Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๓. เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Ekagāmantaragamanasikkhāpadavaṇṇanā
อโญฺญ คาโม คามนฺตรํฯ นทิปารนฺติ นทิยา ปาริมตีรํฯ ‘‘คามนฺตรํ คเจฺฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๘๗, ๖๙๑) วุตฺตตฺตา อญฺญสฺมิํ คาเมเยว อาปตฺติ, น สกคาเมติ อาห ‘‘สกคามโต ตาวา’’ติอาทิฯ ปริเกฺขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกเนฺตติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป วา อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐาเน วา อติกฺกเนฺตฯ ทุติเยน อติกฺกนฺตมเตฺตติ ทุติเยน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺตมเตฺตฯ เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป วา อติกฺกเนฺต, อุปจาเร วา โอกฺกเนฺต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมเตฺต, โอกฺกนฺตมเตฺต วา สงฺฆาทิเสโส’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติ, ตตฺถ ‘‘โอกฺกเนฺต, โอกฺกนฺตมเตฺต วา’’ติ เอตานิ เทฺว ปทานิ ปาฬิยา วิรุชฺฌนฺติฯ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) หิ ปาฬิฯ ตถา สมนฺตปาสาทิกายปิ วิรุชฺฌนฺติฯ ตตฺถ หิ –
Añño gāmo gāmantaraṃ. Nadipāranti nadiyā pārimatīraṃ. ‘‘Gāmantaraṃ gaccheyyā’’ti (pāci. 687, 691) vuttattā aññasmiṃ gāmeyeva āpatti, na sakagāmeti āha ‘‘sakagāmato tāvā’’tiādi. Parikkhepe vā upacāre vā atikkanteti parikkhittassa gāmassa parikkhepe vā aparikkhittassa gāmassa parikkhepārahaṭṭhāne vā atikkante. Dutiyena atikkantamatteti dutiyena pādena itarassa gāmassa parikkhepe vā upacāre vā atikkantamatte. Yesu pana potthakesu ‘‘ekena pādena itarassa gāmassa parikkhepe vā atikkante, upacāre vā okkante thullaccayaṃ, dutiyena atikkantamatte, okkantamatte vā saṅghādiseso’’ti pāṭho dissati, tattha ‘‘okkante, okkantamatte vā’’ti etāni dve padāni pāḷiyā virujjhanti. ‘‘Aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ atikkāmentiyā’’ti (pāci. 692) hi pāḷi. Tathā samantapāsādikāyapi virujjhanti. Tattha hi –
‘‘ปริเกฺขปารหฎฺฐานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ทุติเยน อติกฺกนฺตมเตฺต สงฺฆาทิเสโสฯ อปิเจตฺถ สกคามโต…เป.… เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป วา อุปจาเรวา อติกฺกนฺตมเตฺต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมเตฺต สงฺฆาทิเสโส’’ติ –
‘‘Parikkhepārahaṭṭhānaṃ ekena pādena atikkamati, thullaccayaṃ. Dutiyena atikkantamatte saṅghādiseso. Apicettha sakagāmato…pe… ekena pādena itarassa gāmassa parikkhepe vā upacārevā atikkantamatte thullaccayaṃ, dutiyena atikkantamatte saṅghādiseso’’ti –
วุตฺตํฯ ‘‘ปฐมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๖๙๒) ปทสา คมนเมว อิธาธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ปทสา ปวิสนฺติยา อาปตฺตี’’ติฯ อิมินา สเจปิ หตฺถิปิฎฺฐิอาทีหิ วา อิทฺธิยา วา ปวิสติ, วฎฺฎติเยวาติ ทเสฺสติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒) วุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ
Vuttaṃ. ‘‘Paṭhamaṃ pādaṃ atikkāmentiyā’’tiādivacanato (pāci. 692) padasā gamanameva idhādhippetanti āha ‘‘padasā pavisantiyā āpattī’’ti. Iminā sacepi hatthipiṭṭhiādīhi vā iddhiyā vā pavisati, vaṭṭatiyevāti dasseti. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāya (pāci. aṭṭha. 692) vuttoti adhippāyo.
