Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถา • Khuddakapāṭha-aṭṭhakathā

    ๓. ทฺวตฺติํสาการวณฺณนา

    3. Dvattiṃsākāravaṇṇanā

    ปทสมฺพนฺธวณฺณนา

    Padasambandhavaṇṇanā

    อิทานิ ยทิทํ เอวํ ทสหิ สิกฺขาปเทหิ ปริสุทฺธปโยคสฺส สีเล ปติฎฺฐิตสฺส กุลปุตฺตสฺส อาสยปริสุทฺธตฺถํ จิตฺตภาวนตฺถญฺจ อญฺญตฺร พุทฺธุปฺปาทา อปฺปวตฺตปุพฺพํ สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ เตสุ เตสุ สุตฺตเนฺตสุ –

    Idāni yadidaṃ evaṃ dasahi sikkhāpadehi parisuddhapayogassa sīle patiṭṭhitassa kulaputtassa āsayaparisuddhatthaṃ cittabhāvanatthañca aññatra buddhuppādā appavattapubbaṃ sabbatitthiyānaṃ avisayabhūtaṃ tesu tesu suttantesu –

    ‘‘เอกธโมฺม, ภิกฺขเว, ภาวิโต พหุลีกโต มหโต สํเวคาย สํวตฺตติฯ มหโต อตฺถาย สํวตฺตติฯ มหโต โยคเกฺขมาย สํวตฺตติฯ มหโต สติสมฺปชญฺญาย สํวตฺตติฯ ญาณทสฺสนปฺปฎิลาภาย สํวตฺตติฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติฯ วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตติฯ กตโม เอกธโมฺม? กายคตา สติฯ อมตํ เต, ภิกฺขเว, น ปริภุญฺชนฺติ, เย กายคตาสติํ น ปริภุญฺชนฺติฯ อมตํ เต, ภิกฺขเว, ปริภุญฺชนฺติ, เย กายคตาสติํ ปริภุญฺชนฺติฯ อมตํ เตสํ, ภิกฺขเว, อปริภุตฺตํ ปริภุตฺตํ, ปริหีนํ อปริหีนํ, วิรทฺธํ อารทฺธํ, เยสํ กายคตา สติ อารทฺธา’’ติฯ (อ. นิ. ๑.๕๖๔-๕๗๐) –

    ‘‘Ekadhammo, bhikkhave, bhāvito bahulīkato mahato saṃvegāya saṃvattati. Mahato atthāya saṃvattati. Mahato yogakkhemāya saṃvattati. Mahato satisampajaññāya saṃvattati. Ñāṇadassanappaṭilābhāya saṃvattati. Diṭṭhadhammasukhavihārāya saṃvattati. Vijjāvimuttiphalasacchikiriyāya saṃvattati. Katamo ekadhammo? Kāyagatā sati. Amataṃ te, bhikkhave, na paribhuñjanti, ye kāyagatāsatiṃ na paribhuñjanti. Amataṃ te, bhikkhave, paribhuñjanti, ye kāyagatāsatiṃ paribhuñjanti. Amataṃ tesaṃ, bhikkhave, aparibhuttaṃ paribhuttaṃ, parihīnaṃ aparihīnaṃ, viraddhaṃ āraddhaṃ, yesaṃ kāyagatā sati āraddhā’’ti. (A. ni. 1.564-570) –

    เอวํ ภควตา อเนกากาเรน ปสํสิตฺวา –

    Evaṃ bhagavatā anekākārena pasaṃsitvā –

    ‘‘กถํ ภาวิตา, ภิกฺขเว, กายคตาสติ กถํ พหุลีกตา มหพฺพลา โหติ มหานิสํสา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๕๔) –

    ‘‘Kathaṃ bhāvitā, bhikkhave, kāyagatāsati kathaṃ bahulīkatā mahabbalā hoti mahānisaṃsā? Idha, bhikkhave, bhikkhu araññagato vā’’ti (ma. ni. 3.154) –

    อาทินา นเยน อานาปานปพฺพํ อิริยาปถปพฺพํ จตุสมฺปชญฺญปพฺพํ ปฎิกูลมนสิการปพฺพํ ธาตุมนสิการปพฺพํ นว สิวถิกปพฺพานีติ อิเมสํ จุทฺทสนฺนํ ปพฺพานํ วเสน กายคตาสติกมฺมฎฺฐานํ นิทฺทิฎฺฐํฯ ตสฺส ภาวนานิเทฺทโส อนุปฺปโตฺตฯ ตตฺถ ยสฺมา อิริยาปถปพฺพํ จตุสมฺปชญฺญปพฺพํ ธาตุมนสิการปพฺพนฺติ อิมานิ ตีณิ วิปสฺสนาวเสน วุตฺตานิฯ นว สิวถิกปพฺพานิ วิปสฺสนาญาเณสุเยว อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตานิฯ ยาปิ เจตฺถ อุทฺธุมาตกาทีสุ สมาธิภาวนา อิเจฺฉยฺย, สา วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถารโต อสุภภาวนานิเทฺทเส ปกาสิตา เอวฯ อานาปานปพฺพํ ปน ปฎิกูลมนสิการปพฺพเญฺจติ อิมาเนตฺถ เทฺว สมาธิวเสน วุตฺตานิฯ เตสุ อานาปานปพฺพํ อานาปานสฺสติวเสน วิสุํ กมฺมฎฺฐานํเยวฯ ยํ ปเนตํ –

    Ādinā nayena ānāpānapabbaṃ iriyāpathapabbaṃ catusampajaññapabbaṃ paṭikūlamanasikārapabbaṃ dhātumanasikārapabbaṃ nava sivathikapabbānīti imesaṃ cuddasannaṃ pabbānaṃ vasena kāyagatāsatikammaṭṭhānaṃ niddiṭṭhaṃ. Tassa bhāvanāniddeso anuppatto. Tattha yasmā iriyāpathapabbaṃ catusampajaññapabbaṃ dhātumanasikārapabbanti imāni tīṇi vipassanāvasena vuttāni. Nava sivathikapabbāni vipassanāñāṇesuyeva ādīnavānupassanāvasena vuttāni. Yāpi cettha uddhumātakādīsu samādhibhāvanā iccheyya, sā visuddhimagge vitthārato asubhabhāvanāniddese pakāsitā eva. Ānāpānapabbaṃ pana paṭikūlamanasikārapabbañceti imānettha dve samādhivasena vuttāni. Tesu ānāpānapabbaṃ ānāpānassativasena visuṃ kammaṭṭhānaṃyeva. Yaṃ panetaṃ –

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ ‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา, โลมา…เป.… มุตฺต’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๕๔)ฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu imameva kāyaṃ uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tacapariyantaṃ pūraṃ nānappakārassa asucino paccavekkhati ‘atthi imasmiṃ kāye kesā, lomā…pe… mutta’’nti (ma. ni. 3.154).

    เอวํ ตตฺถ ตตฺถ มตฺถลุงฺคํ อฎฺฐิมิเญฺชน สงฺคเหตฺวา เทสิตํ กายคตาสติโกฎฺฐาสภาวนาปริยายํ ทฺวตฺติํสาการกมฺมฎฺฐานํ อารทฺธํ, ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนา –

    Evaṃ tattha tattha matthaluṅgaṃ aṭṭhimiñjena saṅgahetvā desitaṃ kāyagatāsatikoṭṭhāsabhāvanāpariyāyaṃ dvattiṃsākārakammaṭṭhānaṃ āraddhaṃ, tassāyaṃ atthavaṇṇanā –

    ตตฺถ อตฺถีติ สํวิชฺชนฺติฯ อิมสฺมินฺติ ยฺวายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยโนฺต ปูโร นานปฺปการสฺส อสุจิโนติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ ฯ กาเยติ สรีเรฯ สรีรญฺหิ อสุจิสญฺจยโต, กุจฺฉิตานํ วา เกสาทีนเญฺจว จกฺขุโรคาทีนญฺจ โรคสตานํ อายภูตโต กาโยติ วุจฺจติฯ เกสา…เป.… มุตฺตนฺติ เอเต เกสาทโย ทฺวตฺติํสาการา, ตตฺถ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา อตฺถิ โลมา’’ติ เอวํ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ ฯ เตน กิํ กถิตํ โหติ? อิมสฺมิํ ปาทตลา ปฎฺฐาย อุปริ, เกสมตฺถกา ปฎฺฐาย เหฎฺฐา, ตจโต ปฎฺฐาย ปริโตติ เอตฺตเก พฺยามมเตฺต กเฬวเร สพฺพากาเรนาปิ วิจินโนฺต น โกจิ กิญฺจิ มุตฺตํ วา มณิํ วา เวฬุริยํ วา อครุํ วา จนฺทนํ วา กุงฺกุมํ วา กปฺปูรํ วา วาสจุณฺณาทิํ วา อณุมตฺตมฺปิ สุจิภาวํ ปสฺสติ, อถ โข ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ อสฺสิริกทสฺสนํ นานปฺปการํ เกสโลมาทิเภทํ อสุจิเมว ปสฺสตีติฯ

    Tattha atthīti saṃvijjanti. Imasminti yvāyaṃ uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tacapariyanto pūro nānappakārassa asucinoti vuccati, tasmiṃ . Kāyeti sarīre. Sarīrañhi asucisañcayato, kucchitānaṃ vā kesādīnañceva cakkhurogādīnañca rogasatānaṃ āyabhūtato kāyoti vuccati. Kesā…pe… muttanti ete kesādayo dvattiṃsākārā, tattha ‘‘atthi imasmiṃ kāye kesā atthi lomā’’ti evaṃ sambandho veditabbo . Tena kiṃ kathitaṃ hoti? Imasmiṃ pādatalā paṭṭhāya upari, kesamatthakā paṭṭhāya heṭṭhā, tacato paṭṭhāya paritoti ettake byāmamatte kaḷevare sabbākārenāpi vicinanto na koci kiñci muttaṃ vā maṇiṃ vā veḷuriyaṃ vā agaruṃ vā candanaṃ vā kuṅkumaṃ vā kappūraṃ vā vāsacuṇṇādiṃ vā aṇumattampi sucibhāvaṃ passati, atha kho paramaduggandhajegucchaṃ assirikadassanaṃ nānappakāraṃ kesalomādibhedaṃ asucimeva passatīti.

    อยํ ตาเวตฺถ ปทสมฺพนฺธโต วณฺณนาฯ

    Ayaṃ tāvettha padasambandhato vaṇṇanā.

    อสุภภาวนา

    Asubhabhāvanā

    อสุภภาวนาวเสน ปนสฺส เอวํ วณฺณนา เวทิตพฺพา – เอวเมตสฺมิํ ปาณาติปาตาเวรมณิสิกฺขาปทาทิเภเท สีเล ปติฎฺฐิเตน ปโยคสุเทฺธน อาทิกมฺมิเกน กุลปุเตฺตน อาสยสุทฺธิยา อธิคมนตฺถํ ทฺวตฺติํสาการกมฺมฎฺฐานภาวนานุโยคมนุยุญฺชิตุกาเมน ปฐมํ ตาวสฺส อาวาสกุลลาภคณกมฺมทฺธานญาติคนฺถโรคอิทฺธิปลิโพเธน กิตฺติปลิโพเธน วา สห ทส ปลิโพธา โหนฺติฯ อถาเนน อาวาสกุลลาภคณญาติกิตฺตีสุ สงฺคปฺปหาเนน, กมฺมทฺธานคเนฺถสุ อพฺยาปาเรน, โรคสฺส ติกิจฺฉายาติ เอวํ เต ทส ปลิโพธา อุปจฺฉินฺทิตพฺพา, อถาเนน อุปจฺฉินฺนปลิโพเธน อนุปจฺฉินฺนเนกฺขมฺมาภิลาเสน โกฎิปฺปตฺตสเลฺลขวุตฺติตํ ปริคฺคเหตฺวา ขุทฺทานุขุทฺทกมฺปิ วินยาจารํ อปฺปชหเนฺตน อาคมาธิคมสมนฺนาคโต ตโต อญฺญตรงฺคสมนฺนาคโต วา กมฺมฎฺฐานทายโก อาจริโย วินยานุรูเปน วิธินา อุปคนฺตโพฺพ, วตฺตสมฺปทาย จ อาราธิตจิตฺตสฺส ตสฺส อตฺตโน อธิปฺปาโย นิเวเทตโพฺพฯ เตน ตสฺส นิมิตฺตชฺฌาสยจริยาธิมุตฺติเภทํ ญตฺวา ยทิ เอตํ กมฺมฎฺฐานมนุรูปํ, อถ ยสฺมิํ วิหาเร อตฺตนา วสติ, ยทิ ตสฺมิํเยว โสปิ วสิตุกาโม โหติ, ตโต สเงฺขปโต กมฺมฎฺฐานํ ทาตพฺพํฯ อถ อญฺญตฺร วสิตุกาโม โหติ, ตโต ปหาตพฺพปริคฺคเหตพฺพาทิกถนวเสน สปุเรกฺขารํ ราคจริตานุกุลาทิกถนวเสน สปฺปเภทํ วิตฺถาเรน กเถตพฺพํฯ เตน ตํ สปุเรกฺขารํ สปฺปเภทํ กมฺมฎฺฐานํ อุคฺคเหตฺวา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา ยานิ ตานิ –

    Asubhabhāvanāvasena panassa evaṃ vaṇṇanā veditabbā – evametasmiṃ pāṇātipātāveramaṇisikkhāpadādibhede sīle patiṭṭhitena payogasuddhena ādikammikena kulaputtena āsayasuddhiyā adhigamanatthaṃ dvattiṃsākārakammaṭṭhānabhāvanānuyogamanuyuñjitukāmena paṭhamaṃ tāvassa āvāsakulalābhagaṇakammaddhānañātigantharogaiddhipalibodhena kittipalibodhena vā saha dasa palibodhā honti. Athānena āvāsakulalābhagaṇañātikittīsu saṅgappahānena, kammaddhānaganthesu abyāpārena, rogassa tikicchāyāti evaṃ te dasa palibodhā upacchinditabbā, athānena upacchinnapalibodhena anupacchinnanekkhammābhilāsena koṭippattasallekhavuttitaṃ pariggahetvā khuddānukhuddakampi vinayācāraṃ appajahantena āgamādhigamasamannāgato tato aññataraṅgasamannāgato vā kammaṭṭhānadāyako ācariyo vinayānurūpena vidhinā upagantabbo, vattasampadāya ca ārādhitacittassa tassa attano adhippāyo nivedetabbo. Tena tassa nimittajjhāsayacariyādhimuttibhedaṃ ñatvā yadi etaṃ kammaṭṭhānamanurūpaṃ, atha yasmiṃ vihāre attanā vasati, yadi tasmiṃyeva sopi vasitukāmo hoti, tato saṅkhepato kammaṭṭhānaṃ dātabbaṃ. Atha aññatra vasitukāmo hoti, tato pahātabbapariggahetabbādikathanavasena sapurekkhāraṃ rāgacaritānukulādikathanavasena sappabhedaṃ vitthārena kathetabbaṃ. Tena taṃ sapurekkhāraṃ sappabhedaṃ kammaṭṭhānaṃ uggahetvā ācariyaṃ āpucchitvā yāni tāni –

    ‘‘มหาวาสํ นวาวาสํ, ชราวาสญฺจ ปนฺถนิํ;

    ‘‘Mahāvāsaṃ navāvāsaṃ, jarāvāsañca panthaniṃ;

    โสณฺฑิํ ปณฺณญฺจ ปุปฺผญฺจ, ผลํ ปตฺถิตเมว จฯ

    Soṇḍiṃ paṇṇañca pupphañca, phalaṃ patthitameva ca.

    ‘‘นครํ ทารุนา เขตฺตํ, วิสภาเคน ปฎฺฎนํ;

    ‘‘Nagaraṃ dārunā khettaṃ, visabhāgena paṭṭanaṃ;

    ปจฺจนฺตสีมาสปฺปายํ, ยตฺถ มิโตฺต น ลพฺภติฯ

    Paccantasīmāsappāyaṃ, yattha mitto na labbhati.

    ‘‘อฎฺฐารเสตานิ ฐานานิ, อิติ วิญฺญาย ปณฺฑิโต;

    ‘‘Aṭṭhārasetāni ṭhānāni, iti viññāya paṇḍito;

    อารกา ปริวเชฺชยฺย, มคฺคํ สปฺปฎิภยํ ยถา’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๕๒) –

    Ārakā parivajjeyya, maggaṃ sappaṭibhayaṃ yathā’’ti. (visuddhi. 1.52) –

    เอวํ อฎฺฐารส เสนาสนานิ ปริวเชฺชตพฺพานีติ วุจฺจนฺติฯ ตานิ วเชฺชตฺวา, ยํ ตํ –

    Evaṃ aṭṭhārasa senāsanāni parivajjetabbānīti vuccanti. Tāni vajjetvā, yaṃ taṃ –

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ นาติทูรํ โหติ, นจฺจาสนฺนํ, คมนาคมนสมฺปนฺนํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิโคฺฆสํ อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสํฯ ตสฺมิํ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรน อุปฺปชฺชนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราฯ ตสฺมิํ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปญฺหติ ‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ, อิมสฺส โก อโตฺถ’ติ? ตสฺส, เต อายสฺมโนฺต อวิวฎเญฺจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ อุตฺตานิํ กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฐานิเยสุ ธเมฺมสุ กงฺขํ ปฎิวิโนเทนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑)ฯ –

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, senāsanaṃ pañcaṅgasamannāgataṃ hoti? Idha, bhikkhave, senāsanaṃ nātidūraṃ hoti, naccāsannaṃ, gamanāgamanasampannaṃ, divā appākiṇṇaṃ, rattiṃ appasaddaṃ appanigghosaṃ appaḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassaṃ. Tasmiṃ kho pana senāsane viharantassa appakasirena uppajjanti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārā. Tasmiṃ kho pana senāsane therā bhikkhū viharanti bahussutā āgatāgamā dhammadharā vinayadharā mātikādharā, te kālena kālaṃ upasaṅkamitvā paripucchati paripañhati ‘idaṃ, bhante, kathaṃ, imassa ko attho’ti? Tassa, te āyasmanto avivaṭañceva vivaranti, anuttānīkatañca uttāniṃ karonti, anekavihitesu ca kaṅkhāṭhāniyesu dhammesu kaṅkhaṃ paṭivinodenti. Evaṃ kho, bhikkhave, senāsanaṃ pañcaṅgasamannāgataṃ hotī’’ti (a. ni. 10.11). –

    เอวํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ เสนาสนํ วุตฺตํฯ ตถารูปํ เสนาสนํ อุปคมฺม กตสพฺพกิเจฺจน กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขเมฺม จ อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา พุทฺธสุพุทฺธตาย ธมฺมสุธมฺมตาย สงฺฆสุปฺปฎิปนฺนตาย จ อนุสฺสรเณน จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ยํ ตํ –

    Evaṃ pañcaṅgasamannāgataṃ senāsanaṃ vuttaṃ. Tathārūpaṃ senāsanaṃ upagamma katasabbakiccena kāmesu ādīnavaṃ, nekkhamme ca ānisaṃsaṃ paccavekkhitvā buddhasubuddhatāya dhammasudhammatāya saṅghasuppaṭipannatāya ca anussaraṇena cittaṃ pasādetvā yaṃ taṃ –

    ‘‘วจสา มนสา เจว, วณฺณสณฺฐานโต ทิสา;

    ‘‘Vacasā manasā ceva, vaṇṇasaṇṭhānato disā;

    โอกาสโต ปริเจฺฉทา, สตฺตธุคฺคหณํ วิทู’’ติฯ –

    Okāsato paricchedā, sattadhuggahaṇaṃ vidū’’ti. –

    เอวํ สตฺตวิธํ อุคฺคหโกสลฺลํ; อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิเกฺขปปฺปฎิพาหนโต, ปณฺณตฺติสมติกฺกมโต, อนุปุพฺพมุญฺจนโต, อปฺปนาโต, ตโย จ สุตฺตนฺตาติ เอวํ ทสวิธํ มนสิการโกสลฺลญฺจ วุตฺตํฯ ตํ อปริจฺจชเนฺตน ทฺวตฺติํสาการภาวนา อารภิตพฺพาฯ เอวญฺหิ อารภโต สพฺพากาเรน ทฺวตฺติํสาการภาวนา สมฺปชฺชติ โน อญฺญถาฯ

    Evaṃ sattavidhaṃ uggahakosallaṃ; anupubbato, nātisīghato, nātisaṇikato, vikkhepappaṭibāhanato, paṇṇattisamatikkamato, anupubbamuñcanato, appanāto, tayo ca suttantāti evaṃ dasavidhaṃ manasikārakosallañca vuttaṃ. Taṃ apariccajantena dvattiṃsākārabhāvanā ārabhitabbā. Evañhi ārabhato sabbākārena dvattiṃsākārabhāvanā sampajjati no aññathā.

    ตตฺถ อาทิโตว ตจปญฺจกํ ตาว คเหตฺวา อปิ เตปิฎเกน ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทินา นเยน อนุโลมโต, ตสฺมิํ ปคุณีภูเต ‘‘ตโจ ทนฺตา’’ติ เอวมาทินา นเยน ปฎิโลมโต, ตสฺมิมฺปิ ปคุณีภูเต ตทุภยนเยเนว อนุโลมปฺปฎิโลมโต พหิ วิสฎวิตกฺกวิเจฺฉทนตฺถํ ปาฬิปคุณีภาวตฺถญฺจ วจสา โกฎฺฐาสสภาวปริคฺคหตฺถํ มนสา จ อทฺธมาสํ ภาเวตพฺพํฯ วจสา หิสฺส ภาวนา พหิ วิสฎวิตเกฺก วิจฺฉินฺทิตฺวา มนสา ภาวนาย ปาฬิปคุณตาย จ ปจฺจโย โหติ, มนสา ภาวนา อสุภวณฺณลกฺขณานํ อญฺญตรวเสน ปริคฺคหสฺส, อถ เตเนว นเยน วกฺกปญฺจกํ อทฺธมาสํ, ตโต ตทุภยมทฺธมาสํ, ตโต ปปฺผาสปญฺจกมทฺธมาสํ, ตโต ตํ ปญฺจกตฺตยมฺปิ อทฺธมาสํ, อถ อเนฺต อวุตฺตมฺปิ มตฺถลุงฺคํ ปถวีธาตุอากาเรหิ สทฺธิํ เอกโต ภาวนตฺถํ อิธ ปกฺขิปิตฺวา มตฺถลุงฺคปญฺจกํ อทฺธมาสํ, ตโต ปญฺจกจตุกฺกมฺปิ อทฺธมาสํ, อถ เมทฉกฺกมทฺธมาสํ, ตโต เมทฉเกฺกน สห ปญฺจกจตุกฺกมฺปิ อทฺธมาสํ, อถ มุตฺตฉกฺกมทฺธมาสํ, ตโต สพฺพเมว ทฺวตฺติํสาการมทฺธมาสนฺติ เอวํ ฉ มาเส วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทโต ววตฺถเปเนฺตน ภาเวตพฺพํฯ เอตํ มชฺฌิมปญฺญํ ปุคฺคลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ มนฺทปเญฺญน ตุ ยาวชีวํ ภาเวตพฺพํ ติกฺขปญฺญสฺส น จิเรเนว ภาวนา สมฺปชฺชตีติฯ

    Tattha āditova tacapañcakaṃ tāva gahetvā api tepiṭakena ‘‘kesā lomā’’tiādinā nayena anulomato, tasmiṃ paguṇībhūte ‘‘taco dantā’’ti evamādinā nayena paṭilomato, tasmimpi paguṇībhūte tadubhayanayeneva anulomappaṭilomato bahi visaṭavitakkavicchedanatthaṃ pāḷipaguṇībhāvatthañca vacasā koṭṭhāsasabhāvapariggahatthaṃ manasā ca addhamāsaṃ bhāvetabbaṃ. Vacasā hissa bhāvanā bahi visaṭavitakke vicchinditvā manasā bhāvanāya pāḷipaguṇatāya ca paccayo hoti, manasā bhāvanā asubhavaṇṇalakkhaṇānaṃ aññataravasena pariggahassa, atha teneva nayena vakkapañcakaṃ addhamāsaṃ, tato tadubhayamaddhamāsaṃ, tato papphāsapañcakamaddhamāsaṃ, tato taṃ pañcakattayampi addhamāsaṃ, atha ante avuttampi matthaluṅgaṃ pathavīdhātuākārehi saddhiṃ ekato bhāvanatthaṃ idha pakkhipitvā matthaluṅgapañcakaṃ addhamāsaṃ, tato pañcakacatukkampi addhamāsaṃ, atha medachakkamaddhamāsaṃ, tato medachakkena saha pañcakacatukkampi addhamāsaṃ, atha muttachakkamaddhamāsaṃ, tato sabbameva dvattiṃsākāramaddhamāsanti evaṃ cha māse vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedato vavatthapentena bhāvetabbaṃ. Etaṃ majjhimapaññaṃ puggalaṃ sandhāya vuttaṃ. Mandapaññena tu yāvajīvaṃ bhāvetabbaṃ tikkhapaññassa na cireneva bhāvanā sampajjatīti.

