Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi |
๑๒. ทฺวยตานุปสฺสนาสุตฺตํ
12. Dvayatānupassanāsuttaṃ
เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อโพฺภกาเส นิสิโนฺน โหติ ฯ อถ โข ภควา ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –
Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde. Tena kho pana samayena bhagavā tadahuposathe pannarase puṇṇāya puṇṇamāya rattiyā bhikkhusaṅghaparivuto abbhokāse nisinno hoti . Atha kho bhagavā tuṇhībhūtaṃ tuṇhībhūtaṃ bhikkhusaṅghaṃ anuviloketvā bhikkhū āmantesi –
‘‘‘เย เต, ภิกฺขเว, กุสลา ธมฺมา อริยา นิยฺยานิกา สโมฺพธคามิโน, เตสํ โว, ภิกฺขเว, กุสลานํ ธมฺมานํ อริยานํ นิยฺยานิกานํ สโมฺพธคามีนํ กา อุปนิสา สวนายา’ติ อิติ เจ, ภิกฺขเว, ปุจฺฉิตาโร อสฺสุ, เต เอวมสฺสุ วจนียา – ‘ยาวเทว ทฺวยตานํ ธมฺมานํ ยถาภูตํ ญาณายา’ติฯ กิญฺจ ทฺวยตํ วเทถ?
‘‘‘Ye te, bhikkhave, kusalā dhammā ariyā niyyānikā sambodhagāmino, tesaṃ vo, bhikkhave, kusalānaṃ dhammānaṃ ariyānaṃ niyyānikānaṃ sambodhagāmīnaṃ kā upanisā savanāyā’ti iti ce, bhikkhave, pucchitāro assu, te evamassu vacanīyā – ‘yāvadeva dvayatānaṃ dhammānaṃ yathābhūtaṃ ñāṇāyā’ti. Kiñca dvayataṃ vadetha?
(๑) ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ อยเมกานุปสฺสนาฯ อยํ ทุกฺขนิโรโธ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา ทฺวยตานุปสฺสิโน โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต ทฺวินฺนํ ผลานํ อญฺญตรํ ผลํ ปาฎิกงฺขํ – ทิเฎฺฐว ธเมฺม อญฺญา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติฯ
(1) ‘‘Idaṃ dukkhaṃ, ayaṃ dukkhasamudayoti ayamekānupassanā. Ayaṃ dukkhanirodho, ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā dvayatānupassino kho, bhikkhave, bhikkhuno appamattassa ātāpino pahitattassa viharato dvinnaṃ phalānaṃ aññataraṃ phalaṃ pāṭikaṅkhaṃ – diṭṭheva dhamme aññā, sati vā upādisese anāgāmitā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๒๙.
729.
‘‘เย ทุกฺขํ นปฺปชานนฺติ, อโถ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ;
‘‘Ye dukkhaṃ nappajānanti, atho dukkhassa sambhavaṃ;
ยตฺถ จ สพฺพโส ทุกฺขํ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
Yattha ca sabbaso dukkhaṃ, asesaṃ uparujjhati;
ตญฺจ มคฺคํ น ชานนฺติ, ทุกฺขูปสมคามินํฯ
Tañca maggaṃ na jānanti, dukkhūpasamagāminaṃ.
๗๓๐.
730.
‘‘เจโตวิมุตฺติหีนา เต, อโถ ปญฺญาวิมุตฺติยา;
‘‘Cetovimuttihīnā te, atho paññāvimuttiyā;
อภพฺพา เต อนฺตกิริยาย, เต เว ชาติชรูปคาฯ
Abhabbā te antakiriyāya, te ve jātijarūpagā.
๗๓๑.
731.
‘‘เย จ ทุกฺขํ ปชานนฺติ, อโถ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ;
‘‘Ye ca dukkhaṃ pajānanti, atho dukkhassa sambhavaṃ;
ยตฺถ จ สพฺพโส ทุกฺขํ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
Yattha ca sabbaso dukkhaṃ, asesaṃ uparujjhati;
ตญฺจ มคฺคํ ปชานนฺติ, ทุกฺขูปสมคามินํฯ
Tañca maggaṃ pajānanti, dukkhūpasamagāminaṃ.