นทิปารคมเน วุตฺตลกฺขณาย นทิยาติ ‘‘นที นาม ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา อนฺตรวาสโก เตมิยตี’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) นทิปารคมนวิภเงฺค วุตฺตลกฺขณาย นทิยาฯ นทิปารคมนวิภโงฺค หิ อิธ นทิปารคมนสเทฺทน วุโตฺตฯ ปุน โอริมตีรเมว ปจฺจุตฺตรนฺติยา วาติ ปรตีรํ คนฺตุกามตาย โอติณฺณตฺตา วุตฺตํฯ อิตริสฺสา ปน อยํ ปกฺกนฺตฎฺฐาเน ฐิตา โหติ, ตสฺมา ปรตีรํ คจฺฉนฺติยา อนาปตฺติฯ สเจ สชฺฌายํ วา ปธานํ วา อญฺญํ วา กิญฺจิ กมฺมํ กุรุมานา ‘‘ปุเร อรุเณเยว ทุติยิกาย สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒) อาโภคํ กโรติ, อชานนฺติยา เอว ตสฺสา อรุโณ อุคฺคจฺฉติ , อนาปตฺตีติ อาห ‘‘ปุเร อรุเณเยวา’’ติอาทิฯ อถ ปน ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ วา อนาโภเคน วา วิหารสฺส เอกเทเส อจฺฉติ, ทุติยิกาย หตฺถปาสํ น โอตรติ, อรุณุคฺคมเน สงฺฆาทิเสโสฯ หตฺถปาโสเยว หิ อิธ ปมาณํฯ หตฺถปาสาติกฺกเม เอกคโพฺภปิ น รกฺขติฯ เตนาห ‘‘เอกคเพฺภ…เป.… อาปตฺตี’’ติฯ
Nadipāragamane vuttalakkhaṇāya nadiyāti ‘‘nadī nāma timaṇḍalaṃ paṭicchādetvā yattha katthaci uttarantiyā antaravāsako temiyatī’’ti (pāci. 692) nadipāragamanavibhaṅge vuttalakkhaṇāya nadiyā. Nadipāragamanavibhaṅgo hi idha nadipāragamanasaddena vutto. Puna orimatīrameva paccuttarantiyā vāti paratīraṃ gantukāmatāya otiṇṇattā vuttaṃ. Itarissā pana ayaṃ pakkantaṭṭhāne ṭhitā hoti, tasmā paratīraṃ gacchantiyā anāpatti. Sace sajjhāyaṃ vā padhānaṃ vā aññaṃ vā kiñci kammaṃ kurumānā ‘‘pure aruṇeyeva dutiyikāya santikaṃ gamissāmī’’ti (pāci. aṭṭha. 692) ābhogaṃ karoti, ajānantiyā eva tassā aruṇo uggacchati , anāpattīti āha ‘‘pure aruṇeyevā’’tiādi. Atha pana ‘‘yāva aruṇuggamanā idheva bhavissāmī’’ti vā anābhogena vā vihārassa ekadese acchati, dutiyikāya hatthapāsaṃ na otarati, aruṇuggamane saṅghādiseso. Hatthapāsoyeva hi idha pamāṇaṃ. Hatthapāsātikkame ekagabbhopi na rakkhati. Tenāha ‘‘ekagabbhe…pe… āpattī’’ti.
ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วาติ เอตฺถ ทสฺสนูปจาโร นาม ยตฺถ ฐิตํ ทุติยิกา ปสฺสติฯ สวนูปจาโร นาม ยตฺถ ฐิตา มคฺคมูฬฺหสเทฺทน วิย, ธมฺมสฺสวนาโรจนสเทฺทน วิย จ ‘‘อเยฺย’’ติ สทฺทายนฺติยา สทฺทํ สุณาติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา โอหียนํ นาม ทสฺสนูปจารสวนูปจารานมญฺญตรสฺส วิชหนํ, ตสฺมาฯ อโนฺตคาเม ปน โอหียนํ วฎฺฎตีติ อาห ‘‘อินฺทขีลาติกฺกมโต ปฎฺฐายา’’ติ อาทิฯ ตตฺถ อินฺทขีลาติกฺกมโตติ อุมฺมาราติกฺกมโตฯ พหิคาเมติ คามสฺส พหิปเทเสฯ มคฺคมูฬฺหา อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺตีติ อาห ‘‘มคฺคมูฬฺหสเทฺทน วิยา’’ติฯ มคฺคมูฬฺหํ อวฺหายนฺตสฺส สเทฺทน วิยาติปิ วทนฺติฯ สทฺทายนฺติยาติ สทฺทํ กโรนฺติยาฯ ‘‘สทฺทสฺสวนาติกฺกเม อาปตฺติเยวา’’ติ อิมินา ทสฺสนูปจาโร เอวรูเป สวนูปจาเร วิชหิเต น รกฺขติ, ชหิตมเตฺตว อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสาติ ทเสฺสติฯ
Dassanūpacāraṃ vā savanūpacāraṃ vāti ettha dassanūpacāro nāma yattha ṭhitaṃ dutiyikā passati. Savanūpacāro nāma yattha ṭhitā maggamūḷhasaddena viya, dhammassavanārocanasaddena viya ca ‘‘ayye’’ti saddāyantiyā saddaṃ suṇāti. Tasmāti yasmā ohīyanaṃ nāma dassanūpacārasavanūpacārānamaññatarassa vijahanaṃ, tasmā. Antogāme pana ohīyanaṃ vaṭṭatīti āha ‘‘indakhīlātikkamato paṭṭhāyā’’ti ādi. Tattha indakhīlātikkamatoti ummārātikkamato. Bahigāmeti gāmassa bahipadese. Maggamūḷhā uccāsaddaṃ karontīti āha ‘‘maggamūḷhasaddena viyā’’ti. Maggamūḷhaṃ avhāyantassa saddena viyātipi vadanti. Saddāyantiyāti saddaṃ karontiyā. ‘‘Saddassavanātikkame āpattiyevā’’ti iminā dassanūpacāro evarūpe savanūpacāre vijahite na rakkhati, jahitamatteva āpatti saṅghādisesassāti dasseti.