    เอตฺถาห – ‘‘กถํ ปนายมิมํ ทฺวตฺติํสาการํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปตี’’ติ? อยญฺหิ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา’’ติ เอวมาทินา นเยน ตจปญฺจกาทิวิภาคโต ทฺวตฺติํสาการํ ภาเวโนฺต เกสา ตาว วณฺณโต กาฬกาติ ววตฺถเปติ, ยาทิสกา วาเนน ทิฎฺฐา โหนฺติฯ สณฺฐานโต ทีฆวฎฺฎลิกา ตุลาทณฺฑมิวาติ ววตฺถเปติฯ ทิสโต ปน ยสฺมา อิมสฺมิํ กาเย นาภิโต อุทฺธํ อุปริมา ทิสา อโธ เหฎฺฐิมาติ วุจฺจติ, ตสฺมา อิมสฺส กายสฺส อุปริมาย ทิสาย ชาตาติ ววตฺถเปติฯ โอกาสโต นลาฎนฺตกณฺณจูฬิกคลวาฎกปริจฺฉิเนฺน สีสจเมฺม ชาตาติฯ ตตฺถ ยถา วมฺมิกมตฺถเก ชาตานิ กุณฺฐติณานิ น ชานนฺติ ‘‘มยํ วมฺมิกมตฺถเก ชาตานี’’ติ; นปิ วมฺมิกมตฺถโก ชานาติ ‘‘มยิ กุณฺฐติณานิ ชาตานี’’ติ; เอวเมว น เกสา ชานนฺติ ‘‘มยํ สีสจเมฺม ชาตา’’ติ, นปิ สีสจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ เกสา ชาตา’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา อเจตนา อพฺยากตา สุญฺญา ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฺปฎิกูลา, น สโตฺต น ปุคฺคโลติ ววตฺถเปติฯ ปริเจฺฉทโตติ ทุวิโธ ปริเจฺฉโท สภาควิสภาควเสนฯ ตตฺถ เกสา เหฎฺฐา ปติฎฺฐิตจมฺมตเลน ตตฺถ วีหคฺคมตฺตํ ปวิสิตฺวา ปติฎฺฐิเตน อตฺตโน มูลตเลน จ อุปริ อากาเสน ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาติ เอวํ สภาคปริเจฺฉทโต, เกสา น อวเสสเอกติํสาการาฯ อวเสสา เอกติํสา น เกสาติ เอวํ วิสภาคปริเจฺฉทโต จ ววตฺถเปติฯ เอวํ ตาว เกเส วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Etthāha – ‘‘kathaṃ panāyamimaṃ dvattiṃsākāraṃ vaṇṇādito vavatthapetī’’ti? Ayañhi ‘‘atthi imasmiṃ kāye kesā’’ti evamādinā nayena tacapañcakādivibhāgato dvattiṃsākāraṃ bhāvento kesā tāva vaṇṇato kāḷakāti vavatthapeti, yādisakā vānena diṭṭhā honti. Saṇṭhānato dīghavaṭṭalikā tulādaṇḍamivāti vavatthapeti. Disato pana yasmā imasmiṃ kāye nābhito uddhaṃ uparimā disā adho heṭṭhimāti vuccati, tasmā imassa kāyassa uparimāya disāya jātāti vavatthapeti. Okāsato nalāṭantakaṇṇacūḷikagalavāṭakaparicchinne sīsacamme jātāti. Tattha yathā vammikamatthake jātāni kuṇṭhatiṇāni na jānanti ‘‘mayaṃ vammikamatthake jātānī’’ti; napi vammikamatthako jānāti ‘‘mayi kuṇṭhatiṇāni jātānī’’ti; evameva na kesā jānanti ‘‘mayaṃ sīsacamme jātā’’ti, napi sīsacammaṃ jānāti ‘‘mayi kesā jātā’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā acetanā abyākatā suññā paramaduggandhajegucchappaṭikūlā, na satto na puggaloti vavatthapeti. Paricchedatoti duvidho paricchedo sabhāgavisabhāgavasena. Tattha kesā heṭṭhā patiṭṭhitacammatalena tattha vīhaggamattaṃ pavisitvā patiṭṭhitena attano mūlatalena ca upari ākāsena tiriyaṃ aññamaññena paricchinnāti evaṃ sabhāgaparicchedato, kesā na avasesaekatiṃsākārā. Avasesā ekatiṃsā na kesāti evaṃ visabhāgaparicchedato ca vavatthapeti. Evaṃ tāva kese vaṇṇādito vavatthapeti.

    อวเสเสสุ โลมา วณฺณโต เยภุเยฺยน นีลวณฺณาติ ววตฺถเปติ, ยาทิสกา วาเนน ทิฎฺฐา โหนฺติฯ สณฺฐานโต โอณตจาปสณฺฐานา, อุปริ วงฺกตาลหีรสณฺฐานา วา, ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา, โอกาสโต หตฺถตลปาทตเล ฐเปตฺวา เยภุเยฺยน อวเสสสรีรจเมฺม ชาตาติฯ

    Avasesesu lomā vaṇṇato yebhuyyena nīlavaṇṇāti vavatthapeti, yādisakā vānena diṭṭhā honti. Saṇṭhānato oṇatacāpasaṇṭhānā, upari vaṅkatālahīrasaṇṭhānā vā, disato dvīsu disāsu jātā, okāsato hatthatalapādatale ṭhapetvā yebhuyyena avasesasarīracamme jātāti.

    ตตฺถ ยถา ปุราณคามฎฺฐาเน ชาตานิ ทพฺพติณานิ น ชานนฺติ ‘‘มยํ ปุราณคามฎฺฐาเน ชาตานี’’ติ, น จ ปุราณคามฎฺฐานํ ชานาติ ‘‘มยิ ทพฺพติณานิ ชาตานี’’ติ, เอวเมว น โลมา ชานนฺติ ‘‘มยํ สรีรจเมฺม ชาตา’’ติ, นปิ สรีรจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ โลมา ชาตา’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา อเจตนา อพฺยากตา สุญฺญา ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฎิกูลา, น สโตฺต น ปุคฺคโลติ ววตฺถเปติฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา ปติฎฺฐิตจมฺมตเลน ตตฺถ ลิกฺขามตฺตํ ปวิสิตฺวา ปติฎฺฐิเตน อตฺตโน มูเลน จ อุปริ อากาเสน ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติฯ อยเมเตสํ สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ โลเม วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā purāṇagāmaṭṭhāne jātāni dabbatiṇāni na jānanti ‘‘mayaṃ purāṇagāmaṭṭhāne jātānī’’ti, na ca purāṇagāmaṭṭhānaṃ jānāti ‘‘mayi dabbatiṇāni jātānī’’ti, evameva na lomā jānanti ‘‘mayaṃ sarīracamme jātā’’ti, napi sarīracammaṃ jānāti ‘‘mayi lomā jātā’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā acetanā abyākatā suññā paramaduggandhajegucchapaṭikūlā, na satto na puggaloti vavatthapeti. Paricchedato heṭṭhā patiṭṭhitacammatalena tattha likkhāmattaṃ pavisitvā patiṭṭhitena attano mūlena ca upari ākāsena tiriyaṃ aññamaññena paricchinnāti vavatthapeti. Ayametesaṃ sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ lome vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ นขา ยสฺส ปริปุณฺณา, ตสฺส วีสติฯ เต สเพฺพปิ วณฺณโต มํสวินิมุโตฺตกาเส เสตา, มํสสมฺพเนฺธ ตมฺพวณฺณาติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต ยถาสกปติฎฺฐิโตกาสสณฺฐานา, เยภุเยฺยน มธุกผลฎฺฐิกสณฺฐานา, มจฺฉสกลิกสณฺฐานา วาติ ววตฺถเปติฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา, โอกาสโต องฺคุลีนํ อเคฺคสุ ปติฎฺฐิตาติฯ

    Tato paraṃ nakhā yassa paripuṇṇā, tassa vīsati. Te sabbepi vaṇṇato maṃsavinimuttokāse setā, maṃsasambandhe tambavaṇṇāti vavatthapeti. Saṇṭhānato yathāsakapatiṭṭhitokāsasaṇṭhānā, yebhuyyena madhukaphalaṭṭhikasaṇṭhānā, macchasakalikasaṇṭhānā vāti vavatthapeti. Disato dvīsu disāsu jātā, okāsato aṅgulīnaṃ aggesu patiṭṭhitāti.

    ตตฺถ ยถา นาม คามทารเกหิ ทณฺฑกเคฺคสุ มธุกผลฎฺฐิกา ฐปิตา น ชานนฺติ ‘‘มยํ ทณฺฑกเคฺคสุ ฐปิตา’’ติ, นปิ ทณฺฑกา ชานนฺติ ‘‘อเมฺหสุ มธุกผลฎฺฐิกา ฐปิตา’’ติ; เอวเมว นขา น ชานนฺติ ‘‘มยํ องฺคุลีนํ อเคฺคสุ ปติฎฺฐิตา’’ติ, นปิ องฺคุลิโย ชานนฺติ ‘‘อมฺหากํ อเคฺคสุ นขา ปติฎฺฐิตา’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา อเจตนา…เป.… น ปุคฺคโลติ ววตฺถเปติฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา มูเล จ องฺคุลิมํเสน, ตตฺถ ปติฎฺฐิตตเลน วา อุปริ อเคฺค จ อากาเสน, อุภโตปเสฺสสุ องฺคุลีนํ อุภโตโกฎิจเมฺมน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติฯ อยเมเตสํ สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ นเข วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā nāma gāmadārakehi daṇḍakaggesu madhukaphalaṭṭhikā ṭhapitā na jānanti ‘‘mayaṃ daṇḍakaggesu ṭhapitā’’ti, napi daṇḍakā jānanti ‘‘amhesu madhukaphalaṭṭhikā ṭhapitā’’ti; evameva nakhā na jānanti ‘‘mayaṃ aṅgulīnaṃ aggesu patiṭṭhitā’’ti, napi aṅguliyo jānanti ‘‘amhākaṃ aggesu nakhā patiṭṭhitā’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā acetanā…pe… na puggaloti vavatthapeti. Paricchedato heṭṭhā mūle ca aṅgulimaṃsena, tattha patiṭṭhitatalena vā upari agge ca ākāsena, ubhatopassesu aṅgulīnaṃ ubhatokoṭicammena paricchinnāti vavatthapeti. Ayametesaṃ sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ nakhe vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ ทนฺตา ยสฺส ปริปุณฺณา, ตสฺส ทฺวตฺติํสฯ เต สเพฺพปิ วณฺณโต เสตวณฺณาติ ววตฺถเปติฯ ยสฺส สมสณฺฐิตา โหนฺติ, ตสฺส ขรปตฺตจฺฉินฺนสงฺขปฎลมิว สมคนฺถิตเสตกุสุมมกุฬมาลา วิย จ ขายนฺติฯ ยสฺส วิสมสณฺฐิตา, ตสฺส ชิณฺณอาสนสาลาปีฐกปฎิปาฎิ วิย นานาสณฺฐานาติ สณฺฐานโต ววตฺถเปติฯ เตสญฺหิ อุภยทนฺตปนฺติปริโยสาเนสุ เหฎฺฐโต อุปริโต จ เทฺว เทฺว กตฺวา อฎฺฐ ทนฺตา จตุโกฎิกา จตุมูลิกา อาสนฺทิกสณฺฐานา, เตสํ โอรโต เตเนว กเมน สนฺนิวิฎฺฐา อฎฺฐ ทนฺตา ติโกฎิกา ติมูลิกา สิงฺฆาฎกสณฺฐานาฯ เตสมฺปิ โอรโต เตเนว กเมน เหฎฺฐโต อุปริโต จ เอกเมกํ กตฺวา จตฺตาโร ทนฺตา ทฺวิโกฎิกา ทฺวิมูลิกา ยานกูปตฺถมฺภินีสณฺฐานาฯ เตสมฺปิ โอรโต เตเนว กเมน สนฺนิวิฎฺฐา จตฺตาโร ทาฐาทนฺตา เอกโกฎิกา เอกมูลิกา มลฺลิกามกุฬสณฺฐานาฯ ตโต อุภยทนฺตปนฺติเวมเชฺฌ เหฎฺฐา จตฺตาโร อุปริ จตฺตาโร กตฺวา อฎฺฐ ทนฺตา เอกโกฎิกา เอกมูลิกา ตุมฺพพีชสณฺฐานาฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตาฯ โอกาสโต อุปริมา อุปริมหนุกฎฺฐิเก อโธโกฎิกา, เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมหนุกฎฺฐิเก อุทฺธํโกฎิกา หุตฺวา ปติฎฺฐิตาติฯ

    Tato paraṃ dantā yassa paripuṇṇā, tassa dvattiṃsa. Te sabbepi vaṇṇato setavaṇṇāti vavatthapeti. Yassa samasaṇṭhitā honti, tassa kharapattacchinnasaṅkhapaṭalamiva samaganthitasetakusumamakuḷamālā viya ca khāyanti. Yassa visamasaṇṭhitā, tassa jiṇṇaāsanasālāpīṭhakapaṭipāṭi viya nānāsaṇṭhānāti saṇṭhānato vavatthapeti. Tesañhi ubhayadantapantipariyosānesu heṭṭhato uparito ca dve dve katvā aṭṭha dantā catukoṭikā catumūlikā āsandikasaṇṭhānā, tesaṃ orato teneva kamena sanniviṭṭhā aṭṭha dantā tikoṭikā timūlikā siṅghāṭakasaṇṭhānā. Tesampi orato teneva kamena heṭṭhato uparito ca ekamekaṃ katvā cattāro dantā dvikoṭikā dvimūlikā yānakūpatthambhinīsaṇṭhānā. Tesampi orato teneva kamena sanniviṭṭhā cattāro dāṭhādantā ekakoṭikā ekamūlikā mallikāmakuḷasaṇṭhānā. Tato ubhayadantapantivemajjhe heṭṭhā cattāro upari cattāro katvā aṭṭha dantā ekakoṭikā ekamūlikā tumbabījasaṇṭhānā. Disato uparimāya disāya jātā. Okāsato uparimā uparimahanukaṭṭhike adhokoṭikā, heṭṭhimā heṭṭhimahanukaṭṭhike uddhaṃkoṭikā hutvā patiṭṭhitāti.

    ตตฺถ ยถา นวกมฺมิกปุริเสน เหฎฺฐา สิลาตเล ปติฎฺฐาปิตา อุปริมตเล ปเวสิตา ถมฺภา น ชานนฺติ ‘‘มยํ เหฎฺฐาสิลาตเล ปติฎฺฐาปิตา, อุปริมตเล ปเวสิตา’’ติ, น เหฎฺฐาสิลาตลํ ชานาติ ‘‘มยิ ถมฺภา ปติฎฺฐาปิตา’’ติ, น อุปริมตลํ ชานาติ ‘‘มยิ ถมฺภา ปวิฎฺฐา’’ติ; เอวเมว ทนฺตา น ชานนฺติ ‘‘มยํ เหฎฺฐาหนุกฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตา, อุปริมหนุกฎฺฐิเก ปวิฎฺฐา’’ติ, นาปิ เหฎฺฐาหนุกฎฺฐิกํ ชานาติ ‘‘มยิ ทนฺตา ปติฎฺฐิตา’’ติ, น อุปริมหนุกฎฺฐิกํ ชานาติ ‘‘มยิ ทนฺตา ปวิฎฺฐา’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา หนุกฎฺฐิกูเปน หนุกฎฺฐิกํ ปวิสิตฺวา ปติฎฺฐิเตน อตฺตโน มูลตเลน จ อุปริ อากาเสน ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติฯ อยเมเตสํ สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ทเนฺต วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ ฯ

    Tattha yathā navakammikapurisena heṭṭhā silātale patiṭṭhāpitā uparimatale pavesitā thambhā na jānanti ‘‘mayaṃ heṭṭhāsilātale patiṭṭhāpitā, uparimatale pavesitā’’ti, na heṭṭhāsilātalaṃ jānāti ‘‘mayi thambhā patiṭṭhāpitā’’ti, na uparimatalaṃ jānāti ‘‘mayi thambhā paviṭṭhā’’ti; evameva dantā na jānanti ‘‘mayaṃ heṭṭhāhanukaṭṭhike patiṭṭhitā, uparimahanukaṭṭhike paviṭṭhā’’ti, nāpi heṭṭhāhanukaṭṭhikaṃ jānāti ‘‘mayi dantā patiṭṭhitā’’ti, na uparimahanukaṭṭhikaṃ jānāti ‘‘mayi dantā paviṭṭhā’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato heṭṭhā hanukaṭṭhikūpena hanukaṭṭhikaṃ pavisitvā patiṭṭhitena attano mūlatalena ca upari ākāsena tiriyaṃ aññamaññena paricchinnāti vavatthapeti. Ayametesaṃ sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ dante vaṇṇādito vavatthapeti .

    ตโต ปรํ อโนฺตสรีเร นานากุณปสญฺจยปฺปฎิจฺฉาทกํ ตโจ วณฺณโต เสโตติ ววตฺถเปติฯ โส หิ ยทิปิ ฉวิราครญฺชิตตฺตา กาฬโกทาตาทิวณฺณวเสน นานาวโณฺณ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ สภาควเณฺณน เสโต เอวฯ โส ปนสฺส เสตภาโว อคฺคิชาลาภิฆาตปหรณปหาราทีหิ วิทฺธํสิตาย ฉวิยา ปากโฎ โหติฯ สณฺฐานโต สเงฺขเปน กญฺจุกสณฺฐาโน, วิตฺถาเรน นานาสณฺฐาโนติฯ ตถา หิ ปาทงฺคุลิตฺตโจ โกสการกโกสสณฺฐาโน, ปิฎฺฐิปาทตฺตโจ ปุฎพทฺธูปาหนสณฺฐาโน, ชงฺฆตฺตโจ ภตฺตปุฎกตาลปณฺณสณฺฐาโน , อูรุตฺตโจ ตณฺฑุลภริตทีฆตฺถวิกสณฺฐาโน, อานิสทตฺตโจ อุทกปูริตปฎปริสฺสาวนสณฺฐาโน, ปิฎฺฐิตฺตโจ ผลโกนทฺธจมฺมสณฺฐาโน, กุจฺฉิตฺตโจ วีณาโทณิโกนทฺธจมฺมสณฺฐาโน, อุรตฺตโจ เยภุเยฺยน จตุรสฺสสณฺฐาโน, ทฺวิพาหุตฺตโจ ตูณีโรนทฺธจมฺมสณฺฐาโน, ปิฎฺฐิหตฺถตฺตโจ ขุรโกสสณฺฐาโน ผณกตฺถวิกสณฺฐาโน วา, หตฺถงฺคุลิตฺตโจ กุญฺจิกาโกสสณฺฐาโน, คีวตฺตโจ คลกญฺจุกสณฺฐาโน, มุขตฺตโจ ฉิทฺทาวฉิทฺทกิมิกุลาวกสณฺฐาโน, สีสตฺตโจ ปตฺตตฺถวิกสณฺฐาโนติฯ

    Tato paraṃ antosarīre nānākuṇapasañcayappaṭicchādakaṃ taco vaṇṇato setoti vavatthapeti. So hi yadipi chavirāgarañjitattā kāḷakodātādivaṇṇavasena nānāvaṇṇo viya dissati, tathāpi sabhāgavaṇṇena seto eva. So panassa setabhāvo aggijālābhighātapaharaṇapahārādīhi viddhaṃsitāya chaviyā pākaṭo hoti. Saṇṭhānato saṅkhepena kañcukasaṇṭhāno, vitthārena nānāsaṇṭhānoti. Tathā hi pādaṅgulittaco kosakārakakosasaṇṭhāno, piṭṭhipādattaco puṭabaddhūpāhanasaṇṭhāno, jaṅghattaco bhattapuṭakatālapaṇṇasaṇṭhāno , ūruttaco taṇḍulabharitadīghatthavikasaṇṭhāno, ānisadattaco udakapūritapaṭaparissāvanasaṇṭhāno, piṭṭhittaco phalakonaddhacammasaṇṭhāno, kucchittaco vīṇādoṇikonaddhacammasaṇṭhāno, urattaco yebhuyyena caturassasaṇṭhāno, dvibāhuttaco tūṇīronaddhacammasaṇṭhāno, piṭṭhihatthattaco khurakosasaṇṭhāno phaṇakatthavikasaṇṭhāno vā, hatthaṅgulittaco kuñcikākosasaṇṭhāno, gīvattaco galakañcukasaṇṭhāno, mukhattaco chiddāvachiddakimikulāvakasaṇṭhāno, sīsattaco pattatthavikasaṇṭhānoti.

    ตจปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน อุตฺตโรฎฺฐโต ปฎฺฐาย ตจสฺส มํสสฺส จ อนฺตเรน จิตฺตํ เปเสเนฺตน ปฐมํ ตาว มุขตฺตโจ ววตฺถเปตโพฺพ, ตโต สีสตฺตโจ, อถ พหิคีวตฺตโจ, ตโต อนุโลเมน ปฎิโลเมน จ ทกฺขิณหตฺถตฺตโจฯ อถ เตเนว กเมน วามหตฺถตฺตโจ, ตโต ปิฎฺฐิตฺตโจ, อถ อานิสทตฺตโจ, ตโต อนุโลเมน ปฎิโลเมน จ ทกฺขิณปาทตฺตโจ, อถ วามปาทตฺตโจ, ตโต วตฺถิอุทรหทยอพฺภนฺตรคีวตฺตโจ, ตโต เหฎฺฐิมหนุกตฺตโจ, อถ อธโรฎฺฐตฺตโจฯ เอวํ ยาว ปุน อุปริ โอฎฺฐตฺตโจติ ฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต สกลสรีรํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิโตติฯ

    Tacapariggaṇhakena ca yogāvacarena uttaroṭṭhato paṭṭhāya tacassa maṃsassa ca antarena cittaṃ pesentena paṭhamaṃ tāva mukhattaco vavatthapetabbo, tato sīsattaco, atha bahigīvattaco, tato anulomena paṭilomena ca dakkhiṇahatthattaco. Atha teneva kamena vāmahatthattaco, tato piṭṭhittaco, atha ānisadattaco, tato anulomena paṭilomena ca dakkhiṇapādattaco, atha vāmapādattaco, tato vatthiudarahadayaabbhantaragīvattaco, tato heṭṭhimahanukattaco, atha adharoṭṭhattaco. Evaṃ yāva puna upari oṭṭhattacoti . Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato sakalasarīraṃ pariyonandhitvā ṭhitoti.

    ตตฺถ ยถา อลฺลจมฺมปริโยนทฺธาย เปฬาย น อลฺลจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยา เปฬา ปริโยนทฺธา’’ติ, นปิ เปฬา ชานาติ ‘‘อหํ อลฺลจเมฺมน ปริโยนทฺธา’’ติ; เอวเมว น ตโจ ชานาติ ‘‘มยา อิทํ จาตุมหาภูติกํ สรีรํ โอนทฺธ’’นฺติ, นปิ อิทํ จาตุมหาภูติกํ สรีรํ ชานาติ ‘‘อหํ ตเจน โอนทฺธ’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ เกวลํ ตุ –

    Tattha yathā allacammapariyonaddhāya peḷāya na allacammaṃ jānāti ‘‘mayā peḷā pariyonaddhā’’ti, napi peḷā jānāti ‘‘ahaṃ allacammena pariyonaddhā’’ti; evameva na taco jānāti ‘‘mayā idaṃ cātumahābhūtikaṃ sarīraṃ onaddha’’nti, napi idaṃ cātumahābhūtikaṃ sarīraṃ jānāti ‘‘ahaṃ tacena onaddha’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Kevalaṃ tu –

    ‘‘อลฺลจมฺมปฎิจฺฉโนฺน, นวทฺวาโร มหาวโณ;

    ‘‘Allacammapaṭicchanno, navadvāro mahāvaṇo;

    สมนฺตโต ปคฺฆรติ, อสุจิปูติคนฺธิโย’’ติฯ

    Samantato paggharati, asucipūtigandhiyo’’ti.

    ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา มํเสน ตตฺถ ปติฎฺฐิตตเลน วา อุปริ ฉวิยา ปริจฺฉิโนฺนติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ตจํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Paricchedato heṭṭhā maṃsena tattha patiṭṭhitatalena vā upari chaviyā paricchinnoti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ tacaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร นวเปสิสตปฺปเภทํ มํสํ วณฺณโต รตฺตํ ปาลิภทฺทกปุปฺผสนฺนิภนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต นานาสณฺฐานนฺติฯ ตถา หิ ตตฺถ ชงฺฆมํสํ ตาลปตฺตปุฎภตฺตสณฺฐานํ, อวิกสิตเกตกีมกุฬสณฺฐานนฺติปิ เกจิฯ อูรุมํสํ สุธาปิสนนิสทโปตกสณฺฐานํ, อานิสทมํสํ อุทฺธนโกฎิสณฺฐานํ, ปิฎฺฐิมํสํ ตาลคุฬปฎลสณฺฐานํ, ผาสุกทฺวยมํสํ วํสมยโกฎฺฐกุจฺฉิปเทสมฺหิ ตนุมตฺติกาเลปสณฺฐานํ, ถนมํสํ วเฎฺฎตฺวา อวกฺขิตฺตทฺธมตฺติกาปิณฺฑสณฺฐานํ, เทฺวพาหุมํสํ นงฺคุฎฺฐสีสปาเท เฉตฺวา นิจฺจมฺมํ กตฺวา ฐปิตมหามูสิกสณฺฐานํ, มํสสูนกสณฺฐานนฺติปิ เอเกฯ คณฺฑมํสํ คณฺฑปฺปเทเส ฐปิตกรญฺชพีชสณฺฐานํ, มณฺฑูกสณฺฐานนฺติปิ เอเกฯ ชิวฺหามํสํ นุหีปตฺตสณฺฐานํ, นาสามํสํ โอมุขนิกฺขิตฺตปณฺณโกสสณฺฐานํ, ๐.อกฺขิกูปมํสํ อทฺธปกฺกอุทุมฺพรสณฺฐานํ, สีสมํสํ ปตฺตปจนกฎาหตนุเลปสณฺฐานนฺติ ฯ มํสปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน เอตาเนว โอฬาริกมํสานิ สณฺฐานโต ววตฺถเปตพฺพานิฯ เอวญฺหิ ววตฺถาปยโต สุขุมานิ มํสานิ ญาณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺตีติฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต สาธิกานิ ตีณิ อฎฺฐิสตานิ อนุลิมฺปิตฺวา ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīre navapesisatappabhedaṃ maṃsaṃ vaṇṇato rattaṃ pālibhaddakapupphasannibhanti vavatthapeti. Saṇṭhānato nānāsaṇṭhānanti. Tathā hi tattha jaṅghamaṃsaṃ tālapattapuṭabhattasaṇṭhānaṃ, avikasitaketakīmakuḷasaṇṭhānantipi keci. Ūrumaṃsaṃ sudhāpisananisadapotakasaṇṭhānaṃ, ānisadamaṃsaṃ uddhanakoṭisaṇṭhānaṃ, piṭṭhimaṃsaṃ tālaguḷapaṭalasaṇṭhānaṃ, phāsukadvayamaṃsaṃ vaṃsamayakoṭṭhakucchipadesamhi tanumattikālepasaṇṭhānaṃ, thanamaṃsaṃ vaṭṭetvā avakkhittaddhamattikāpiṇḍasaṇṭhānaṃ, dvebāhumaṃsaṃ naṅguṭṭhasīsapāde chetvā niccammaṃ katvā ṭhapitamahāmūsikasaṇṭhānaṃ, maṃsasūnakasaṇṭhānantipi eke. Gaṇḍamaṃsaṃ gaṇḍappadese ṭhapitakarañjabījasaṇṭhānaṃ, maṇḍūkasaṇṭhānantipi eke. Jivhāmaṃsaṃ nuhīpattasaṇṭhānaṃ, nāsāmaṃsaṃ omukhanikkhittapaṇṇakosasaṇṭhānaṃ, 0.akkhikūpamaṃsaṃ addhapakkaudumbarasaṇṭhānaṃ, sīsamaṃsaṃ pattapacanakaṭāhatanulepasaṇṭhānanti . Maṃsapariggaṇhakena ca yogāvacarena etāneva oḷārikamaṃsāni saṇṭhānato vavatthapetabbāni. Evañhi vavatthāpayato sukhumāni maṃsāni ñāṇassa āpāthaṃ āgacchantīti. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato sādhikāni tīṇi aṭṭhisatāni anulimpitvā ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา ถูลมตฺติกานุลิตฺตาย ภิตฺติยา น ถูลมตฺติกา ชานาติ ‘‘มยา ภิตฺติ อนุลิตฺตา’’ติ, นปิ ภิตฺติ ชานาติ ‘‘อหํ ถูลมตฺติกาย อนุลิตฺตา’’ติ, เอวเมวํ น นวเปสิสตปฺปเภทํ มํสํ ชานาติ ‘‘มยา อฎฺฐิสตตฺตยํ อนุลิตฺต’’นฺติ, นปิ อฎฺฐิสตตฺตยํ ชานาติ ‘‘อหํ นวเปสิสตปฺปเภเทน มํเสน อนุลิตฺต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ เกวลํ ตุ –

    Tattha yathā thūlamattikānulittāya bhittiyā na thūlamattikā jānāti ‘‘mayā bhitti anulittā’’ti, napi bhitti jānāti ‘‘ahaṃ thūlamattikāya anulittā’’ti, evamevaṃ na navapesisatappabhedaṃ maṃsaṃ jānāti ‘‘mayā aṭṭhisatattayaṃ anulitta’’nti, napi aṭṭhisatattayaṃ jānāti ‘‘ahaṃ navapesisatappabhedena maṃsena anulitta’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Kevalaṃ tu –

    ‘‘นวเปสิสตา มํสา, อนุลิตฺตา กเฬวรํ;

    ‘‘Navapesisatā maṃsā, anulittā kaḷevaraṃ;

    นานากิมิกุลากิณฺณํ, มีฬฺหฎฺฐานํว ปูติก’’นฺติฯ

    Nānākimikulākiṇṇaṃ, mīḷhaṭṭhānaṃva pūtika’’nti.

    ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา อฎฺฐิสงฺฆาเฎน ตตฺถ ปติฎฺฐิตตเลน วา อุปริ ตเจน ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ มํสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Paricchedato heṭṭhā aṭṭhisaṅghāṭena tattha patiṭṭhitatalena vā upari tacena tiriyaṃ aññamaññena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ maṃsaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร นวสตปฺปเภทา นฺหารู วณฺณโต เสตาติ ววตฺถเปติ, มธุวณฺณาติปิ เอเกฯ สณฺฐานโต นานาสณฺฐานาติฯ ตถา หิ ตตฺถ มหนฺตา มหนฺตา นฺหารู กนฺทลมกุฬสณฺฐานา, ตโต สุขุมตรา สูกรวาคุรรชฺชุสณฺฐานา, ตโต อณุกตรา ปูติลตาสณฺฐานา, ตโต อณุกตรา สีหฬมหาวีณาตนฺติสณฺฐานา, ตโต อณุกตรา ถูลสุตฺตกสณฺฐานา, หตฺถปิฎฺฐิปาทปิฎฺฐีสุ นฺหารู สกุณปาทสณฺฐานา, สีเส นฺหารู คามทารกานํ สีเส ฐปิตวิรฬตรทุกูลสณฺฐานา, ปิฎฺฐิยา นฺหารู เตเมตฺวา อาตเป ปสาริตมจฺฉชาลสณฺฐานา, อวเสสา อิมสฺมิํ สรีเร ตํตํองฺคปจฺจงฺคานุคตา นฺหารู สรีเร ปฎิมุกฺกชาลกญฺจุกสณฺฐานาติฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตาฯ เตสุ จ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฎฺฐาย ปญฺจ กณฺฑรนามกา มหานฺหารู ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา วามปสฺสํ คตา, วามกณฺณจูฬิกโต ปฎฺฐาย ปญฺจ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา ทกฺขิณปสฺสํ คตา, ทกฺขิณคลวาฎกโต ปฎฺฐาย ปญฺจ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา วามปสฺสํ คตา, วามคลวาฎกโต ปฎฺฐาย ปญฺจ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา ทกฺขิณปสฺสํ คตา, ทกฺขิณหตฺถํ วินนฺธมานา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปญฺจ ปญฺจาติ ทส กณฺฑรนามกา เอว มหานฺหารู อารุฬฺหาฯ ตถา วามหตฺถํ, ทกฺขิณปาทํ, วามปาทญฺจาติ เอวเมเต สฎฺฐิ มหานฺหารู สรีรธารกา สรีรนิยามกาติปิ ววตฺถเปติฯ โอกาสโต สกลสรีเร อฎฺฐิจมฺมานํ อฎฺฐิมํสานญฺจ อนฺตเร อฎฺฐีนิ อาพนฺธมานา ฐิตาติฯ

    Tato paraṃ sarīre navasatappabhedā nhārū vaṇṇato setāti vavatthapeti, madhuvaṇṇātipi eke. Saṇṭhānato nānāsaṇṭhānāti. Tathā hi tattha mahantā mahantā nhārū kandalamakuḷasaṇṭhānā, tato sukhumatarā sūkaravāgurarajjusaṇṭhānā, tato aṇukatarā pūtilatāsaṇṭhānā, tato aṇukatarā sīhaḷamahāvīṇātantisaṇṭhānā, tato aṇukatarā thūlasuttakasaṇṭhānā, hatthapiṭṭhipādapiṭṭhīsu nhārū sakuṇapādasaṇṭhānā, sīse nhārū gāmadārakānaṃ sīse ṭhapitaviraḷataradukūlasaṇṭhānā, piṭṭhiyā nhārū temetvā ātape pasāritamacchajālasaṇṭhānā, avasesā imasmiṃ sarīre taṃtaṃaṅgapaccaṅgānugatā nhārū sarīre paṭimukkajālakañcukasaṇṭhānāti. Disato dvīsu disāsu jātā. Tesu ca dakkhiṇakaṇṇacūḷikato paṭṭhāya pañca kaṇḍaranāmakā mahānhārū purato ca pacchato ca vinandhamānā vāmapassaṃ gatā, vāmakaṇṇacūḷikato paṭṭhāya pañca purato ca pacchato ca vinandhamānā dakkhiṇapassaṃ gatā, dakkhiṇagalavāṭakato paṭṭhāya pañca purato ca pacchato ca vinandhamānā vāmapassaṃ gatā, vāmagalavāṭakato paṭṭhāya pañca purato ca pacchato ca vinandhamānā dakkhiṇapassaṃ gatā, dakkhiṇahatthaṃ vinandhamānā purato ca pacchato ca pañca pañcāti dasa kaṇḍaranāmakā eva mahānhārū āruḷhā. Tathā vāmahatthaṃ, dakkhiṇapādaṃ, vāmapādañcāti evamete saṭṭhi mahānhārū sarīradhārakā sarīraniyāmakātipi vavatthapeti. Okāsato sakalasarīre aṭṭhicammānaṃ aṭṭhimaṃsānañca antare aṭṭhīni ābandhamānā ṭhitāti.

    ตตฺถ ยถา วลฺลิสนฺตานพเทฺธสุ กุฎฺฎทารูสุ น วลฺลิสนฺตานา ชานนฺติ ‘‘อเมฺหหิ กุฎฺฎทารูนิ อาพทฺธานี’’ติ, นปิ กุฎฺฎทารูนิ ชานนฺติ ‘‘มยํ วลฺลิสนฺตาเนหิ อาพทฺธานี’’ติ; เอวเมว น นฺหารู ชานนฺติ ‘‘อเมฺหหิ ตีณิ อฎฺฐิสตานิ อาพทฺธานี’’ติ, นปิ ตีณิ อฎฺฐิสตานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ นฺหารูหิ อาพทฺธานี’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ เกวลํ ตุ –

    Tattha yathā vallisantānabaddhesu kuṭṭadārūsu na vallisantānā jānanti ‘‘amhehi kuṭṭadārūni ābaddhānī’’ti, napi kuṭṭadārūni jānanti ‘‘mayaṃ vallisantānehi ābaddhānī’’ti; evameva na nhārū jānanti ‘‘amhehi tīṇi aṭṭhisatāni ābaddhānī’’ti, napi tīṇi aṭṭhisatāni jānanti ‘‘mayaṃ nhārūhi ābaddhānī’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Kevalaṃ tu –

    ‘‘นวนฺหารุสตา โหนฺติ, พฺยามมเตฺต กเฬวเร;

    ‘‘Navanhārusatā honti, byāmamatte kaḷevare;

    พนฺธนฺติ อฎฺฐิสงฺฆาฎํ, อคารมิว วลฺลิโย’’ติฯ

    Bandhanti aṭṭhisaṅghāṭaṃ, agāramiva valliyo’’ti.

    ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา ตีหิ อฎฺฐิสเตหิ ตตฺถ ปติฎฺฐิตตเลหิ วา อุปริ ตจมํเสหิ ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติฯ อยเมเตสํ สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ นฺหารู วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Paricchedato heṭṭhā tīhi aṭṭhisatehi tattha patiṭṭhitatalehi vā upari tacamaṃsehi tiriyaṃ aññamaññena paricchinnāti vavatthapeti. Ayametesaṃ sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ nhārū vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร ทฺวตฺติํสทนฺตฎฺฐิกานํ วิสุํ คหิตตฺตา เสสานิ จตุสฎฺฐิ หตฺถฎฺฐิกานิ จตุสฎฺฐิ ปาทฎฺฐิกานิ จตุสฎฺฐิ มุทุกฎฺฐิกานิ มํสนิสฺสิตานิ เทฺว ปณฺหิกฎฺฐีนิ เอเกกสฺมิํ ปาเท เทฺว เทฺว โคปฺผกฎฺฐิกานิ เทฺว ชงฺฆฎฺฐิกานิ เอกํ ชณฺณุกฎฺฐิ เอกํ อูรุฎฺฐิ เทฺว กฎิฎฺฐีนิ อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีนิ จตุวีสติ ผาสุกฎฺฐีนิ จุทฺทส อุรฎฺฐีนิ เอกํ หทยฎฺฐิ เทฺว อกฺขกฎฺฐีนิ เทฺว ปิฎฺฐิพาหฎฺฐีนิ เทฺว พาหฎฺฐีนิ เทฺว เทฺว อคฺคพาหฎฺฐีนิ สตฺต คีวฎฺฐีนิ เทฺว หนุกฎฺฐีนิ เอกํ นาสิกฎฺฐิ เทฺว อกฺขิฎฺฐีนิ เทฺว กณฺณฎฺฐีนิ เอกํ นลาฎฎฺฐิ เอกํ มุทฺธฎฺฐิ นว สีสกปาลฎฺฐีนีติ เอวมาทินา นเยน วุตฺตปฺปเภทานิ อฎฺฐีนิ สพฺพาเนว วณฺณโต เสตานีติ ววตฺถเปติฯ

    Tato paraṃ sarīre dvattiṃsadantaṭṭhikānaṃ visuṃ gahitattā sesāni catusaṭṭhi hatthaṭṭhikāni catusaṭṭhi pādaṭṭhikāni catusaṭṭhi mudukaṭṭhikāni maṃsanissitāni dve paṇhikaṭṭhīni ekekasmiṃ pāde dve dve gopphakaṭṭhikāni dve jaṅghaṭṭhikāni ekaṃ jaṇṇukaṭṭhi ekaṃ ūruṭṭhi dve kaṭiṭṭhīni aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīni catuvīsati phāsukaṭṭhīni cuddasa uraṭṭhīni ekaṃ hadayaṭṭhi dve akkhakaṭṭhīni dve piṭṭhibāhaṭṭhīni dve bāhaṭṭhīni dve dve aggabāhaṭṭhīni satta gīvaṭṭhīni dve hanukaṭṭhīni ekaṃ nāsikaṭṭhi dve akkhiṭṭhīni dve kaṇṇaṭṭhīni ekaṃ nalāṭaṭṭhi ekaṃ muddhaṭṭhi nava sīsakapālaṭṭhīnīti evamādinā nayena vuttappabhedāni aṭṭhīni sabbāneva vaṇṇato setānīti vavatthapeti.

    สณฺฐานโต นานาสณฺฐานานิฯ ตถา หิ ตตฺถ อคฺคปาทงฺคุลิยฎฺฐีนิ กตกพีชสณฺฐานานิ, ตทนนฺตรานิ องฺคุลีนํ มชฺฌปพฺพฎฺฐีนิ อปริปุณฺณปนสฎฺฐิสณฺฐานานิ, มูลปพฺพฎฺฐีนิ ปณวสณฺฐานานิ, โมรสกลิสณฺฐานานีติปิ เอเกฯ ปิฎฺฐิปาทฎฺฐีนิ โกฎฺฎิตกนฺทลกนฺทราสิสณฺฐานานิ ปณฺหิกฎฺฐีนิ เอกฎฺฐิตาลผลพีชสณฺฐานานิ, โคปฺผกฎฺฐีนิ เอกโตพทฺธกีฬาโคฬกสณฺฐานานิ, ชงฺฆฎฺฐิเกสุ ขุทฺทกํ ธนุทณฺฑสณฺฐานํ, มหนฺตํ ขุปฺปิปาสามิลาตธมนิปิฎฺฐิสณฺฐานํ, ชงฺฆฎฺฐิกสฺส โคปฺผกฎฺฐิเกสุ ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ อปนีตตจขชฺชูรีกฬีรสณฺฐานํ, ชงฺฆฎฺฐิกสฺส ชณฺณุกฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ มุทิงฺคมตฺถกสณฺฐานํ ชณฺณุกฎฺฐิ เอกปสฺสโต ฆฎฺฎิตเผณสณฺฐานํ, อูรุฎฺฐีนิ ทุตฺตจฺฉิตวาสิผรสุทณฺฑสณฺฐานานิ, อูรุฎฺฐิกสฺส กฎฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ สุวณฺณการานํ อคฺคิชาลนกสลากาพุนฺทิสณฺฐานํ , ตปฺปติฎฺฐิโตกาโส อคฺคจฺฉินฺนปุนฺนาคผลสณฺฐาโน, กฎิฎฺฐีนิ เทฺวปิ เอกาพทฺธานิ หุตฺวา กุมฺภกาเรหิ กตจุลฺลิสณฺฐานานิ, ตาปสภิสิกาสณฺฐานานีติปิ เอเกฯ อานิสทฎฺฐีนิ เหฎฺฐามุขฐปิตสปฺปผณสณฺฐานานิ, สตฺตฎฺฐฎฺฐาเนสุ ฉิทฺทาวฉิทฺทานิ อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีนิ อพฺภนฺตรโต อุปรูปริ ฐปิตสีสกปฎฺฎเวฐกสณฺฐานานิ, พาหิรโต วฎฺฎนาวลิสณฺฐานานิ, เตสํ อนฺตรนฺตรา กกจทนฺตสทิสานิ เทฺว ตีณิ กณฺฎกานิ โหนฺติ, จตุวีสติยา ผาสุกฎฺฐีสุ ปริปุณฺณานิ ปริปุณฺณสีหฬทาตฺตสณฺฐานานิ , อปริปุณฺณานิ อปริปุณฺณสีหฬทาตฺตสณฺฐานานิ, สพฺพาเนว โอทาตกุกฺกุฎสฺส ปสาริตปกฺขทฺวยสณฺฐานานีติปิ เอเกฯ จุทฺทส อุรฎฺฐีนิ ชิณฺณสนฺทมานิกผลกปนฺติสณฺฐานานิ, หทยฎฺฐิ ทพฺพิผณสณฺฐานํ, อกฺขกฎฺฐีนิ ขุทฺทกโลหวาสิทณฺฑสณฺฐานานิ, เตสํ เหฎฺฐา อฎฺฐิ อทฺธจนฺทสณฺฐานํ, ปิฎฺฐิพาหฎฺฐีนิ ผรสุผณสณฺฐานานิ, อุปฑฺฒจฺฉินฺนสีหฬกุทาลสณฺฐานานีติปิ เอเกฯ พาหฎฺฐีนิ อาทาสทณฺฑสณฺฐานานิ, มหาวาสิทณฺฑสณฺฐานานีติปิ เอเกฯ อคฺคพาหฎฺฐีนิ ยมกตาลกนฺทสณฺฐานานิ, มณิพนฺธฎฺฐีนิ เอกโต อลฺลิยาเปตฺวา ฐปิตสีสกปฎฺฎเวฐกสณฺฐานานิ, ปิฎฺฐิหตฺถฎฺฐีนิ โกฎฺฎิตกนฺทลกนฺทราสิสณฺฐานานิ, หตฺถงฺคุลิมูลปพฺพฎฺฐีนิ ปณวสณฺฐานานิ, มชฺฌปพฺพฎฺฐีนิ อปริปุณฺณปนสฎฺฐิสณฺฐานานิ, อคฺคปพฺพฎฺฐีนิ กตกพีชสณฺฐานานิ, สตฺต คีวฎฺฐีนิ ทเณฺฑ วิชฺฌิตฺวา ปฎิปาฎิยา ฐปิตวํสกฬีรขณฺฑสณฺฐานานิ, เหฎฺฐิมหนุกฎฺฐิ กมฺมารานํ อโยกูฎโยตฺตกสณฺฐานํ, อุปริมหนุกฎฺฐิ อวเลขนสตฺถกสณฺฐานํ, อกฺขินาสกูปฎฺฐีนิ อปนีตมิญฺชตรุณตาลฎฺฐิสณฺฐานานิ , นลาฎฎฺฐิ อโธมุขฐปิตภินฺนสงฺขกปาลสณฺฐานํ, กณฺณจูฬิกฎฺฐีนิ นฺหาปิตขุรโกสสณฺฐานานิ, นลาฎกณฺณจูฬิกานํ อุปริ ปฎฺฎพนฺธโนกาเส อฎฺฐิพหลฆฎปุณฺณปฎปิโลติกขณฺฑสณฺฐานํ, มุทฺธนฎฺฐิ มุขจฺฉินฺนวงฺกนาฬิเกรสณฺฐานํ, สีสฎฺฐีนิ สิเพฺพตฺวา ฐปิตชชฺชราลาพุกฎาหสณฺฐานานีติฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตานิฯ

    Saṇṭhānato nānāsaṇṭhānāni. Tathā hi tattha aggapādaṅguliyaṭṭhīni katakabījasaṇṭhānāni, tadanantarāni aṅgulīnaṃ majjhapabbaṭṭhīni aparipuṇṇapanasaṭṭhisaṇṭhānāni, mūlapabbaṭṭhīni paṇavasaṇṭhānāni, morasakalisaṇṭhānānītipi eke. Piṭṭhipādaṭṭhīni koṭṭitakandalakandarāsisaṇṭhānāni paṇhikaṭṭhīni ekaṭṭhitālaphalabījasaṇṭhānāni, gopphakaṭṭhīni ekatobaddhakīḷāgoḷakasaṇṭhānāni, jaṅghaṭṭhikesu khuddakaṃ dhanudaṇḍasaṇṭhānaṃ, mahantaṃ khuppipāsāmilātadhamanipiṭṭhisaṇṭhānaṃ, jaṅghaṭṭhikassa gopphakaṭṭhikesu patiṭṭhitaṭṭhānaṃ apanītatacakhajjūrīkaḷīrasaṇṭhānaṃ, jaṅghaṭṭhikassa jaṇṇukaṭṭhike patiṭṭhitaṭṭhānaṃ mudiṅgamatthakasaṇṭhānaṃ jaṇṇukaṭṭhi ekapassato ghaṭṭitapheṇasaṇṭhānaṃ, ūruṭṭhīni duttacchitavāsipharasudaṇḍasaṇṭhānāni, ūruṭṭhikassa kaṭaṭṭhike patiṭṭhitaṭṭhānaṃ suvaṇṇakārānaṃ aggijālanakasalākābundisaṇṭhānaṃ , tappatiṭṭhitokāso aggacchinnapunnāgaphalasaṇṭhāno, kaṭiṭṭhīni dvepi ekābaddhāni hutvā kumbhakārehi katacullisaṇṭhānāni, tāpasabhisikāsaṇṭhānānītipi eke. Ānisadaṭṭhīni heṭṭhāmukhaṭhapitasappaphaṇasaṇṭhānāni, sattaṭṭhaṭṭhānesu chiddāvachiddāni aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīni abbhantarato uparūpari ṭhapitasīsakapaṭṭaveṭhakasaṇṭhānāni, bāhirato vaṭṭanāvalisaṇṭhānāni, tesaṃ antarantarā kakacadantasadisāni dve tīṇi kaṇṭakāni honti, catuvīsatiyā phāsukaṭṭhīsu paripuṇṇāni paripuṇṇasīhaḷadāttasaṇṭhānāni , aparipuṇṇāni aparipuṇṇasīhaḷadāttasaṇṭhānāni, sabbāneva odātakukkuṭassa pasāritapakkhadvayasaṇṭhānānītipi eke. Cuddasa uraṭṭhīni jiṇṇasandamānikaphalakapantisaṇṭhānāni, hadayaṭṭhi dabbiphaṇasaṇṭhānaṃ, akkhakaṭṭhīni khuddakalohavāsidaṇḍasaṇṭhānāni, tesaṃ heṭṭhā aṭṭhi addhacandasaṇṭhānaṃ, piṭṭhibāhaṭṭhīni pharasuphaṇasaṇṭhānāni, upaḍḍhacchinnasīhaḷakudālasaṇṭhānānītipi eke. Bāhaṭṭhīni ādāsadaṇḍasaṇṭhānāni, mahāvāsidaṇḍasaṇṭhānānītipi eke. Aggabāhaṭṭhīni yamakatālakandasaṇṭhānāni, maṇibandhaṭṭhīni ekato alliyāpetvā ṭhapitasīsakapaṭṭaveṭhakasaṇṭhānāni, piṭṭhihatthaṭṭhīni koṭṭitakandalakandarāsisaṇṭhānāni, hatthaṅgulimūlapabbaṭṭhīni paṇavasaṇṭhānāni, majjhapabbaṭṭhīni aparipuṇṇapanasaṭṭhisaṇṭhānāni, aggapabbaṭṭhīni katakabījasaṇṭhānāni, satta gīvaṭṭhīni daṇḍe vijjhitvā paṭipāṭiyā ṭhapitavaṃsakaḷīrakhaṇḍasaṇṭhānāni, heṭṭhimahanukaṭṭhi kammārānaṃ ayokūṭayottakasaṇṭhānaṃ, uparimahanukaṭṭhi avalekhanasatthakasaṇṭhānaṃ, akkhināsakūpaṭṭhīni apanītamiñjataruṇatālaṭṭhisaṇṭhānāni , nalāṭaṭṭhi adhomukhaṭhapitabhinnasaṅkhakapālasaṇṭhānaṃ, kaṇṇacūḷikaṭṭhīni nhāpitakhurakosasaṇṭhānāni, nalāṭakaṇṇacūḷikānaṃ upari paṭṭabandhanokāse aṭṭhibahalaghaṭapuṇṇapaṭapilotikakhaṇḍasaṇṭhānaṃ, muddhanaṭṭhi mukhacchinnavaṅkanāḷikerasaṇṭhānaṃ, sīsaṭṭhīni sibbetvā ṭhapitajajjarālābukaṭāhasaṇṭhānānīti. Disato dvīsu disāsu jātāni.

