Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๙. เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา
9. Dvedhāvitakkasuttavaṇṇanā
๒๐๖. เทฺว เทฺว ภาเคติ เทฺว เทฺว โกฎฺฐาเส กตฺวาฯ กามเญฺจตฺถ ‘‘อิมํ เอกํ ภาคมกาสิํ, อิมํ ทุติยภาคมกาสิ’’นฺติ วจนโต สเพฺพปิ วิตกฺกา สํกิเลสโวทานวิภาเคน เทฺวว ภาคา กตา, อปราปรุปฺปตฺติยา ปเนเตสํ อภิณฺหาจารํ อุปาทาย ปาฬิยํ ‘‘ทฺวิธา กตฺวา’’ติ อาเมฑิตวจนนฺติ ‘‘เทฺว เทฺว ภาเค กตฺวา’’ติ อาเมฑิตวจนวเสเนว วุโตฺตฯ อถ วา ภาคทฺวยสฺส สปฺปฎิภาคตาย ตตฺถ ยํ ยํ ทฺวยมฺปิ โข อุชุวิปจฺจนีกํ, ตํ ตํ วิสุํ วิสุํ คเหตุกาโม ภควา อาห ‘‘ทฺวิธา กตฺวา วิตเกฺก วิหเรยฺย’’นฺติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา ตตฺถ มิจฺฉาวิตกฺกานํ สมฺมาวิตกฺกานญฺจ อนวเสสํ อสงฺกรโต จ คหิตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมํ เอกํ ภาคมกาสิํ, อิมํ ทุติยภาคมกาสิ’’นฺติ อโวจฯ กามปฎิสํยุโตฺตติ กามราคสงฺขาเตน กาเมน สมฺปยุโตฺต, กาเมน ปฎิพโทฺธ วาฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, โทโสฯ วิหิํสติ เอตาย สเตฺต, วิหิํสนํ วา เตสํ เอตนฺติ วิหิํสา, ปเรสํ วิเหฐนากาเรน ปวตฺตสฺส กรุณาปฎิปกฺขสฺส ปาปธมฺมเสฺสตํ อธิวจนํฯ อชฺฌตฺตนฺติ อชฺฌตฺตธมฺมารมฺมณมาหฯ พหิทฺธาติ พาหิรธมฺมารมฺมณํฯ โอฬาริโกติ พหลกามราคาทิปฎิสํยุโตฺตฯ ตพฺพิปริยาเยน สุขุโมฯ วิตโกฺก อกุสลปกฺขิโกเยวาติ อิมินา วิตกฺกภาวสามเญฺญน ตตฺถาปิ อกุสลภาวสามเญฺญน เอกภาคกรณํ, น เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตาทิวเสนาติ ทเสฺสติฯ
206.Dvedve bhāgeti dve dve koṭṭhāse katvā. Kāmañcettha ‘‘imaṃ ekaṃ bhāgamakāsiṃ, imaṃ dutiyabhāgamakāsi’’nti vacanato sabbepi vitakkā saṃkilesavodānavibhāgena dveva bhāgā katā, aparāparuppattiyā panetesaṃ abhiṇhācāraṃ upādāya pāḷiyaṃ ‘‘dvidhā katvā’’ti āmeḍitavacananti ‘‘dve dve bhāge katvā’’ti āmeḍitavacanavaseneva vutto. Atha vā bhāgadvayassa sappaṭibhāgatāya tattha yaṃ yaṃ dvayampi kho ujuvipaccanīkaṃ, taṃ taṃ visuṃ visuṃ gahetukāmo bhagavā āha ‘‘dvidhā katvā vitakke vihareyya’’nti. Evaṃ pana cintetvā tattha micchāvitakkānaṃ sammāvitakkānañca anavasesaṃ asaṅkarato ca gahitabhāvaṃ dassento ‘‘imaṃ ekaṃ bhāgamakāsiṃ, imaṃ dutiyabhāgamakāsi’’nti avoca. Kāmapaṭisaṃyuttoti kāmarāgasaṅkhātena kāmena sampayutto, kāmena paṭibaddho vā. Sesesupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – byāpajjati cittaṃ etenāti byāpādo, doso. Vihiṃsati etāya satte, vihiṃsanaṃ vā tesaṃ etanti vihiṃsā, paresaṃ viheṭhanākārena pavattassa karuṇāpaṭipakkhassa pāpadhammassetaṃ adhivacanaṃ. Ajjhattanti ajjhattadhammārammaṇamāha. Bahiddhāti bāhiradhammārammaṇaṃ. Oḷārikoti bahalakāmarāgādipaṭisaṃyutto. Tabbipariyāyena sukhumo. Vitakkoakusalapakkhikoyevāti iminā vitakkabhāvasāmaññena tatthāpi akusalabhāvasāmaññena ekabhāgakaraṇaṃ, na ekacittuppādapariyāpannatādivasenāti dasseti.
เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภาติกฺกนฺตตฺตา ปฐมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สพฺพํ กุสลํฯ อิธ ปน กามวิตกฺกปฎิปกฺขสฺส อธิเปฺปตตฺตา อาห ‘‘กาเมหิ นิสฺสโฎ เนกฺขมฺมปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก’’ติฯ โสติ เนกฺขมฺมวิตโกฺกฯ ยาว ปฐมชฺฌานาติ ปฐมสมนฺนาหารโต ปฎฺฐาย ยาว ปฐมชฺฌานํ เอตฺถุปฺปโนฺน วิตโกฺก เนกฺขมฺมวิตโกฺกเยวฯ ปฐมชฺฌานนฺติ จ อิทํ ตโต ปรํ วิตกฺกาภาวโต วุตฺตํฯ น พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตน, พฺยาปาทสฺส วา ปฎิปโกฺขติ อพฺยาปาโท, เมตฺตาปุพฺพภาโค เมตฺตาภาวนารโมฺภฯ น วิหิํสนฺติ เอตาย, วิหิํสาย วา ปฎิปโกฺขติ อวิหิํสา, กรุณาปุพฺพภาโค กรุณาภาวนารโมฺภฯ
Nekkhammaṃ vuccati lobhātikkantattā paṭhamajjhānaṃ, sabbākusalehi nikkhantattā sabbaṃ kusalaṃ. Idha pana kāmavitakkapaṭipakkhassa adhippetattā āha ‘‘kāmehi nissaṭo nekkhammapaṭisaṃyutto vitakko’’ti. Soti nekkhammavitakko. Yāva paṭhamajjhānāti paṭhamasamannāhārato paṭṭhāya yāva paṭhamajjhānaṃ etthuppanno vitakko nekkhammavitakkoyeva. Paṭhamajjhānanti ca idaṃ tato paraṃ vitakkābhāvato vuttaṃ. Na byāpajjati cittaṃ etena, byāpādassa vā paṭipakkhoti abyāpādo, mettāpubbabhāgo mettābhāvanārambho. Na vihiṃsanti etāya, vihiṃsāya vā paṭipakkhoti avihiṃsā, karuṇāpubbabhāgo karuṇābhāvanārambho.
มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺตกาลโต ปฎฺฐาย ลทฺธาวสรา สมฺมาสงฺกปฺปา อุปรูปริ สวิเสสํ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ฉพฺพสฺสานิ…เป.… ปวตฺติํสู’’ติฯ ญาณสฺส อปริปกฺกตฺตา ปุพฺพวาสนาวเสน สติสโมฺมสโต กทาจิ มิจฺฉาวิตกฺกเลโสปิ โหติเยวาติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สติสโมฺมเสน…เป.… ติฎฺฐนฺตี’’ติ อาหฯ ยถา นิจฺจปิหิเตปิ เคเห กทาจิ วาตปาเน วิวฎมเตฺต ลทฺธาวสโร วาโต อโนฺต ปวิเสยฺย, เอวํ คุตฺตินฺทฺริเยปิ โพธิสตฺตสนฺตาเน สติสโมฺมสวเสน ลทฺธาวสโร อกุสลวิตโกฺก อุปฺปชฺชิ, อุปฺปโนฺน จ กุสลวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา อฎฺฐาสิ, อถ มหาสโตฺต ตํมุหุตฺตุปฺปนฺนเมว ปฎิวิโนเทตฺวา เตสํ อายติํ อนุปฺปาทาย ‘‘อิเม มิจฺฉาวิตกฺกา, อิเม สมฺมาวิตกฺกา’’ติ ยาถาวโต เต ปริจฺฉินฺทิตฺวา มิจฺฉาวิตกฺกานํ อวสรํ อเทโนฺต สมฺมาวิตเกฺก ปริวเฑฺฒสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มยฺหํ อิเม’’ติอาทิฯ
Mahābodhisattānaṃ mahābhinikkhamanaṃ nikkhantakālato paṭṭhāya laddhāvasarā sammāsaṅkappā uparūpari savisesaṃ pavattantīti āha ‘‘chabbassāni…pe… pavattiṃsū’’ti. Ñāṇassa aparipakkattā pubbavāsanāvasena satisammosato kadāci micchāvitakkalesopi hotiyevāti taṃ dassetuṃ ‘‘satisammosena…pe… tiṭṭhantī’’ti āha. Yathā niccapihitepi gehe kadāci vātapāne vivaṭamatte laddhāvasaro vāto anto paviseyya, evaṃ guttindriyepi bodhisattasantāne satisammosavasena laddhāvasaro akusalavitakko uppajji, uppanno ca kusalavāraṃ pacchinditvā aṭṭhāsi, atha mahāsatto taṃmuhuttuppannameva paṭivinodetvā tesaṃ āyatiṃ anuppādāya ‘‘ime micchāvitakkā, ime sammāvitakkā’’ti yāthāvato te paricchinditvā micchāvitakkānaṃ avasaraṃ adento sammāvitakke parivaḍḍhesi. Tena vuttaṃ ‘‘mayhaṃ ime’’tiādi.