๗๓๒.
732.
‘‘เจโตวิมุตฺติสมฺปนฺนา, อโถ ปญฺญาวิมุตฺติยา;
‘‘Cetovimuttisampannā, atho paññāvimuttiyā;
ภพฺพา เต อนฺตกิริยาย, น เต ชาติชรูปคา’’ติฯ
Bhabbā te antakiriyāya, na te jātijarūpagā’’ti.
(๒) ‘‘‘สิยา อเญฺญนปิ ปริยาเยน สมฺมา ทฺวยตานุปสฺสนา’ติ, อิติ เจ, ภิกฺขเว, ปุจฺฉิตาโร อสฺสุ; ‘สิยา’ติสฺสุ วจนียาฯ กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ อุปธิปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อุปธีนํ เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(2) ‘‘‘Siyā aññenapi pariyāyena sammā dvayatānupassanā’ti, iti ce, bhikkhave, pucchitāro assu; ‘siyā’tissu vacanīyā. Kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ upadhipaccayāti, ayamekānupassanā. Upadhīnaṃ tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๓๓.
733.
‘‘อุปธินิทานา ปภวนฺติ ทุกฺขา, เย เกจิ โลกสฺมิมเนกรูปา;
‘‘Upadhinidānā pabhavanti dukkhā, ye keci lokasmimanekarūpā;
โย เว อวิทฺวา อุปธิํ กโรติ, ปุนปฺปุนํ ทุกฺขมุเปติ มโนฺท;
Yo ve avidvā upadhiṃ karoti, punappunaṃ dukkhamupeti mando;
ตสฺมา ปชานํ อุปธิํ น กยิรา, ทุกฺขสฺส ชาติปฺปภวานุปสฺสี’’ติฯ
Tasmā pajānaṃ upadhiṃ na kayirā, dukkhassa jātippabhavānupassī’’ti.
(๓) ‘‘‘สิยา อเญฺญนปิ ปริยาเยน สมฺมา ทฺวยตานุปสฺสนา’ติ, อิติ เจ, ภิกฺขเว, ปุจฺฉิตาโร อสฺสุ; ‘สิยา’ติสฺสุ วจนียาฯ กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ อวิชฺชาปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(3) ‘‘‘Siyā aññenapi pariyāyena sammā dvayatānupassanā’ti, iti ce, bhikkhave, pucchitāro assu; ‘siyā’tissu vacanīyā. Kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ avijjāpaccayāti, ayamekānupassanā. Avijjāya tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๓๔.
734.
‘‘ชาติมรณสํสารํ , เย วชนฺติ ปุนปฺปุนํ;
‘‘Jātimaraṇasaṃsāraṃ , ye vajanti punappunaṃ;
อิตฺถภาวญฺญถาภาวํ, อวิชฺชาเยว สา คติฯ
Itthabhāvaññathābhāvaṃ, avijjāyeva sā gati.
๗๓๕.
735.
‘‘อวิชฺชา หายํ มหาโมโห, เยนิทํ สํสิตํ จิรํ;
‘‘Avijjā hāyaṃ mahāmoho, yenidaṃ saṃsitaṃ ciraṃ;
วิชฺชาคตา จ เย สตฺตา, น เต คจฺฉนฺติ 1 ปุนพฺภว’’นฺติฯ
Vijjāgatā ca ye sattā, na te gacchanti 2 punabbhava’’nti.
(๔) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ สงฺขารปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ สงฺขารานํ เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(4) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ saṅkhārapaccayāti, ayamekānupassanā. Saṅkhārānaṃ tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๓๖.
736.