    โอกาสโต อวิเสเสน สกลสรีเร ฐิตานิ, วิเสเสน ตุ สีสฎฺฐีนิ คีวฎฺฐิเกสุ ปติฎฺฐิตานิ, คีวฎฺฐีนิ ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีสุ ปติฎฺฐิตานิ, ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีนิ กฎิฎฺฐีสุ ปติฎฺฐิตานิ, กฎิฎฺฐีนิ อูรุฎฺฐิเกสุ ปติฎฺฐิตานิ, อุรุฎฺฐีนิ ชณฺณุกฎฺฐิเกสุ, ชณฺณุกฎฺฐีนิ ชงฺฆฎฺฐิเกสุ, ชงฺฆฎฺฐีนิ โคปฺผกฎฺฐิเกสุ, โคปฺผกฎฺฐีนิ ปิฎฺฐิปาทฎฺฐิเกสุ ปติฎฺฐิตานิ, ปิฎฺฐิปาทฎฺฐิกานิ จ โคปฺผกฎฺฐีนิ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตานิ, โคปฺผกฎฺฐีนิ ชงฺฆฎฺฐีนิ…เป.… คีวฎฺฐีนิ สีสฎฺฐีนิ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตานีติ เอเตนานุสาเรน อวเสสานิปิ อฎฺฐีนิ เวทิตพฺพานิฯ

    Okāsato avisesena sakalasarīre ṭhitāni, visesena tu sīsaṭṭhīni gīvaṭṭhikesu patiṭṭhitāni, gīvaṭṭhīni piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīsu patiṭṭhitāni, piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīni kaṭiṭṭhīsu patiṭṭhitāni, kaṭiṭṭhīni ūruṭṭhikesu patiṭṭhitāni, uruṭṭhīni jaṇṇukaṭṭhikesu, jaṇṇukaṭṭhīni jaṅghaṭṭhikesu, jaṅghaṭṭhīni gopphakaṭṭhikesu, gopphakaṭṭhīni piṭṭhipādaṭṭhikesu patiṭṭhitāni, piṭṭhipādaṭṭhikāni ca gopphakaṭṭhīni ukkhipitvā ṭhitāni, gopphakaṭṭhīni jaṅghaṭṭhīni…pe… gīvaṭṭhīni sīsaṭṭhīni ukkhipitvā ṭhitānīti etenānusārena avasesānipi aṭṭhīni veditabbāni.

    ตตฺถ ยถา อิฎฺฐกโคปานสิจยาทีสุ น อุปริมา อิฎฺฐกาทโย ชานนฺติ ‘‘มยํ เหฎฺฐิเมสุ ปติฎฺฐิตา’’ติ, นปิ เหฎฺฐิมา ชานนฺติ ‘‘มยํ อุปริมานิ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตา’’ติ; เอวเมว น สีสฎฺฐิกานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ คีวฎฺฐิเกสุ ปติฎฺฐิตานี’’ติ…เป.… น โคปฺผกฎฺฐิกานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ ปิฎฺฐิปาทฎฺฐิเกสุ ปติฎฺฐิตานี’’ติ, นปิ ปิฎฺฐิปาทฎฺฐิกานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ โคปฺผกฎฺฐีนิ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตานี’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ เกวลํ ตุ อิมานิ สาธิกานิ ตีณิ อฎฺฐิสตานิ นวหิ นฺหารุสเตหิ นวหิ จ มํสเปสิสเตหิ อาพทฺธานุลิตฺตานิ, เอกฆนจมฺมปริโยนทฺธานิ, สตฺตรสหรณีสหสฺสานุคตสิเนหสิเนหิตานิ, นวนวุติโลมกูปสหสฺสปริสฺสวมานเสทชลฺลิกานิ อสีติกิมิกุลานิ, กาโยเตฺวว สงฺขฺยํ คตานิ, ยํ สภาวโต อุปปริกฺขโนฺต โยคาวจโร น กิญฺจิ คยฺหูปคํ ปสฺสติ, เกวลํ ตุ นฺหารุสมฺพนฺธํ นานากุณปสงฺกิณฺณํ อฎฺฐิสงฺฆาฎเมว ปสฺสติฯ ยํ ทิสฺวา ทสพลสฺส ปุตฺตภาวํ อุเปติฯ ยถาห –

    Tattha yathā iṭṭhakagopānasicayādīsu na uparimā iṭṭhakādayo jānanti ‘‘mayaṃ heṭṭhimesu patiṭṭhitā’’ti, napi heṭṭhimā jānanti ‘‘mayaṃ uparimāni ukkhipitvā ṭhitā’’ti; evameva na sīsaṭṭhikāni jānanti ‘‘mayaṃ gīvaṭṭhikesu patiṭṭhitānī’’ti…pe… na gopphakaṭṭhikāni jānanti ‘‘mayaṃ piṭṭhipādaṭṭhikesu patiṭṭhitānī’’ti, napi piṭṭhipādaṭṭhikāni jānanti ‘‘mayaṃ gopphakaṭṭhīni ukkhipitvā ṭhitānī’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Kevalaṃ tu imāni sādhikāni tīṇi aṭṭhisatāni navahi nhārusatehi navahi ca maṃsapesisatehi ābaddhānulittāni, ekaghanacammapariyonaddhāni, sattarasaharaṇīsahassānugatasinehasinehitāni, navanavutilomakūpasahassaparissavamānasedajallikāni asītikimikulāni, kāyotveva saṅkhyaṃ gatāni, yaṃ sabhāvato upaparikkhanto yogāvacaro na kiñci gayhūpagaṃ passati, kevalaṃ tu nhārusambandhaṃ nānākuṇapasaṅkiṇṇaṃ aṭṭhisaṅghāṭameva passati. Yaṃ disvā dasabalassa puttabhāvaṃ upeti. Yathāha –

    ‘‘ปฎิปาฎิยฎฺฐีนิ ฐิตานิ โกฎิยา,

    ‘‘Paṭipāṭiyaṭṭhīni ṭhitāni koṭiyā,

    อเนกสนฺธิยมิโต น เกหิจิ;

    Anekasandhiyamito na kehici;

    พโทฺธ นหารูหิ ชราย โจทิโต,

    Baddho nahārūhi jarāya codito,

    อเจตโน กฎฺฐกลิงฺครูปโมฯ

    Acetano kaṭṭhakaliṅgarūpamo.

    ‘‘กุณปํ กุณเป ชาตํ, อสุจิมฺหิ จ ปูตินิ;

    ‘‘Kuṇapaṃ kuṇape jātaṃ, asucimhi ca pūtini;

    ทุคฺคเนฺธ จาปิ ทุคฺคนฺธํ, เภทนมฺหิ จ วยธมฺมํฯ

    Duggandhe cāpi duggandhaṃ, bhedanamhi ca vayadhammaṃ.

    ‘‘อฎฺฐิปุเฎ อฎฺฐิปุโฎ, นิพฺพโตฺต ปูตินิ ปูติกายมฺหิ;

    ‘‘Aṭṭhipuṭe aṭṭhipuṭo, nibbatto pūtini pūtikāyamhi;

    ตมฺหิ จ วิเนถ ฉนฺทํ, เหสฺสถ ปุตฺตา ทสพลสฺสา’’ติ จฯ

    Tamhi ca vinetha chandaṃ, hessatha puttā dasabalassā’’ti ca.

    ปริเจฺฉทโต อโนฺต อฎฺฐิมิเญฺชน อุปริโต มํเสน อเคฺค มูเล จ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนานีติ ววตฺถเปติฯ อยเมเตสํ สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อฎฺฐีนิ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Paricchedato anto aṭṭhimiñjena uparito maṃsena agge mūle ca aññamaññena paricchinnānīti vavatthapeti. Ayametesaṃ sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ aṭṭhīni vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร ยถาวุตฺตปฺปเภทานํ อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตรคตํ อฎฺฐิมิญฺชํ วณฺณโต เสตนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต อตฺตโน โอกาสสณฺฐานนฺติฯ เสยฺยถิทํ – มหนฺตมหนฺตานํ อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตรคตํ เสเทตฺวา วเฎฺฎตฺวา มหเนฺตสุ วํสนฬกปเพฺพสุ ปกฺขิตฺตมหาเวตฺตงฺกุรสณฺฐานํ, ขุทฺทานุขุทฺทกานํ อพฺภนฺตรคตํ เสเทตฺวา วเฎฺฎตฺวา ขุทฺทานุขุทฺทเกสุ วํสนฬกปเพฺพสุ ปกฺขิตฺตตนุเวตฺตงฺกุรสณฺฐานนฺติฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตเร ปติฎฺฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīre yathāvuttappabhedānaṃ aṭṭhīnaṃ abbhantaragataṃ aṭṭhimiñjaṃ vaṇṇato setanti vavatthapeti. Saṇṭhānato attano okāsasaṇṭhānanti. Seyyathidaṃ – mahantamahantānaṃ aṭṭhīnaṃ abbhantaragataṃ sedetvā vaṭṭetvā mahantesu vaṃsanaḷakapabbesu pakkhittamahāvettaṅkurasaṇṭhānaṃ, khuddānukhuddakānaṃ abbhantaragataṃ sedetvā vaṭṭetvā khuddānukhuddakesu vaṃsanaḷakapabbesu pakkhittatanuvettaṅkurasaṇṭhānanti. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato aṭṭhīnaṃ abbhantare patiṭṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา เวฬุนฬกาทีนํ อโนฺตคตานิ ทธิผาณิตานิ น ชานนฺติ ‘‘มยํ เวฬุนฬกาทีนํ อโนฺตคตานี’’ติ, นปิ เวฬุนฬกาทโย ชานนฺติ ‘‘ทธิผาณิตานิ อมฺหากํ อโนฺตคตานี’’ติ; เอวเมว น อฎฺฐิมิญฺชํ ชานาติ ‘‘อหํ อฎฺฐีนํ อโนฺตคต’’นฺติ, นปิ อฎฺฐีนิ ชานนฺติ ‘‘อฎฺฐิมิญฺชํ อมฺหากํ อโนฺตคต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตรตเลหิ อฎฺฐิมิญฺชภาเคน จ ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อฎฺฐิมิญฺชํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā veḷunaḷakādīnaṃ antogatāni dadhiphāṇitāni na jānanti ‘‘mayaṃ veḷunaḷakādīnaṃ antogatānī’’ti, napi veḷunaḷakādayo jānanti ‘‘dadhiphāṇitāni amhākaṃ antogatānī’’ti; evameva na aṭṭhimiñjaṃ jānāti ‘‘ahaṃ aṭṭhīnaṃ antogata’’nti, napi aṭṭhīni jānanti ‘‘aṭṭhimiñjaṃ amhākaṃ antogata’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato aṭṭhīnaṃ abbhantaratalehi aṭṭhimiñjabhāgena ca paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ aṭṭhimiñjaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ทฺวิโคฬกปฺปเภทํ วกฺกํ วณฺณโต มนฺทรตฺตํ ปาฬิภทฺทกฎฺฐิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต คามทารกานํ สุตฺตาวุตกีฬาโคฬกสณฺฐานํ, เอกวณฺฎสหการทฺวยสณฺฐานนฺติปิ เอเกฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต คลวาฎกา วินิกฺขเนฺตน เอกมูเลน โถกํ คนฺตฺวา ทฺวิธา ภิเนฺนน ถูลนฺหารุนา วินิพทฺธํ หุตฺวา หทยมํสํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīrassa abbhantare dvigoḷakappabhedaṃ vakkaṃ vaṇṇato mandarattaṃ pāḷibhaddakaṭṭhivaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato gāmadārakānaṃ suttāvutakīḷāgoḷakasaṇṭhānaṃ, ekavaṇṭasahakāradvayasaṇṭhānantipi eke. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato galavāṭakā vinikkhantena ekamūlena thokaṃ gantvā dvidhā bhinnena thūlanhārunā vinibaddhaṃ hutvā hadayamaṃsaṃ parikkhipitvā ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา วณฺฎูปนิพทฺธํ สหการทฺวยํ น ชานาติ ‘‘อหํ วเณฺฎน อุปนิพทฺธ’’นฺติ, นปิ วณฺฎํ ชานาติ ‘‘มยา สหการทฺวยํ อุปนิพทฺธ’’นฺติ; เอวเมว น วกฺกํ ชานาติ ‘‘อหํ ถูลนฺหารุนา อุปนิพทฺธ’’นฺติ, นปิ ถูลนฺหารุ ชานาติ ‘‘มยา วกฺกํ อุปนิพทฺธ’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต วกฺกํ วกฺกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ วกฺกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā vaṇṭūpanibaddhaṃ sahakāradvayaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ vaṇṭena upanibaddha’’nti, napi vaṇṭaṃ jānāti ‘‘mayā sahakāradvayaṃ upanibaddha’’nti; evameva na vakkaṃ jānāti ‘‘ahaṃ thūlanhārunā upanibaddha’’nti, napi thūlanhāru jānāti ‘‘mayā vakkaṃ upanibaddha’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato vakkaṃ vakkabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ vakkaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร หทยํ วณฺณโต รตฺตํ รตฺตปทุมปตฺตปิฎฺฐิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต พาหิรปตฺตานิ อปเนตฺวา อโธมุขฐปิตปทุมมกุฬสณฺฐานํ, ตญฺจ อคฺคจฺฉินฺนปุนฺนาคผลมิว วิวเฎกปสฺสํ พหิ มฎฺฐํ อโนฺต โกสาตกีผลสฺส อพฺภนฺตรสทิสํฯ ปญฺญาพหุลานํ โถกํ วิกสิตํ, มนฺทปญฺญานํ มกุฬิตเมวฯ ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิญฺญาณธาตุ จ ปวตฺตนฺติ, ตํ อปเนตฺวา อวเสสมํสปิณฺฑสงฺขาตหทยพฺภนฺตเร อทฺธปสตมตฺตํ โลหิตํ สณฺฐาติ, ตํ ราคจริตสฺส รตฺตํ, โทสจริตสฺส กาฬกํ, โมหจริตสฺส มํสโธวโนทกสทิสํ, วิตกฺกจริตสฺส กุลตฺถยูสวณฺณํ, สทฺธาจริตสฺส กณิการปุปฺผวณฺณํ, ปญฺญาจริตสฺส อจฺฉํ วิปฺปสนฺนมนาวิลํ, นิโทฺธตชาติมณิ วิย ชุติมนฺตํ ขายติฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ มเชฺฌ ปติฎฺฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīrassa abbhantare hadayaṃ vaṇṇato rattaṃ rattapadumapattapiṭṭhivaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato bāhirapattāni apanetvā adhomukhaṭhapitapadumamakuḷasaṇṭhānaṃ, tañca aggacchinnapunnāgaphalamiva vivaṭekapassaṃ bahi maṭṭhaṃ anto kosātakīphalassa abbhantarasadisaṃ. Paññābahulānaṃ thokaṃ vikasitaṃ, mandapaññānaṃ makuḷitameva. Yaṃ rūpaṃ nissāya manodhātu ca manoviññāṇadhātu ca pavattanti, taṃ apanetvā avasesamaṃsapiṇḍasaṅkhātahadayabbhantare addhapasatamattaṃ lohitaṃ saṇṭhāti, taṃ rāgacaritassa rattaṃ, dosacaritassa kāḷakaṃ, mohacaritassa maṃsadhovanodakasadisaṃ, vitakkacaritassa kulatthayūsavaṇṇaṃ, saddhācaritassa kaṇikārapupphavaṇṇaṃ, paññācaritassa acchaṃ vippasannamanāvilaṃ, niddhotajātimaṇi viya jutimantaṃ khāyati. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato sarīrabbhantare dvinnaṃ thanānaṃ majjhe patiṭṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา ทฺวินฺนํ วาตปานกวาฎกานํ มเชฺฌ ฐิโต อคฺคฬตฺถมฺภโก น ชานาติ ‘‘อหํ ทฺวินฺนํ วาตปานกวาฎกานํ มเชฺฌ ฐิโต’’ติ, นปิ วาตปานกวาฎกานิ ชานนฺติ ‘‘อมฺหากํ มเชฺฌ อคฺคฬตฺถมฺภโก ฐิโต’’ติ; เอวเมวํ น หทยํ ชานาติ ‘‘อหํ ทฺวินฺนํ ถนานํ มเชฺฌ ฐิต’’นฺติ, นปิ ถนานิ ชานนฺติ ‘‘หทยํ อมฺหากํ มเชฺฌ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต หทยํ หทยภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ หทยํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā dvinnaṃ vātapānakavāṭakānaṃ majjhe ṭhito aggaḷatthambhako na jānāti ‘‘ahaṃ dvinnaṃ vātapānakavāṭakānaṃ majjhe ṭhito’’ti, napi vātapānakavāṭakāni jānanti ‘‘amhākaṃ majjhe aggaḷatthambhako ṭhito’’ti; evamevaṃ na hadayaṃ jānāti ‘‘ahaṃ dvinnaṃ thanānaṃ majjhe ṭhita’’nti, napi thanāni jānanti ‘‘hadayaṃ amhākaṃ majjhe ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato hadayaṃ hadayabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ hadayaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ยกนสญฺญิตํ ยมกมํสปิณฺฑํ วณฺณโต รตฺตํ รตฺตกุมุทพาหิรปตฺตปิฎฺฐิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต เอกมูลํ หุตฺวา อเคฺค ยมกํ โกวิฬารปตฺตสณฺฐานํ, ตญฺจ ทนฺธานํ เอกํเยว โหติ มหนฺตํ, ปญฺญวนฺตานํ เทฺว วา ตีณิ วา ขุทฺทกานีติฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīrassa abbhantare yakanasaññitaṃ yamakamaṃsapiṇḍaṃ vaṇṇato rattaṃ rattakumudabāhirapattapiṭṭhivaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato ekamūlaṃ hutvā agge yamakaṃ koviḷārapattasaṇṭhānaṃ, tañca dandhānaṃ ekaṃyeva hoti mahantaṃ, paññavantānaṃ dve vā tīṇi vā khuddakānīti. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato dvinnaṃ thanānaṃ abbhantare dakkhiṇapassaṃ nissāya ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา ปิฐรกปเสฺส ลคฺคา มํสเปสิ น ชานาติ ‘‘อหํ ปิฐรกปเสฺส ลคฺคา’’ติ, นปิ ปิฐรกปสฺสํ ชานาติ ‘‘มยิ มํสเปสิ ลคฺคา’’ติ; เอวเมว น ยกนํ ชานาติ ‘‘อหํ ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ฐิต’’นฺติ, นปิ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ ชานาติ ‘‘มํ นิสฺสาย ยกนํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต ปน ยกนํ ยกนภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ ฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ยกนํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā piṭharakapasse laggā maṃsapesi na jānāti ‘‘ahaṃ piṭharakapasse laggā’’ti, napi piṭharakapassaṃ jānāti ‘‘mayi maṃsapesi laggā’’ti; evameva na yakanaṃ jānāti ‘‘ahaṃ dvinnaṃ thanānaṃ abbhantare dakkhiṇapassaṃ nissāya ṭhita’’nti, napi thanānaṃ abbhantare dakkhiṇapassaṃ jānāti ‘‘maṃ nissāya yakanaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato pana yakanaṃ yakanabhāgena paricchinnanti vavatthapeti . Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ yakanaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร ปฎิจฺฉนฺนาปฎิจฺฉนฺนเภทโต ทุวิธํ กิโลมกํ วณฺณโต เสตํ ทุกูลปิโลติกวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต อตฺตโน โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต ปฎิจฺฉนฺนกิโลมกํ หทยญฺจ วกฺกญฺจ ปริวาเรตฺวา, อปฺปฎิจฺฉนฺนกิโลมกํ สกลสรีเร จมฺมสฺส เหฎฺฐโต มํสํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīre paṭicchannāpaṭicchannabhedato duvidhaṃ kilomakaṃ vaṇṇato setaṃ dukūlapilotikavaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato attano okāsasaṇṭhānaṃ. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato paṭicchannakilomakaṃ hadayañca vakkañca parivāretvā, appaṭicchannakilomakaṃ sakalasarīre cammassa heṭṭhato maṃsaṃ pariyonandhitvā ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา ปิโลติกาย ปลิเวฐิเต มํเส น ปิโลติกา ชานาติ ‘‘มยา มํสํ ปลิเวฐิต’’นฺติ, นปิ มํสํ ชานาติ ‘‘อหํ ปิโลติกาย ปลิเวฐิต’’นฺติ; เอวเมว น กิโลมกํ ชานาติ ‘‘มยา หทยวกฺกานิ สกลสรีเร จ จมฺมสฺส เหฎฺฐโต มํสํ ปลิเวฐิต’’นฺติฯ นปิ หทยวกฺกานิ สกลสรีเร จ มํสํ ชานาติ ‘‘อหํ กิโลมเกน ปลิเวฐิต’’นฺติ ฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา มํเสน อุปริ จเมฺมน ติริยํ กิโลมกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ กิโลมกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā pilotikāya paliveṭhite maṃse na pilotikā jānāti ‘‘mayā maṃsaṃ paliveṭhita’’nti, napi maṃsaṃ jānāti ‘‘ahaṃ pilotikāya paliveṭhita’’nti; evameva na kilomakaṃ jānāti ‘‘mayā hadayavakkāni sakalasarīre ca cammassa heṭṭhato maṃsaṃ paliveṭhita’’nti. Napi hadayavakkāni sakalasarīre ca maṃsaṃ jānāti ‘‘ahaṃ kilomakena paliveṭhita’’nti . Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato heṭṭhā maṃsena upari cammena tiriyaṃ kilomakabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ kilomakaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ปิหกํ วณฺณโต นีลํ มีลาตนิคฺคุณฺฑีปุปฺผวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต เยภุเยฺยน สตฺตงฺคุลปฺปมาณํ อพนฺธนํ กาฬวจฺฉกชิวฺหาสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต หทยสฺส วามปเสฺส อุทรปฎลสฺส มตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตํ, ยมฺหิ ปหรณปหาเรน พหิ นิกฺขเนฺต สตฺตานํ ชีวิตกฺขโย โหตีติฯ

    Tato paraṃ sarīrassa abbhantare pihakaṃ vaṇṇato nīlaṃ mīlātanigguṇḍīpupphavaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato yebhuyyena sattaṅgulappamāṇaṃ abandhanaṃ kāḷavacchakajivhāsaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato hadayassa vāmapasse udarapaṭalassa matthakapassaṃ nissāya ṭhitaṃ, yamhi paharaṇapahārena bahi nikkhante sattānaṃ jīvitakkhayo hotīti.