๒๐๗. ปมาโท นาม สติวิปฺปวาโสติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตสฺสาติ สติยา อวิปฺปวาเส ฐิตสฺสา’’ติฯ อาตาปวีริยวนฺตสฺสาติ กิเลสานํ นิคฺคณฺหนวีริยวโตฯ เปสิตจิตฺตสฺสาติ ภววิโมกฺขาย วิสฺสฎฺฐจิตฺตสฺส กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขสฺสฯ ‘‘เอวํ ปฎิปากติโก ชาโต’’ติ อตฺตโน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปวตฺตํ โสมนสฺสาการํ เคหสฺสิตโสมนสฺสปกฺขิกํ อกาสิ, ปญฺญามหนฺตตาย สุขุมทสฺสิตาฯ
207. Pamādo nāma sativippavāsoti āha ‘‘appamattassāti satiyā avippavāse ṭhitassā’’ti. Ātāpavīriyavantassāti kilesānaṃ niggaṇhanavīriyavato. Pesitacittassāti bhavavimokkhāya vissaṭṭhacittassa kāye ca jīvite ca nirapekkhassa. ‘‘Evaṃ paṭipākatiko jāto’’ti attano attabhāvaṃ nissāya pavattaṃ somanassākāraṃ gehassitasomanassapakkhikaṃ akāsi, paññāmahantatāya sukhumadassitā.
อปริญฺญายํ ฐิตสฺสาติ น ปริญฺญายํ ฐิตสฺส, อปริคฺคหิตปริญฺญสฺสาติ อโตฺถฯ วิตโกฺก…เป.… เอตานิ ตีณิ นามานิ ลภตีติ ตาทิสสฺส อุปฺปโนฺน มิจฺฉาวิตโกฺก ยถารหํ อตฺตพฺยาพาธโก อุภยพฺยาพาธโก จ น โหตีติ น วตฺตโพฺพ ตํ สภาวานติวตฺตนโตติ อธิปฺปาโยฯ อนุปฺปนฺนานุปฺปาทอุปฺปนฺนปริหานินิมิตฺตตาย ปญฺญํ นิโรเธตีติ ปญฺญานิโรธิโกฯ เตนาห ‘‘อนุปฺปนฺนายา’’ติอาทิฯ นตฺถิภาวํ คจฺฉตีติ ปฎิสงฺขานพเลน วิกฺขมฺภนปฺปหานมาหฯ นิรุชฺฌตีติอาทีหิปิ ตเทว วทติฯ วิคตนฺตนฺติอาทีหิ ปน สมูลํ อุทฺธฎํ วิย ตทา อปฺปวตฺตนกํ อกาสินฺติ วทติฯ
Apariññāyaṃṭhitassāti na pariññāyaṃ ṭhitassa, apariggahitapariññassāti attho. Vitakko…pe… etāni tīṇi nāmāni labhatīti tādisassa uppanno micchāvitakko yathārahaṃ attabyābādhako ubhayabyābādhako ca na hotīti na vattabbo taṃ sabhāvānativattanatoti adhippāyo. Anuppannānuppādauppannaparihāninimittatāya paññaṃ nirodhetīti paññānirodhiko. Tenāha ‘‘anuppannāyā’’tiādi. Natthibhāvaṃ gacchatīti paṭisaṅkhānabalena vikkhambhanappahānamāha. Nirujjhatītiādīhipi tadeva vadati. Vigatantantiādīhi pana samūlaṃ uddhaṭaṃ viya tadā appavattanakaṃ akāsinti vadati.
