pahātabbaṃ. Tenāha ‘‘apāyagamanīyassa dassanena pahātabbattā’’ti. Na cetaṃ dassanena pahātabbaṃ, na so tassa apāyagamanīyo rāgo doso moho tadekaṭṭhā ca kilesāti etena saṅgahoti sakkā vattuṃ niyogato bhāvanāya pahātabbabhāvena vuttattā. Vuttañhetaṃ ‘‘katame dhammā bhāvanāya pahātabbā, uddhaccasahagato cittuppādo’’ti (dha. sa. 1406).
‘‘กุสลากุสลํ กมฺมํ วิปากานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๒๗) วุตฺตกมฺมปจฺจยภาโว นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโวฯ โส จ ยทิ อุทฺธจฺจสหคตํ ปฎิสนฺธิํ อากเฑฺฒยฺย, ตสฺสาปิ สิยาฯ ตถา จ สติ อุทฺธจฺจสหคตํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพํ สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพานํเยว นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตาฯ น เจตํ ทเสฺสเนน ปหาตพฺพนฺติ สพฺพํ ปุเพฺพ วิย อาวตฺตติฯ
‘‘Kusalākusalaṃ kammaṃ vipākānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ kammapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.427) vuttakammapaccayabhāvo nānākkhaṇikakammapaccayabhāvo. So ca yadi uddhaccasahagataṃ paṭisandhiṃ ākaḍḍheyya, tassāpi siyā. Tathā ca sati uddhaccasahagataṃ dassanena pahātabbaṃ siyā dassanena pahātabbānaṃyeva nānākkhaṇikakammapaccayabhāvassa vuttattā. Na cetaṃ dassenena pahātabbanti sabbaṃ pubbe viya āvattati.
สหชาตเมว วิภตฺตนฺติ ยถา ทสฺสเนน ปหาตพฺพวิภเงฺค ‘‘ทสฺสเนน ปหาตโพฺพ ธโมฺม เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๘.๘๖) สหชาตํ นานากฺขณิกนฺติ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘สหชาตา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย, นานากฺขณิกา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา เจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วิภตฺตํ, เอวํ อวิภชิตฺวา ‘‘ภาวนาย ปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๘.๘๙) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘นานากฺขณิกา เจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ เตน น ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโวติ วิญฺญายติฯ ปจฺจนีเยปิ ยถาสมฺภวํ สงฺคาหกปจฺจยานํ วเสน ปจฺจยุทฺธาเร กริยมาเนฯ อิตรตฺถ จาติ ทสฺสเนนปหาตพฺพปเทฯ ตตฺถ หิ ‘‘ทสฺสเนน ปหาตโพฺพ ธโมฺม เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาตอุปนิสฺสยปจฺฉาชาตกมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๘.๗๑) กมฺมปจฺจโยปิ วุโตฺตติฯ
Sahajātameva vibhattanti yathā dassanena pahātabbavibhaṅge ‘‘dassanena pahātabbo dhammo neva dassanena na bhāvanāya pahātabbassa dhammassa kammapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.8.86) sahajātaṃ nānākkhaṇikanti uddisitvā ‘‘sahajātā dassanena pahātabbā cetanā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ kammapaccayena paccayo, nānākkhaṇikā dassanena pahātabbā cetanā vipākānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ kammapaccayena paccayo’’ti vibhattaṃ, evaṃ avibhajitvā ‘‘bhāvanāya pahātabbā cetanā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ kammapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.8.89) ettakameva vuttaṃ, na vuttaṃ ‘‘nānākkhaṇikā cetanā vipākānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ kammapaccayena paccayo’’ti. Tena na bhāvanāya pahātabbassa nānākkhaṇikakammapaccayabhāvoti viññāyati. Paccanīyepi yathāsambhavaṃ saṅgāhakapaccayānaṃ vasena paccayuddhāre kariyamāne. Itarattha cāti dassanenapahātabbapade. Tattha hi ‘‘dassanena pahātabbo dhammo neva dassanena na bhāvanāya pahātabbassa dhammassa ārammaṇapaccayena paccayo, sahajātaupanissayapacchājātakammapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.8.71) kammapaccayopi vuttoti.
ตทภาวาติ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยตฺตาภาวาฯ น จ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยํ วินา ปฎิสนฺธิอากฑฺฒนํ อตฺถีติ ‘‘ปฎิสนฺธิอนากฑฺฒนโต ตตฺถ อนาคตา’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถาติ ‘‘ฐเปตฺวา อุทฺธจฺจสหคตํ เสสานิ เอกาทเสว ปฎิสนฺธิํ อากฑฺฒนฺตี’’ติ เอตฺถฯ ปวตฺติวิปากสฺสาติ ปวตฺติยํ วิปาโก ปวตฺติเอกเทสตาย ปวตฺติภูโต วา วิปาโก เอตสฺสาติ ปวตฺติวิปากํ, กมฺมํ, ตสฺสฯ อถ วา ปวตฺติยํ วิปาโก ปวตฺติวิปาโกฯ อิมสฺมิํ ปน อเตฺถ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจโย เอตสฺสาติ นานา…เป.… โย, ตพฺภาโว…เป.… ตาติ เอวํ ปทเจฺฉโท ทฎฺฐโพฺพฯ น สกฺกา นิวาเรตุํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยํ วินา วิปากสฺส อนุปฺปชฺชนโตฯ
Tadabhāvāti nānākkhaṇikakammapaccayattābhāvā. Na ca nānākkhaṇikakammapaccayaṃ vinā paṭisandhiākaḍḍhanaṃ atthīti ‘‘paṭisandhianākaḍḍhanato tattha anāgatā’’ti vuttaṃ. Etthāti ‘‘ṭhapetvā uddhaccasahagataṃ sesāni ekādaseva paṭisandhiṃ ākaḍḍhantī’’ti ettha. Pavattivipākassāti pavattiyaṃ vipāko pavattiekadesatāya pavattibhūto vā vipāko etassāti pavattivipākaṃ, kammaṃ, tassa. Atha vā pavattiyaṃ vipāko pavattivipāko. Imasmiṃ pana atthe nānākkhaṇikakammapaccayo etassāti nānā…pe… yo, tabbhāvo…pe… tāti evaṃ padacchedo daṭṭhabbo. Na sakkā nivāretuṃ nānākkhaṇikakammapaccayaṃ vinā vipākassa anuppajjanato.
อิทานิ ปวตฺติวิปากานํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยลาภิตาย อาหจฺจภาสิตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘วุตฺตญฺจา’’ติอาทิมาหฯ วิปากทานํ ปฎิสนฺธิวิปากธมฺมตาติ มญฺญมาโน ‘‘ยทิ ภาวนา’’ติอาทิมาหฯ อิตโร วิปากทานาภาเวปิ สิโทฺธ วิปากธมฺมภาโว ตาทิสานํ อเญฺญสมฺปิ ลพฺภมานตฺตาติ อาห ‘‘อภิญฺญาจิตฺตาทีน’’นฺติฯ อาทิ-สเทฺทน อตฺตโน กาลมติกฺกนฺตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ อุปปชฺชเวทนียญฺจ สงฺคณฺหาติฯ วุตฺตํ สิยาติ อิทํ สหายปจฺจยลาภโต ปุถุชฺชนสนฺตานวุตฺติโน อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิปากุปฺปาทนํ, ตทภาวา เสกฺขสนฺตติยํ ตสฺส วิปากานุปฺปาทนญฺจ ยุตฺตํ สิยาติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘อิทํ ปน ฐานํ สุฎฺฐุ วิจาเรตพฺพ’’นฺติอาทิฯ ตถา จ วกฺขติ ‘‘ปุถุชฺชเนสุ อุปฺปชฺชมานานํ สกภเณฺฑ ฉนฺทราคาทีนํ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส จ สํโยชนตฺตยตเทกฎฺฐกิเลสานํ อนุปจฺฉินฺนตาย อปริกฺขีณสหายานํ วิปากุปฺปาทนํ น สกฺกา ปฎิกฺขิปิตุนฺติ อุทฺธจฺจสหคตธมฺมานํ วิปาโก วิภเงฺค วุโตฺต’’ติฯ ตสฺส ตาทิสเสฺสว สติ สหาเย วิปากุปฺปาทนวจนํ, อสติ วิปากานุปฺปาทนวจนํ วิรุชฺฌตีติ จ ปวตฺติวิปากทายิกํ วา อุทฺธจฺจสหคตสฺส มนสิ กตฺวา ‘‘วุตฺตํ สิยา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ปวตฺติวิปากญฺหิ สนฺธาย ‘เตสํ วิปาเก ญาณ’นฺติ ปฎิสมฺภิทาวิภเงฺค (วิภ. ๗๒๕-๗๒๖) วุตฺต’’นฺติ เอเก วณฺณยนฺติฯ เอวํ อุทฺธจฺจเจตนาปิ น โหติ, สาปิ วิญฺญาณปจฺจยภาเว อปเนตพฺพาติ อิทมฺปิ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติฯ
Idāni pavattivipākānaṃ nānākkhaṇikakammapaccayalābhitāya āhaccabhāsitataṃ dassetuṃ ‘‘vuttañcā’’tiādimāha. Vipākadānaṃ paṭisandhivipākadhammatāti maññamāno ‘‘yadi bhāvanā’’tiādimāha. Itaro vipākadānābhāvepi siddho vipākadhammabhāvo tādisānaṃ aññesampi labbhamānattāti āha ‘‘abhiññācittādīna’’nti. Ādi-saddena attano kālamatikkantaṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ upapajjavedanīyañca saṅgaṇhāti. Vuttaṃ siyāti idaṃ sahāyapaccayalābhato puthujjanasantānavuttino uddhaccasahagatassa vipākuppādanaṃ, tadabhāvā sekkhasantatiyaṃ tassa vipākānuppādanañca yuttaṃ siyāti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘idaṃ pana ṭhānaṃ suṭṭhu vicāretabba’’ntiādi. Tathā ca vakkhati ‘‘puthujjanesu uppajjamānānaṃ sakabhaṇḍe chandarāgādīnaṃ uddhaccasahagatacittuppādassa ca saṃyojanattayatadekaṭṭhakilesānaṃ anupacchinnatāya aparikkhīṇasahāyānaṃ vipākuppādanaṃ na sakkā paṭikkhipitunti uddhaccasahagatadhammānaṃ vipāko vibhaṅge vutto’’ti. Tassa tādisasseva sati sahāye vipākuppādanavacanaṃ, asati vipākānuppādanavacanaṃ virujjhatīti ca pavattivipākadāyikaṃ vā uddhaccasahagatassa manasi katvā ‘‘vuttaṃ siyā’’ti vuttaṃ. ‘‘Pavattivipākañhi sandhāya ‘tesaṃ vipāke ñāṇa’nti paṭisambhidāvibhaṅge (vibha. 725-726) vutta’’nti eke vaṇṇayanti. Evaṃ uddhaccacetanāpi na hoti, sāpi viññāṇapaccayabhāve apanetabbāti idampi paṭisandhiviññāṇameva sandhāya vuttanti.
อกุสลปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Akusalapadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / ทฺวาทส อกุสลานิ • Dvādasa akusalāni
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / ทฺวาทสมจิตฺตํ • Dvādasamacittaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / ทฺวาทสมจิตฺตวณฺณนา • Dvādasamacittavaṇṇanā