‘‘ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ, สพฺพํ สงฺขารปจฺจยา;
‘‘Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti, sabbaṃ saṅkhārapaccayā;
สงฺขารานํ นิโรเธน, นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวฯ
Saṅkhārānaṃ nirodhena, natthi dukkhassa sambhavo.
๗๓๗.
737.
‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, ทุกฺขํ สงฺขารปจฺจยา;
‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, dukkhaṃ saṅkhārapaccayā;
สพฺพสงฺขารสมถา, สญฺญานํ อุปโรธนา;
Sabbasaṅkhārasamathā, saññānaṃ uparodhanā;
เอวํ ทุกฺขกฺขโย โหติ, เอตํ ญตฺวา ยถาตถํฯ
Evaṃ dukkhakkhayo hoti, etaṃ ñatvā yathātathaṃ.
๗๓๘.
738.
‘‘สมฺมทฺทสา เวทคุโน, สมฺมทญฺญาย ปณฺฑิตา;
‘‘Sammaddasā vedaguno, sammadaññāya paṇḍitā;
อภิภุยฺย มารสํโยคํ, น คจฺฉนฺติ 3 ปุนพฺภว’’นฺติฯ
Abhibhuyya mārasaṃyogaṃ, na gacchanti 4 punabbhava’’nti.
(๕) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ วิญฺญาณปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ วิญฺญาณสฺส เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(5) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ viññāṇapaccayāti, ayamekānupassanā. Viññāṇassa tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๓๙.
739.
‘‘ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ, สพฺพํ วิญฺญาณปจฺจยา;
‘‘Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti, sabbaṃ viññāṇapaccayā;
วิญฺญาณสฺส นิโรเธน, นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวฯ
Viññāṇassa nirodhena, natthi dukkhassa sambhavo.
๗๔๐.
740.
‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, ทุกฺขํ วิญฺญาณปจฺจยา;
‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, dukkhaṃ viññāṇapaccayā;
วิญฺญาณูปสมา ภิกฺขุ, นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโต’’ติฯ
Viññāṇūpasamā bhikkhu, nicchāto parinibbuto’’ti.
(๖) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ ผสฺสปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ ผสฺสสฺส เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(6) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ phassapaccayāti, ayamekānupassanā. Phassassa tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๔๑.
741.
‘‘เตสํ ผสฺสปเรตานํ, ภวโสตานุสารินํ;
‘‘Tesaṃ phassaparetānaṃ, bhavasotānusārinaṃ;
กุมฺมคฺคปฎิปนฺนานํ, อารา สํโยชนกฺขโยฯ
Kummaggapaṭipannānaṃ, ārā saṃyojanakkhayo.
๗๔๒.
742.
เต เว ผสฺสาภิสมยา, นิจฺฉาตา ปรินิพฺพุตา’’ติฯ
Te ve phassābhisamayā, nicchātā parinibbutā’’ti.
(๗) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ เวทนาปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ เวทนานํ เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(7) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ vedanāpaccayāti, ayamekānupassanā. Vedanānaṃ tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๔๓.
743.
‘‘สุขํ วา ยทิ วา ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขํ สห;
‘‘Sukhaṃ vā yadi vā dukkhaṃ, adukkhamasukhaṃ saha;
อชฺฌตฺตญฺจ พหิทฺธา จ, ยํ กิญฺจิ อตฺถิ เวทิตํฯ
Ajjhattañca bahiddhā ca, yaṃ kiñci atthi veditaṃ.
๗๔๔.
744.
เวทนานํ ขยา ภิกฺขุ, นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโต’’ติฯ
Vedanānaṃ khayā bhikkhu, nicchāto parinibbuto’’ti.
(๘) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ ตณฺหาปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ ตณฺหาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(8) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ taṇhāpaccayāti, ayamekānupassanā. Taṇhāya tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๔๕.
745.
‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธาน สํสรํ;
‘‘Taṇhādutiyo puriso, dīghamaddhāna saṃsaraṃ;
อิตฺถภาวญฺญถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติฯ
Itthabhāvaññathābhāvaṃ, saṃsāraṃ nātivattati.