๒๐๘. จิตฺตวิปริณามภาโว จิตฺตสฺส อญฺญถตฺตํ ปกติจิตฺตวิคโมฯ อเนกคฺคตากาโร วิเกฺขโปฯ ตตฺถ วิตเกฺกน จิตฺตํ วิหญฺญมานํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ตํ คเหตฺวา วิหิํสาวิตกฺกํ อกาสี’’ติฯ การุญฺญนฺติ ปรทุกฺขนิมิตฺตํ จิตฺตเขทํ วทติฯ เตเนวาห – ‘‘ปรทุเกฺข สติ สาธูนํ มนํ กเมฺปตีติ กรุณา’’ติ (ม. นิ. ฎี. ๑.๑; สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑)ฯ นฺติ กรุณายนวเสน ปวตฺตจิตฺตปกมฺปนํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชติ วิหิํสาวิตโกฺก’’ติ อาห, น สเตฺตสุ วิหิํสา ปวตฺตตีติ อธิปฺปาโยฯ
208.Cittavipariṇāmabhāvo cittassa aññathattaṃ pakaticittavigamo. Anekaggatākāro vikkhepo. Tattha vitakkena cittaṃ vihaññamānaṃ viya hotīti āha ‘‘taṃ gahetvā vihiṃsāvitakkaṃ akāsī’’ti. Kāruññanti paradukkhanimittaṃ cittakhedaṃ vadati. Tenevāha – ‘‘paradukkhe sati sādhūnaṃ manaṃ kampetīti karuṇā’’ti (ma. ni. ṭī. 1.1; saṃ. ni. ṭī. 1.1.1). Nti karuṇāyanavasena pavattacittapakampanaṃ sandhāya ‘‘uppajjati vihiṃsāvitakko’’ti āha, na sattesu vihiṃsā pavattatīti adhippāyo.
เตน เตน จสฺสากาเรนาติ เยน เยน อากาเรน ภิกฺขุนา อนุวิตกฺกิตํ อนุวิจาริตํ, เตน เตน อากาเรนสฺส เจตโส นติ โหติฯ เตเนวาห ‘‘กามวิตกฺกาทีสู’’ติอาทิฯ ปหาสีติ กาลวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปชหตี’’ติฯ ปหานํ ปนสฺส สิทฺธเมว ปฎิปกฺขสฺส สิทฺธตฺตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปหาสี’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘อสามิโภเค คามิกาอาทียิํสู’’ติฯ พหุลมกาสีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เอวเมวํ นมตีติ กามวิตกฺกสมฺปโยคาการเมว โหติ, กามวิตกฺกสมฺปยุตฺตากาเรน วา ปริณมติฯ กสนํ กิฎฺฐํ, กสีติ อโตฺถ, ตนฺนิพฺพตฺตตฺตา ปน การณูปจาเรน สสฺสํ ‘‘กิฎฺฐ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สสฺสสมฺพาเธ’’ติฯ จตฺตาริ ภยานีติ วธพนฺธชานิครหานิฯ อุปทฺทวนฺติ อนตฺถุปฺปาทภาวํฯ ลามกนฺติ นิหีนภาวํฯ ธเนฺธสูติ อตฺตโน ขเนฺธสุฯ โอตารนฺติ อนุปฺปเวสํ กิเลสานํฯ สํกิเลสโต วิสุชฺฌนํ วิสุทฺธิ, สา เอว โวทานนฺติ อาห ‘‘โวทานปกฺขนฺติ อิทํ ตเสฺสว เววจน’’นฺติฯ
Tena tena cassākārenāti yena yena ākārena bhikkhunā anuvitakkitaṃ anuvicāritaṃ, tena tena ākārenassa cetaso nati hoti. Tenevāha ‘‘kāmavitakkādīsū’’tiādi. Pahāsīti kālavipallāsena vuttanti āha ‘‘pajahatī’’ti. Pahānaṃ panassa siddhameva paṭipakkhassa siddhattāti dassetuṃ ‘‘pahāsī’’ti vuttaṃ yathā ‘‘asāmibhoge gāmikāādīyiṃsū’’ti. Bahulamakāsīti etthāpi eseva nayo. Evamevaṃ namatīti kāmavitakkasampayogākārameva hoti, kāmavitakkasampayuttākārena vā pariṇamati. Kasanaṃ kiṭṭhaṃ, kasīti attho, tannibbattattā pana kāraṇūpacārena sassaṃ ‘‘kiṭṭha’’nti vuttanti āha ‘‘sassasambādhe’’ti. Cattāri bhayānīti vadhabandhajānigarahāni. Upaddavanti anatthuppādabhāvaṃ. Lāmakanti nihīnabhāvaṃ. Dhandhesūti attano khandhesu. Otāranti anuppavesaṃ kilesānaṃ. Saṃkilesato visujjhanaṃ visuddhi, sā eva vodānanti āha ‘‘vodānapakkhanti idaṃ tasseva vevacana’’nti.
