Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
รูปวิภตฺติ
Rūpavibhatti
เอกกนิเทฺทสวณฺณนา
Ekakaniddesavaṇṇanā
๕๙๔. ปถวีอาทีนํ ธมฺมานํ รุปฺปนสภาโว วิย น เหตุอาทิภาโวปิ สาธารโณติ น เหตูสุ วิภชิตโพฺพติ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชมานวิภาคสฺสา’’ติฯ ตสฺส ปน วิภาคาภาวทสฺสนสรูปทสฺสนเมว นิเทฺทโสฯ เอวญฺจ กตฺวา นิพฺพานสฺสปิ วิภาครหิตตฺตา ‘‘อสงฺขตา ธาตู’’ติ เอตฺตกเมว นิเทฺทสวเสน วุตฺตํฯ
594. Pathavīādīnaṃ dhammānaṃ ruppanasabhāvo viya na hetuādibhāvopi sādhāraṇoti na hetūsu vibhajitabboti vuttaṃ ‘‘avijjamānavibhāgassā’’ti. Tassa pana vibhāgābhāvadassanasarūpadassanameva niddeso. Evañca katvā nibbānassapi vibhāgarahitattā ‘‘asaṅkhatā dhātū’’ti ettakameva niddesavasena vuttaṃ.
ยทิปิ หิโนติ เอเตน ปติฎฺฐาติ กุสลาทิโก ธโมฺมติ อโลภาทโย เกวลํ เหตุปทวจนียา, การณภาวสามญฺญโต ปน มหาภูตาทโยปิ เหตุ-สทฺทาภิเธยฺยาติ มูลฎฺฐวาจินา ทุติเยน เหตุ-สเทฺทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘เหตุเหตู’’ติฯ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนโต กุสลาทิธมฺมานํ มูลเตฺถน อุปการกธมฺมา ‘‘ตโย กุสลเหตู’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๕๙-๑๐๖๐) ปฎฺฐาเน จ เตเยว ‘‘เหตุปจฺจโย’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘มูลเหตุ ปจฺจยเหตูติ วา อยมโตฺถ’’ติฯ หิโนติ เอเตน, เอตสฺมา วา ผลํ ปวตฺตตีติ เหตุ, ปฎิจฺจ เอตสฺมา เอติ ปวตฺตตีติ ปจฺจโยติ เอวํ เหตุปจฺจย-สทฺทานํ อนานตฺถตํ สนฺธาย เหตุสทฺทปริยายภาเวน ปจฺจย-สโทฺท วุโตฺตติ อาห ‘‘เหตุปจฺจยสทฺทานํ สมานตฺถตฺตา’’ติฯ ภูตตฺตยนิสฺสิตานิ จ มหาภูตานิ จตุมหาภูตนิสฺสิตํ อุปาทารูปนฺติ สพฺพมฺปิ รูปํ สพฺพทา สพฺพตฺถ สพฺพาการํ จตุมหาภูตเหตุกํ มหาภูตานิ จ อนามฎฺฐเภทานิ สามญฺญโต คหิตานีติ วุตฺตํ ‘‘รูปกฺขนฺธสฺส เหตู’’ติฯ
Yadipi hinoti etena patiṭṭhāti kusalādiko dhammoti alobhādayo kevalaṃ hetupadavacanīyā, kāraṇabhāvasāmaññato pana mahābhūtādayopi hetu-saddābhidheyyāti mūlaṭṭhavācinā dutiyena hetu-saddena visesetvā āha ‘‘hetuhetū’’ti. Suppatiṭṭhitabhāvasādhanato kusalādidhammānaṃ mūlatthena upakārakadhammā ‘‘tayo kusalahetū’’tiādinā (dha. sa. 1059-1060) paṭṭhāne ca teyeva ‘‘hetupaccayo’’ti vuttāti āha ‘‘mūlahetu paccayahetūti vā ayamattho’’ti. Hinoti etena, etasmā vā phalaṃ pavattatīti hetu, paṭicca etasmā eti pavattatīti paccayoti evaṃ hetupaccaya-saddānaṃ anānatthataṃ sandhāya hetusaddapariyāyabhāvena paccaya-saddo vuttoti āha ‘‘hetupaccayasaddānaṃ samānatthattā’’ti. Bhūtattayanissitāni ca mahābhūtāni catumahābhūtanissitaṃ upādārūpanti sabbampi rūpaṃ sabbadā sabbattha sabbākāraṃ catumahābhūtahetukaṃ mahābhūtāni ca anāmaṭṭhabhedāni sāmaññato gahitānīti vuttaṃ ‘‘rūpakkhandhassa hetū’’ti.
