Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๙. เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตํ
9. Dvedhāvitakkasuttaṃ
๒๐๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
206. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ปุเพฺพว เม, ภิกฺขเว, สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทฺวิธา กตฺวา ทฺวิธา กตฺวา วิตเกฺก วิหเรยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, ภิกฺขเว, โย จายํ กามวิตโกฺก โย จ พฺยาปาทวิตโกฺก โย จ วิหิํสาวิตโกฺก – อิมํ เอกํ ภาคมกาสิํ ; โย จายํ เนกฺขมฺมวิตโกฺก โย จ อพฺยาปาทวิตโกฺก โย จ อวิหิํสาวิตโกฺก – อิมํ ทุติยํ ภาคมกาสิํฯ
‘‘Pubbeva me, bhikkhave, sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ dvidhā katvā dvidhā katvā vitakke vihareyya’nti. So kho ahaṃ, bhikkhave, yo cāyaṃ kāmavitakko yo ca byāpādavitakko yo ca vihiṃsāvitakko – imaṃ ekaṃ bhāgamakāsiṃ ; yo cāyaṃ nekkhammavitakko yo ca abyāpādavitakko yo ca avihiṃsāvitakko – imaṃ dutiyaṃ bhāgamakāsiṃ.
๒๐๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ กามวิตโกฺกฯ โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปโนฺน โข เม อยํ กามวิตโกฺกฯ โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปญฺญานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ 1ฯ ‘อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปญฺญานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติฯ โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ ปชหเมว 2 วิโนทเมว 3 พฺยนฺตเมว 4 นํ อกาสิํฯ
207. ‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, evaṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato uppajjati kāmavitakko. So evaṃ pajānāmi – ‘uppanno kho me ayaṃ kāmavitakko. So ca kho attabyābādhāyapi saṃvattati, parabyābādhāyapi saṃvattati, ubhayabyābādhāyapi saṃvattati, paññānirodhiko vighātapakkhiko anibbānasaṃvattaniko’ 5. ‘Attabyābādhāya saṃvattatī’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati; ‘parabyābādhāya saṃvattatī’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati; ‘ubhayabyābādhāya saṃvattatī’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati; ‘paññānirodhiko vighātapakkhiko anibbānasaṃvattaniko’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati. So kho ahaṃ, bhikkhave, uppannuppannaṃ kāmavitakkaṃ pajahameva 6 vinodameva 7 byantameva 8 naṃ akāsiṃ.
๒๐๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ พฺยาปาทวิตโกฺก…เป.… อุปฺปชฺชติ วิหิํสาวิตโกฺกฯ โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปโนฺน โข เม อยํ วิหิํสาวิตโกฺกฯ โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปญฺญานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ฯ ‘อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปญฺญานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฎิสญฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติฯ โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ วิหิํสาวิตกฺกํ ปชหเมว วิโนทเมว พฺยนฺตเมว นํ อกาสิํฯ
208. ‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, evaṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato uppajjati byāpādavitakko…pe… uppajjati vihiṃsāvitakko. So evaṃ pajānāmi – ‘uppanno kho me ayaṃ vihiṃsāvitakko. So ca kho attabyābādhāyapi saṃvattati, parabyābādhāyapi saṃvattati, ubhayabyābādhāyapi saṃvattati, paññānirodhiko vighātapakkhiko anibbānasaṃvattaniko’. ‘Attabyābādhāya saṃvattatī’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati; ‘parabyābādhāya saṃvattatī’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati; ‘ubhayabyābādhāya saṃvattatī’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati; ‘paññānirodhiko vighātapakkhiko anibbānasaṃvattaniko’tipi me, bhikkhave, paṭisañcikkhato abbhatthaṃ gacchati. So kho ahaṃ, bhikkhave, uppannuppannaṃ vihiṃsāvitakkaṃ pajahameva vinodameva byantameva naṃ akāsiṃ.