๗๔๖.
746.
วีตตโณฺห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ
Vītataṇho anādāno, sato bhikkhu paribbaje’’ti.
(๙) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ อุปาทานปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อุปาทานานํ 13 เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(9) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ upādānapaccayāti, ayamekānupassanā. Upādānānaṃ 14 tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๔๗.
747.
‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภูโต ทุกฺขํ นิคจฺฉติ;
‘‘Upādānapaccayā bhavo, bhūto dukkhaṃ nigacchati;
ชาตสฺส มรณํ โหติ, เอโส ทุกฺขสฺส สมฺภโวฯ
Jātassa maraṇaṃ hoti, eso dukkhassa sambhavo.
๗๔๘.
748.
‘‘ตสฺมา อุปาทานกฺขยา, สมฺมทญฺญาย ปณฺฑิตา;
‘‘Tasmā upādānakkhayā, sammadaññāya paṇḍitā;
ชาติกฺขยํ อภิญฺญาย, น คจฺฉนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติฯ
Jātikkhayaṃ abhiññāya, na gacchanti punabbhava’’nti.
(๑๐) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ อารมฺภปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อารมฺภานํ เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(10) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ ārambhapaccayāti, ayamekānupassanā. Ārambhānaṃ tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๔๙.
749.
‘‘ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ, สพฺพํ อารมฺภปจฺจยา;
‘‘Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti, sabbaṃ ārambhapaccayā;
อารมฺภานํ นิโรเธน, นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวฯ
Ārambhānaṃ nirodhena, natthi dukkhassa sambhavo.
๗๕๐.
750.
‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, ทุกฺขํ อารมฺภปจฺจยา;
‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, dukkhaṃ ārambhapaccayā;
สพฺพารมฺภํ ปฎินิสฺสชฺช, อนารเมฺภ วิมุตฺติโนฯ
Sabbārambhaṃ paṭinissajja, anārambhe vimuttino.
๗๕๑.
751.
‘‘อุจฺฉินฺนภวตณฺหสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Ucchinnabhavataṇhassa, santacittassa bhikkhuno;
วิกฺขีโณ 15 ชาติสํสาโร, นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโว’’ติฯ
Vikkhīṇo 16 jātisaṃsāro, natthi tassa punabbhavo’’ti.
(๑๑) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ อาหารปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อาหารานํ เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(11) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ āhārapaccayāti, ayamekānupassanā. Āhārānaṃ tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๕๒.
752.
‘‘ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ, สพฺพํ อาหารปจฺจยา;
‘‘Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti, sabbaṃ āhārapaccayā;
อาหารานํ นิโรเธน, นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวฯ
Āhārānaṃ nirodhena, natthi dukkhassa sambhavo.
๗๕๓.
753.
‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, ทุกฺขํ อาหารปจฺจยา;
‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, dukkhaṃ āhārapaccayā;
สพฺพาหารํ ปริญฺญาย, สพฺพาหารมนิสฺสิโตฯ
Sabbāhāraṃ pariññāya, sabbāhāramanissito.
๗๕๔.
754.
‘‘อาโรคฺยํ สมฺมทญฺญาย, อาสวานํ ปริกฺขยา;
‘‘Ārogyaṃ sammadaññāya, āsavānaṃ parikkhayā;
สงฺขาย เสวี ธมฺมโฎฺฐ, สงฺขฺยํ 17 โนเปติ เวทคู’’ติฯ
Saṅkhāya sevī dhammaṭṭho, saṅkhyaṃ 18 nopeti vedagū’’ti.
(๑๒) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ สพฺพํ อิญฺชิตปจฺจยาติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อิญฺชิตานํ เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(12) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti sabbaṃ iñjitapaccayāti, ayamekānupassanā. Iñjitānaṃ tveva asesavirāganirodhā natthi dukkhassa sambhavoti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๕๕.
755.