    ตตฺถ ยถา โกฎฺฐกมตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตา น โคมยปิณฺฑิ ชานาติ ‘‘อหํ โกฎฺฐกมตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตา’’ติ, นปิ โกฎฺฐกมตฺถกปสฺสํ ชานาติ ‘‘โคมยปิณฺฑิ มํ นิสฺสาย ฐิตา’’ติ; เอวเมว น ปิหกํ ชานาติ ‘‘อหํ อุทรปฎลสฺส มตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิต’’นฺติ, นปิ อุทรปฎลสฺส มตฺถกปสฺสํ ชานาติ ‘‘ปิหกํ มํ นิสฺสาย ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต ปิหกํ ปิหกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปิหกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā koṭṭhakamatthakapassaṃ nissāya ṭhitā na gomayapiṇḍi jānāti ‘‘ahaṃ koṭṭhakamatthakapassaṃ nissāya ṭhitā’’ti, napi koṭṭhakamatthakapassaṃ jānāti ‘‘gomayapiṇḍi maṃ nissāya ṭhitā’’ti; evameva na pihakaṃ jānāti ‘‘ahaṃ udarapaṭalassa matthakapassaṃ nissāya ṭhita’’nti, napi udarapaṭalassa matthakapassaṃ jānāti ‘‘pihakaṃ maṃ nissāya ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato pihakaṃ pihakabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ pihakaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ทฺวตฺติํสมํสขณฺฑปฺปเภทํ ปปฺผาสํ วณฺณโต รตฺตํ นาติปริปกฺกอุทุมฺพรวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต วิสมจฺฉินฺนปูวสณฺฐานํ, ฉทนิฎฺฐกขณฺฑปุญฺชสณฺฐานนฺติปิ เอเกฯ ตเทตํ อพฺภนฺตเร อสิตปีตาทีนํ อภาเว อุคฺคเตน กมฺมชเตชุสฺมนา อพฺภาหตตฺตา สงฺขาทิตปลาลปิณฺฑมิว นิรสํ นิโรชํ โหติฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร หทยญฺจ ยกนญฺจ อุปริ ฉาเทตฺวา โอลมฺพนฺตํ ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīrassa abbhantare dvattiṃsamaṃsakhaṇḍappabhedaṃ papphāsaṃ vaṇṇato rattaṃ nātiparipakkaudumbaravaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato visamacchinnapūvasaṇṭhānaṃ, chadaniṭṭhakakhaṇḍapuñjasaṇṭhānantipi eke. Tadetaṃ abbhantare asitapītādīnaṃ abhāve uggatena kammajatejusmanā abbhāhatattā saṅkhāditapalālapiṇḍamiva nirasaṃ nirojaṃ hoti. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato sarīrabbhantare dvinnaṃ thanānaṃ abbhantare hadayañca yakanañca upari chādetvā olambantaṃ ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา ชิณฺณโกฎฺฐพฺภนฺตเร ลมฺพมาโน สกุณกุลาวโก น ชานาติ ‘‘อหํ ชิณฺณโกฎฺฐพฺภนฺตเร ลมฺพมาโน ฐิโต’’ติ, นปิ ชิณฺณโกฎฺฐพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘‘สกุณกุลาวโก มยิ ลมฺพมาโน ฐิโต’’ติ; เอวเมว น ปปฺผาสํ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อนฺตเร ลมฺพมานํ ฐิต’’นฺติ, นปิ สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อนฺตรํ ชานาติ ‘‘มยิ ปปฺผาสํ ลมฺพมานํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต ปปฺผาสํ ปปฺผาสภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปปฺผาสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā jiṇṇakoṭṭhabbhantare lambamāno sakuṇakulāvako na jānāti ‘‘ahaṃ jiṇṇakoṭṭhabbhantare lambamāno ṭhito’’ti, napi jiṇṇakoṭṭhabbhantaraṃ jānāti ‘‘sakuṇakulāvako mayi lambamāno ṭhito’’ti; evameva na papphāsaṃ jānāti ‘‘ahaṃ sarīrabbhantare dvinnaṃ thanānaṃ antare lambamānaṃ ṭhita’’nti, napi sarīrabbhantare dvinnaṃ thanānaṃ antaraṃ jānāti ‘‘mayi papphāsaṃ lambamānaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato papphāsaṃ papphāsabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ papphāsaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ อโนฺตสรีเร ปุริสสฺส ทฺวตฺติํสหตฺถํ, อิตฺถิยา อฎฺฐวีสติหตฺถํ, เอกวีสติยา ฐาเนสุ โอภคฺคํ อนฺตํ วณฺณโต เสตํ สกฺขรสุธาวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต สีสํ ฉินฺทิตฺวา โลหิตโทณิยํ สํเวเลฺลตฺวา ฐปิตธมฺมนิสณฺฐานํฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต อุปริ คลวาฎเก เหฎฺฐา จ กรีสมเคฺค วินิพนฺธตฺตา คลวาฎกกรีสมคฺคปริยเนฺต สรีรพฺภนฺตเร ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ antosarīre purisassa dvattiṃsahatthaṃ, itthiyā aṭṭhavīsatihatthaṃ, ekavīsatiyā ṭhānesu obhaggaṃ antaṃ vaṇṇato setaṃ sakkharasudhāvaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato sīsaṃ chinditvā lohitadoṇiyaṃ saṃvelletvā ṭhapitadhammanisaṇṭhānaṃ. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato upari galavāṭake heṭṭhā ca karīsamagge vinibandhattā galavāṭakakarīsamaggapariyante sarīrabbhantare ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา โลหิตโทณิยํ ฐปิตํ ฉินฺนสีสํ ธมฺมนิกเฬวรํ น ชานาติ ‘‘อหํ โลหิตโทณิยํ ฐิต’’นฺติ, นปิ โลหิตโทณิ ชานาติ ‘‘มยิ ฉินฺนสีสํ ธมฺมนิกเฬวรํ ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น อนฺตํ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรพฺภนฺตเร ฐิต’’นฺติ, นปิ สรีรพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘‘มยิ อนฺตํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต อนฺตํ อนฺตภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อนฺตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā lohitadoṇiyaṃ ṭhapitaṃ chinnasīsaṃ dhammanikaḷevaraṃ na jānāti ‘‘ahaṃ lohitadoṇiyaṃ ṭhita’’nti, napi lohitadoṇi jānāti ‘‘mayi chinnasīsaṃ dhammanikaḷevaraṃ ṭhita’’nti; evameva na antaṃ jānāti ‘‘ahaṃ sarīrabbhantare ṭhita’’nti, napi sarīrabbhantaraṃ jānāti ‘‘mayi antaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato antaṃ antabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ antaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ อโนฺตสรีเร อนฺตนฺตเร อนฺตคุณํ วณฺณโต เสตํ ทกสีตลิกมูลวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต ทกสีตลิกมูลสณฺฐานเมวาติ, โคมุตฺตสณฺฐานนฺติปิ เอเกฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต กุทาลผรสุกมฺมาทีนิ กโรนฺตานํ ยนฺตากฑฺฒนกาเล ยนฺตสุตฺตกมิว ยนฺตผลกานิ อนฺตโภเค เอกโต อคฺคฬเนฺต อาพนฺธิตฺวา ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกสฺส อนฺตรา ตํ สิพฺพิตฺวา ฐิตรชฺชุกา วิย เอกวีสติยา อนฺตโภคานํ อนฺตรา ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ antosarīre antantare antaguṇaṃ vaṇṇato setaṃ dakasītalikamūlavaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato dakasītalikamūlasaṇṭhānamevāti, gomuttasaṇṭhānantipi eke. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato kudālapharasukammādīni karontānaṃ yantākaḍḍhanakāle yantasuttakamiva yantaphalakāni antabhoge ekato aggaḷante ābandhitvā pādapuñchanarajjumaṇḍalakassa antarā taṃ sibbitvā ṭhitarajjukā viya ekavīsatiyā antabhogānaṃ antarā ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกํ สิพฺพิตฺวา ฐิตรชฺชุกา น ชานาติ ‘‘มยา ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกํ สิพฺพิต’’นฺติ, นปิ ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกํ ชานาติ ‘‘รชฺชุกา มํ สิพฺพิตฺวา ฐิตา’’ติ, เอวเมว อนฺตคุณํ น ชานาติ ‘‘อหํ อนฺตํ เอกวีสติโภคพฺภนฺตเร อาพนฺธิตฺวา ฐิต’’นฺติ, นปิ อนฺตํ ชานาติ ‘‘อนฺตคุณํ มํ อาพนฺธิตฺวา ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต อนฺตคุณํ อนฺตคุณภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อนฺตคุณํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā pādapuñchanarajjumaṇḍalakaṃ sibbitvā ṭhitarajjukā na jānāti ‘‘mayā pādapuñchanarajjumaṇḍalakaṃ sibbita’’nti, napi pādapuñchanarajjumaṇḍalakaṃ jānāti ‘‘rajjukā maṃ sibbitvā ṭhitā’’ti, evameva antaguṇaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ antaṃ ekavīsatibhogabbhantare ābandhitvā ṭhita’’nti, napi antaṃ jānāti ‘‘antaguṇaṃ maṃ ābandhitvā ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato antaguṇaṃ antaguṇabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ antaguṇaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ อโนฺตสรีเร อุทริยํ วณฺณโต อโชฺฌหฎาหารวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต ปริสฺสาวเน สิถิลพทฺธตณฺฑุลสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต อุทเร ฐิตนฺติ ฯ อุทรํ นาม อุภโต นิปฺปีฬิยมานสฺส อลฺลสาฎกสฺส มเชฺฌ สญฺชาตโผฎกสทิสํ อนฺตปฎลํ, พหิ มฎฺฐํ, อโนฺต มํสกสมฺพุปลิเวฐิตํ, กิลิฎฺฐปาวารปุปฺผสทิสํ, กุถิตปนสผลสฺส อพฺภนฺตรสทิสนฺติปิ เอเกฯ ตตฺถ ตโกฺกลกา คณฺฑุปฺปาทกาตาลหีรกาสูจิมุขกาปฎตนฺตุสุตฺตกาติ เอวมาทิทฺวตฺติํสกุลปฺปเภทา กิมโย อากุลพฺยากุลา สณฺฑสณฺฑจาริโน หุตฺวา นิวสนฺติ, เย ปานโภชนาทิมฺหิ อวิชฺชมาเน อุลฺลงฺฆิตฺวา วิรวนฺตา หทยมํสํ อภิตุทนฺติ ปานโภชนาทีนิ อโชฺฌหรณเวลายญฺจ อุทฺธํมุขา หุตฺวา ปฐมโชฺฌหเฎ เทฺว ตโย อาโลเป ตุริตตุริตา วิลุมฺปนฺติฯ ยํ เอเตสํ กิมีนํ ปสูติฆรํ วจฺจกุฎิ คิลานสาลา สุสานญฺจ โหติ, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม จณฺฑาลคามทฺวาเร จนฺทนิกาย สรทสมเย ถูลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต อุทเกน อาวูฬฺหํ มุตฺตกรีสจมฺมฎฺฐินฺหารุขณฺฑเขฬสิงฺฆาณิกาโลหิตปฺปภุตินานากุณปชาตํ นิปติตฺวา กทฺทโมทกาลุฬิตํ สญฺชาตกิมิกุลากุลํ หุตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน สูริยาตปสนฺตาปเวคกุถิตํ อุปริ เผณปุปฺผุฬเก มุญฺจนฺตํ อภินีลวณฺณํ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ อุปคนฺตุํ วา ทฎฺฐุํ วา อนรหรูปตํ อาปชฺชิตฺวา ติฎฺฐติ, ปเคว ฆายิตุํ วา สายิตุํ วา; เอวเมว นานปฺปการปานโภชนาทิ ทนฺตมุสลสํจุณฺณิตํ ชิวฺหาหตฺถสมฺปริวตฺติตํ เขฬลาลาปลิพุทฺธํ ตงฺขณวิคตวณฺณคนฺธรสาทิสมฺปทํ โกลิยขลิสุวานวมถุสทิสํ นิปติตฺวา ปิตฺตเสมฺหวาตปลิเวฐิตํ หุตฺวา อุทรคฺคิสนฺตาปเวคกุถิตํ กิมิกุลากุลํ อุปรูปริ เผณปุปฺผุฬกานิ มุญฺจนฺตํ ปรมกสมฺพุทุคฺคนฺธเชคุจฺฉภาวมาปชฺชิตฺวา ติฎฺฐติฯ ยํ สุตฺวาปิ ปานโภชนาทีสุ อมนุญฺญตา สณฺฐาติ, ปเคว ปญฺญาจกฺขุนา โอโลเกตฺวาฯ ยตฺถ จ ปติตํ ปานโภชนาทิ ปญฺจธา วิเวกํ คจฺฉติ, เอกํ ภาคํ ปาณกา ขาทนฺติ, เอกํ ภาคํ อุทรคฺคิ ฌาเปติ, เอโก ภาโค มุตฺตํ โหติ, เอโก ภาโค กรีสํ โหติ, เอโก ภาโค รสภาวํ อาปชฺชิตฺวา โสณิตมํสาทีนิ อุปพฺรูหยตีติฯ

    Tato paraṃ antosarīre udariyaṃ vaṇṇato ajjhohaṭāhāravaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato parissāvane sithilabaddhataṇḍulasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato udare ṭhitanti . Udaraṃ nāma ubhato nippīḷiyamānassa allasāṭakassa majjhe sañjātaphoṭakasadisaṃ antapaṭalaṃ, bahi maṭṭhaṃ, anto maṃsakasambupaliveṭhitaṃ, kiliṭṭhapāvārapupphasadisaṃ, kuthitapanasaphalassa abbhantarasadisantipi eke. Tattha takkolakā gaṇḍuppādakātālahīrakāsūcimukhakāpaṭatantusuttakāti evamādidvattiṃsakulappabhedā kimayo ākulabyākulā saṇḍasaṇḍacārino hutvā nivasanti, ye pānabhojanādimhi avijjamāne ullaṅghitvā viravantā hadayamaṃsaṃ abhitudanti pānabhojanādīni ajjhoharaṇavelāyañca uddhaṃmukhā hutvā paṭhamajjhohaṭe dve tayo ālope turitaturitā vilumpanti. Yaṃ etesaṃ kimīnaṃ pasūtigharaṃ vaccakuṭi gilānasālā susānañca hoti, yattha seyyathāpi nāma caṇḍālagāmadvāre candanikāya saradasamaye thūlaphusitake deve vassante udakena āvūḷhaṃ muttakarīsacammaṭṭhinhārukhaṇḍakheḷasiṅghāṇikālohitappabhutinānākuṇapajātaṃ nipatitvā kaddamodakāluḷitaṃ sañjātakimikulākulaṃ hutvā dvīhatīhaccayena sūriyātapasantāpavegakuthitaṃ upari pheṇapupphuḷake muñcantaṃ abhinīlavaṇṇaṃ paramaduggandhajegucchaṃ upagantuṃ vā daṭṭhuṃ vā anaraharūpataṃ āpajjitvā tiṭṭhati, pageva ghāyituṃ vā sāyituṃ vā; evameva nānappakārapānabhojanādi dantamusalasaṃcuṇṇitaṃ jivhāhatthasamparivattitaṃ kheḷalālāpalibuddhaṃ taṅkhaṇavigatavaṇṇagandharasādisampadaṃ koliyakhalisuvānavamathusadisaṃ nipatitvā pittasemhavātapaliveṭhitaṃ hutvā udaraggisantāpavegakuthitaṃ kimikulākulaṃ uparūpari pheṇapupphuḷakāni muñcantaṃ paramakasambuduggandhajegucchabhāvamāpajjitvā tiṭṭhati. Yaṃ sutvāpi pānabhojanādīsu amanuññatā saṇṭhāti, pageva paññācakkhunā oloketvā. Yattha ca patitaṃ pānabhojanādi pañcadhā vivekaṃ gacchati, ekaṃ bhāgaṃ pāṇakā khādanti, ekaṃ bhāgaṃ udaraggi jhāpeti, eko bhāgo muttaṃ hoti, eko bhāgo karīsaṃ hoti, eko bhāgo rasabhāvaṃ āpajjitvā soṇitamaṃsādīni upabrūhayatīti.

    ตตฺถ ยถา ปรมเชคุจฺฉาย สุวานโทณิยา ฐิโต สุวานวมถุ น ชานาติ ‘‘อหํ สุวานโทณิยา ฐิโต’’ติ; นปิ สุวานโทณิ ชานาติ ‘‘มยิ สุวานวมถุ ฐิโต’’ติฯ เอวเมว น อุทริยํ ชานาติ ‘‘อหํ อิมสฺมิํ ปรมทุคฺคนฺธเชคุเจฺฉ อุทเร ฐิต’’นฺติ; นปิ อุทรํ ชานาติ ‘‘มยิ อุทริยํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติ ฯ ปริเจฺฉทโต อุทริยํ อุทริยภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อุทริยํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā paramajegucchāya suvānadoṇiyā ṭhito suvānavamathu na jānāti ‘‘ahaṃ suvānadoṇiyā ṭhito’’ti; napi suvānadoṇi jānāti ‘‘mayi suvānavamathu ṭhito’’ti. Evameva na udariyaṃ jānāti ‘‘ahaṃ imasmiṃ paramaduggandhajegucche udare ṭhita’’nti; napi udaraṃ jānāti ‘‘mayi udariyaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti . Paricchedato udariyaṃ udariyabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ udariyaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ อโนฺตสรีเร กรีสํ วณฺณโต เยภุเยฺยน อโชฺฌหฎาหารวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํ, ทิสโต เหฎฺฐิมาย ทิสาย ชาตํ, โอกาสโต ปกฺกาสเย ฐิตนฺติฯ ปกฺกาสโย นาม เหฎฺฐา นาภิปิฎฺฐิกณฺฎกมูลานํ อนฺตเร อนฺตาวสาเน อุเพฺพเธน อฎฺฐงฺคุลมโตฺต วํสนฬกพฺภนฺตรสทิโส ปเทโส, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม อุปริภูมิภาเค ปติตํ วโสฺสทกํ โอคฬิตฺวา เหฎฺฐาภูมิภาคํ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ, เอวเมว ยํกิญฺจิ อามาสเย ปติตํ ปานโภชนาทิกํ อุทรคฺคินา เผณุเทฺทหกํ ปกฺกํ ปกฺกํ สณฺหกรณิยา ปิฎฺฐมิว สณฺหภาวํ อาปชฺชิตฺวา อนฺตพิเลน โอคฬิตฺวา โอมทฺทิตฺวา วํสนฬเก ปกฺขิตฺตปณฺฑุมตฺติกา วิย สนฺนิจิตํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ

    Tato paraṃ antosarīre karīsaṃ vaṇṇato yebhuyyena ajjhohaṭāhāravaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ, disato heṭṭhimāya disāya jātaṃ, okāsato pakkāsaye ṭhitanti. Pakkāsayo nāma heṭṭhā nābhipiṭṭhikaṇṭakamūlānaṃ antare antāvasāne ubbedhena aṭṭhaṅgulamatto vaṃsanaḷakabbhantarasadiso padeso, yattha seyyathāpi nāma uparibhūmibhāge patitaṃ vassodakaṃ ogaḷitvā heṭṭhābhūmibhāgaṃ pūretvā tiṭṭhati, evameva yaṃkiñci āmāsaye patitaṃ pānabhojanādikaṃ udaragginā pheṇuddehakaṃ pakkaṃ pakkaṃ saṇhakaraṇiyā piṭṭhamiva saṇhabhāvaṃ āpajjitvā antabilena ogaḷitvā omadditvā vaṃsanaḷake pakkhittapaṇḍumattikā viya sannicitaṃ hutvā tiṭṭhati.

    ตตฺถ ยถา วํสนฬเก โอมทฺทิตฺวา ปกฺขิตฺตปณฺฑุมตฺติกา น ชานาติ ‘‘อหํ วํสนฬเก ฐิตา’’ติ, นปิ วํสนฬโก ชานาติ ‘‘มยิ ปณฺฑุมตฺติกา ฐิตา’’ติ; เอวเมว น กรีสํ ชานาติ ‘‘อหํ ปกฺกาสเย ฐิต’’นฺติ, นปิ ปกฺกาสโย ชานาติ ‘‘มยิ กรีสํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต กรีสํ กรีสภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ กรีสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā vaṃsanaḷake omadditvā pakkhittapaṇḍumattikā na jānāti ‘‘ahaṃ vaṃsanaḷake ṭhitā’’ti, napi vaṃsanaḷako jānāti ‘‘mayi paṇḍumattikā ṭhitā’’ti; evameva na karīsaṃ jānāti ‘‘ahaṃ pakkāsaye ṭhita’’nti, napi pakkāsayo jānāti ‘‘mayi karīsaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato karīsaṃ karīsabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ karīsaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร สีสกฎาหพฺภนฺตเร มตฺถลุงฺคํ วณฺณโต เสตํ อหิฉตฺตกปิณฺฑิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ ปกฺกุถิตทุทฺธวณฺณนฺติปิ เอเกฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต สีสกฎาหสฺส อพฺภนฺตเร จตฺตาโร สิพฺพินิมเคฺค นิสฺสาย สโมธาย ฐปิตา จตฺตาโร ปิฎฺฐปิณฺฑิกา วิย สโมหิตํ จตุมตฺถลุงฺคปิณฺฑปฺปเภทํ หุตฺวา ฐิตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīre sīsakaṭāhabbhantare matthaluṅgaṃ vaṇṇato setaṃ ahichattakapiṇḍivaṇṇanti vavatthapeti. Pakkuthitaduddhavaṇṇantipi eke. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato sīsakaṭāhassa abbhantare cattāro sibbinimagge nissāya samodhāya ṭhapitā cattāro piṭṭhapiṇḍikā viya samohitaṃ catumatthaluṅgapiṇḍappabhedaṃ hutvā ṭhitanti.

    ตตฺถ ยถา ปุราณลาพุกฎาเห ปกฺขิตฺตปิฎฺฐปิณฺฑิ ปกฺกุถิตทุทฺธํ วา น ชานาติ ‘‘อหํ ปุราณลาพุกฎาเห ฐิต’’นฺติ, นปิ ปุราณลาพุกฎาหํ ชานาติ ‘‘มยิ ปิฎฺฐปิณฺฑิ ปกฺกุถิตทุทฺธํ วา ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น มตฺถลุงฺคํ ชานาติ ‘‘อหํ สีสกฎาหพฺภนฺตเร ฐิต’’นฺติ, นปิ สีสกฎาหพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘‘มยิ มตฺถลุงฺคํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต มตฺถลุงฺคํ มตฺถลุงฺคภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ มตฺถลุงฺคํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā purāṇalābukaṭāhe pakkhittapiṭṭhapiṇḍi pakkuthitaduddhaṃ vā na jānāti ‘‘ahaṃ purāṇalābukaṭāhe ṭhita’’nti, napi purāṇalābukaṭāhaṃ jānāti ‘‘mayi piṭṭhapiṇḍi pakkuthitaduddhaṃ vā ṭhita’’nti; evameva na matthaluṅgaṃ jānāti ‘‘ahaṃ sīsakaṭāhabbhantare ṭhita’’nti, napi sīsakaṭāhabbhantaraṃ jānāti ‘‘mayi matthaluṅgaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato matthaluṅgaṃ matthaluṅgabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ matthaluṅgaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร พทฺธาพทฺธเภทโต ทุวิธมฺปิ ปิตฺตํ วณฺณโต พหลมธุกเตลวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ อพทฺธปิตฺตํ มิลาตพกุลปุปฺผวณฺณนฺติปิ เอเกฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต อพทฺธปิตฺตํ เกสโลมนขทนฺตานํ มํสวินิมุตฺตฎฺฐานํ ถทฺธสุกฺขจมฺมญฺจ วเชฺชตฺวา อุทกมิว เตลพินฺทุ อวเสสสรีรํ พฺยาเปตฺวา ฐิตํ, ยมฺหิ กุปิเต อกฺขีนิ ปีตกานิ โหนฺติ ภมนฺติ, คตฺตํ กมฺปติ กณฺฑูยติฯ พทฺธปิตฺตํ หทยปปฺผาสานมนฺตเร ยกนมํสํ นิสฺสาย ปติฎฺฐิเต มหาโกสาตกิโกสกสทิเส ปิตฺตโกสเก ฐิตํ, ยมฺหิ กุปิเต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ, วิปลฺลตฺถจิตฺตา หิโรตฺตปฺปํ ฉเฑฺฑตฺวา อกตฺตพฺพํ กโรนฺติ, อภาสิตพฺพํ ภาสนฺติ, อจินฺติตพฺพํ จิเนฺตนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīre baddhābaddhabhedato duvidhampi pittaṃ vaṇṇato bahalamadhukatelavaṇṇanti vavatthapeti. Abaddhapittaṃ milātabakulapupphavaṇṇantipi eke. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato abaddhapittaṃ kesalomanakhadantānaṃ maṃsavinimuttaṭṭhānaṃ thaddhasukkhacammañca vajjetvā udakamiva telabindu avasesasarīraṃ byāpetvā ṭhitaṃ, yamhi kupite akkhīni pītakāni honti bhamanti, gattaṃ kampati kaṇḍūyati. Baddhapittaṃ hadayapapphāsānamantare yakanamaṃsaṃ nissāya patiṭṭhite mahākosātakikosakasadise pittakosake ṭhitaṃ, yamhi kupite sattā ummattakā honti, vipallatthacittā hirottappaṃ chaḍḍetvā akattabbaṃ karonti, abhāsitabbaṃ bhāsanti, acintitabbaṃ cintenti.