‘‘ยญฺญเทว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ, ตถา ตถา นติ โหติ เจตโสฯ กามวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ เนกฺขมฺมวิตกฺกํ, กามวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ กามวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติฯ พฺยาปาทวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว…เป.… วิหิํสาวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ อวิหิํสาวิตกฺกํ, วิหิํสาวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ วิหิํสาวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย กิฎฺฐสมฺพาเธ โคปาลโก คาโว รเกฺขยฺยฯ โส ตา คาโว ตโต ตโต ทเณฺฑน อาโกเฎยฺย ปฎิโกเฎยฺย สนฺนิรุเนฺธยฺย สนฺนิวาเรยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสติ หิ โส, ภิกฺขเว, โคปาลโก ตโตนิทานํ วธํ วา พนฺธนํ วา ชานิํ วา ครหํ วาฯ เอวเมว โข อหํ, ภิกฺขเว, อทฺทสํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขเมฺม อานิสํสํ โวทานปกฺขํฯ
‘‘Yaññadeva, bhikkhave, bhikkhu bahulamanuvitakketi anuvicāreti, tathā tathā nati hoti cetaso. Kāmavitakkaṃ ce, bhikkhave, bhikkhu bahulamanuvitakketi anuvicāreti, pahāsi nekkhammavitakkaṃ, kāmavitakkaṃ bahulamakāsi, tassa taṃ kāmavitakkāya cittaṃ namati. Byāpādavitakkaṃ ce, bhikkhave…pe… vihiṃsāvitakkaṃ ce, bhikkhave, bhikkhu bahulamanuvitakketi anuvicāreti, pahāsi avihiṃsāvitakkaṃ, vihiṃsāvitakkaṃ bahulamakāsi, tassa taṃ vihiṃsāvitakkāya cittaṃ namati. Seyyathāpi, bhikkhave, vassānaṃ pacchime māse saradasamaye kiṭṭhasambādhe gopālako gāvo rakkheyya. So tā gāvo tato tato daṇḍena ākoṭeyya paṭikoṭeyya sannirundheyya sannivāreyya. Taṃ kissa hetu? Passati hi so, bhikkhave, gopālako tatonidānaṃ vadhaṃ vā bandhanaṃ vā jāniṃ vā garahaṃ vā. Evameva kho ahaṃ, bhikkhave, addasaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ, kusalānaṃ dhammānaṃ nekkhamme ānisaṃsaṃ vodānapakkhaṃ.
๒๐๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ เนกฺขมฺมวิตโกฺกฯ โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปโนฺน โข เม อยํ เนกฺขมฺมวิตโกฺกฯ โส จ โข เนวตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, ปญฺญาวุทฺธิโก อวิฆาตปกฺขิโก นิพฺพานสํวตฺตนิโก’ฯ รตฺติํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตเกฺกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิฯ ทิวสํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตเกฺกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิฯ รตฺตินฺทิวํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตเกฺกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิฯ อปิ จ โข เม อติจิรํ อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต กาโย กิลเมยฺย ฯ กาเย กิลเนฺต 9 จิตฺตํ อูหเญฺญยฺยฯ อูหเต จิเตฺต อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหาติฯ โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทิํ กโรมิ 10 สมาทหามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม จิตฺตํ อูหญฺญี’ติ 11ฯ
209. ‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, evaṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato uppajjati nekkhammavitakko. So evaṃ pajānāmi – ‘uppanno kho me ayaṃ nekkhammavitakko. So ca kho nevattabyābādhāya saṃvattati, na parabyābādhāya saṃvattati, na ubhayabyābādhāya saṃvattati, paññāvuddhiko avighātapakkhiko nibbānasaṃvattaniko’. Rattiṃ cepi naṃ, bhikkhave, anuvitakkeyyaṃ anuvicāreyyaṃ, neva tatonidānaṃ bhayaṃ samanupassāmi. Divasaṃ cepi naṃ, bhikkhave, anuvitakkeyyaṃ anuvicāreyyaṃ, neva tatonidānaṃ bhayaṃ samanupassāmi. Rattindivaṃ cepi naṃ, bhikkhave, anuvitakkeyyaṃ anuvicāreyyaṃ, neva tatonidānaṃ bhayaṃ samanupassāmi. Api ca kho me aticiraṃ anuvitakkayato anuvicārayato kāyo kilameyya . Kāye kilante 12 cittaṃ ūhaññeyya. Ūhate citte ārā cittaṃ samādhimhāti. So kho ahaṃ, bhikkhave, ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapemi sannisādemi ekodiṃ karomi 13 samādahāmi. Taṃ kissa hetu? ‘Mā me cittaṃ ūhaññī’ti 14.