๒๐๙. สพฺพกุสลํ เนกฺขมฺมํ สพฺพากุสลปฎิปกฺขตาย ตโต นิสฺสฎตฺตาฯ นิพฺพานเมว เนกฺขมฺมํ สพฺพกิเลสโต สพฺพสงฺขตโต จ นิสฺสฎตฺตาฯ กิฎฺฐสมฺพาธํ วิย รูปาทิอารมฺมณํ ปมาเท สติ อนตฺถุปฺปตฺติฎฺฐานภาวโตฯ กูฎคาโว วิย กูฎจิตฺตํ ทุทฺทมภาวโตฯ ปณฺฑิตโคปาลโก วิย โพธิสโตฺต อุปายโกสลฺลโยคโตฯ จตุพฺพิธภยํ วิย มิจฺฉาวิตกฺกา สปฺปฎิภยภาวโตฯ ปญฺญาย วุทฺธิ เอตสฺส อตฺถีติ ปญฺญาวุทฺธิโกฯ วิหญฺญติ จิตฺตํ เอเตนาติ วิฆาโต, เจโตทุกฺขํ, ตปฺปกฺขิโก วิฆาตปกฺขิโก, น วิฆาตปกฺขิโกติ อวิฆาตปกฺขิโกฯ นิพฺพานสํวตฺตนิโก นิพฺพานวโหฯ อุคฺฆาตีเยยฺยาติ อุทฺธตํ สิยา วิกฺขิตฺตญฺจ ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ สณฺฐเปมีติ สมฺมเทว ปฎฺฐเปมิฯ ยถา ปน ฐปิตํ สณฺฐปิตํ นาม โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สนฺนิสีทาเปมี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สนฺนิสีทาเปมีติ สมาธิปฎิปเกฺข กิเลเส สนฺนิสีทาเปโนฺต จิตฺตํ โคจรชฺฌเตฺต สนฺนิสีทาเปมิฯ อพฺยคฺคภาวาปาทเกน เอกคฺคํ กโรมิ, ยถา อารมฺมเณ สุฎฺฐุ อปฺปิตํ โหติ, เอวํ สมฺมา สมฺมเทว อาทหามิ สมาหิตํ กโรมิ, ยสฺมา ตถาสมาหิตํ จิตฺตํ สุฎฺฐุ อารมฺมเณ อาโรปิตํ นาม โหติ, น ตโต ปริปตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุฎฺฐุ อาโรเปมีติ อโตฺถ’’ติฯ มา อุคฺฆาตียิตฺตาติ มา หญฺญิตฺถ, มา อูหตํ อตฺถาติ อโตฺถฯ
209.Sabbakusalaṃnekkhammaṃ sabbākusalapaṭipakkhatāya tato nissaṭattā. Nibbānameva nekkhammaṃ sabbakilesato sabbasaṅkhatato ca nissaṭattā. Kiṭṭhasambādhaṃ viya rūpādiārammaṇaṃ pamāde sati anatthuppattiṭṭhānabhāvato. Kūṭagāvo viya kūṭacittaṃ duddamabhāvato. Paṇḍitagopālako viya bodhisatto upāyakosallayogato. Catubbidhabhayaṃ viya micchāvitakkā sappaṭibhayabhāvato. Paññāya vuddhi etassa atthīti paññāvuddhiko. Vihaññati cittaṃ etenāti vighāto, cetodukkhaṃ, tappakkhiko vighātapakkhiko, na vighātapakkhikoti avighātapakkhiko. Nibbānasaṃvattaniko nibbānavaho. Ugghātīyeyyāti uddhataṃ siyā vikkhittañca bhaveyyāti attho. Saṇṭhapemīti sammadeva paṭṭhapemi. Yathā pana ṭhapitaṃ saṇṭhapitaṃ nāma hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘sannisīdāpemī’’tiādi vuttaṃ. Sannisīdāpemīti samādhipaṭipakkhe kilese sannisīdāpento cittaṃ gocarajjhatte sannisīdāpemi. Abyaggabhāvāpādakena ekaggaṃ karomi, yathā ārammaṇe suṭṭhu appitaṃ hoti, evaṃ sammā sammadeva ādahāmi samāhitaṃ karomi, yasmā tathāsamāhitaṃ cittaṃ suṭṭhu ārammaṇe āropitaṃ nāma hoti, na tato paripatati, tasmā vuttaṃ ‘‘suṭṭhu āropemīti attho’’ti. Mā ugghātīyittāti mā haññittha, mā ūhataṃ atthāti attho.