    ตตฺถ ยถา อุทกํ พฺยาเปตฺวา ฐิตํ เตลํ น ชานาติ ‘‘อหํ อุทกํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’’นฺติ, นปิ อุทกํ ชานาติ ‘‘เตลํ มํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น อพทฺธปิตฺตํ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’’นฺติ, นปิ สรีรํ ชานาติ ‘‘อพทฺธปิตฺตํ มํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’’นฺติฯ ยถา จ โกสาตกิโกสเก ฐิตํ วโสฺสทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ โกสาตกิโกสเก ฐิต’’นฺติ, นปิ โกสาตกิโกสโก ชานาติ ‘‘มยิ วโสฺสทกํ ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น พทฺธปิตฺตํ ชานาติ ‘‘อหํ ปิตฺตโกสเก ฐิต’’นฺติ, นปิ ปิตฺตโกสโก ชานาติ ‘‘มยิ พทฺธปิตฺตํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต ปิตฺตํ ปิตฺตภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปิตฺตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā udakaṃ byāpetvā ṭhitaṃ telaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ udakaṃ byāpetvā ṭhita’’nti, napi udakaṃ jānāti ‘‘telaṃ maṃ byāpetvā ṭhita’’nti; evameva na abaddhapittaṃ jānāti ‘‘ahaṃ sarīraṃ byāpetvā ṭhita’’nti, napi sarīraṃ jānāti ‘‘abaddhapittaṃ maṃ byāpetvā ṭhita’’nti. Yathā ca kosātakikosake ṭhitaṃ vassodakaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ kosātakikosake ṭhita’’nti, napi kosātakikosako jānāti ‘‘mayi vassodakaṃ ṭhita’’nti; evameva na baddhapittaṃ jānāti ‘‘ahaṃ pittakosake ṭhita’’nti, napi pittakosako jānāti ‘‘mayi baddhapittaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato pittaṃ pittabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ pittaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีรพฺภนฺตเร เอกปตฺตปูรปฺปมาณํ เสมฺหํ วณฺณโต เสตํ กจฺฉกปณฺณรสวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต อุทรปฎเล ฐิตนฺติฯ ยํ ปานโภชนาทิอโชฺฌหรณกาเล เสยฺยถาปิ นาม อุทเก เสวาลปณกํ กเฎฺฐ วา กถเล วา ปตเนฺต ฉิชฺชิตฺวา ทฺวิธา หุตฺวา ปุน อโชฺฌตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ, เอวเมว ปานโภชนาทิมฺหิ นิปตเนฺต ฉิชฺชิตฺวา ทฺวิธา หุตฺวา ปุน อโชฺฌตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ, ยมฺหิ จ มนฺทีภูเต ปกฺกมิว คณฺฑํ ปูติกมิว กุกฺกุฎณฺฑํ อุทรปฎลํ ปรมเชคุจฺฉกุณปคนฺธํ โหติฯ ตโต อุคฺคเตน จ คเนฺธน อุคฺคาโรปิ มุขมฺปิ ทุคฺคนฺธํ ปูติกุณปสทิสํ โหติ, โส จ ปุริโส ‘‘อเปหิ ทุคฺคนฺธํ วายสี’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ยญฺจ อภิวฑฺฒิตํ พหลตฺตมาปนฺนํ ปฎิกุชฺชนผลกมิว วจฺจกุฎิยา อุทรปฎลพฺภนฺตเร เอว กุณปคนฺธํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ติฎฺฐติฯ

    Tato paraṃ sarīrabbhantare ekapattapūrappamāṇaṃ semhaṃ vaṇṇato setaṃ kacchakapaṇṇarasavaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato udarapaṭale ṭhitanti. Yaṃ pānabhojanādiajjhoharaṇakāle seyyathāpi nāma udake sevālapaṇakaṃ kaṭṭhe vā kathale vā patante chijjitvā dvidhā hutvā puna ajjhottharitvā tiṭṭhati, evameva pānabhojanādimhi nipatante chijjitvā dvidhā hutvā puna ajjhottharitvā tiṭṭhati, yamhi ca mandībhūte pakkamiva gaṇḍaṃ pūtikamiva kukkuṭaṇḍaṃ udarapaṭalaṃ paramajegucchakuṇapagandhaṃ hoti. Tato uggatena ca gandhena uggāropi mukhampi duggandhaṃ pūtikuṇapasadisaṃ hoti, so ca puriso ‘‘apehi duggandhaṃ vāyasī’’ti vattabbataṃ āpajjati, yañca abhivaḍḍhitaṃ bahalattamāpannaṃ paṭikujjanaphalakamiva vaccakuṭiyā udarapaṭalabbhantare eva kuṇapagandhaṃ sannirumbhitvā tiṭṭhati.

    ตตฺถ ยถา จนฺทนิกาย อุปริเผณปฎลํ น ชานาติ ‘‘อหํ จนฺทนิกาย ฐิต’’นฺติ, นปิ จนฺทนิกา ชานาติ ‘‘มยิ เผณปฎลํ ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น เสมฺหํ ชานาติ ‘‘อหํ อุทรปฎเล ฐิต’’นฺติ, นปิ อุทรปฎลํ ชานาติ ‘‘มยิ เสมฺหํ ฐิตนฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต เสมฺหํ เสมฺหภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เสมฺหํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā candanikāya uparipheṇapaṭalaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ candanikāya ṭhita’’nti, napi candanikā jānāti ‘‘mayi pheṇapaṭalaṃ ṭhita’’nti; evameva na semhaṃ jānāti ‘‘ahaṃ udarapaṭale ṭhita’’nti, napi udarapaṭalaṃ jānāti ‘‘mayi semhaṃ ṭhitanti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato semhaṃ semhabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ semhaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร ปุโพฺพ วณฺณโต ปณฺฑุปลาสวโณฺณติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐาโนฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต ปุพฺพสฺส โอกาโส นาม นิพโทฺธ นตฺถิฯ ยตฺถ ปุโพฺพ สนฺนิจิโต ติเฎฺฐยฺย, ยตฺร ยตฺร ขาณุกณฺฎกปฺปหรณคฺคิชาลาทีหิ อภิหเต สรีรปฺปเทเส โลหิตํ สณฺฐหิตฺวา ปจฺจติ, คณฺฑปิฬกาทโย วา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺร ตตฺร ติฎฺฐติฯ

    Tato paraṃ sarīre pubbo vaṇṇato paṇḍupalāsavaṇṇoti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhāno. Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato pubbassa okāso nāma nibaddho natthi. Yattha pubbo sannicito tiṭṭheyya, yatra yatra khāṇukaṇṭakappaharaṇaggijālādīhi abhihate sarīrappadese lohitaṃ saṇṭhahitvā paccati, gaṇḍapiḷakādayo vā uppajjanti, tatra tatra tiṭṭhati.

    ตตฺถ ยถา รุกฺขสฺส ตตฺถ ตตฺถ ผรสุธาราทีหิ ปหตปฺปเทเส อวคฬิตฺวา ฐิโต นิยฺยาโส น ชานาติ ‘‘อหํ รุกฺขสฺส ปหตปฺปเทเส ฐิโต’’ติ, นปิ รุกฺขสฺส ปหตปฺปเทโส ชานาติ ‘‘มยิ นิยฺยาโส ฐิโต’’ติ; เอวเมว น ปุโพฺพ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรสฺส ตตฺถ ตตฺถ ขาณุกณฺฎกาทีหิ อภิหตปฺปเทเส คณฺฑปิฬกาทีนํ อุฎฺฐิตปฺปเทเส วา ฐิโต’’ติ, นปิ สรีรปฺปเทโส ชานาติ ‘‘มยิ ปุโพฺพ ฐิโต’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต ปุโพฺพ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉิโนฺนติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปุพฺพํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā rukkhassa tattha tattha pharasudhārādīhi pahatappadese avagaḷitvā ṭhito niyyāso na jānāti ‘‘ahaṃ rukkhassa pahatappadese ṭhito’’ti, napi rukkhassa pahatappadeso jānāti ‘‘mayi niyyāso ṭhito’’ti; evameva na pubbo jānāti ‘‘ahaṃ sarīrassa tattha tattha khāṇukaṇṭakādīhi abhihatappadese gaṇḍapiḷakādīnaṃ uṭṭhitappadese vā ṭhito’’ti, napi sarīrappadeso jānāti ‘‘mayi pubbo ṭhito’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato pubbo pubbabhāgena paricchinnoti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ pubbaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร สนฺนิจิตโลหิตํ สํสรณโลหิตนฺติ เอวํ ทุวิเธ โลหิเต สนฺนิจิตโลหิตํ ตาว วณฺณโต พหลกุถิตลาขารสวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ, สํสรณโลหิตํ อจฺฉลาขารสวณฺณนฺติฯ สณฺฐานโต สพฺพมฺปิ อตฺตโน โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต สนฺนิจิตโลหิตํ อุปริมาย ทิสาย ชาตํ, สํสรณโลหิตํ ทฺวีสุปีติฯ โอกาสโต สํสรณโลหิตํ เกสโลมนขทนฺตานํ มํสวินิมุตฺตฎฺฐานเญฺจว ถทฺธสุกฺขจมฺมญฺจ วเชฺชตฺวา ธมนิชาลานุสาเรน สพฺพํ อุปาทินฺนกสรีรํ ผริตฺวา ฐิตํฯ สนฺนิจิตโลหิตํ ยกนสฺส เหฎฺฐาภาคํ ปูเรตฺวา เอกปตฺตปูรณมตฺตํ วกฺกหทยปปฺผาสานํ อุปริ โถกํ โถกํ พินฺทุํ ปาเตนฺตํ วกฺกหทยยกนปปฺผาเส เตเมนฺตํ ฐิตํ, ยมฺหิ วกฺกหทยาทีนิ อเตเมเนฺต สตฺตา ปิปาสิตา โหนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīre sannicitalohitaṃ saṃsaraṇalohitanti evaṃ duvidhe lohite sannicitalohitaṃ tāva vaṇṇato bahalakuthitalākhārasavaṇṇanti vavatthapeti, saṃsaraṇalohitaṃ acchalākhārasavaṇṇanti. Saṇṭhānato sabbampi attano okāsasaṇṭhānaṃ. Disato sannicitalohitaṃ uparimāya disāya jātaṃ, saṃsaraṇalohitaṃ dvīsupīti. Okāsato saṃsaraṇalohitaṃ kesalomanakhadantānaṃ maṃsavinimuttaṭṭhānañceva thaddhasukkhacammañca vajjetvā dhamanijālānusārena sabbaṃ upādinnakasarīraṃ pharitvā ṭhitaṃ. Sannicitalohitaṃ yakanassa heṭṭhābhāgaṃ pūretvā ekapattapūraṇamattaṃ vakkahadayapapphāsānaṃ upari thokaṃ thokaṃ binduṃ pātentaṃ vakkahadayayakanapapphāse tementaṃ ṭhitaṃ, yamhi vakkahadayādīni atemente sattā pipāsitā honti.

    ตตฺถ ยถา ชชฺชรกปาเล ฐิตํ อุทกํ เหฎฺฐา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ เตเมนฺตํ น ชานาติ ‘‘อหํ ชชฺชรกปาเล ฐิตํ เหฎฺฐา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ เตเมมี’’ติ, นปิ ชชฺชรกปาลํ เหฎฺฐา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ วา ชานนฺติ ‘‘มยิ อุทกํ ฐิตํ, อเมฺห วา เตเมนฺตํ ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น โลหิตํ ชานาติ ‘‘อหํ ยกนสฺส เหฎฺฐาภาเค วกฺกหทยาทีนิ เตเมนฺตํ ฐิต’’นฺติ, นปิ ยกนสฺส เหฎฺฐาภาคฎฺฐานํ วกฺกหทยาทีนิ วา ชานนฺติ ‘‘มยิ โลหิตํ ฐิตํ, อเมฺห วา เตเมนฺตํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต โลหิตํ โลหิตภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ โลหิตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā jajjarakapāle ṭhitaṃ udakaṃ heṭṭhā leḍḍukhaṇḍādīni tementaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ jajjarakapāle ṭhitaṃ heṭṭhā leḍḍukhaṇḍādīni tememī’’ti, napi jajjarakapālaṃ heṭṭhā leḍḍukhaṇḍādīni vā jānanti ‘‘mayi udakaṃ ṭhitaṃ, amhe vā tementaṃ ṭhita’’nti; evameva na lohitaṃ jānāti ‘‘ahaṃ yakanassa heṭṭhābhāge vakkahadayādīni tementaṃ ṭhita’’nti, napi yakanassa heṭṭhābhāgaṭṭhānaṃ vakkahadayādīni vā jānanti ‘‘mayi lohitaṃ ṭhitaṃ, amhe vā tementaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato lohitaṃ lohitabhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ lohitaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร เสโท วณฺณโต ปสนฺนติลเตลวโณฺณติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐาโนฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต เสทสฺส โอกาโส นาม นิพโทฺธ นตฺถิ, ยตฺถ เสโท โลหิตํ วิย สทา ติเฎฺฐยฺยฯ ยสฺมา วา ยทา อคฺคิสนฺตาปสูริยสนฺตาปอุตุวิการาทีหิ สรีรํ สนฺตปติ, อถ อุทกโต อพฺพูฬฺหมตฺตวิสมจฺฉินฺนภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปอุทกมิว สพฺพเกสโลมกูปวิวเรหิ ปคฺฆรติฯ ตสฺมา เตสํ เกสโลมกูปวิวรานํ วเสน ตํ สณฺฐานโต ววตฺถเปติฯ ‘‘เสทปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน เกสโลมกูปวิวเร ปูเรตฺวา ฐิตวเสเนว เสโท มนสิกาตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ ปุพฺพาจริเยหิฯ

    Tato paraṃ sarīre sedo vaṇṇato pasannatilatelavaṇṇoti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhāno. Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato sedassa okāso nāma nibaddho natthi, yattha sedo lohitaṃ viya sadā tiṭṭheyya. Yasmā vā yadā aggisantāpasūriyasantāpautuvikārādīhi sarīraṃ santapati, atha udakato abbūḷhamattavisamacchinnabhisamuḷālakumudanālakalāpaudakamiva sabbakesalomakūpavivarehi paggharati. Tasmā tesaṃ kesalomakūpavivarānaṃ vasena taṃ saṇṭhānato vavatthapeti. ‘‘Sedapariggaṇhakena ca yogāvacarena kesalomakūpavivare pūretvā ṭhitavaseneva sedo manasikātabbo’’ti vuttaṃ pubbācariyehi.

    ตตฺถ ยถา ภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปวิวเรหิ ปคฺฆรนฺตํ อุทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ ภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปวิวเรหิ ปคฺฆรามี’’ติ, นปิ ภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปวิวรา ชานนฺติ ‘‘อเมฺหหิ อุทกํ ปคฺฆรตี’’ติ; เอวเมว น เสโท ชานาติ ‘‘อหํ เกสโลมกูปวิวเรหิ ปคฺฆรามี’’ติ, นปิ เกสโลมกูปวิวรา ชานนฺติ ‘‘อเมฺหหิ เสโท ปคฺฆรตี’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต เสโท เสทภาเคน ปริจฺฉิโนฺนติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เสทํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā bhisamuḷālakumudanālakalāpavivarehi paggharantaṃ udakaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ bhisamuḷālakumudanālakalāpavivarehi paggharāmī’’ti, napi bhisamuḷālakumudanālakalāpavivarā jānanti ‘‘amhehi udakaṃ paggharatī’’ti; evameva na sedo jānāti ‘‘ahaṃ kesalomakūpavivarehi paggharāmī’’ti, napi kesalomakūpavivarā jānanti ‘‘amhehi sedo paggharatī’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato sedo sedabhāgena paricchinnoti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ sedaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร จมฺมมํสนฺตเร เมโท วณฺณโต ผาลิตหลิทฺทิวโณฺณติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐาโนฯ ตถา หิ สุขิโน ถูลสรีรสฺส จมฺมมํสนฺตเร ผริตฺวา ฐิโต หลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกสณฺฐาโน, กิสสรีรสฺส ชงฺฆมํสอูรุมํสปิฎฺฐิกณฺฎกนิสฺสิตปิฎฺฐิมํสอุทรปฎลมํสานิ นิสฺสาย สํเวลฺลิตฺวา ฐปิตหลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกขณฺฑสณฺฐาโนฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต ถูลสรีรสฺส สกลสรีรํ ผริตฺวา กิสสฺส ชงฺฆามํสาทีนิ นิสฺสาย ฐิโต, โย สิเนหสงฺขาโตปิ หุตฺวา ปรมเชคุจฺฉตฺตา น มตฺถกเตลตฺถํ น คณฺฑูสเตลตฺถํ น ทีปชาลนตฺถํ สงฺคยฺหติฯ

    Tato paraṃ sarīre cammamaṃsantare medo vaṇṇato phālitahaliddivaṇṇoti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhāno. Tathā hi sukhino thūlasarīrassa cammamaṃsantare pharitvā ṭhito haliddirattadukūlapilotikasaṇṭhāno, kisasarīrassa jaṅghamaṃsaūrumaṃsapiṭṭhikaṇṭakanissitapiṭṭhimaṃsaudarapaṭalamaṃsāni nissāya saṃvellitvā ṭhapitahaliddirattadukūlapilotikakhaṇḍasaṇṭhāno. Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato thūlasarīrassa sakalasarīraṃ pharitvā kisassa jaṅghāmaṃsādīni nissāya ṭhito, yo sinehasaṅkhātopi hutvā paramajegucchattā na matthakatelatthaṃ na gaṇḍūsatelatthaṃ na dīpajālanatthaṃ saṅgayhati.

    ตตฺถ ยถา มํสปุญฺชํ นิสฺสาย ฐิตา หลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกา น ชานาติ ‘‘อหํ มํสปุญฺชํ นิสฺสาย ฐิตา’’ติ, นปิ มํสปุโญฺช ชานาติ ‘‘หลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกา มํ นิสฺสาย ฐิตา’’ติ; เอวเมว น เมโท ชานาติ ‘‘อหํ สกลสรีรํ ชงฺฆาทีสุ วา มํสํ นิสฺสาย ฐิโต’’ติ, นปิ สกลสรีรํ ชานาติ ชงฺฆาทีสุ วา มํสํ ‘‘เมโท มํ นิสฺสาย ฐิโต’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต เมโท เหฎฺฐา มํเสน, อุปริ จเมฺมน, สมนฺตโต เมทภาเคน ปริจฺฉิโนฺนติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เมทํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā maṃsapuñjaṃ nissāya ṭhitā haliddirattadukūlapilotikā na jānāti ‘‘ahaṃ maṃsapuñjaṃ nissāya ṭhitā’’ti, napi maṃsapuñjo jānāti ‘‘haliddirattadukūlapilotikā maṃ nissāya ṭhitā’’ti; evameva na medo jānāti ‘‘ahaṃ sakalasarīraṃ jaṅghādīsu vā maṃsaṃ nissāya ṭhito’’ti, napi sakalasarīraṃ jānāti jaṅghādīsu vā maṃsaṃ ‘‘medo maṃ nissāya ṭhito’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato medo heṭṭhā maṃsena, upari cammena, samantato medabhāgena paricchinnoti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ medaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร อสฺสุ วณฺณโต ปสนฺนติลเตลวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต อกฺขิกูปเกสุ ฐิตนฺติฯ น เจตํ ปิตฺตโกสเก ปิตฺตมิว อกฺขิกูปเกสุ สทา สนฺนิจิตํ หุตฺวา ติฎฺฐติ, กินฺตุ ยทา โสมนสฺสชาตา สตฺตา มหาหสิตํ หสนฺติ, โทมนสฺสชาตา โรทนฺติ ปริเทวนฺติ, ตถารูปํ วิสมาหารํ วา หรนฺติ, ยทา จ เตสํ อกฺขีนิ ธูมรชปํสุกาทีหิ อภิหญฺญนฺติ, ตทา เอเตหิ โสมนสฺสโทมนสฺสวิสมาหาราทีหิ สมุฎฺฐหิตฺวา อสฺสุ อกฺขิกูปเกสุ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ ปคฺฆรติ จฯ ‘‘อสฺสุปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน อกฺขิกูปเก ปูเรตฺวา ฐิตวเสเนว ตํ มนสิกาตพฺพ’’นฺติ ปุพฺพาจริยา วณฺณยนฺติฯ

    Tato paraṃ sarīre assu vaṇṇato pasannatilatelavaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato akkhikūpakesu ṭhitanti. Na cetaṃ pittakosake pittamiva akkhikūpakesu sadā sannicitaṃ hutvā tiṭṭhati, kintu yadā somanassajātā sattā mahāhasitaṃ hasanti, domanassajātā rodanti paridevanti, tathārūpaṃ visamāhāraṃ vā haranti, yadā ca tesaṃ akkhīni dhūmarajapaṃsukādīhi abhihaññanti, tadā etehi somanassadomanassavisamāhārādīhi samuṭṭhahitvā assu akkhikūpakesu pūretvā tiṭṭhati paggharati ca. ‘‘Assupariggaṇhakena ca yogāvacarena akkhikūpake pūretvā ṭhitavaseneva taṃ manasikātabba’’nti pubbācariyā vaṇṇayanti.

    ตตฺถ ยถา มตฺถกจฺฉินฺนตรุณตาลฎฺฐิกูปเกสุ ฐิตํ อุทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ มตฺถกจฺฉินฺนตรุณตาลฎฺฐิกูปเกสุ ฐิต’’นฺติ, นปิ มตฺถกจฺฉินฺนตรุณตาลฎฺฐิกูปกา ชานนฺติ ‘‘อเมฺหสุ อุทกํ ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น อสฺสุ ชานาติ ‘‘อหํ อกฺขิกูปเกสุ ฐิต’’นฺติ, นปิ อกฺขิกูปกา ชานนฺติ ‘‘อเมฺหสุ อสฺสุ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต อสฺสุ อสฺสุภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อสฺสุํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā matthakacchinnataruṇatālaṭṭhikūpakesu ṭhitaṃ udakaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ matthakacchinnataruṇatālaṭṭhikūpakesu ṭhita’’nti, napi matthakacchinnataruṇatālaṭṭhikūpakā jānanti ‘‘amhesu udakaṃ ṭhita’’nti; evameva na assu jānāti ‘‘ahaṃ akkhikūpakesu ṭhita’’nti, napi akkhikūpakā jānanti ‘‘amhesu assu ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato assu assubhāgena paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ assuṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร วิลีนสิเนหสงฺขาตา วสา วณฺณโต อาจาเม อาสิตฺตเตลวณฺณาติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานาฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตาฯ โอกาสโต หตฺถตลหตฺถปิฎฺฐิปาทตลปาทปิฎฺฐินาสาปุฎนลาฎอํสกูเฎสุ ฐิตาติฯ น เจสา เอเตสุ โอกาเสสุ สทา วิลีนา เอว หุตฺวา ติฎฺฐติ, กินฺตุ ยทา อคฺคิสนฺตาปสูริยสนฺตาปอุตุวิสภาคธาตุวิสภาเคหิ เต ปเทสา อุสฺมาชาตา โหนฺติ, ตทา ตตฺถ วิลีนาว หุตฺวา ปสนฺนสลิลาสุ อุทกโสณฺฑิกาสุ นีหาโร วิย สรติฯ

    Tato paraṃ sarīre vilīnasinehasaṅkhātā vasā vaṇṇato ācāme āsittatelavaṇṇāti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānā. Disato dvīsu disāsu jātā. Okāsato hatthatalahatthapiṭṭhipādatalapādapiṭṭhināsāpuṭanalāṭaaṃsakūṭesu ṭhitāti. Na cesā etesu okāsesu sadā vilīnā eva hutvā tiṭṭhati, kintu yadā aggisantāpasūriyasantāpautuvisabhāgadhātuvisabhāgehi te padesā usmājātā honti, tadā tattha vilīnāva hutvā pasannasalilāsu udakasoṇḍikāsu nīhāro viya sarati.

    ตตฺถ ยถา อุทกโสณฺฑิโย อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิโต นีหาโร น ชานาติ ‘‘อหํ อุทกโสณฺฑิโย อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิโต’’ติ, นปิ อุทกโสณฺฑิโย ชานนฺติ ‘‘นีหาโร อเมฺห อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิโต’’ติ; เอวเมว น วสา ชานาติ ‘‘อหํ หตฺถตลาทีนิ อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตา’’ติ, นปิ หตฺถตลาทีนิ ชานนฺติ ‘‘วสา อเมฺห อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตา’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต วสา วสาภาเคน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติฯ อยเมติสฺสา สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ วสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā udakasoṇḍiyo ajjhottharitvā ṭhito nīhāro na jānāti ‘‘ahaṃ udakasoṇḍiyo ajjhottharitvā ṭhito’’ti, napi udakasoṇḍiyo jānanti ‘‘nīhāro amhe ajjhottharitvā ṭhito’’ti; evameva na vasā jānāti ‘‘ahaṃ hatthatalādīni ajjhottharitvā ṭhitā’’ti, napi hatthatalādīni jānanti ‘‘vasā amhe ajjhottharitvā ṭhitā’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato vasā vasābhāgena paricchinnāti vavatthapeti. Ayametissā sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ vasaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร มุขสฺสพฺภนฺตเร เขโฬ วณฺณโต เสโต เผณวโณฺณติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐาโนติ, สมุทฺทเผณสณฺฐาโนติปิ เอเกฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาโตฯ โอกาสโต อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาย ฐิโตติฯ น เจโส เอตฺถ สทา สนฺนิจิโต หุตฺวา ติฎฺฐติ, กินฺตุ ยทา สตฺตา ตถารูปํ อาหารํ ปสฺสนฺติ วา สรนฺติ วา, อุณฺหติตฺตกฎุกโลณมฺพิลานํ วา กิญฺจิ มุเข ฐเปนฺติฯ ยทา จ เตสํ หทยํ อาคิลายติ, กิสฺมิญฺจิเทว วา ชิคุจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตทา เขโฬ อุปฺปชฺชิตฺวา อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาย สณฺฐาติฯ อคฺคชิวฺหาย เจส เขโฬ ตนุโก โหติ, มูลชิวฺหาย พหโล, มุเข ปกฺขิตฺตญฺจ ปุถุกํ วา ตณฺฑุลํ วา อญฺญํ วา กิญฺจิ ขาทนียํ นทิปุลิเน ขตกูปสลิลมิว ปริกฺขยมคจฺฉโนฺตว สทา เตมนสมโตฺถ โหติฯ

    Tato paraṃ sarīre mukhassabbhantare kheḷo vaṇṇato seto pheṇavaṇṇoti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānoti, samuddapheṇasaṇṭhānotipi eke. Disato uparimāya disāya jāto. Okāsato ubhohi kapolapassehi orohitvā jivhāya ṭhitoti. Na ceso ettha sadā sannicito hutvā tiṭṭhati, kintu yadā sattā tathārūpaṃ āhāraṃ passanti vā saranti vā, uṇhatittakaṭukaloṇambilānaṃ vā kiñci mukhe ṭhapenti. Yadā ca tesaṃ hadayaṃ āgilāyati, kismiñcideva vā jigucchā uppajjati, tadā kheḷo uppajjitvā ubhohi kapolapassehi orohitvā jivhāya saṇṭhāti. Aggajivhāya cesa kheḷo tanuko hoti, mūlajivhāya bahalo, mukhe pakkhittañca puthukaṃ vā taṇḍulaṃ vā aññaṃ vā kiñci khādanīyaṃ nadipuline khatakūpasalilamiva parikkhayamagacchantova sadā temanasamattho hoti.