กมฺมสมาทานานนฺติ สมาทานานํ กมฺมานํ, สมาทิยิตฺวา กตกมฺมานํ วาฯ อเญฺญสุ ปจฺจเยสุ วิปากสฺส ตณฺหาวิชฺชาทีสุฯ
Kammasamādānānanti samādānānaṃ kammānaṃ, samādiyitvā katakammānaṃ vā. Aññesu paccayesu vipākassa taṇhāvijjādīsu.
‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ กายทุจฺจริตสฺส อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ ฐานญฺจ โข เอตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ กายทุจฺจริตสฺส อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺยฯ ฐานเมตํ วิชฺชติฯ วจี…เป.… มโน…เป.… วิชฺชติ…เป.… อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ กายสุจริตสฺส อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๑; วิภ. ๘๐๙),
‘‘Aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ kāyaduccaritassa iṭṭho kanto manāpo vipāko nibbatteyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Ṭhānañca kho etaṃ, bhikkhave, vijjati, yaṃ kāyaduccaritassa aniṭṭho akanto amanāpo vipāko nibbatteyya. Ṭhānametaṃ vijjati. Vacī…pe… mano…pe… vijjati…pe… aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ kāyasucaritassa aniṭṭho akanto amanāpo vipāko nibbatteyyā’’ti (ma. ni. 3.131; vibha. 809),
‘‘กมฺมํ สเตฺต วิภชติ, ยทิทํ หีนปณีตตายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙) – เอวมาทิวจนโต กมฺมํ วิปากสฺส อิฎฺฐานิฎฺฐตํ นิยเมตีติ อาห ‘‘อิฎฺฐานิฎฺฐวิปากนิยามกตฺตา’’ติฯ คติอุปธิกาลปโยคสมฺปตฺติวิปตฺติโยเยว ฐานํ วิปากสฺส โอกาสภาวโตฯ น หิ เตหิ วินา โกจิ วิปาโก นิพฺพตฺตตีติฯ ยถาวุตฺตฎฺฐาเน สติ อธิคนฺตพฺพํ อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณํ ‘‘คติ…เป.… นิปฺผาทิต’’นฺติ วุตฺตํฯ วิปากสฺส อารมฺมเณน วินา อภาวโต อารมฺมณมฺปิ ตสฺส ปธานํ การณํฯ อนญฺญสภาวโตติ เหตุอาทิสภาวาภาวโตฯ
‘‘Kammaṃ satte vibhajati, yadidaṃ hīnapaṇītatāyā’’ti (ma. ni. 3.289) – evamādivacanato kammaṃ vipākassa iṭṭhāniṭṭhataṃ niyametīti āha ‘‘iṭṭhāniṭṭhavipākaniyāmakattā’’ti. Gatiupadhikālapayogasampattivipattiyoyeva ṭhānaṃ vipākassa okāsabhāvato. Na hi tehi vinā koci vipāko nibbattatīti. Yathāvuttaṭṭhāne sati adhigantabbaṃ iṭṭhāniṭṭhārammaṇaṃ ‘‘gati…pe… nipphādita’’nti vuttaṃ. Vipākassa ārammaṇena vinā abhāvato ārammaṇampi tassa padhānaṃ kāraṇaṃ. Anaññasabhāvatoti hetuādisabhāvābhāvato.