‘‘ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ, สพฺพํ อิญฺชิตปจฺจยา;
‘‘Yaṃ kiñci dukkhaṃ sambhoti, sabbaṃ iñjitapaccayā;
อิญฺชิตานํ นิโรเธน, นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวฯ
Iñjitānaṃ nirodhena, natthi dukkhassa sambhavo.
๗๕๖.
756.
‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, ทุกฺขํ อิญฺชิตปจฺจยา;
‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, dukkhaṃ iñjitapaccayā;
ตสฺมา หิ เอชํ โวสฺสชฺช, สงฺขาเร อุปรุนฺธิย;
Tasmā hi ejaṃ vossajja, saṅkhāre uparundhiya;
อเนโช อนุปาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ
Anejo anupādāno, sato bhikkhu paribbaje’’ti.
(๑๓) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? นิสฺสิตสฺส จลิตํ โหตีติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อนิสฺสิโต น จลตีติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(13) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Nissitassa calitaṃ hotīti, ayamekānupassanā. Anissito na calatīti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๕๗.
757.
‘‘อนิสฺสิโต น จลติ, นิสฺสิโต จ อุปาทิยํ;
‘‘Anissito na calati, nissito ca upādiyaṃ;
อิตฺถภาวญฺญถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติฯ
Itthabhāvaññathābhāvaṃ, saṃsāraṃ nātivattati.
๗๕๘.
758.
‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, นิสฺสเยสุ มหพฺภยํ;
‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, nissayesu mahabbhayaṃ;
อนิสฺสิโต อนุปาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ
Anissito anupādāno, sato bhikkhu paribbaje’’ti.
(๑๔) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? รูเปหิ, ภิกฺขเว, อรูปา 19 สนฺตตราติ, อยเมกานุปสฺสนาฯ อรูเปหิ นิโรโธ สนฺตตโรติ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(14) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Rūpehi, bhikkhave, arūpā 20 santatarāti, ayamekānupassanā. Arūpehi nirodho santataroti, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๕๙.
759.
นิโรธํ อปฺปชานนฺตา, อาคนฺตาโร ปุนพฺภวํฯ
Nirodhaṃ appajānantā, āgantāro punabbhavaṃ.
๗๖๐.
760.
นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺติ, เต ชนา มจฺจุหายิโน’’ติฯ
Nirodhe ye vimuccanti, te janā maccuhāyino’’ti.
(๑๕) ‘‘สิยา อเญฺญนปิ…เป.… กถญฺจ สิยา? ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อิทํ สจฺจนฺติ อุปนิชฺฌายิตํ ตทมริยานํ เอตํ มุสาติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ, อยเมกานุปสฺสนาฯ ยํ , ภิกฺขเว, สเทวกสฺส…เป.… สเทวมนุสฺสาย อิทํ มุสาติ อุปนิชฺฌายิตํ, ตทมริยานํ เอตํ สจฺจนฺติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา…เป.… อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(15) ‘‘Siyā aññenapi…pe… kathañca siyā? Yaṃ, bhikkhave, sadevakassa lokassa samārakassa sabrahmakassa sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya idaṃ saccanti upanijjhāyitaṃ tadamariyānaṃ etaṃ musāti yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ, ayamekānupassanā. Yaṃ , bhikkhave, sadevakassa…pe… sadevamanussāya idaṃ musāti upanijjhāyitaṃ, tadamariyānaṃ etaṃ saccanti yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā…pe… athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๖๑.
761.
นิวิฎฺฐํ นามรูปสฺมิํ, อิทํ สจฺจนฺติ มญฺญติฯ
Niviṭṭhaṃ nāmarūpasmiṃ, idaṃ saccanti maññati.
๗๖๒.
762.
‘‘เยน เยน หิ มญฺญนฺติ, ตโต ตํ โหติ อญฺญถา;
‘‘Yena yena hi maññanti, tato taṃ hoti aññathā;
ตญฺหิ ตสฺส มุสา โหติ, โมสธมฺมญฺหิ อิตฺตรํฯ
Tañhi tassa musā hoti, mosadhammañhi ittaraṃ.