    ตตฺถ ยถา นทิปุลิเน ขตกูปตเล สณฺฐิตํ อุทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ กูปตเล สณฺฐิต’’นฺติ , นปิ กูปตลํ ชานาติ ‘‘มยิ อุทกํ ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น เขโฬ ชานาติ ‘‘อหํ อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาตเล สณฺฐิโต’’ติ, นปิ ชิวฺหาตลํ ชานาติ ‘‘มยิ อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอโรหิตฺวา เขโฬ สณฺฐิโต’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต เขโฬ เขฬภาเคน ปริจฺฉิโนฺนติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เขฬํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā nadipuline khatakūpatale saṇṭhitaṃ udakaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ kūpatale saṇṭhita’’nti , napi kūpatalaṃ jānāti ‘‘mayi udakaṃ ṭhita’’nti; evameva na kheḷo jānāti ‘‘ahaṃ ubhohi kapolapassehi orohitvā jivhātale saṇṭhito’’ti, napi jivhātalaṃ jānāti ‘‘mayi ubhohi kapolapassehi orohitvā kheḷo saṇṭhito’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato kheḷo kheḷabhāgena paricchinnoti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ kheḷaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ สรีเร สิงฺฆาณิกา วณฺณโต เสตา ตรุณตาลมิญฺชวณฺณาติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานา, เสเทตฺวา เสเทตฺวา นาสาปุเฎ นิรนฺตรํ ปกฺขิตฺตเวตฺตงฺกุรสณฺฐานาติปิ เอเกฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตาฯ โอกาสโต นาสาปุเฎ ปูเรตฺวา ฐิตาติฯ น เจสา เอตฺถ สทา สนฺนิจิตา หุตฺวา ติฎฺฐติ, กินฺตุ เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส ปทุมินิปเตฺต ทธิํ พนฺธิตฺวา เหฎฺฐา ปทุมินิปตฺตํ กณฺฎเกน วิเชฺฌยฺย, อถ เตน ฉิเทฺทน ทธิปิณฺฑํ คฬิตฺวา พหิ ปปเตยฺย; เอวเมว ยทา สตฺตา โรทนฺติ, วิสภาคาหารอุตุวเสน วา สญฺชาตธาตุโกฺขภา โหนฺติ, ตทา อโนฺตสีสโต ปูติเสมฺหภาวํ อาปนฺนํ มตฺถลุงฺคํ คฬิตฺวา ตาลุมตฺถกวิวเรน โอตริตฺวา นาสาปุเฎ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติฯ

    Tato paraṃ sarīre siṅghāṇikā vaṇṇato setā taruṇatālamiñjavaṇṇāti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānā, sedetvā sedetvā nāsāpuṭe nirantaraṃ pakkhittavettaṅkurasaṇṭhānātipi eke. Disato uparimāya disāya jātā. Okāsato nāsāpuṭe pūretvā ṭhitāti. Na cesā ettha sadā sannicitā hutvā tiṭṭhati, kintu seyyathāpi nāma puriso paduminipatte dadhiṃ bandhitvā heṭṭhā paduminipattaṃ kaṇṭakena vijjheyya, atha tena chiddena dadhipiṇḍaṃ gaḷitvā bahi papateyya; evameva yadā sattā rodanti, visabhāgāhārautuvasena vā sañjātadhātukkhobhā honti, tadā antosīsato pūtisemhabhāvaṃ āpannaṃ matthaluṅgaṃ gaḷitvā tālumatthakavivarena otaritvā nāsāpuṭe pūretvā tiṭṭhati.

    ตตฺถ ยถา สิปฺปิกาย ปกฺขิตฺตํ ปูติทธิ น ชานาติ ‘‘อหํ สิปฺปิกาย ฐิต’’นฺติ, นปิ สิปฺปิกา ชานาติ ‘‘มยิ ปูติกํ ทธิ ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น สิงฺฆาณิกา ชานาติ ‘‘อหํ นาสาปุเฎสุ ฐิตา’’ติ, นปิ นาสาปุฎา ชานนฺติ ‘‘อเมฺหสุ สิงฺฆาณิกา ฐิตา’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต สิงฺฆาณิกา สิงฺฆาณิกภาเคน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติฯ อยเมติสฺสา สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ สิงฺฆาณิกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā sippikāya pakkhittaṃ pūtidadhi na jānāti ‘‘ahaṃ sippikāya ṭhita’’nti, napi sippikā jānāti ‘‘mayi pūtikaṃ dadhi ṭhita’’nti; evameva na siṅghāṇikā jānāti ‘‘ahaṃ nāsāpuṭesu ṭhitā’’ti, napi nāsāpuṭā jānanti ‘‘amhesu siṅghāṇikā ṭhitā’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato siṅghāṇikā siṅghāṇikabhāgena paricchinnāti vavatthapeti. Ayametissā sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ siṅghāṇikaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ อโนฺตสรีเร ลสิกาติ สรีรสนฺธีนํ อพฺภนฺตเร ปิจฺฉิลกุณปํฯ สา วณฺณโต กณิการนิยฺยาสวณฺณาติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานาฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตาฯ โอกาสโต อฎฺฐิสนฺธีนํ อพฺภญฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อสีติสตสนฺธีนํ อพฺภนฺตเร ฐิตาติฯ ยสฺส เจสา มนฺทา โหติ, ตสฺส อุฎฺฐหนฺตสฺส นิสีทนฺตสฺส อภิกฺกมนฺตสฺส ปฎิกฺกมนฺตสฺส สมิญฺชนฺตสฺส ปสาเรนฺตสฺส อฎฺฐิกานิ กฎกฎายนฺติ, อจฺฉริกาสทฺทํ กโรโนฺต วิย วิจรติ , เอกโยชนทฺวิโยชนมตฺตมฺปิ อทฺธานํ คตสฺส วาโยธาตุ กุปฺปติ, คตฺตานิ ทุกฺขนฺติ ยสฺส ปน เจสา พหุกา โหติ, ตสฺส อุฎฺฐานนิสชฺชาทีสุ น อฎฺฐีนิ กฎกฎายนฺติ, ทีฆมฺปิ อทฺธานํ คตสฺส น วาโยธาตุ กุปฺปติ, น คตฺตานิ ทุกฺขนฺติฯ

    Tato paraṃ antosarīre lasikāti sarīrasandhīnaṃ abbhantare picchilakuṇapaṃ. Sā vaṇṇato kaṇikāraniyyāsavaṇṇāti vavatthapeti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānā. Disato dvīsu disāsu jātā. Okāsato aṭṭhisandhīnaṃ abbhañjanakiccaṃ sādhayamānā asītisatasandhīnaṃ abbhantare ṭhitāti. Yassa cesā mandā hoti, tassa uṭṭhahantassa nisīdantassa abhikkamantassa paṭikkamantassa samiñjantassa pasārentassa aṭṭhikāni kaṭakaṭāyanti, accharikāsaddaṃ karonto viya vicarati , ekayojanadviyojanamattampi addhānaṃ gatassa vāyodhātu kuppati, gattāni dukkhanti yassa pana cesā bahukā hoti, tassa uṭṭhānanisajjādīsu na aṭṭhīni kaṭakaṭāyanti, dīghampi addhānaṃ gatassa na vāyodhātu kuppati, na gattāni dukkhanti.

    ตตฺถ ยถา อพฺภญฺชนเตลํ น ชานาติ ‘‘อหํ อกฺขํ อพฺภญฺชิตฺวา ฐิต’’นฺติ, นปิ อโกฺข ชานาติ ‘‘มํ เตลํ อพฺภญฺชิตฺวา ฐิต’’นฺติ; เอวเมว น ลสิกา ชานาติ ‘‘อหํ อสีติสตสนฺธิโย อพฺภญฺชิตฺวา ฐิตา’’ติ, นปิ อสีติสตสนฺธิโย ชานนฺติ ‘‘ลสิกา อเมฺห อพฺภญฺชิตฺวา ฐิตา’’ติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต ลสิกา ลสิกภาเคน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติฯ อยเมติสฺสา สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ลสิกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tattha yathā abbhañjanatelaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ akkhaṃ abbhañjitvā ṭhita’’nti, napi akkho jānāti ‘‘maṃ telaṃ abbhañjitvā ṭhita’’nti; evameva na lasikā jānāti ‘‘ahaṃ asītisatasandhiyo abbhañjitvā ṭhitā’’ti, napi asītisatasandhiyo jānanti ‘‘lasikā amhe abbhañjitvā ṭhitā’’ti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato lasikā lasikabhāgena paricchinnāti vavatthapeti. Ayametissā sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ lasikaṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตโต ปรํ อโนฺตสรีเร มุตฺตํ วณฺณโต มาสขาโรทกวณฺณนฺติ ววตฺถเปติฯ สณฺฐานโต อุทกํ ปูเรตฺวา อโธมุขฐปิตอุทกกุมฺภอนฺตรคตอุทกสณฺฐานํฯ ทิสโต เหฎฺฐิมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต วตฺถิสฺสพฺภนฺตเร ฐิตนฺติฯ วตฺถิ นาม วตฺถิปุโฎ วุจฺจติ, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม จนฺทนิกาย ปกฺขิเตฺต อมุเข เปฬาฆเฎ จนฺทนิการโส ปวิสติ, น จสฺส ปวิสนมโคฺค ปญฺญายติ; เอวเมว สรีรโต มุตฺตํ ปวิสติ, น จสฺส ปวิสนมโคฺค ปญฺญายติ นิกฺขมนมโคฺค เอว ตุ ปากโฎ โหติ, ยมฺหิ จ มุตฺตสฺส ภริเต ‘‘ปสฺสาวํ กโรมา’’ติ สตฺตานํ อายูหนํ โหติฯ ตตฺถ ยถา จนฺทนิกาย ปกฺขิเตฺต อมุเข เปฬาฆเฎ ฐิโต จนฺทนิการโส น ชานาติ ‘‘อหํ อมุเข เปฬาฆเฎ ฐิโต’’ติ, นปิ เปฬาฆโฎ ชานาติ ‘‘มยิ จนฺทนิการโส ฐิโต’’ติ; เอวเมว มุตฺตํ น ชานาติ ‘‘อหํ วตฺถิมฺหิ ฐิต’’นฺติ, นปิ วตฺถิ ชานาติ ‘‘มยิ มุตฺตํ ฐิต’’นฺติฯ อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป.… น ปุคฺคโลติฯ ปริเจฺฉทโต วตฺถิอพฺภนฺตเรน เจว มุตฺตภาเคน จ ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติฯ อยเมตสฺส สภาคปริเจฺฉโท, วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ มุตฺตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ เอวมยํ อิมํ ทฺวตฺติํสาการํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติฯ

    Tato paraṃ antosarīre muttaṃ vaṇṇato māsakhārodakavaṇṇanti vavatthapeti. Saṇṭhānato udakaṃ pūretvā adhomukhaṭhapitaudakakumbhaantaragataudakasaṇṭhānaṃ. Disato heṭṭhimāya disāya jātaṃ. Okāsato vatthissabbhantare ṭhitanti. Vatthi nāma vatthipuṭo vuccati, yattha seyyathāpi nāma candanikāya pakkhitte amukhe peḷāghaṭe candanikāraso pavisati, na cassa pavisanamaggo paññāyati; evameva sarīrato muttaṃ pavisati, na cassa pavisanamaggo paññāyati nikkhamanamaggo eva tu pākaṭo hoti, yamhi ca muttassa bharite ‘‘passāvaṃ karomā’’ti sattānaṃ āyūhanaṃ hoti. Tattha yathā candanikāya pakkhitte amukhe peḷāghaṭe ṭhito candanikāraso na jānāti ‘‘ahaṃ amukhe peḷāghaṭe ṭhito’’ti, napi peḷāghaṭo jānāti ‘‘mayi candanikāraso ṭhito’’ti; evameva muttaṃ na jānāti ‘‘ahaṃ vatthimhi ṭhita’’nti, napi vatthi jānāti ‘‘mayi muttaṃ ṭhita’’nti. Ābhogapaccavekkhaṇavirahitā hi ete dhammā…pe… na puggaloti. Paricchedato vatthiabbhantarena ceva muttabhāgena ca paricchinnanti vavatthapeti. Ayametassa sabhāgaparicchedo, visabhāgaparicchedo pana kesasadiso evāti evaṃ muttaṃ vaṇṇādito vavatthapeti. Evamayaṃ imaṃ dvattiṃsākāraṃ vaṇṇādito vavatthapeti.

    ตเสฺสวํ อิมํ ทฺวตฺติํสาการํ วณฺณาทิวเสน ววตฺถเปนฺตสฺส ตํ ตํ ภาวนานุโยคํ อาคมฺม เกสาทโย ปคุณา โหนฺติ, โกฎฺฐาสภาเวน อุปฎฺฐหนฺติฯ ตโต ปภุติ เสยฺยถาปิ นาม จกฺขุมโต ปุริสสฺส ทฺวตฺติํสวณฺณานํ ปุปฺผานํ เอกสุตฺตคนฺถิตํ มาลํ โอโลเกนฺตสฺส สพฺพปุปฺผานิ อปุพฺพาปริยมิว ปากฎานิ โหนฺติ; เอวเมว ‘‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา’’ติ อิมํ กายํ สติยา โอโลเกนฺตสฺส สเพฺพ เต ธมฺมา อปุพฺพาปริยมิว ปากฎา โหนฺติฯ เกเสสุ อาวชฺชิเตสุ อสณฺฐหมานาว สติ ยาว มุตฺตํ, ตาว ปวตฺตติฯ ตโต ปภุติ ตสฺส อาหิณฺฑนฺตา มนุสฺสติรจฺฉานาทโย จ สตฺตาการํ วิชหิตฺวา โกฎฺฐาสราสิวเสเนว อุปฎฺฐหนฺติ, เตหิ จ อโชฺฌหริยมานํ ปานโภชนาทิ โกฎฺฐาสราสิมฺหิ ปกฺขิปฺปมานมิว อุปฎฺฐาตีติฯ

    Tassevaṃ imaṃ dvattiṃsākāraṃ vaṇṇādivasena vavatthapentassa taṃ taṃ bhāvanānuyogaṃ āgamma kesādayo paguṇā honti, koṭṭhāsabhāvena upaṭṭhahanti. Tato pabhuti seyyathāpi nāma cakkhumato purisassa dvattiṃsavaṇṇānaṃ pupphānaṃ ekasuttaganthitaṃ mālaṃ olokentassa sabbapupphāni apubbāpariyamiva pākaṭāni honti; evameva ‘‘atthi imasmiṃ kāye kesā’’ti imaṃ kāyaṃ satiyā olokentassa sabbe te dhammā apubbāpariyamiva pākaṭā honti. Kesesu āvajjitesu asaṇṭhahamānāva sati yāva muttaṃ, tāva pavattati. Tato pabhuti tassa āhiṇḍantā manussatiracchānādayo ca sattākāraṃ vijahitvā koṭṭhāsarāsivaseneva upaṭṭhahanti, tehi ca ajjhohariyamānaṃ pānabhojanādi koṭṭhāsarāsimhi pakkhippamānamiva upaṭṭhātīti.

    เอตฺถาห ‘‘อถาเนน ตโต ปรํ กิํ กาตพฺพ’’นฺติ? วุจฺจเต – ตเทว นิมิตฺตํ อาเสวิตพฺพํ ภาเวตพฺพํ พหุลีกาตพฺพํ สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตพฺพํฯ กถํ ปนายํ ตํ นิมิตฺตํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตีติ? อยญฺหิ ตํ เกสาทีนํ โกฎฺฐาสภาเวน อุปฎฺฐานนิมิตฺตํ อาเสวติ, สติยา อลฺลิยติ ภชติ อุปคจฺฉติ, สติคพฺภํ คณฺหาเปติฯ ตตฺถ ลทฺธํ วา สติํ วเฑฺฒโนฺต ตํ ภาเวตีติ วุจฺจติฯ พหุลีกโรตีติ ปุนปฺปุนํ สติสมฺปยุตฺตํ วิตกฺกวิจารพฺภาหตํ กโรติฯ สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตีติ ยถา สุฎฺฐุ ววตฺถิตํ โหติ, น ปุน อนฺตรธานํ คจฺฉติ, ตถา ตํ สติยา ววตฺถเปติ, อุปธาเรติ อุปนิพนฺธติฯ

    Etthāha ‘‘athānena tato paraṃ kiṃ kātabba’’nti? Vuccate – tadeva nimittaṃ āsevitabbaṃ bhāvetabbaṃ bahulīkātabbaṃ suvavatthitaṃ vavatthapetabbaṃ. Kathaṃ panāyaṃ taṃ nimittaṃ āsevati bhāveti bahulīkaroti suvavatthitaṃ vavatthapetīti? Ayañhi taṃ kesādīnaṃ koṭṭhāsabhāvena upaṭṭhānanimittaṃ āsevati, satiyā alliyati bhajati upagacchati, satigabbhaṃ gaṇhāpeti. Tattha laddhaṃ vā satiṃ vaḍḍhento taṃ bhāvetīti vuccati. Bahulīkarotīti punappunaṃ satisampayuttaṃ vitakkavicārabbhāhataṃ karoti. Suvavatthitaṃ vavatthapetīti yathā suṭṭhu vavatthitaṃ hoti, na puna antaradhānaṃ gacchati, tathā taṃ satiyā vavatthapeti, upadhāreti upanibandhati.

    อถ วา ยํ ปุเพฺพ อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิเกฺขปปฺปหานโต, ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต, อนุปุพฺพมุญฺจนโต, ลกฺขณโต, ตโย จ สุตฺตนฺตาติ เอวํ ทสวิธํ มนสิการโกสลฺลํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อนุปุพฺพโต มนสิกโรโนฺต อาเสวติ, นาติสีฆโต นาติสณิกโต จ มนสิกโรโนฺต ภาเวติ, วิเกฺขปปฺปหานโต มนสิกโรโนฺต พหุลี กโรติ, ปณฺณตฺติสมติกฺกมนาทิโต มนสิกโรโนฺต สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Atha vā yaṃ pubbe anupubbato, nātisīghato, nātisaṇikato, vikkhepappahānato, paṇṇattisamatikkamanato, anupubbamuñcanato, lakkhaṇato, tayo ca suttantāti evaṃ dasavidhaṃ manasikārakosallaṃ vuttaṃ. Tattha anupubbato manasikaronto āsevati, nātisīghato nātisaṇikato ca manasikaronto bhāveti, vikkhepappahānato manasikaronto bahulī karoti, paṇṇattisamatikkamanādito manasikaronto suvavatthitaṃ vavatthapetīti veditabbo.

    เอตฺถาห ‘‘กถํ ปนายํ อนุปุพฺพาทิวเสน เอเต ธเมฺม มนสิ กโรตี’’ติ? วุจฺจเต – อยญฺหิ เกเส มนสิ กริตฺวา ตทนนฺตรํ โลเม มนสิ กโรติ, น นเขฯ ตถา โลเม มนสิ กริตฺวา ตทนนฺตรํ นเข มนสิ กโรติ, น ทเนฺตฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ กสฺมา? อุปฺปฎิปาฎิยา หิ มนสิกโรโนฺต เสยฺยถาปิ นาม อกุสโล ปุริโส ทฺวตฺติํสปทํ นิเสฺสณิํ อุปฺปฎิปาฎิยา อาโรหโนฺต กิลนฺตกาโย ตโต นิเสฺสณิโต ปปตติ, น อาโรหนํ สมฺปาเทติ; เอวเมว ภาวนาสมฺปตฺติวเสน อธิคนฺตพฺพสฺส อสฺสาทสฺส อนธิคมนโต กิลนฺตจิโตฺต ทฺวตฺติํสาการภาวนาโต ปปตติ, น ภาวนํ สมฺปาเทตีติฯ

    Etthāha ‘‘kathaṃ panāyaṃ anupubbādivasena ete dhamme manasi karotī’’ti? Vuccate – ayañhi kese manasi karitvā tadanantaraṃ lome manasi karoti, na nakhe. Tathā lome manasi karitvā tadanantaraṃ nakhe manasi karoti, na dante. Esa nayo sabbattha. Kasmā? Uppaṭipāṭiyā hi manasikaronto seyyathāpi nāma akusalo puriso dvattiṃsapadaṃ nisseṇiṃ uppaṭipāṭiyā ārohanto kilantakāyo tato nisseṇito papatati, na ārohanaṃ sampādeti; evameva bhāvanāsampattivasena adhigantabbassa assādassa anadhigamanato kilantacitto dvattiṃsākārabhāvanāto papatati, na bhāvanaṃ sampādetīti.

    อนุปุพฺพโต มนสิกโรโนฺตปิ จ เกสา โลมาติ นาติสีฆโตปิ มนสิ กโรติฯ อติสีฆโต หิ มนสิกโรโนฺต เสยฺยถาปิ นาม อทฺธานํ คจฺฉโนฺต ปุริโส สมวิสมรุกฺขถลนินฺนเทฺวธาปถาทีนิ มคฺคนิมิตฺตานิ อุปลเกฺขตุํ น สโกฺกติ, ตโต น มคฺคกุสโล โหติ, อทฺธานญฺจ ปริกฺขยํ เนติ; เอวเมว วณฺณสณฺฐานาทีนิ ทฺวตฺติํสาการนิมิตฺตานิ อุปลเกฺขตุํ น สโกฺกติ, ตโต น ทฺวตฺติํสากาเร กุสโล โหติ, กมฺมฎฺฐานญฺจ ปริกฺขยํ เนติฯ

    Anupubbato manasikarontopi ca kesā lomāti nātisīghatopi manasi karoti. Atisīghato hi manasikaronto seyyathāpi nāma addhānaṃ gacchanto puriso samavisamarukkhathalaninnadvedhāpathādīni magganimittāni upalakkhetuṃ na sakkoti, tato na maggakusalo hoti, addhānañca parikkhayaṃ neti; evameva vaṇṇasaṇṭhānādīni dvattiṃsākāranimittāni upalakkhetuṃ na sakkoti, tato na dvattiṃsākāre kusalo hoti, kammaṭṭhānañca parikkhayaṃ neti.

    ยถา จ นาติสีฆโต, เอวํ นาติสณิกโตปิ มนสิ กโรติฯ อติสณิกโต หิ มนสิกโรโนฺต เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส อทฺธานมคฺคํ ปฎิปโนฺน อนฺตรามเคฺค รุกฺขปพฺพตตฬากาทีสุ วิลมฺพมาโน อิจฺฉิตปฺปเทสํ อปาปุณโนฺต อนฺตรามเคฺคเยว สีหพฺยคฺฆาทีหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ; เอวเมว ทฺวตฺติํสาการภาวนาสมฺปทํ อปาปุณโนฺต ภาวนาวิเจฺฉเทน อนฺตราเยว กามวิตกฺกาทีหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติฯ

    Yathā ca nātisīghato, evaṃ nātisaṇikatopi manasi karoti. Atisaṇikato hi manasikaronto seyyathāpi nāma puriso addhānamaggaṃ paṭipanno antarāmagge rukkhapabbatataḷākādīsu vilambamāno icchitappadesaṃ apāpuṇanto antarāmaggeyeva sīhabyagghādīhi anayabyasanaṃ pāpuṇāti; evameva dvattiṃsākārabhāvanāsampadaṃ apāpuṇanto bhāvanāvicchedena antarāyeva kāmavitakkādīhi anayabyasanaṃ pāpuṇāti.

    นาติสณิกโต มนสิกโรโนฺตปิ จ วิเกฺขปปฺปหานโตปิ มนสิ กโรติฯ วิเกฺขปปฺปหานโต นาม ยถา อเญฺญสุ นวกมฺมาทีสุ จิตฺตํ น วิกฺขิปติ, ตถา มนสิ กโรติฯ พหิทฺธา วิเกฺขปมานจิโตฺต หิ เกสาทีเสฺวว อสมาหิตเจโตวิตโกฺก ภาวนาสมฺปทํ อปาปุณิตฺวา อนฺตราว อนยพฺยสนํ อาปชฺชติ ตกฺกสิลาคมเน โพธิสตฺตสฺส สหายกา วิยฯ อวิกฺขิปมานจิโตฺต ปน เกสาทีเสฺวว สมาหิตเจโตวิตโกฺก ภาวนาสมฺปทํ ปาปุณาติ โพธิสโตฺต วิย ตกฺกสิลรชฺชสมฺปทนฺติฯ ตเสฺสวํ วิเกฺขปปฺปหานโต มนสิกโรโต อธิการจริยาธิมุตฺตีนํ วเสน เต ธมฺมา อสุภโต วา วณฺณโต วา สุญฺญโต วา อุปฎฺฐหนฺติฯ

    Nātisaṇikato manasikarontopi ca vikkhepappahānatopi manasi karoti. Vikkhepappahānato nāma yathā aññesu navakammādīsu cittaṃ na vikkhipati, tathā manasi karoti. Bahiddhā vikkhepamānacitto hi kesādīsveva asamāhitacetovitakko bhāvanāsampadaṃ apāpuṇitvā antarāva anayabyasanaṃ āpajjati takkasilāgamane bodhisattassa sahāyakā viya. Avikkhipamānacitto pana kesādīsveva samāhitacetovitakko bhāvanāsampadaṃ pāpuṇāti bodhisatto viya takkasilarajjasampadanti. Tassevaṃ vikkhepappahānato manasikaroto adhikāracariyādhimuttīnaṃ vasena te dhammā asubhato vā vaṇṇato vā suññato vā upaṭṭhahanti.