๒๑๐. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ อพฺยาปาทวิตโกฺก…เป.… อุปฺปชฺชติ อวิหิํสาวิตโกฺกฯ โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปโนฺน โข เม อยํ อวิหิํสาวิตโกฺกฯ โส จ โข เนวตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, ปญฺญาวุทฺธิโก อวิฆาตปกฺขิโก นิพฺพานสํวตฺตนิโก’ฯ รตฺติํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตเกฺกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิฯ ทิวสํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตเกฺกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิฯ รตฺตินฺทิวํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตเกฺกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิฯ อปิ จ โข เม อติจิรํ อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต กาโย กิลเมยฺยฯ กาเย กิลเนฺต จิตฺตํ อูหเญฺญยฺยฯ อูหเต จิเตฺต อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหาติฯ โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปมิ, สนฺนิสาเทมิ, เอโกทิํ กโรมิ สมาทหามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม จิตฺตํ อูหญฺญี’ติฯ
210. ‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, evaṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato uppajjati abyāpādavitakko…pe… uppajjati avihiṃsāvitakko. So evaṃ pajānāmi – ‘uppanno kho me ayaṃ avihiṃsāvitakko. So ca kho nevattabyābādhāya saṃvattati, na parabyābādhāya saṃvattati, na ubhayabyābādhāya saṃvattati, paññāvuddhiko avighātapakkhiko nibbānasaṃvattaniko’. Rattiṃ cepi naṃ, bhikkhave, anuvitakkeyyaṃ anuvicāreyyaṃ, neva tatonidānaṃ bhayaṃ samanupassāmi. Divasaṃ cepi naṃ, bhikkhave, anuvitakkeyyaṃ anuvicāreyyaṃ, neva tatonidānaṃ bhayaṃ samanupassāmi. Rattindivaṃ cepi naṃ, bhikkhave, anuvitakkeyyaṃ anuvicāreyyaṃ, neva tatonidānaṃ bhayaṃ samanupassāmi. Api ca kho me aticiraṃ anuvitakkayato anuvicārayato kāyo kilameyya. Kāye kilante cittaṃ ūhaññeyya. Ūhate citte ārā cittaṃ samādhimhāti. So kho ahaṃ, bhikkhave, ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapemi, sannisādemi, ekodiṃ karomi samādahāmi. Taṃ kissa hetu? ‘Mā me cittaṃ ūhaññī’ti.
‘‘ยญฺญเทว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ, ตถา ตถา นติ โหติ เจตโสฯ เนกฺขมฺมวิตกฺกเญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ กามวิตกฺกํ, เนกฺขมฺมวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺสํ ตํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติฯ อพฺยาปาทวิตกฺกเญฺจ, ภิกฺขเว…เป.… อวิหิํสาวิตกฺกเญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ วิหิํสาวิตกฺกํ, อวิหิํสาวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ อวิหิํสาวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส สพฺพสเสฺสสุ คามนฺตสมฺภเตสุ โคปาลโก คาโว รเกฺขยฺย , ตสฺส รุกฺขมูลคตสฺส วา อโพฺภกาสคตสฺส วา สติกรณียเมว โหติ – ‘เอตา 15 คาโว’ติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สติกรณียเมว อโหสิ – ‘เอเต ธมฺมา’ติฯ
‘‘Yaññadeva, bhikkhave, bhikkhu bahulamanuvitakketi anuvicāreti, tathā tathā nati hoti cetaso. Nekkhammavitakkañce, bhikkhave, bhikkhu bahulamanuvitakketi anuvicāreti, pahāsi kāmavitakkaṃ, nekkhammavitakkaṃ bahulamakāsi, tassaṃ taṃ nekkhammavitakkāya cittaṃ namati. Abyāpādavitakkañce, bhikkhave…pe… avihiṃsāvitakkañce, bhikkhave, bhikkhu bahulamanuvitakketi anuvicāreti, pahāsi vihiṃsāvitakkaṃ, avihiṃsāvitakkaṃ bahulamakāsi, tassa taṃ avihiṃsāvitakkāya cittaṃ namati. Seyyathāpi, bhikkhave, gimhānaṃ pacchime māse sabbasassesu gāmantasambhatesu gopālako gāvo rakkheyya , tassa rukkhamūlagatassa vā abbhokāsagatassa vā satikaraṇīyameva hoti – ‘etā 16 gāvo’ti. Evamevaṃ kho, bhikkhave, satikaraṇīyameva ahosi – ‘ete dhammā’ti.
๒๑๑. ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, ภิกฺขเว, วีริยํ อโหสิ อสลฺลีนํ, อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐา , ปสฺสโทฺธ กาโย อสารโทฺธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํฯ โส โข อหํ, ภิกฺขเว, วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสิํ สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทสิํ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ
211. ‘‘Āraddhaṃ kho pana me, bhikkhave, vīriyaṃ ahosi asallīnaṃ, upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā , passaddho kāyo asāraddho, samāhitaṃ cittaṃ ekaggaṃ. So kho ahaṃ, bhikkhave, vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Pītiyā ca virāgā upekkhako ca vihāsiṃ sato ca sampajāno, sukhañca kāyena paṭisaṃvedesiṃ, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti, tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ.