๒๑๐. โสเยว…เป.… วุโตฺตติ อิมินา กิญฺจาปิ เอกํเยว กุสลวิตกฺกํ มคฺคกฺขเณ วิย ติวิธตฺตสมฺภวโต ติวิธนามิกํ กตฺวา ทสฺสิตํ วิย โหติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปพนฺธปวตฺตญฺหิ อุปาทาย เอกตฺตนเยน ‘‘โสเยว พฺยาปาทปจฺจนีกเฎฺฐนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกชาติเยสุ หิ กุสลจิเตฺตสุ อุปฺปโนฺน วิตโกฺก สมานาการตาย โส เอวาติ วตฺตพฺพตํ ลภติ ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิ เอว โอสธานี’’ติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๑๙)ฯ น หิ ตทา มหาปุริสสฺส อสุภเมตฺตากรุณาสนฺนิสฺสยา เต วิตกฺกา เอวํ วุตฺตาติฯ
210.Soyeva…pe… vuttoti iminā kiñcāpi ekaṃyeva kusalavitakkaṃ maggakkhaṇe viya tividhattasambhavato tividhanāmikaṃ katvā dassitaṃ viya hoti, na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ. Pabandhapavattañhi upādāya ekattanayena ‘‘soyeva byāpādapaccanīkaṭṭhenā’’tiādi vuttaṃ. Ekajātiyesu hi kusalacittesu uppanno vitakko samānākāratāya so evāti vattabbataṃ labhati yathā ‘‘sā eva tittirī, tāni eva osadhānī’’ti (saṃ. ni. ṭī. 2.2.19). Na hi tadā mahāpurisassa asubhamettākaruṇāsannissayā te vitakkā evaṃ vuttāti.
สมาปตฺติํ นิสฺสายาติ สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา, ตโต วุฎฺฐหิตฺวาติ อโตฺถฯ วิปสฺสนาปิ ตรุณาติ โยชนาฯ กาโย กิลมติ สมถวิปสฺสนานํ ตรุณตาย ภาวนาย ปุเพฺพนาปรํ วิเสสสฺส อลพฺภมานตฺตาฯ เตนาห ‘‘จิตฺตํ หญฺญติ วิหญฺญตี’’ติฯ วิปสฺสนาย พหูปการา สมาปตฺติ, ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สมาธิํ, ภิกฺขเว, ภาเวถ, สมาหิโต ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑)ฯ
Samāpattiṃnissāyāti samāpattiṃ samāpajjitvā, tato vuṭṭhahitvāti attho. Vipassanāpi taruṇāti yojanā. Kāyo kilamati samathavipassanānaṃ taruṇatāya bhāvanāya pubbenāparaṃ visesassa alabbhamānattā. Tenāha ‘‘cittaṃ haññati vihaññatī’’ti. Vipassanāyabahūpakārāsamāpatti, tathā hi vuttaṃ – ‘‘samādhiṃ, bhikkhave, bhāvetha, samāhito yathābhūtaṃ jānāti passatī’’ti (saṃ. ni. 3.5; 4.99; 5.1071).
ยถา วิสฺสมฎฺฐานํ โยธานํ ปริสฺสมํ วิโนเทติ, ตถา ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ผลเกหิ กาตพฺพํ วิสฺสมฎฺฐานํ ผลกโกฎฺฐโก, สมาปตฺติยา ปน วิปสฺสนา พหุการตรา สมาธิปริปนฺถกานํ, สเพฺพสมฺปิ วา กิเลสานํ วิมถเนน ทุพฺพลภาวาปชฺชนโตฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนา ถามชาตา สมาปตฺติมฺปิ รกฺขติ, ถามชาตํ กโรตี’’ติฯ นนุ เจวํ อิตรีตรสนฺนิสฺสยโทโส อาปชฺชตีติ? นยิทเมกนฺติกํ, อิตรีตรสนฺนิสฺสยาปิ กิจฺจสิทฺธิ โลเก ลพฺภตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Yathā vissamaṭṭhānaṃ yodhānaṃ parissamaṃ vinodeti, tathā parissamavinodanatthaṃ phalakehi kātabbaṃ vissamaṭṭhānaṃ phalakakoṭṭhako, samāpattiyā pana vipassanā bahukāratarā samādhiparipanthakānaṃ, sabbesampi vā kilesānaṃ vimathanena dubbalabhāvāpajjanato. Tenāha ‘‘vipassanā thāmajātā samāpattimpi rakkhati,thāmajātaṃ karotī’’ti. Nanu cevaṃ itarītarasannissayadoso āpajjatīti? Nayidamekantikaṃ, itarītarasannissayāpi kiccasiddhi loke labbhatīti dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ.