มคฺคํ คจฺฉนฺตีติ เอกมคฺคํ คจฺฉนฺติฯ สเจ ปุริมาโย อเญฺญน มเคฺคน คจฺฉนฺติ, ปกฺกนฺตา นาม โหนฺติ, อนาปตฺติเยวฯ ทฺวินฺนํ คจฺฉนฺตีนํ เอกา อนุพนฺธิตุํ อสโกฺกนฺตี ‘‘คจฺฉตุ อย’’นฺติ โอหียติ, อิตราปิ ‘‘โอหียตุ อย’’นฺติ คจฺฉติ, ทฺวินฺนมฺปิ อาปตฺติฯ สเจ ปน คจฺฉนฺตีสุ ปุริมาปิ อญฺญํ มคฺคํ คณฺหาติ, ปจฺฉิมาปิ อญฺญํ, เอกา เอกิสฺสา ปกฺกนฺตฎฺฐาเน ติฎฺฐติ, ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติฯ
Maggaṃ gacchantīti ekamaggaṃ gacchanti. Sace purimāyo aññena maggena gacchanti, pakkantā nāma honti, anāpattiyeva. Dvinnaṃ gacchantīnaṃ ekā anubandhituṃ asakkontī ‘‘gacchatu aya’’nti ohīyati, itarāpi ‘‘ohīyatu aya’’nti gacchati, dvinnampi āpatti. Sace pana gacchantīsu purimāpi aññaṃ maggaṃ gaṇhāti, pacchimāpi aññaṃ, ekā ekissā pakkantaṭṭhāne tiṭṭhati, dvinnampi anāpatti.
‘‘สงฺฆาทิเสสา จตุโร’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๗๙) อยํ ปโญฺห อรุณุคฺคมเน คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทิปารํ โอกฺกนฺตภิกฺขุนิํ สนฺธาย วุโตฺตฯ สา หิ สกคามโต ปจฺจูสสมเย นิกฺขมิตฺวา อรุณุคฺคมนกาเล วุตฺตปฺปการํ นทิปารํ โอกฺกนฺตมตฺตาว รตฺติวิปฺปวาสคามนฺตรนทิปารคมนคณมฺหาโอหียนลกฺขเณ เอกปฺปหาเรเนว จตุโร สงฺฆาทิเสเส อาปชฺชติฯ
‘‘Saṅghādisesā caturo’’ti (pari. aṭṭha. 479) ayaṃ pañho aruṇuggamane gāmantarapariyāpannaṃ nadipāraṃ okkantabhikkhuniṃ sandhāya vutto. Sā hi sakagāmato paccūsasamaye nikkhamitvā aruṇuggamanakāle vuttappakāraṃ nadipāraṃ okkantamattāva rattivippavāsagāmantaranadipāragamanagaṇamhāohīyanalakkhaṇe ekappahāreneva caturo saṅghādisese āpajjati.
ปกฺขสงฺกนฺตาย วาติ ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตายฯ อนนฺตราเยนาติ หตฺถิโมจนาทิอนฺตรายํ วินาฯ
Pakkhasaṅkantāya vāti titthāyatanaṃ saṅkantāya. Anantarāyenāti hatthimocanādiantarāyaṃ vinā.
เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekagāmantaragamanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.