๒๑๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ ชาติํ…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปฐเม ยาเม ปฐมา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปโนฺน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ
212. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte pubbenivāsānussatiñāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Seyyathidaṃ, ekampi jātiṃ…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Ayaṃ kho me, bhikkhave, rattiyā paṭhame yāme paṭhamā vijjā adhigatā; avijjā vihatā vijjā uppannā; tamo vihato āloko uppanno; yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato.
๒๑๓. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต สตฺตานํ จุตูปปาตญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน…เป.… อิเม วต โภโนฺต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา…เป.… อิติ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานามิฯ อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปโนฺน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ
213. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte sattānaṃ cutūpapātañāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passāmi cavamāne upapajjamāne…pe… ime vata bhonto sattā kāyaduccaritena samannāgatā…pe… iti dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passāmi cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate, yathākammūpage satte pajānāmi. Ayaṃ kho me, bhikkhave, rattiyā majjhime yāme dutiyā vijjā adhigatā; avijjā vihatā vijjā uppannā; tamo vihato āloko uppanno; yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato.
๒๑๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ ฯ ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํฯ ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ อโหสิ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิํฯ อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปโนฺน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ
214. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte āsavānaṃ khayañāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhasamudayo’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhanirodho’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ . ‘Ime āsavā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavasamudayo’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavanirodho’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ. Tassa me evaṃ jānato evaṃ passato kāmāsavāpi cittaṃ vimuccittha, bhavāsavāpi cittaṃ vimuccittha, avijjāsavāpi cittaṃ vimuccittha, vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ ahosi – ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsiṃ. Ayaṃ kho me, bhikkhave, rattiyā pacchime yāme tatiyā vijjā adhigatā; avijjā vihatā vijjā uppannā; tamo vihato āloko uppanno; yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato.
๒๑๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อรเญฺญ ปวเน มหนฺตํ นินฺนํ ปลฺลลํฯ ตเมนํ มหามิคสโงฺฆ อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยฯ ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปเชฺชยฺย อนตฺถกาโม อหิตกาโม อโยคเกฺขมกาโมฯ โส ยฺวาสฺส มโคฺค เขโม โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย ตํ มคฺคํ ปิทเหยฺย, วิวเรยฺย กุมฺมคฺคํ, โอทเหยฺย โอกจรํ, ฐเปยฺย โอกจาริกํฯ เอวญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มหามิคสโงฺฆ อปเรน สมเยน อนยพฺยสนํ 17 อาปเชฺชยฺยฯ ตเสฺสว โข ปน, ภิกฺขเว, มหโต มิคสงฺฆสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปเชฺชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคเกฺขมกาโมฯ โส ยฺวาสฺส มโคฺค เขโม โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย ตํ มคฺคํ วิวเรยฺย, ปิทเหยฺย กุมฺมคฺคํ, อูหเนยฺย โอกจรํ, นาเสยฺย โอกจาริกํฯ เอวญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มหามิคสโงฺฆ อปเรน สมเยน วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปเชฺชยฺยฯ
215. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, araññe pavane mahantaṃ ninnaṃ pallalaṃ. Tamenaṃ mahāmigasaṅgho upanissāya vihareyya. Tassa kocideva puriso uppajjeyya anatthakāmo ahitakāmo ayogakkhemakāmo. So yvāssa maggo khemo sovatthiko pītigamanīyo taṃ maggaṃ pidaheyya, vivareyya kummaggaṃ, odaheyya okacaraṃ, ṭhapeyya okacārikaṃ. Evañhi so, bhikkhave, mahāmigasaṅgho aparena samayena anayabyasanaṃ 18 āpajjeyya. Tasseva kho pana, bhikkhave, mahato migasaṅghassa kocideva puriso uppajjeyya atthakāmo hitakāmo yogakkhemakāmo. So yvāssa maggo khemo sovatthiko pītigamanīyo taṃ maggaṃ vivareyya, pidaheyya kummaggaṃ, ūhaneyya okacaraṃ, nāseyya okacārikaṃ. Evañhi so, bhikkhave, mahāmigasaṅgho aparena samayena vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjeyya.