๗๖๓.
763.
‘‘อโมสธมฺมํ นิพฺพานํ, ตทริยา สจฺจโต วิทู;
‘‘Amosadhammaṃ nibbānaṃ, tadariyā saccato vidū;
เต เว สจฺจาภิสมยา, นิจฺฉาตา ปรินิพฺพุตา’’ติฯ
Te ve saccābhisamayā, nicchātā parinibbutā’’ti.
(๑๖) ‘‘‘สิยา อเญฺญนปิ ปริยาเยน สมฺมา ทฺวยตานุปสฺสนา’ติ, อิติ เจ, ภิกฺขเว, ปุจฺฉิตาโร อสฺสุ; ‘สิยา’ติสฺสุ วจนียาฯ กถญฺจ สิยา? ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อิทํ สุขนฺติ อุปนิชฺฌายิตํ, ตทมริยานํ เอตํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ, อยเมกานุปสฺสนา ฯ ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส…เป.… สเทวมนุสฺสาย อิทํ ทุกฺขนฺติ อุปนิชฺฌายิตํ ตทมริยานํ เอตํ สุขนฺติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ, อยํ ทุติยานุปสฺสนาฯ เอวํ สมฺมา ทฺวยตานุปสฺสิโน โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต ทฺวินฺนํ ผลานํ อญฺญตรํ ผลํ ปาฎิกงฺขํ – ทิเฎฺฐว ธเมฺม อญฺญา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตาติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
(16) ‘‘‘Siyā aññenapi pariyāyena sammā dvayatānupassanā’ti, iti ce, bhikkhave, pucchitāro assu; ‘siyā’tissu vacanīyā. Kathañca siyā? Yaṃ, bhikkhave, sadevakassa lokassa samārakassa sabrahmakassa sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya idaṃ sukhanti upanijjhāyitaṃ, tadamariyānaṃ etaṃ dukkhanti yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ, ayamekānupassanā . Yaṃ, bhikkhave, sadevakassa…pe… sadevamanussāya idaṃ dukkhanti upanijjhāyitaṃ tadamariyānaṃ etaṃ sukhanti yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ, ayaṃ dutiyānupassanā. Evaṃ sammā dvayatānupassino kho, bhikkhave, bhikkhuno appamattassa ātāpino pahitattassa viharato dvinnaṃ phalānaṃ aññataraṃ phalaṃ pāṭikaṅkhaṃ – diṭṭheva dhamme aññā, sati vā upādisese anāgāmitāti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
๗๖๔.
764.
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, ผสฺสา ธมฺมา จ เกวลา;
‘‘Rūpā saddā rasā gandhā, phassā dhammā ca kevalā;
อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา จ, ยาวตตฺถีติ วุจฺจติฯ
Iṭṭhā kantā manāpā ca, yāvatatthīti vuccati.
๗๖๕.
765.
‘‘สเทวกสฺส โลกสฺส, เอเต โว สุขสมฺมตา;
‘‘Sadevakassa lokassa, ete vo sukhasammatā;
ยตฺถ เจเต นิรุชฺฌนฺติ, ตํ เนสํ ทุกฺขสมฺมตํฯ
Yattha cete nirujjhanti, taṃ nesaṃ dukkhasammataṃ.
๗๖๖.
766.
‘‘สุขนฺติ ทิฎฺฐมริเยหิ, สกฺกายสฺสุปโรธนํ;
‘‘Sukhanti diṭṭhamariyehi, sakkāyassuparodhanaṃ;
ปจฺจนีกมิทํ โหติ, สพฺพโลเกน ปสฺสตํฯ
Paccanīkamidaṃ hoti, sabbalokena passataṃ.
๗๖๗.
767.