คามนฺตํ อาหเฎสูติ คามสมีปํ อุปนีเตสุฯ เอตาคาโวติ สติ อุปฺปาทนมตฺตเมว กาตพฺพํ ยถา คาโว รกฺขิตพฺพา, ตทภาวโตฯ ตทาติ สมถวิปสฺสนานํ ถามชาตกาเลฯ อนุปสฺสนานํ ลหุํ ลหุํ อุปฺปตฺติํ สนฺธาย ‘‘เอกปฺปหาเรเนว อารุโฬฺหว โหตี’’ติ วุตฺตํ, กเมเนว ปน อนุปสฺสนาปฎิปาฎิํ อาโรหติฯ
Gāmantaṃ āhaṭesūti gāmasamīpaṃ upanītesu. Etāgāvoti sati uppādanamattameva kātabbaṃ yathā gāvo rakkhitabbā, tadabhāvato. Tadāti samathavipassanānaṃ thāmajātakāle. Anupassanānaṃ lahuṃ lahuṃ uppattiṃ sandhāya ‘‘ekappahāreneva āruḷhova hotī’’ti vuttaṃ, kameneva pana anupassanāpaṭipāṭiṃ ārohati.
๒๑๕. เอวํ ภควา อตฺตโน อปฺปมาทปฎิปทํ, ตาย จ ลทฺธํ อนญฺญสาธารณํ วิเสสํ ทเสฺสโนฺต เหตุสมฺปตฺติยา สทฺธิํ ผลสมฺปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สตฺตูปการสมฺปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาหาติ เอวํ เอตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตพฺพาฯ อรญฺญลกฺขณโยคฺคมเตฺตน อรญฺญํฯ มหาวนตาย ปวนํฯ ปวทฺธญฺหิ วนํ ปวนํฯ จตูหิ โยเคหีติ ชิฆจฺฉาปิปาสาภยปฎิปตฺติสงฺขาตโยเคหิฯ เขมํ อนุปทฺทวตํฯ สุวตฺถิํ อนุปทฺทวํ อาวหตีติ โสวตฺถิโกฯ ปีติํ กุฎฺฐิํ คเมติ อุปเนตีติ ปีติคมนีโยฯ ปีตํ ปานติตฺถํ คจฺฉตีติ ปีตคมนีโยฯ สาขาทีหีติ กณฺฎกสาขากณฺฎกลตาวเนหิฯ อนาสยคามิตาย อุทกสนฺนิรุโทฺธปิ อมโคฺค วุโตฺต, อิตรานิ อปีติคมนียตายปิฯ อาทิ-สเทฺทน คหนํ ปริคฺคณฺหาติฯ โอเกมิคลุทฺทกสฺส โคจเร จรตีติ โอกจโร, ทีปกมิโคฯ อรเญฺญ มิเค ทิสฺวา เตหิ สทฺธิํ ปลาเยยฺยาติ ทีฆรชฺชุพนฺธนํฯ
215. Evaṃ bhagavā attano appamādapaṭipadaṃ, tāya ca laddhaṃ anaññasādhāraṇaṃ visesaṃ dassento hetusampattiyā saddhiṃ phalasampattiṃ dassetvā idāni sattūpakārasampattiṃ dassetuṃ ‘‘seyyathāpī’’tiādimāhāti evaṃ ettha anusandhi veditabbā. Araññalakkhaṇayoggamattena araññaṃ. Mahāvanatāya pavanaṃ. Pavaddhañhi vanaṃ pavanaṃ. Catūhi yogehīti jighacchāpipāsābhayapaṭipattisaṅkhātayogehi. Khemaṃ anupaddavataṃ. Suvatthiṃ anupaddavaṃ āvahatīti sovatthiko. Pītiṃ kuṭṭhiṃ gameti upanetīti pītigamanīyo. Pītaṃ pānatitthaṃ gacchatīti pītagamanīyo. Sākhādīhīti kaṇṭakasākhākaṇṭakalatāvanehi. Anāsayagāmitāya udakasanniruddhopi amaggo vutto, itarāni apītigamanīyatāyapi. Ādi-saddena gahanaṃ pariggaṇhāti. Okemigaluddakassa gocare caratīti okacaro, dīpakamigo. Araññe mige disvā tehi saddhiṃ palāyeyyāti dīgharajjubandhanaṃ.