‘‘อุปมา โข เม อยํ, ภิกฺขเว, กตา อตฺถสฺส วิญฺญาปนาย ฯ อยํ เจเวตฺถ อโตฺถ – มหนฺตํ นินฺนํ ปลฺลลนฺติ โข, ภิกฺขเว, กามานเมตํ อธิวจนํฯ มหามิคสโงฺฆติ โข, ภิกฺขเว, สตฺตานเมตํ อธิวจนํฯ ปุริโส อนตฺถกาโม อหิตกาโม อโยคเกฺขมกาโมติ โข, ภิกฺขเว, มารเสฺสตํ ปาปิมโต อธิวจนํฯ กุมฺมโคฺคติ โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐงฺคิกเสฺสตํ มิจฺฉามคฺคสฺส อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – มิจฺฉาทิฎฺฐิยา มิจฺฉาสงฺกปฺปสฺส มิจฺฉาวาจาย มิจฺฉากมฺมนฺตสฺส มิจฺฉาอาชีวสฺส มิจฺฉาวายามสฺส มิจฺฉาสติยา มิจฺฉาสมาธิสฺสฯ โอกจโรติ โข, ภิกฺขเว, นนฺทีราคเสฺสตํ อธิวจนํฯ โอกจาริกาติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํฯ ปุริโส อตฺถกาโม หิตกาโม โยคเกฺขมกาโมติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ เขโม มโคฺค โสวตฺถิโก ปีติคมนีโยติ โข , ภิกฺขเว, อริยเสฺสตํ อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิยา สมฺมาสงฺกปฺปสฺส สมฺมาวาจาย สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมฺมาอาชีวสฺส สมฺมาวายามสฺส สมฺมาสติยา สมฺมาสมาธิสฺสฯ
‘‘Upamā kho me ayaṃ, bhikkhave, katā atthassa viññāpanāya . Ayaṃ cevettha attho – mahantaṃ ninnaṃ pallalanti kho, bhikkhave, kāmānametaṃ adhivacanaṃ. Mahāmigasaṅghoti kho, bhikkhave, sattānametaṃ adhivacanaṃ. Puriso anatthakāmo ahitakāmo ayogakkhemakāmoti kho, bhikkhave, mārassetaṃ pāpimato adhivacanaṃ. Kummaggoti kho, bhikkhave, aṭṭhaṅgikassetaṃ micchāmaggassa adhivacanaṃ, seyyathidaṃ – micchādiṭṭhiyā micchāsaṅkappassa micchāvācāya micchākammantassa micchāājīvassa micchāvāyāmassa micchāsatiyā micchāsamādhissa. Okacaroti kho, bhikkhave, nandīrāgassetaṃ adhivacanaṃ. Okacārikāti kho, bhikkhave, avijjāyetaṃ adhivacanaṃ. Puriso atthakāmo hitakāmo yogakkhemakāmoti kho, bhikkhave, tathāgatassetaṃ adhivacanaṃ arahato sammāsambuddhassa. Khemo maggo sovatthiko pītigamanīyoti kho , bhikkhave, ariyassetaṃ aṭṭhaṅgikassa maggassa adhivacanaṃ, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhiyā sammāsaṅkappassa sammāvācāya sammākammantassa sammāājīvassa sammāvāyāmassa sammāsatiyā sammāsamādhissa.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, วิวโฎ มยา เขโม มโคฺค โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย, ปิหิโต กุมฺมโคฺค, อูหโต โอกจโร, นาสิตา โอกจาริกาฯ ยํ, ภิกฺขเว, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยาฯ เอตานิ, ภิกฺขเว , รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สุญฺญาคารานิ; ฌายถ, ภิกฺขเว, มา ปมาทตฺถ; มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถฯ อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติฯ
‘‘Iti kho, bhikkhave, vivaṭo mayā khemo maggo sovatthiko pītigamanīyo, pihito kummaggo, ūhato okacaro, nāsitā okacārikā. Yaṃ, bhikkhave, satthārā karaṇīyaṃ sāvakānaṃ hitesinā anukampakena anukampaṃ upādāya, kataṃ vo taṃ mayā. Etāni, bhikkhave , rukkhamūlāni, etāni suññāgārāni; jhāyatha, bhikkhave, mā pamādattha; mā pacchā vippaṭisārino ahuvattha. Ayaṃ vo amhākaṃ anusāsanī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ
Dvedhāvitakkasuttaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา • 9. Dvedhāvitakkasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา • 9. Dvedhāvitakkasuttavaṇṇanā