รุปฺปนํ รูปํฯ ตํ อสฺส อตฺถีติ เอตฺถ ‘‘อสฺสา’’ติ วุจฺจมาโน ปถวีอาทิอโตฺถเยว รุปฺปตีติปิ วุจฺจตีติ อาห ‘‘รุปฺปนลกฺขณยุตฺตเสฺสว รูปีรูปภาวโต’’ติฯ เอตํ สภาวนฺติ เอตํ อุปฺปนฺนภาเว สติ ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยสภาวํ รูเป นิยเมติ รูปเสฺสว ตํสภาวตฺตาฯ น รูปํ เอตสฺมินฺติ กาลเภทวเสน อตํสภาวสฺสปิ รูปสฺส อตฺถิตาย น รูปํ ตตฺถ นิยนฺตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ อตฺถิ หีติอาทินา ตตฺถ รูปเสฺสว นิยนฺตพฺพตาภาวํเยว วิวรติฯ เอตเมวาติอาทินา อุเทฺทเสน นิเทฺทสํ สํสเนฺทติฯ เอตฺถ เอตเมว รูเป ยถาวุตฺตสภาวํ นิยเมตพฺพํ นิเทฺทเส เอว-สเทฺทน นิยเมติ อวธาเรตีติ อโตฺถฯ ยถาวุโตฺต นิยโมติ อุปฺปนฺนภาเว สติ ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยภาโว นิยนฺตพฺพตาย ‘‘นิยโม’’ติ วุโตฺต, โส รูเป อตฺถิ เอว รูปเสฺสว ตํสภาวตฺตาฯ วิสิฎฺฐกาลสฺส วุตฺตปฺปการํ อวธารณํเยว วา ยถาวุโตฺต นิยโม, โส รูเป อตฺถิเยว สมฺภวติเยว, น อรูเป วิย น สมฺภวตีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ กาลเภทนฺติ กาลวิเสสํฯ อนามสิตฺวาติ อคฺคเหตฺวาฯ ตํ สพฺพนฺติ อนามฎฺฐกาลเภทํ ตโตเยว อรูเปหิ สมานวิเญฺญยฺยสภาวํ สพฺพํ รูปํฯ อุปฺปนฺนนฺติ เอเตน กาลเภทามสเนน วิเสเสติ ‘‘อุปฺปนฺนํ…เป.… เมวา’’ติฯ
Ruppanaṃ rūpaṃ. Taṃ assa atthīti ettha ‘‘assā’’ti vuccamāno pathavīādiatthoyeva ruppatītipi vuccatīti āha ‘‘ruppanalakkhaṇayuttasseva rūpīrūpabhāvato’’ti. Etaṃ sabhāvanti etaṃ uppannabhāve sati chahi viññāṇehi viññeyyasabhāvaṃ rūpe niyameti rūpasseva taṃsabhāvattā. Na rūpaṃ etasminti kālabhedavasena ataṃsabhāvassapi rūpassa atthitāya na rūpaṃ tattha niyantabbanti dasseti. Atthi hītiādinā tattha rūpasseva niyantabbatābhāvaṃyeva vivarati. Etamevātiādinā uddesena niddesaṃ saṃsandeti. Ettha etameva rūpe yathāvuttasabhāvaṃ niyametabbaṃ niddese eva-saddena niyameti avadhāretīti attho. Yathāvutto niyamoti uppannabhāve sati chahi viññāṇehi viññeyyabhāvo niyantabbatāya ‘‘niyamo’’ti vutto, so rūpe atthi eva rūpasseva taṃsabhāvattā. Visiṭṭhakālassa vuttappakāraṃ avadhāraṇaṃyeva vā yathāvutto niyamo, so rūpe atthiyeva sambhavatiyeva, na arūpe viya na sambhavatīti attho daṭṭhabbo. Kālabhedanti kālavisesaṃ. Anāmasitvāti aggahetvā. Taṃ sabbanti anāmaṭṭhakālabhedaṃ tatoyeva arūpehi samānaviññeyyasabhāvaṃ sabbaṃ rūpaṃ. Uppannanti etena kālabhedāmasanena viseseti ‘‘uppannaṃ…pe… mevā’’ti.