‘‘ยํ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต;
‘‘Yaṃ pare sukhato āhu, tadariyā āhu dukkhato;
ยํ ปเร ทุกฺขโต อาหุ, ตทริยา สุขโต วิทูฯ
Yaṃ pare dukkhato āhu, tadariyā sukhato vidū.
๗๖๘.
768.
‘‘ปสฺส ธมฺมํ ทุราชานํ, สมฺปมูเฬฺหตฺถวิทฺทสุ 27;
‘‘Passa dhammaṃ durājānaṃ, sampamūḷhetthaviddasu 28;
นิวุตานํ ตโม โหติ, อนฺธกาโร อปสฺสตํฯ
Nivutānaṃ tamo hoti, andhakāro apassataṃ.
๗๖๙.
769.
‘‘สตญฺจ วิวฎํ โหติ, อาโลโก ปสฺสตามิว;
‘‘Satañca vivaṭaṃ hoti, āloko passatāmiva;
สนฺติเก น วิชานนฺติ, มคฺคา ธมฺมสฺส โกวิทาฯ
Santike na vijānanti, maggā dhammassa kovidā.
๗๗๐.
770.
‘‘ภวราคปเรเตหิ , ภวโสตานุสาริภิ;
‘‘Bhavarāgaparetehi , bhavasotānusāribhi;
มารเธยฺยานุปเนฺนหิ, นายํ ธโมฺม สุสมฺพุโธฯ
Māradheyyānupannehi, nāyaṃ dhammo susambudho.
๗๗๑.
771.
‘‘โก นุ อญฺญตฺรมริเยหิ, ปทํ สมฺพุทฺธุมรหติ;
‘‘Ko nu aññatramariyehi, padaṃ sambuddhumarahati;
ยํ ปทํ สมฺมทญฺญาย, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติฯ
Yaṃ padaṃ sammadaññāya, parinibbanti anāsavā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ อิมสฺมิํ จ 29 ปน เวยฺยากรณสฺมิํ ภญฺญมาเน สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสูติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti. Imasmiṃ ca 30 pana veyyākaraṇasmiṃ bhaññamāne saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsūti.
ทฺวยตานุปสฺสนาสุตฺตํ ทฺวาทสมํ นิฎฺฐิตํฯ
Dvayatānupassanāsuttaṃ dvādasamaṃ niṭṭhitaṃ.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
สจฺจํ อุปธิ อวิชฺชา จ, สงฺขาเร วิญฺญาณปญฺจมํ;
Saccaṃ upadhi avijjā ca, saṅkhāre viññāṇapañcamaṃ;
ผสฺสเวทนิยา ตณฺหา, อุปาทานารมฺภอาหารา;
Phassavedaniyā taṇhā, upādānārambhaāhārā;
อิญฺชิตํ จลิตํ รูปํ, สจฺจํ ทุเกฺขน โสฬสาติฯ
Iñjitaṃ calitaṃ rūpaṃ, saccaṃ dukkhena soḷasāti.
มหาวโคฺค ตติโย นิฎฺฐิโตฯ
Mahāvaggo tatiyo niṭṭhito.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ปพฺพชฺชา จ ปธานญฺจ, สุภาสิตญฺจ สุนฺทริ;
Pabbajjā ca padhānañca, subhāsitañca sundari;
มาฆสุตฺตํ สภิโย จ, เสโล สลฺลญฺจ วุจฺจติฯ
Māghasuttaṃ sabhiyo ca, selo sallañca vuccati.
วาเสโฎฺฐ จาปิ โกกาลิ, นาลโก ทฺวยตานุปสฺสนา;
Vāseṭṭho cāpi kokāli, nālako dvayatānupassanā;
ทฺวาทเสตานิ สุตฺตานิ, มหาวโคฺคติ วุจฺจตีติฯ
Dvādasetāni suttāni, mahāvaggoti vuccatīti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๑๒. ทฺวยตานุปสฺสนาสุตฺตวณฺณนา • 12. Dvayatānupassanāsuttavaṇṇanā