อิธ วสนฺตีติ มิคานํ อาสยํ วทติ, ตโต อาสยโต อิมินา มเคฺคน นิกฺขมนฺติฯ เอตฺถ จรนฺตีติ เอตสฺมิํ ฐาเน โคจรํ คณฺหนฺติฯ เอตฺถ ปิวนฺตีติ เอตสฺมิํ นิปานติเตฺถ อุทกํ ปิวนฺติฯ อิมินา มเคฺคน ปวิสนฺตีติ อิมินา มเคฺคน นิปานติตฺถํ ปวิสนฺติฯ มคฺคํ ปิธายาติ ปกติมคฺคํ ปิทหิตฺวาฯ น ตาว กิญฺจิ กโรติ อนวเสเส วนมิเค ฆาเตตุกาโมฯ
Idha vasantīti migānaṃ āsayaṃ vadati, tato āsayato iminā maggena nikkhamanti. Etthacarantīti etasmiṃ ṭhāne gocaraṃ gaṇhanti. Etthapivantīti etasmiṃ nipānatitthe udakaṃ pivanti. Iminā maggena pavisantīti iminā maggena nipānatitthaṃ pavisanti. Maggaṃ pidhāyāti pakatimaggaṃ pidahitvā. Na tāva kiñci karoti anavasese vanamige ghātetukāmo.
อวิชฺชาย อญฺญาณา หุตฺวาติ อวิชฺชาย นิวุตตฺตา ญาณรหิตา หุตฺวา, นนฺทีราเคน อุปนีตา รูปารมฺมณาทีนิ อาพนฺธิตฺวาฯ ปโลภนโต โอกจรํ นนฺทีราโคติฯ พฺยาโมหนโต โอกจาริกํ อวิชฺชาติ กตฺวา ทเสฺสติฯ เตสนฺติ โอกจโรกจาริกานํฯ สาขาภเงฺคนาติ ตาทิเสน ลูขตรคเนฺธน สาขาภเงฺคนฯ มนุสฺสคนฺธํ อปเนตฺวา ตสฺส สาขาภงฺคสฺส คเนฺธนฯ สมฺมโตฺตติ สมฺมชฺชิโต พฺยามุโญฺฉฯ
Avijjāya aññāṇā hutvāti avijjāya nivutattā ñāṇarahitā hutvā, nandīrāgena upanītā rūpārammaṇādīni ābandhitvā. Palobhanato okacaraṃ nandīrāgoti. Byāmohanato okacārikaṃ avijjāti katvā dasseti. Tesanti okacarokacārikānaṃ. Sākhābhaṅgenāti tādisena lūkhataragandhena sākhābhaṅgena. Manussagandhaṃ apanetvā tassa sākhābhaṅgassa gandhena. Sammattoti sammajjito byāmuñcho.
พุทฺธานํ เขมมคฺควิจรณํ กุมฺมคฺคปิธานญฺจ สพฺพโลกสาธารณมฺปิ อตฺถโต เวเนยฺยปุคฺคลาเปกฺขเมวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อญฺญาตโกณฺฑญฺญาทีนํ ภพฺพปุคฺคลาน’’นฺติ อาหฯ อูหโตติ สมูหโต นีหโตติ อาห ‘‘เทฺวธา เฉตฺวา ปาติโต’’ติฯ นาสิตาติ อทสฺสนํ คมิตาติ อาห ‘‘สเพฺพน สพฺพํ สมุคฺฆาฎิตา’’ติฯ หิตูปจารนฺติ สตฺตานํ หิตจริยํฯ
Buddhānaṃ khemamaggavicaraṇaṃ kummaggapidhānañca sabbalokasādhāraṇampi atthato veneyyapuggalāpekkhamevāti dassento ‘‘aññātakoṇḍaññādīnaṃ bhabbapuggalāna’’nti āha. Ūhatoti samūhato nīhatoti āha ‘‘dvedhā chetvā pātito’’ti. Nāsitāti adassanaṃ gamitāti āha ‘‘sabbena sabbaṃ samugghāṭitā’’ti. Hitūpacāranti sattānaṃ hitacariyaṃ.
เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Dvedhāvitakkasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตํ • 9. Dvedhāvitakkasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. เทฺวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา • 9. Dvedhāvitakkasuttavaṇṇanā