วตฺตมานกาลิกํ สพฺพํ รูปํ ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตสภาวํ, ตํ ยถาสกํ ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยสภาวเมว, น เตหิ อวิเญฺญยฺยํฯ นาปิ อุปฺปนฺนเมว ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยสภาวํ เอกนฺตลกฺขณนิยมาภาวาปตฺติโตติ เอวํ อวิปรีเต อเตฺถ วิภาวิเตปิ โจทโก อธิปฺปายํ อชานโนฺต ‘‘นนุ เอว’’นฺติอาทินา สพฺพสฺส สพฺพารมฺมณตาปตฺติํ โจเทติฯ อิตโร ‘‘รูปํ สพฺพํ สมฺปิเณฺฑตฺวา’’ติอาทินา อตฺตโน อธิปฺปายํ วิภาเวติฯ เอตฺถ เอกีภาเวน คเหตฺวาติ อิทํ ‘‘สมฺปิเณฺฑตฺวา’’ติ เอตสฺส อตฺถวจนํฯ เอกนฺตลกฺขณํ ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยสภาโวเยวฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – กิญฺจาปิ ปญฺจนฺนํ วิญฺญาณานํ วิสยนฺตเร อปฺปวตฺตนโต น สพฺพสฺส สพฺพารมฺมณตา, สพฺพสฺสปิ ปน รูปสฺส ฉวิญฺญาณารมฺมณภาวโต ยถาสกํ ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยตาย ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยตาว อตฺถิ, ตํ เอกโต สงฺคหณวเสน คเหตฺวา ‘‘อุปฺปนฺนํ สพฺพํ รูปํ ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺย’’นฺติ วุตฺตํ ยถา ‘‘อภิญฺญาปฺปตฺตํ ปญฺจมชฺฌานํ ฉฬารมฺมณํ โหตี’’ติฯ ยถา หิ ทิพฺพจกฺขุทิพฺพโสตาทิอภิญฺญาปฺปตฺตสฺส ปญฺจมชฺฌานสฺส วิสุํ อสพฺพารมฺมณเตฺตปิ เอกนฺตลกฺขณวเสน เอกีภาเวน คเหตฺวา อารมฺมณวเสน ปฐมชฺฌานาทิโต วิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘อภิญฺญาปฺปตฺตํ ปญฺจมชฺฌานํ ฉฬารมฺมณํ โหตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ อรูปโต รูปสฺส วิสยวเสน วิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุปฺป …เป.… วิเญฺญยฺย’’นฺติ วุตฺตนฺติฯ ฉหิ วิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยภาโว รูเป นิยเมตโพฺพ, น ปน รูปํ ตสฺมิํ นิยเมตพฺพํ, อนิยตเทโส จ เอว-สโทฺทติ อฎฺฐกถายํ (ธ. ส. อฎฺฎ. ๕๙๔) ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนรูปเมว จกฺขุวิญฺญาณาทีหิ ฉหิ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนรูปเมวา’’ติอาทินา ตตฺถ โทสมาหฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ปาฬิยํ วิเญฺญยฺยเมวาติ เอว-สโทฺท วุโตฺต, น จ ตสฺส อฎฺฐานโยชเนน กาจิ อิฎฺฐสิทฺธิ, อถ โข อนิฎฺฐสิทฺธิเยว สพฺพรูปสฺส เอกนฺตลกฺขณนิยมาทสฺสนโต, ตสฺมาฯ ยถารุตวเสเนว นิยเม คยฺหมาเน อุปฺป…เป.… ปตฺติ นตฺถิ, ตโต จ โสตปติตตายปิ ปโยชนํ นตฺถีติฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘อรูปโต วิธุร’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยนฯ
Vattamānakālikaṃ sabbaṃ rūpaṃ diṭṭhasutamutaviññātasabhāvaṃ, taṃ yathāsakaṃ chahi viññāṇehi viññeyyasabhāvameva, na tehi aviññeyyaṃ. Nāpi uppannameva chahi viññāṇehi viññeyyasabhāvaṃ ekantalakkhaṇaniyamābhāvāpattitoti evaṃ aviparīte atthe vibhāvitepi codako adhippāyaṃ ajānanto ‘‘nanu eva’’ntiādinā sabbassa sabbārammaṇatāpattiṃ codeti. Itaro ‘‘rūpaṃ sabbaṃ sampiṇḍetvā’’tiādinā attano adhippāyaṃ vibhāveti. Ettha ekībhāvena gahetvāti idaṃ ‘‘sampiṇḍetvā’’ti etassa atthavacanaṃ. Ekantalakkhaṇaṃ chahi viññāṇehi viññeyyasabhāvoyeva. Idaṃ vuttaṃ hoti – kiñcāpi pañcannaṃ viññāṇānaṃ visayantare appavattanato na sabbassa sabbārammaṇatā, sabbassapi pana rūpassa chaviññāṇārammaṇabhāvato yathāsakaṃ chahi viññāṇehi viññeyyatāya chahi viññāṇehi viññeyyatāva atthi, taṃ ekato saṅgahaṇavasena gahetvā ‘‘uppannaṃ sabbaṃ rūpaṃ chahi viññāṇehi viññeyya’’nti vuttaṃ yathā ‘‘abhiññāppattaṃ pañcamajjhānaṃ chaḷārammaṇaṃ hotī’’ti. Yathā hi dibbacakkhudibbasotādiabhiññāppattassa pañcamajjhānassa visuṃ asabbārammaṇattepi ekantalakkhaṇavasena ekībhāvena gahetvā ārammaṇavasena paṭhamajjhānādito visesaṃ dassetuṃ ‘‘abhiññāppattaṃ pañcamajjhānaṃ chaḷārammaṇaṃ hotī’’ti vuccati, evaṃ arūpato rūpassa visayavasena visesaṃ dassetuṃ ‘‘uppa…pe… viññeyya’’nti vuttanti. Chahi viññāṇehi viññeyyabhāvo rūpe niyametabbo, na pana rūpaṃ tasmiṃ niyametabbaṃ, aniyatadeso ca eva-saddoti aṭṭhakathāyaṃ (dha. sa. aṭṭa. 594) ‘‘paccuppannarūpameva cakkhuviññāṇādīhi chahi veditabba’’nti vuttaṃ. ‘‘Paccuppannarūpamevā’’tiādinā tattha dosamāha. Tasmāti yasmā pāḷiyaṃ viññeyyamevāti eva-saddo vutto, na ca tassa aṭṭhānayojanena kāci iṭṭhasiddhi, atha kho aniṭṭhasiddhiyeva sabbarūpassa ekantalakkhaṇaniyamādassanato, tasmā. Yathārutavaseneva niyame gayhamāne uppa…pe… patti natthi, tato ca sotapatitatāyapi payojanaṃ natthīti. Vuttanayenāti ‘‘arūpato vidhura’’ntiādinā vuttanayena.
ญาณสฺส วา อุตฺตรสฺส ปุริมญาณํ วตฺถุการณนฺติ ญาณวตฺถุฯ ‘‘สชาตี’’ติ เอตฺถ ส-กาโร สมานสทฺทโตฺถติ ทเสฺสตุํ ‘‘สมานชาติกาน’’นฺติ วุตฺตํฯ สมานชาติตา จ สมฺมาวาจาทีนํ สีลนโตฺถ เอวฯ เอเตน สมานสภาวตา สชาติสงฺคโหติ เวทิตโพฺพฯ อารมฺมเณ เจตโส อวิเกฺขปปฺปวตฺติยา อุปฎฺฐานุสฺสาหนานิ วิย เตสํ อวิเกฺขโปปิ อติสเยน อุปการโกติ ‘‘อญฺญมโญฺญปการวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ เตเนว วิชฺชมาเนสุปิ อเญฺญสุ สหชาตธเมฺมสุ เอเตสํเยว สมาธิกฺขนฺธสงฺคโห ทสฺสิโตฯ ยํ ปน สจฺจวิภงฺควณฺณนายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๘๙) วิสุทฺธิมคฺคาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๖๘) จ ‘‘วายามสติโย กิริยโต สงฺคหิตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อสมาธิสภาวตํ เตสํ สมาธิสฺส อุปการกตฺตญฺจ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตเนว จ ตตฺถ ‘‘สมาธิเยเวตฺถ สชาติโต สมาธิกฺขเนฺธน สงฺคหิโต’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๖๘; วิภ. อฎฺฐ. ๑๘๙) วุตฺตํฯ อิธ ปน สชาติสงฺคโหติ สมาธิตทุปการกธมฺมานํ อุปฺปตฺติเทสวเสน สงฺคโห วุโตฺตติฯ อวิราเธตฺวา วิสยสภาวาวคฺคหณํ ปฎิเวโธ, อปฺปนา จ อารมฺมเณ ทฬฺหนิปาโต ตทวคาโหเยวาติ ‘‘ปฎิเวธสทิสํ กิจฺจ’’นฺติ วุตฺตํฯ อถ วา อารมฺมณปฎิเวธสฺส ตทาหนนปริยาหนนมนุคุณตาย สมานนฺติ ปญฺญาวิตกฺกานํ กิจฺจสริกฺขตา วุตฺตาฯ
Ñāṇassa vā uttarassa purimañāṇaṃ vatthukāraṇanti ñāṇavatthu. ‘‘Sajātī’’ti ettha sa-kāro samānasaddatthoti dassetuṃ ‘‘samānajātikāna’’nti vuttaṃ. Samānajātitā ca sammāvācādīnaṃ sīlanattho eva. Etena samānasabhāvatā sajātisaṅgahoti veditabbo. Ārammaṇe cetaso avikkhepappavattiyā upaṭṭhānussāhanāni viya tesaṃ avikkhepopi atisayena upakārakoti ‘‘aññamaññopakāravasenā’’ti vuttaṃ. Teneva vijjamānesupi aññesu sahajātadhammesu etesaṃyeva samādhikkhandhasaṅgaho dassito. Yaṃ pana saccavibhaṅgavaṇṇanāyaṃ (vibha. aṭṭha. 189) visuddhimaggādīsu (visuddhi. 2.568) ca ‘‘vāyāmasatiyo kiriyato saṅgahitā’’ti vuttaṃ, taṃ asamādhisabhāvataṃ tesaṃ samādhissa upakārakattañca sandhāya vuttaṃ. Teneva ca tattha ‘‘samādhiyevettha sajātito samādhikkhandhena saṅgahito’’ti (visuddhi. 2.568; vibha. aṭṭha. 189) vuttaṃ. Idha pana sajātisaṅgahoti samādhitadupakārakadhammānaṃ uppattidesavasena saṅgaho vuttoti. Avirādhetvā visayasabhāvāvaggahaṇaṃ paṭivedho, appanā ca ārammaṇe daḷhanipāto tadavagāhoyevāti ‘‘paṭivedhasadisaṃ kicca’’nti vuttaṃ. Atha vā ārammaṇapaṭivedhassa tadāhananapariyāhananamanuguṇatāya samānanti paññāvitakkānaṃ kiccasarikkhatā vuttā.
เอกกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปวิภตฺติ • Rūpavibhatti
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / รูปวิภตฺติเอกกนิเทฺทสวณฺณนา • Rūpavibhattiekakaniddesavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / เอกกนิเทฺทสวณฺณนา • Ekakaniddesavaṇṇanā