    อถ ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต เต ธเมฺม มนสิ กโรติฯ ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโตติ เกสา โลมาติ เอวมาทิโวหารํ สมติกฺกมิตฺวา วิสฺสเชฺชตฺวา ยถูปฎฺฐิตานํ อสุภาทีนํเยว วเสน มนสิ กโรติฯ กถํ ? ยถา อรญฺญนิวาสูปคตา มนุสฺสา อปริจิตภูมิภาคตฺตา อุทกฎฺฐานสญฺชานนตฺถํ สาขาภงฺคาทินิมิตฺตํ กตฺวา ตทนุสาเรน คนฺตฺวา อุทกํ ปริภุญฺชนฺติ, ยทา ปน ปริจิตภูมิภาคา โหนฺติ, อถ ตํ นิมิตฺตํ วิสฺสเชฺชตฺวา อมนสิกตฺวาว อุทกฎฺฐานํ อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ ปริภุญฺชนฺติ, เอวเมวายํ เกสา โลมาติอาทินา ตํตํโวหารสฺส วเสน ปฐมํ เต ธเมฺม มนสากาสิ, เตสุ ธเมฺมสุ อสุภาทีนํ อญฺญตรวเสน อุปฎฺฐหเนฺตสุ ตํ โวหารํ สมติกฺกมิตฺวา วิสฺสเชฺชตฺวา อสุภาทิโตว มนสิ กโรติฯ

    Atha paṇṇattisamatikkamanato te dhamme manasi karoti. Paṇṇattisamatikkamanatoti kesā lomāti evamādivohāraṃ samatikkamitvā vissajjetvā yathūpaṭṭhitānaṃ asubhādīnaṃyeva vasena manasi karoti. Kathaṃ ? Yathā araññanivāsūpagatā manussā aparicitabhūmibhāgattā udakaṭṭhānasañjānanatthaṃ sākhābhaṅgādinimittaṃ katvā tadanusārena gantvā udakaṃ paribhuñjanti, yadā pana paricitabhūmibhāgā honti, atha taṃ nimittaṃ vissajjetvā amanasikatvāva udakaṭṭhānaṃ upasaṅkamitvā udakaṃ paribhuñjanti, evamevāyaṃ kesā lomātiādinā taṃtaṃvohārassa vasena paṭhamaṃ te dhamme manasākāsi, tesu dhammesu asubhādīnaṃ aññataravasena upaṭṭhahantesu taṃ vohāraṃ samatikkamitvā vissajjetvā asubhāditova manasi karoti.

    เอตฺถาห ‘‘กถํ ปนสฺส เอเต ธมฺมา อสุภาทิโต อุปฎฺฐหนฺติ, กถํ วณฺณโต, กถํ สุญฺญโต วา, กถญฺจายเมเต อสุภโต มนสิ กโรติ, กถํ วณฺณโต, กถํ สุญฺญโต วา’’ติ? เกสา ตาวสฺส วณฺณสณฺฐานคนฺธาสโยกาสวเสน ปญฺจธา อสุภโต อุปฎฺฐหนฺติ, ปญฺจธา เอว อยเมเต อสุภโต มนสิ กโรติฯ เสยฺยถิทํ – เกสา นาเมเต วณฺณโต อสุภา ปรมปฺปฎิกูลเชคุจฺฉา ฯ ตถา หิ มนุสฺสา ทิวา ปานโภชเน ปติตํ เกสวณฺณํ วากํ วา สุตฺตํ วา ทิสฺวา เกสสญฺญาย มโนรมมฺปิ ปานโภชนํ ฉเฑฺฑนฺติ วา ชิคุจฺฉนฺติ วาฯ สณฺฐานโตปิ อสุภาฯ ตถา หิ รตฺติํ ปานโภชเน ปติตํ เกสสณฺฐานํ วากํ วา สุตฺตํ วา ผุสิตฺวา เกสสญฺญาย มโนรมมฺปิ ปานโภชนํ ฉเฑฺฑนฺติ วา ชิคุจฺฉนฺติ วาฯ คนฺธโตปิ อสุภาฯ ตถา หิ เตลมกฺขนปุปฺผธูมาทิสงฺขาเรหิ วิรหิตานํ เกสานํ คโนฺธ ปรมเชคุโจฺฉ โหติ, อคฺคีสุ ปกฺขิตฺตสฺส เกสสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา สตฺตา นาสิกํ ปิเธนฺติ, มุขมฺปิ วิกุเชฺชนฺติฯ อาสยโตปิ อสุภาฯ ตถา หิ นานาวิเธน มนุสฺสาสุจินิสฺสเนฺทน สงฺการฎฺฐาเน ตณฺฑุเลยฺยกาทีนิ วิย ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตนิสฺสเนฺทน เต อาจิตา วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ คมิตาติฯ โอกาสโตปิ อสุภาฯ ตถา หิ สงฺการฎฺฐาเน วิย ตณฺฑุเลยฺยกาทีนิ ปรมเชคุเจฺฉ โลมาทิเอกติํสกุณปราสิมตฺถเก มนุสฺสานํ สีสปลิเวฐเก อลฺลจเมฺม ชาตาติฯ เอส นโย โลมาทีสุฯ เอวํ ตาว อยเมเต ธเมฺม อสุภโต อุปฎฺฐหเนฺต อสุภโต มนสิ กโรติฯ

    Etthāha ‘‘kathaṃ panassa ete dhammā asubhādito upaṭṭhahanti, kathaṃ vaṇṇato, kathaṃ suññato vā, kathañcāyamete asubhato manasi karoti, kathaṃ vaṇṇato, kathaṃ suññato vā’’ti? Kesā tāvassa vaṇṇasaṇṭhānagandhāsayokāsavasena pañcadhā asubhato upaṭṭhahanti, pañcadhā eva ayamete asubhato manasi karoti. Seyyathidaṃ – kesā nāmete vaṇṇato asubhā paramappaṭikūlajegucchā . Tathā hi manussā divā pānabhojane patitaṃ kesavaṇṇaṃ vākaṃ vā suttaṃ vā disvā kesasaññāya manoramampi pānabhojanaṃ chaḍḍenti vā jigucchanti vā. Saṇṭhānatopi asubhā. Tathā hi rattiṃ pānabhojane patitaṃ kesasaṇṭhānaṃ vākaṃ vā suttaṃ vā phusitvā kesasaññāya manoramampi pānabhojanaṃ chaḍḍenti vā jigucchanti vā. Gandhatopi asubhā. Tathā hi telamakkhanapupphadhūmādisaṅkhārehi virahitānaṃ kesānaṃ gandho paramajeguccho hoti, aggīsu pakkhittassa kesassa gandhaṃ ghāyitvā sattā nāsikaṃ pidhenti, mukhampi vikujjenti. Āsayatopi asubhā. Tathā hi nānāvidhena manussāsucinissandena saṅkāraṭṭhāne taṇḍuleyyakādīni viya pittasemhapubbalohitanissandena te ācitā vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ gamitāti. Okāsatopi asubhā. Tathā hi saṅkāraṭṭhāne viya taṇḍuleyyakādīni paramajegucche lomādiekatiṃsakuṇaparāsimatthake manussānaṃ sīsapaliveṭhake allacamme jātāti. Esa nayo lomādīsu. Evaṃ tāva ayamete dhamme asubhato upaṭṭhahante asubhato manasi karoti.

    ยทิ ปนสฺส วณฺณโต อุปฎฺฐหนฺติ, อถ เกสา นีลกสิณวเสน อุปฎฺฐหนฺติฯ ตถา โลมา ทนฺตา โอทาตกสิณวเสนาติฯ เอส นโย สพฺพตฺถ ฯ ตํตํกสิณวเสเนว อยเมเต มนสิ กโรติ, เอวํ วณฺณโต อุปฎฺฐหเนฺต วณฺณโต มนสิ กโรติฯ ยทิ ปนสฺส สุญฺญโต อุปฎฺฐหนฺติ, อถ เกสา ฆนวินิโพฺภคววตฺถาเนน โอชฎฺฐมกสมูหวเสน อุปฎฺฐหนฺติฯ ตถา โลมาทโย, ยถา อุปฎฺฐหนฺติฯ อยเมเต ตเถว มนสิ กโรติฯ เอวํ สุญฺญโต อุปฎฺฐหเนฺต สุญฺญโต มนสิ กโรติฯ

    Yadi panassa vaṇṇato upaṭṭhahanti, atha kesā nīlakasiṇavasena upaṭṭhahanti. Tathā lomā dantā odātakasiṇavasenāti. Esa nayo sabbattha . Taṃtaṃkasiṇavaseneva ayamete manasi karoti, evaṃ vaṇṇato upaṭṭhahante vaṇṇato manasi karoti. Yadi panassa suññato upaṭṭhahanti, atha kesā ghanavinibbhogavavatthānena ojaṭṭhamakasamūhavasena upaṭṭhahanti. Tathā lomādayo, yathā upaṭṭhahanti. Ayamete tatheva manasi karoti. Evaṃ suññato upaṭṭhahante suññato manasi karoti.

    เอวํ มนสิกโรโนฺต อยเมเต ธเมฺม อนุปุพฺพมุญฺจนโต มนสิ กโรติฯ อนุปุพฺพมุญฺจนโตติ อสุภาทีนํ อญฺญตรวเสน อุปฎฺฐิเต เกเส มุญฺจิตฺวา โลเม มนสิกโรโนฺต เสยฺยถาปิ นาม ชลูกา นงฺคุเฎฺฐน คหิตปฺปเทเส สาเปกฺขาว หุตฺวา ตุเณฺฑน อญฺญํ ปเทสํ คณฺหาติ, คหิเต จ ตสฺมิํ อิตรํ มุญฺจติ, เอวเมว เกเสสุ สาเปโกฺขว หุตฺวา โลเม มนสิ กโรติ, โลเมสุ จ ปติฎฺฐิเต มนสิกาเร เกเส มุญฺจติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ เอวํ หิสฺส อนุปุพฺพมุญฺจนโต มนสิกโรโต อสุภาทีสุ อญฺญตรวเสน เต ธมฺมา อุปฎฺฐหนฺตา อนวเสสโต อุปฎฺฐหนฺติ, ปากฎตรูปฎฺฐานา จ โหนฺติฯ

    Evaṃ manasikaronto ayamete dhamme anupubbamuñcanato manasi karoti. Anupubbamuñcanatoti asubhādīnaṃ aññataravasena upaṭṭhite kese muñcitvā lome manasikaronto seyyathāpi nāma jalūkā naṅguṭṭhena gahitappadese sāpekkhāva hutvā tuṇḍena aññaṃ padesaṃ gaṇhāti, gahite ca tasmiṃ itaraṃ muñcati, evameva kesesu sāpekkhova hutvā lome manasi karoti, lomesu ca patiṭṭhite manasikāre kese muñcati. Esa nayo sabbattha. Evaṃ hissa anupubbamuñcanato manasikaroto asubhādīsu aññataravasena te dhammā upaṭṭhahantā anavasesato upaṭṭhahanti, pākaṭatarūpaṭṭhānā ca honti.

    อถ ยสฺส เต ธมฺมา อสุภโต อุปฎฺฐหนฺติ, ปากฎตรูปฎฺฐานา จ โหนฺติ, ตสฺส เสยฺยถาปิ นาม มกฺกโฎ ทฺวตฺติํสตาลเก ตาลวเน พฺยาเธน ปริปาติยมาโน เอกรุเกฺขปิ อสณฺฐหโนฺต ปริธาวิตฺวา ยทา นิวโตฺต โหติ กิลโนฺต, อถ เอกเมว ฆนตาลปณฺณปริเวฐิตํ ตาลสุจิํ นิสฺสาย ติฎฺฐติ; เอวเมว จิตฺตมกฺกโฎ ทฺวตฺติํสโกฎฺฐาสเก อิมสฺมิํ กาเย เตเนว โยคินา ปริปาติยมาโน เอกโกฎฺฐาสเกปิ อสณฺฐหโนฺต ปริธาวิตฺวา ยทา อเนการมฺมณวิธาวเน อภิลาสาภาเวน นิวโตฺต โหติ กิลโนฺตฯ อถ ยฺวาสฺส เกสาทีสุ ธโมฺม ปคุณตโร จริตานุรูปตโร วา, ยตฺถ วา ปุเพฺพ กตาธิกาโร โหติ, ตํ นิสฺสาย อุปจารวเสน ติฎฺฐติฯ อถ ตเมว นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กริตฺวา ยถากฺกมํ ปฐมํ ฌานํ อุปฺปาเทติ, ตตฺถ ปติฎฺฐาย วิปสฺสนมารภิตฺวา อริยภูมิํ ปาปุณาติฯ

    Atha yassa te dhammā asubhato upaṭṭhahanti, pākaṭatarūpaṭṭhānā ca honti, tassa seyyathāpi nāma makkaṭo dvattiṃsatālake tālavane byādhena paripātiyamāno ekarukkhepi asaṇṭhahanto paridhāvitvā yadā nivatto hoti kilanto, atha ekameva ghanatālapaṇṇapariveṭhitaṃ tālasuciṃ nissāya tiṭṭhati; evameva cittamakkaṭo dvattiṃsakoṭṭhāsake imasmiṃ kāye teneva yoginā paripātiyamāno ekakoṭṭhāsakepi asaṇṭhahanto paridhāvitvā yadā anekārammaṇavidhāvane abhilāsābhāvena nivatto hoti kilanto. Atha yvāssa kesādīsu dhammo paguṇataro caritānurūpataro vā, yattha vā pubbe katādhikāro hoti, taṃ nissāya upacāravasena tiṭṭhati. Atha tameva nimittaṃ punappunaṃ takkāhataṃ vitakkāhataṃ karitvā yathākkamaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ uppādeti, tattha patiṭṭhāya vipassanamārabhitvā ariyabhūmiṃ pāpuṇāti.

    ยสฺส ปน เต ธมฺมา วณฺณโต อุปฎฺฐหนฺติ, ตสฺสาปิ เสยฺยถาปิ นาม มกฺกโฎ…เป.… อถ ยฺวาสฺส เกสาทีสุ ธโมฺม ปคุณตโร จริตานุรูปตโร วา, ยตฺถ วา ปุเพฺพ กตาธิกาโร โหติ, ตํ นิสฺสาย อุปจารวเสน ติฎฺฐติฯ อถ ตเมว นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กริตฺวา ยถากฺกมํ นีลกสิณวเสน ปีตกสิณวเสน วา ปญฺจปิ รูปาวจรชฺฌานานิ อุปฺปาเทติ, เตสญฺจ ยตฺถ กตฺถจิ ปติฎฺฐาย วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อริยภูมิํ ปาปุณาติฯ

    Yassa pana te dhammā vaṇṇato upaṭṭhahanti, tassāpi seyyathāpi nāma makkaṭo…pe… atha yvāssa kesādīsu dhammo paguṇataro caritānurūpataro vā, yattha vā pubbe katādhikāro hoti, taṃ nissāya upacāravasena tiṭṭhati. Atha tameva nimittaṃ punappunaṃ takkāhataṃ vitakkāhataṃ karitvā yathākkamaṃ nīlakasiṇavasena pītakasiṇavasena vā pañcapi rūpāvacarajjhānāni uppādeti, tesañca yattha katthaci patiṭṭhāya vipassanaṃ ārabhitvā ariyabhūmiṃ pāpuṇāti.

    ยสฺส ปน เต ธมฺมา สุญฺญโต อุปฎฺฐหนฺติ, โส ลกฺขณโต มนสิ กโรติ, ลกฺขณโต มนสิกโรโนฺต ตตฺถ จตุธาตุววตฺถานวเสน อุปจารชฺฌานํ ปาปุณาติฯ อถ มนสิกโรโนฺต เต ธเมฺม อนิจฺจทุกฺขานตฺตสุตฺตตฺตยวเสน มนสิ กโรติ ฯ อยมสฺส วิปสฺสนานโยฯ โส อิมํ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ยถากฺกมญฺจ ปฎิปชฺชิตฺวา อริยภูมิํ ปาปุณาตีติฯ

    Yassa pana te dhammā suññato upaṭṭhahanti, so lakkhaṇato manasi karoti, lakkhaṇato manasikaronto tattha catudhātuvavatthānavasena upacārajjhānaṃ pāpuṇāti. Atha manasikaronto te dhamme aniccadukkhānattasuttattayavasena manasi karoti . Ayamassa vipassanānayo. So imaṃ vipassanaṃ ārabhitvā yathākkamañca paṭipajjitvā ariyabhūmiṃ pāpuṇātīti.

    เอตฺตาวตา จ ยํ วุตฺตํ – ‘‘กถํ ปนายํ อนุปุพฺพาทิวเสน เอเต ธเมฺม มนสิ กโรตี’’ติ, ตํ พฺยากตํ โหติฯ ยญฺจาปิ วุตฺตํ – ‘‘ภาวนาวเสน ปนสฺส เอวํ วณฺณนา เวทิตพฺพา’’ติ, ตสฺสโตฺถ ปกาสิโต โหตีติฯ

    Ettāvatā ca yaṃ vuttaṃ – ‘‘kathaṃ panāyaṃ anupubbādivasena ete dhamme manasi karotī’’ti, taṃ byākataṃ hoti. Yañcāpi vuttaṃ – ‘‘bhāvanāvasena panassa evaṃ vaṇṇanā veditabbā’’ti, tassattho pakāsito hotīti.

    ปกิณฺณกนโย

    Pakiṇṇakanayo

    อิทานิ อิมสฺมิํเยว ทฺวตฺติํสากาเร วณฺณนาปริจยปาฎวตฺถํ อยํ ปกิณฺณกนโย เวทิตโพฺพ –

    Idāni imasmiṃyeva dvattiṃsākāre vaṇṇanāparicayapāṭavatthaṃ ayaṃ pakiṇṇakanayo veditabbo –

    ‘‘นิมิตฺตโต ลกฺขณโต, ธาตุโต สุญฺญโตปิ จ;

    ‘‘Nimittato lakkhaṇato, dhātuto suññatopi ca;

    ขนฺธาทิโต จ วิเญฺญโยฺย, ทฺวตฺติํสาการนิจฺฉโย’’ติฯ

    Khandhādito ca viññeyyo, dvattiṃsākāranicchayo’’ti.

    ตตฺถ นิมิตฺตโตติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเร อิมสฺมิํ ทฺวตฺติํสากาเร สฎฺฐิสตํ นิมิตฺตานิ โหนฺติ, เยสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ โกฎฺฐาสโต ปริคฺคณฺหาติฯ เสยฺยถิทํ – เกสสฺส วณฺณนิมิตฺตํ, สณฺฐานนิมิตฺตํ, ทิสานิมิตฺตํ, โอกาสนิมิตฺตํ, ปริเจฺฉทนิมิตฺตนฺติ ปญฺจ นิมิตฺตานิ โหนฺติฯ เอวํ โลมาทีสุฯ

    Tattha nimittatoti evaṃ vuttappakāre imasmiṃ dvattiṃsākāre saṭṭhisataṃ nimittāni honti, yesaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ koṭṭhāsato pariggaṇhāti. Seyyathidaṃ – kesassa vaṇṇanimittaṃ, saṇṭhānanimittaṃ, disānimittaṃ, okāsanimittaṃ, paricchedanimittanti pañca nimittāni honti. Evaṃ lomādīsu.

    ลกฺขณโตติ ทฺวตฺติํสากาเร อฎฺฐวีสติสตํ ลกฺขณานิ โหนฺติ, เยสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ ลกฺขณโต มนสิ กโรติ ฯ เสยฺยถิทํ – เกสสฺส ถทฺธลกฺขณํ, อาพนฺธนลกฺขณํ, อุณฺหตฺตลกฺขณํ, สมุทีรณลกฺขณนฺติ จตฺตาริ ลกฺขณานิ โหนฺติฯ เอวํ โลมาทีสุฯ

    Lakkhaṇatoti dvattiṃsākāre aṭṭhavīsatisataṃ lakkhaṇāni honti, yesaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ lakkhaṇato manasi karoti . Seyyathidaṃ – kesassa thaddhalakkhaṇaṃ, ābandhanalakkhaṇaṃ, uṇhattalakkhaṇaṃ, samudīraṇalakkhaṇanti cattāri lakkhaṇāni honti. Evaṃ lomādīsu.

    ธาตุโตติ ทฺวตฺติํสากาเร ‘‘ฉธาตุโร, ภิกฺขเว, อยํ ปุริสปุคฺคโล’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๓-๓๔๔) เอตฺถ วุตฺตาสุ ธาตูสุ อฎฺฐวีสติสตํ ธาตุโย โหนฺติ, ยาสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ ธาตุโต ปริคฺคณฺหาติฯ เสยฺยถิทํ – ยา เกเส ถทฺธตา, สา ปถวีธาตุ; ยา อาพนฺธนตา, สา อาโปธาตุ; ยา ปริปาจนตา, สา เตโชธาตุ; ยา วิตฺถมฺภนตา, สา วาโยธาตูติ จตโสฺส ธาตุโย โหนฺติฯ เอวํ โลมาทีสุฯ

    Dhātutoti dvattiṃsākāre ‘‘chadhāturo, bhikkhave, ayaṃ purisapuggalo’’ti (ma. ni. 3.343-344) ettha vuttāsu dhātūsu aṭṭhavīsatisataṃ dhātuyo honti, yāsaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ dhātuto pariggaṇhāti. Seyyathidaṃ – yā kese thaddhatā, sā pathavīdhātu; yā ābandhanatā, sā āpodhātu; yā paripācanatā, sā tejodhātu; yā vitthambhanatā, sā vāyodhātūti catasso dhātuyo honti. Evaṃ lomādīsu.

    สุญฺญโตติ ทฺวตฺติํสากาเร อฎฺฐวีสติสตํ สุญฺญตา โหนฺติ, ยาสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ สุญฺญโต วิปสฺสติฯ เสยฺยถิทํ – เกเส ตาว ปถวีธาตุ อาโปธาตฺวาทีหิ สุญฺญา, ตถา อาโปธาตฺวาทโย ปถวีธาตฺวาทีหีติ จตโสฺส สุญฺญตา โหนฺติฯ เอวํ โลมาทีสุฯ

    Suññatoti dvattiṃsākāre aṭṭhavīsatisataṃ suññatā honti, yāsaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ suññato vipassati. Seyyathidaṃ – kese tāva pathavīdhātu āpodhātvādīhi suññā, tathā āpodhātvādayo pathavīdhātvādīhīti catasso suññatā honti. Evaṃ lomādīsu.

    ขนฺธาทิโตติ ทฺวตฺติํสากาเร เกสาทีสุ ขนฺธาทิวเสน สงฺคยฺหมาเนสุ ‘‘เกสา กติ ขนฺธา โหนฺติ, กติ อายตนานิ, กติ ธาตุโย, กติ สจฺจานิ, กติ สติปฎฺฐานานี’’ติ เอวมาทินา นเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ เอวญฺจสฺส วิชานโต ติณกฎฺฐสมูโห วิย กาโย ขายติฯ ยถาห –

    Khandhāditoti dvattiṃsākāre kesādīsu khandhādivasena saṅgayhamānesu ‘‘kesā kati khandhā honti, kati āyatanāni, kati dhātuyo, kati saccāni, kati satipaṭṭhānānī’’ti evamādinā nayena vinicchayo veditabbo. Evañcassa vijānato tiṇakaṭṭhasamūho viya kāyo khāyati. Yathāha –

    ‘‘นตฺถิ สโตฺต นโร โปโส, ปุคฺคโล นูปลพฺภติ;

    ‘‘Natthi satto naro poso, puggalo nūpalabbhati;

    สุญฺญภูโต อยํ กาโย, ติณกฎฺฐสมูปโม’’ติฯ

    Suññabhūto ayaṃ kāyo, tiṇakaṭṭhasamūpamo’’ti.

    อถสฺส ยา สา –

    Athassa yā sā –

    ‘‘สุญฺญาคารํ ปวิฎฺฐสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Suññāgāraṃ paviṭṭhassa, santacittassa tādino;

    อมานุสี รติ โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติฯ –

    Amānusī rati hoti, sammā dhammaṃ vipassato’’ti. –

    เอวํ อมานุสี รติ วุตฺตา, สา อทูรตรา โหติฯ ตโต ยํ ตํ –

    Evaṃ amānusī rati vuttā, sā adūratarā hoti. Tato yaṃ taṃ –

    ‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔) –

    Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 373-374) –

    เอวํ วิปสฺสนามยํ ปีติปาโมชฺชามตํ วุตฺตํฯ ตํ อนุภวโนฺต น จิเรเนว อริยชนเสวิตํ อชรามรํ นิพฺพานามตํ สจฺฉิกโรตีติฯ

    Evaṃ vipassanāmayaṃ pītipāmojjāmataṃ vuttaṃ. Taṃ anubhavanto na cireneva ariyajanasevitaṃ ajarāmaraṃ nibbānāmataṃ sacchikarotīti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddakapāṭha-aṭṭhakathāya

    ทฺวตฺติํสาการวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dvattiṃsākāravaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ขุทฺทกปาฐปาฬิ • Khuddakapāṭhapāḷi / ๓. ทฺวตฺติํสากาโร • 3. Dvattiṃsākāro


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact