Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๒. นิเทฺทสวณฺณนา

    2. Niddesavaṇṇanā

    ๑. เอกกนิเทฺทสวณฺณนา

    1. Ekakaniddesavaṇṇanā

    . ปจฺจนีกธมฺมานํ ฌาปนเฎฺฐน ฌานํ, ตโต สุฎฺฐุ วิมุจฺจนเฎฺฐน วิโมโกฺขติ นิปฺปริยาเยน ฌานงฺคาเนว วิโมโกฺขติ อฎฺฐกถาอธิปฺปาโยฯ ฎีกากาเรน ปน ‘‘อภิภายตนํ วิย สสมฺปยุตฺตํ ฌานํ วิโมโกฺข’’ติ มญฺญมาเนน ‘‘อธิปฺปาเยนาหา’’ติ วุตฺตํฯ ฌานธมฺมา หิ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิ สทฺธิํเยว ปฎิปกฺขโต วิมุจฺจนฺติ, น วินา, ตถา อภิรติวเสน อารมฺมเณ นิราสงฺกปฺปวตฺติปีติ อธิปฺปาโยฯ ยถา วา ฌานงฺคานํ ฌานปจฺจเยน ปจฺจยภาวโต สวิเสโส ฌานปริยาโย, เอวํ วิโมกฺขกิจฺจโยคโต เตสํ สวิเสโส วิโมกฺขปริยาโย, ตทุปจาเรน สมฺปยุตฺตานํ เวทิตโพฺพฯ ปฐมํ สมงฺคิภาวตฺถนฺติ ปฎิลาภํ สนฺธายาหฯ ‘‘ผุสิตฺวา วิหรตีติ ปฎิลภิตฺวา อิริยตี’’ติ หิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ‘‘เยน หิ สทฺธิํ…เป.… ปฎิลทฺธา นาม โหนฺตี’’ติ เตหิ สาเธตพฺพสหชาตาทิปจฺจยลาโภเยเวตฺถ ปฎิลาโภ ทฎฺฐโพฺพฯ ยถา ผโสฺส ยตฺถ อุปฺปโนฺน, ตํ อารมฺมณํ ผุสตีติ วุจฺจติ, เอวํ สมฺปยุตฺตธเมฺมปิ ตํสภาวตฺตาติ อาห ‘‘สมฺผเสฺสน ผุสนตฺถ’’นฺติฯ ตสฺส ‘‘วิวรตี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ อิตเรหีติ อุปจารมฺปีติอาทินา อุปจารปุริมปฺปนาปรปฺปนานํ ปฎิลาภการณนฺติ วจเนหิฯ อิตเร การณเตฺถติ ‘‘อุปจาเรน…เป.… ผุสติเยวา’’ติ วุเตฺต การณตฺถทีปเก อเตฺถฯ ผุสติ ผลํ อธิคจฺฉติ เอตายาติ การณภาวสฺส ผุสนาปริยาโย เวทิตโพฺพฯ

    1. Paccanīkadhammānaṃ jhāpanaṭṭhena jhānaṃ, tato suṭṭhu vimuccanaṭṭhena vimokkhoti nippariyāyena jhānaṅgāneva vimokkhoti aṭṭhakathāadhippāyo. Ṭīkākārena pana ‘‘abhibhāyatanaṃ viya sasampayuttaṃ jhānaṃ vimokkho’’ti maññamānena ‘‘adhippāyenāhā’’ti vuttaṃ. Jhānadhammā hi sampayuttadhammehi saddhiṃyeva paṭipakkhato vimuccanti, na vinā, tathā abhirativasena ārammaṇe nirāsaṅkappavattipīti adhippāyo. Yathā vā jhānaṅgānaṃ jhānapaccayena paccayabhāvato saviseso jhānapariyāyo, evaṃ vimokkhakiccayogato tesaṃ saviseso vimokkhapariyāyo, tadupacārena sampayuttānaṃ veditabbo. Paṭhamaṃ samaṅgibhāvatthanti paṭilābhaṃ sandhāyāha. ‘‘Phusitvā viharatīti paṭilabhitvā iriyatī’’ti hi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ ‘‘yena hi saddhiṃ…pe… paṭiladdhā nāma hontī’’ti tehi sādhetabbasahajātādipaccayalābhoyevettha paṭilābho daṭṭhabbo. Yathā phasso yattha uppanno, taṃ ārammaṇaṃ phusatīti vuccati, evaṃ sampayuttadhammepi taṃsabhāvattāti āha ‘‘samphassena phusanattha’’nti. Tassa ‘‘vivaratī’’ti iminā sambandho. Itarehīti upacārampītiādinā upacārapurimappanāparappanānaṃ paṭilābhakāraṇanti vacanehi. Itare kāraṇattheti ‘‘upacārena…pe… phusatiyevā’’ti vutte kāraṇatthadīpake atthe. Phusati phalaṃ adhigacchati etāyāti kāraṇabhāvassa phusanāpariyāyo veditabbo.

    ปฐมตฺถเมวาติ สมงฺคิภาวตฺถเมวฯ ตานิ องฺคานีติ อิมินา ฌานโกฎฺฐาสภาเวน วุตฺตธมฺมาเยว คหิตา, น ผสฺสปญฺจมกอินฺทฺริยฎฺฐกาทิภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘เสสา…เป.… สงฺคหิตานี’’ติฯ เอวํ สตีติ สุขสงฺขาตฌานงฺคโต เวทนาโสมนสฺสินฺทฺริยานํ เสสิตพฺพภาเว สติฯ เอวญฺหิ เนสํ ผสฺสกตา อิตรสฺส ผสฺสิตพฺพตาว สิยาฯ เตนาห ‘‘สุขสฺส ผุสิตพฺพตฺตา’’ติฯ เวทยิตาธิปเตยฺยเฎฺฐหีติ อารมฺมณานุภวนสงฺขาเตน เวทยิตสภาเวน, ตเสฺสว สาตวิเสสสงฺขาเตน สมฺปยุเตฺตหิ อนุวตฺตนียภาเวน จฯ อุปนิชฺฌายนภาโวปิ ยถาวุตฺตเวทยิตาธิปเตยฺยฎฺฐวิสิโฎฺฐ โอฬาริกสฺส อารมฺมณสฺส นิชฺฌายนภาโวฯ อภินฺนสภาโวปิ หิ ธโมฺม ปุริมวิสิฎฺฐปจฺจยวิเสสสมฺภเวน วิเสเสน ภินฺนากาโร หุตฺวา วิสิฎฺฐผลภาวํ อาปชฺชติฯ ยเถกํเยว กมฺมํ จกฺขาทินิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เวทยิตา…เป.… วุตฺตตฺตา’’ติฯ องฺคานีติ นายํ ตปฺปรภาเวน พหุวจนนิเทฺทโส อนนฺตภาวโต, เกวลญฺจ องฺคานํ พหุตฺตา พหุวจนํ, เตน กิํ สิทฺธํ? ปเจฺจกมฺปิ โยชนา สิทฺธา โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปเจฺจกมฺปิ โยชนา กาตพฺพา’’ติฯ ยทิ ‘‘สุขํ ฐเปตฺวา’’ติ โยชนายํ เสสา ตโย ขนฺธา โหนฺติ, เสสา ตโย, จตฺตาโร จ ขนฺธา โหนฺตีติ วตฺตพฺพํ สิยาติ? น, จตูสุ ติณฺณํ อโนฺตคธตฺตาฯ เตนาห ‘‘สพฺพโยชนา…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ

    Paṭhamatthamevāti samaṅgibhāvatthameva. Tāni aṅgānīti iminā jhānakoṭṭhāsabhāvena vuttadhammāyeva gahitā, na phassapañcamakaindriyaṭṭhakādibhāvenāti vuttaṃ ‘‘sesā…pe… saṅgahitānī’’ti. Evaṃ satīti sukhasaṅkhātajhānaṅgato vedanāsomanassindriyānaṃ sesitabbabhāve sati. Evañhi nesaṃ phassakatā itarassa phassitabbatāva siyā. Tenāha ‘‘sukhassa phusitabbattā’’ti. Vedayitādhipateyyaṭṭhehīti ārammaṇānubhavanasaṅkhātena vedayitasabhāvena, tasseva sātavisesasaṅkhātena sampayuttehi anuvattanīyabhāvena ca. Upanijjhāyanabhāvopi yathāvuttavedayitādhipateyyaṭṭhavisiṭṭho oḷārikassa ārammaṇassa nijjhāyanabhāvo. Abhinnasabhāvopi hi dhammo purimavisiṭṭhapaccayavisesasambhavena visesena bhinnākāro hutvā visiṭṭhaphalabhāvaṃ āpajjati. Yathekaṃyeva kammaṃ cakkhādinibbattihetubhūtaṃ kammaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘vedayitā…pe… vuttattā’’ti. Aṅgānīti nāyaṃ tapparabhāvena bahuvacananiddeso anantabhāvato, kevalañca aṅgānaṃ bahuttā bahuvacanaṃ, tena kiṃ siddhaṃ? Paccekampi yojanā siddhā hoti. Tena vuttaṃ ‘‘paccekampi yojanā kātabbā’’ti. Yadi ‘‘sukhaṃ ṭhapetvā’’ti yojanāyaṃ sesā tayo khandhā honti, sesā tayo, cattāro ca khandhā hontīti vattabbaṃ siyāti? Na, catūsu tiṇṇaṃ antogadhattā. Tenāha ‘‘sabbayojanā…pe… vutta’’nti.

    . อสมยวิโมเกฺขนาติ เหฎฺฐามคฺควิโมเกฺขนฯ โส หิ โลกิยวิโมโกฺข วิย อธิคมวฬญฺชนตฺถํ ปกเปฺปตพฺพสมยวิเสสาภาวโต เอวํ วุโตฺตฯ อคฺคมคฺควิโมโกฺข ปน เอกจฺจาสววิมุตฺติวจนโต อิธ นาธิเปฺปโตฯ เตนาห ‘‘เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติฯ เอกเจฺจหิ อาสเวหิ วิมุโตฺตติ ทิฎฺฐาสวาทีหิ สมุเจฺฉทวิมุตฺติยา วิมุโตฺตฯ อสมย…เป.… ลาเภนาติ ยถาวุตฺตอสมยวิโมกฺขสฺส อุปนิสฺสยภูตสฺส อธิคเมนฯ ตโต เอว สาติสเยน, เอกเจฺจหิ กามาสเวหิ วิมุโตฺต วิกฺขมฺภนวเสนาติ อโตฺถฯ โส เอว เอกจฺจสมยวิโมกฺขลาภี ยถาวุโตฺต สมยวิมุโตฺต อสมยวิโมกฺขวิเสสสฺส วเสน สมยวิโมกฺขปญฺญตฺติยา อธิเปฺปตตฺตาฯ โสติ อสมยวิโมกฺขูปนิสฺสยสมยวิโมกฺขลาภีฯ เตน สาติสเยน สมยวิโมเกฺขนฯ ตถาวิมุโตฺตว โหตีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท เหตุอโตฺถฯ ยสฺมา ตถาวิมุโตฺต โหติ, ตสฺมา สมยวิมุตฺตปญฺญตฺติํ ลทฺธุํ อรหตีติ ปริญฺญาตตฺถํ เหตุนา ปติฎฺฐาเปติฯ พฺยติเรกมุเขนปิ ตมตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘ปุถุชฺชโน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สมุทาจารภาวโตติ สมุทาจารสฺส สมฺภวโตฯ โสติ ฌานลาภี ปุถุชฺชโนฯ

    2. Asamayavimokkhenāti heṭṭhāmaggavimokkhena. So hi lokiyavimokkho viya adhigamavaḷañjanatthaṃ pakappetabbasamayavisesābhāvato evaṃ vutto. Aggamaggavimokkho pana ekaccāsavavimuttivacanato idha nādhippeto. Tenāha ‘‘ekacce āsavā parikkhīṇā hontī’’ti. Ekaccehi āsavehi vimuttoti diṭṭhāsavādīhi samucchedavimuttiyā vimutto. Asamaya…pe… lābhenāti yathāvuttaasamayavimokkhassa upanissayabhūtassa adhigamena. Tato eva sātisayena, ekaccehi kāmāsavehi vimutto vikkhambhanavasenāti attho. So eva ekaccasamayavimokkhalābhī yathāvutto samayavimutto asamayavimokkhavisesassa vasena samayavimokkhapaññattiyā adhippetattā. Soti asamayavimokkhūpanissayasamayavimokkhalābhī. Tena sātisayena samayavimokkhena. Tathāvimuttova hotīti ettha iti-saddo hetuattho. Yasmā tathāvimutto hoti, tasmā samayavimuttapaññattiṃ laddhuṃ arahatīti pariññātatthaṃ hetunā patiṭṭhāpeti. Byatirekamukhenapi tamatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘puthujjano panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha samudācārabhāvatoti samudācārassa sambhavato. Soti jhānalābhī puthujjano.

    ยทิ ปุนราวตฺตกธมฺมตาย ปุถุชฺชโน สมยวิมุโตฺตติ น วุโตฺต, ตทภาวโต กสฺมา อรหา ตถา น วุโตฺตติ อาห ‘‘อรหโต ปนา’’ติอาทิฯ ตทการณภาวนฺติ เตสํ วิโมกฺขานํ, ตสฺส วา สมยวิมุตฺติภาวสฺส อการณภาวํฯ สโพฺพติ สุกฺขวิปสฺสโกปิ สมถยานิโกปิ อฎฺฐวิโมกฺขลาภีปิ ฯ พหิอพฺภนฺตรภาวา อเปกฺขาสิทฺธา, วตฺตุ อธิปฺปายวเสน คเหตพฺพรูปา จาติ อาห ‘‘พาหิรานนฺติ โลกุตฺตรโต พหิภูตาน’’นฺติฯ

    Yadi punarāvattakadhammatāya puthujjano samayavimuttoti na vutto, tadabhāvato kasmā arahā tathā na vuttoti āha ‘‘arahato panā’’tiādi. Tadakāraṇabhāvanti tesaṃ vimokkhānaṃ, tassa vā samayavimuttibhāvassa akāraṇabhāvaṃ. Sabboti sukkhavipassakopi samathayānikopi aṭṭhavimokkhalābhīpi . Bahiabbhantarabhāvā apekkhāsiddhā, vattu adhippāyavasena gahetabbarūpā cāti āha ‘‘bāhirānanti lokuttarato bahibhūtāna’’nti.

    . รูปโต อญฺญํ น รูปนฺติ ตตฺถ รูปปฎิภาคํ กสิณรูปาทิ รูป-สเทฺทน คหิตนฺติ ตทญฺญํ ปฐมตติยารุปฺปวิสยมตฺตํ อรูปกฺขนฺธนิพฺพานวินิมุตฺตํ อรูป-สเทฺทน คหิตํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปฎิปกฺขภูเตหิ กิเลสโจเรหิ อมูสิตพฺพํ ฌานเมว จิตฺตมญฺชูสํฯ สมาธินฺติ วา สมาธิสีเสน ฌานเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    3. Rūpatoaññaṃ na rūpanti tattha rūpapaṭibhāgaṃ kasiṇarūpādi rūpa-saddena gahitanti tadaññaṃ paṭhamatatiyāruppavisayamattaṃ arūpakkhandhanibbānavinimuttaṃ arūpa-saddena gahitaṃ daṭṭhabbaṃ. Paṭipakkhabhūtehi kilesacorehi amūsitabbaṃ jhānameva cittamañjūsaṃ. Samādhinti vā samādhisīsena jhānameva vuttanti veditabbaṃ.

    . อตฺตโน อนุรูเปน ปมาเทนาติ เอตฺถ อนาคามิโน อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ อสกฺกจฺจอสาตจฺจกิริยาทินาฯ ขีณาสวสฺส ปน ตาทิเสน ปมาทปติรูปเกน, ตาทิสาย วา อสกฺกจฺจกิริยายฯ สา จสฺส อุสฺสุกฺกาภาวโต เวทิตพฺพาฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธสพฺพุสฺสุกฺกา หิ เต อุตฺตมปุริสาฯ สมเยน สมยนฺติ สมเย สมเยฯ ภุมฺมเตฺถ หิ เอตํ กรณวจนํ อุปโยควจนญฺจฯ อนิปฺผตฺติโตติ สมาปชฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยโตฯ อสฺสาติ ‘‘เตสญฺหี’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อิมสฺส อฎฺฐกถาวจนสฺสฯ เตนาติ ยถาภเตน สุเตฺตนฯ

    4. Attano anurūpena pamādenāti ettha anāgāmino adhikusalesu dhammesu asakkaccaasātaccakiriyādinā. Khīṇāsavassa pana tādisena pamādapatirūpakena, tādisāya vā asakkaccakiriyāya. Sā cassa ussukkābhāvato veditabbā. Paṭippassaddhasabbussukkā hi te uttamapurisā. Samayena samayanti samaye samaye. Bhummatthe hi etaṃ karaṇavacanaṃ upayogavacanañca. Anipphattitoti samāpajjituṃ asakkuṇeyyato. Assāti ‘‘tesañhī’’tiādinā vuttassa imassa aṭṭhakathāvacanassa. Tenāti yathābhatena suttena.

    . เยนาธิปฺปาเยน ‘‘ธเมฺมหี’’ติ วตฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ, ตํ วิวรโนฺต ‘‘อิธา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิธาติ ‘‘ปริหานธโมฺม อปริหานธโมฺม’’ติ เอตสฺมิํ ปททฺวเยฯ ตตฺถาติ ‘‘กุปฺปธโมฺม อกุปฺปธโมฺม’’ติ ปททฺวเยฯ สติ วจนนานเตฺต อเตฺถว วจนตฺถนานตฺตนฺติ อาห ‘‘วจนตฺถนานตฺตมเตฺตน วา’’ติฯ วจนตฺถคฺคหณมุเขน คเหตพฺพสฺส ปน วิภาวนตฺถสฺส นเตฺถตฺถ นานตฺตํ, ยโต เตสํ ปริยายนฺตรตาสิทฺธิฯ

    5. Yenādhippāyena ‘‘dhammehī’’ti vattabbanti vuttaṃ, taṃ vivaranto ‘‘idhā’’tiādimāha. Tattha idhāti ‘‘parihānadhammo aparihānadhammo’’ti etasmiṃ padadvaye. Tatthāti ‘‘kuppadhammo akuppadhammo’’ti padadvaye. Sati vacananānatte attheva vacanatthanānattanti āha ‘‘vacanatthanānattamattena vā’’ti. Vacanatthaggahaṇamukhena gahetabbassa pana vibhāvanatthassa natthettha nānattaṃ, yato tesaṃ pariyāyantaratāsiddhi.

    ๗-๘. สมาปตฺติเจตนาติ ยาย เจตนาย สมาปตฺติํ นิพฺพเตฺตติ สมาปชฺชติ จฯ เตนาห ‘‘ตทายูหนา’’ติฯ อารกฺขปจฺจุปฎฺฐานา สตีติ กตฺวา อาห ‘‘อนุรกฺขณา…เป.… สตี’’ติฯ เตนาห ‘‘เอการโกฺข สตารเกฺขน เจตสา วิหรตี’’ติฯ ตถา หิ สา ‘‘กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺนสตี’’ติ วุตฺตาฯ

    7-8. Samāpatticetanāti yāya cetanāya samāpattiṃ nibbatteti samāpajjati ca. Tenāha ‘‘tadāyūhanā’’ti. Ārakkhapaccupaṭṭhānā satīti katvā āha ‘‘anurakkhaṇā…pe… satī’’ti. Tenāha ‘‘ekārakkho satārakkhena cetasā viharatī’’ti. Tathā hi sā ‘‘kusalākusalānaṃ dhammānaṃ gatiyo samannesatī’’ti vuttā.

    ๑๑. อคฺคมคฺคโฎฺฐปิ อิตรมคฺคฎฺฐา วิย อนุปจฺฉินฺนภยตฺตา ภยูปรตโวหารํ ลภตีติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺคโฎฺฐ จ…เป.… ภยูปรโต’’ติฯ

    11. Aggamaggaṭṭhopi itaramaggaṭṭhā viya anupacchinnabhayattā bhayūparatavohāraṃ labhatīti āha ‘‘arahattamaggaṭṭho ca…pe… bhayūparato’’ti.

    ๑๒. เกจีติ ติเหตุกปฎิสนฺธิเก มนฺทพุทฺธิเก สนฺธายาหฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทุปฺปญฺญาติ อิมินา คยฺหนฺตี’’ติฯ ทุพฺพลา ปญฺญา เยสํ เต ทุปฺปญฺญาติฯ

    12. Kecīti tihetukapaṭisandhike mandabuddhike sandhāyāha. Tena vuttaṃ ‘‘duppaññāti iminā gayhantī’’ti. Dubbalā paññā yesaṃ te duppaññāti.

    ๑๔. อนิยตธมฺมสมนฺนาคตเสฺสว ปจฺจยวิเสเสน นิยตธมฺมปฎิลาโภติ อาห ‘‘ยตฺถ…เป.… โหนฺตี’’ติฯ ตทภาวาติ นิยตานิยตโวมิสฺสาย ปวตฺติยา อภาวาฯ

    14. Aniyatadhammasamannāgatasseva paccayavisesena niyatadhammapaṭilābhoti āha ‘‘yattha…pe… hontī’’ti. Tadabhāvāti niyatāniyatavomissāya pavattiyā abhāvā.

    ๑๖. ปริยาทิยิตพฺพานีติ ปริยาทเกน มเคฺคน เขเปตพฺพานิฯ ตณฺหาทีนํ ปลิพุธนาทิกิริยาย มตฺถกปฺปตฺติยา สีสภาโว เวทิตโพฺพ, นิพฺพานสฺส ปน วิสงฺขารภาวโต สงฺขารสีสตาฯ เตนาห ‘‘สงฺขารวิเวกภูโต นิโรโธ’’ติฯ เกจิ ปน ‘‘สงฺขารสีสํ นิโรธสมาปตฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปญฺญตฺติมตฺตสฺส สีสภาวานุปปตฺติโต ตทุทฺธญฺจ สงฺขารปฺปวตฺติสพฺภาวโตฯ สห วิยาติ เอกชฺฌํ วิยฯ เอเตน สม-สทฺทสฺส อตฺถมาหฯ สหโตฺถ เหส สม-สโทฺทฯ สํสิทฺธิทสฺสเนนาติ สํสิทฺธิยา นิฎฺฐานสฺส อุปรมสฺส ทสฺสเนนฯ

    16. Pariyādiyitabbānīti pariyādakena maggena khepetabbāni. Taṇhādīnaṃ palibudhanādikiriyāya matthakappattiyā sīsabhāvo veditabbo, nibbānassa pana visaṅkhārabhāvato saṅkhārasīsatā. Tenāha ‘‘saṅkhāravivekabhūto nirodho’’ti. Keci pana ‘‘saṅkhārasīsaṃ nirodhasamāpattī’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ paññattimattassa sīsabhāvānupapattito taduddhañca saṅkhārappavattisabbhāvato. Saha viyāti ekajjhaṃ viya. Etena sama-saddassa atthamāha. Sahattho hesa sama-saddo. Saṃsiddhidassanenāti saṃsiddhiyā niṭṭhānassa uparamassa dassanena.

    อิธาติ อิมิสฺสา ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิยา, อิมิสฺสา วา ตทฎฺฐกถายฯ กิเลสปวตฺตสีสานนฺติ กิเลสสีสปวตฺตสีสานํฯ เตสุ หิ คหิเตสุ อิตรมฺปิ ปริยาทิยิตพฺพํ กิเลสภาเวน ปริยาทิยิตพฺพตาสามเญฺญน จ คหิตเมว โหตีติ กิเลสวฎฺฎปริยาทาเนน มคฺคสฺส อิตรวฎฺฎานมฺปิ ปริยาทิยนํฯ วฎฺฎุปเจฺฉทเกน มเคฺคเนว หิ ชีวิตินฺทฺริยมฺปิ อนวเสสโต นิรุชฺฌตีติฯ กสฺมา ปเนตฺถ ปวตฺตสีสํ วิสุํ คหิตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ปวตฺตสีสมฺปี’’ติอาทิฯ โอธิโส จ อโนธิโส จ กิเลสปริยาทาเน สติ สิชฺฌมานา ปจฺจเวกฺขณวารา เตน นิปฺผาเทตพฺพาติ วุตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘กิเลสปริยาทานเสฺสว วารา’’ติฯ อิทานิ ตมตฺถํ อาคเมน สาเธโนฺต ‘‘วิมุตฺตสฺมิ’’นฺติอาทิมาหฯ จุติจิเตฺตน โหตีติ อิทํ ยถาวุตฺตสฺส กิเลสปริยาทานสมาปนภูตสฺส ปจฺจเวกฺขณวารสฺส จุติจิเตฺตน ปริจฺฉินฺนตฺตา วุตฺตํ, ตสฺมา จุติจิเตฺตน ปริเจฺฉทเกน ปริจฺฉินฺนํ โหตีติ อโตฺถฯ

    Idhāti imissā puggalapaññattipāḷiyā, imissā vā tadaṭṭhakathāya. Kilesapavattasīsānanti kilesasīsapavattasīsānaṃ. Tesu hi gahitesu itarampi pariyādiyitabbaṃ kilesabhāvena pariyādiyitabbatāsāmaññena ca gahitameva hotīti kilesavaṭṭapariyādānena maggassa itaravaṭṭānampi pariyādiyanaṃ. Vaṭṭupacchedakena maggeneva hi jīvitindriyampi anavasesato nirujjhatīti. Kasmā panettha pavattasīsaṃ visuṃ gahitanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘pavattasīsampī’’tiādi. Odhiso ca anodhiso ca kilesapariyādāne sati sijjhamānā paccavekkhaṇavārā tena nipphādetabbāti vuttā. Tenevāha ‘‘kilesapariyādānasseva vārā’’ti. Idāni tamatthaṃ āgamena sādhento ‘‘vimuttasmi’’ntiādimāha. Cuticittena hotīti idaṃ yathāvuttassa kilesapariyādānasamāpanabhūtassa paccavekkhaṇavārassa cuticittena paricchinnattā vuttaṃ, tasmā cuticittena paricchedakena paricchinnaṃ hotīti attho.

    ๑๗. ติเฎฺฐยฺยาติ น อุปคเจฺฉยฺยฯ ฐานญฺหิ คตินิวตฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นปฺปวเตฺตยฺยา’’ติฯ

    17. Tiṭṭheyyāti na upagaccheyya. Ṭhānañhi gatinivatti. Tena vuttaṃ ‘‘nappavatteyyā’’ti.

    ๑๘. ปยิรุปาสนาย พหูปการตฺตา ปยิรุปาสิตพฺพตฺตา

    18. Payirupāsanāya bahūpakārattā payirupāsitabbattā.

    ๒๐. อคฺควิชฺชา ยสฺส อนธิคตวิชฺชาทฺวยสฺส โหติ, โส เจ ปจฺฉา วิชฺชาทฺวยํ อธิคจฺฉติ, ตสฺส ปฐมํ อธิคตวิชฺชาทฺวยสฺส วิย อเตวิชฺชตาภาวา ยทิปิ นิปฺปริยายตา เตวิชฺชตา, ปฐมํ อธิคตวิชฺชาทฺวยสฺส ปน สา สวิเสสาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยาย กตกิจฺจตา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อคฺควิชฺชาติ อาสวกฺขยญาณํ, อคฺคมคฺคญาณเมว วา เวทิตพฺพํฯ สา จ เตวิชฺชตาติ โยชนาฯ

    20. Aggavijjā yassa anadhigatavijjādvayassa hoti, so ce pacchā vijjādvayaṃ adhigacchati, tassa paṭhamaṃ adhigatavijjādvayassa viya atevijjatābhāvā yadipi nippariyāyatā tevijjatā, paṭhamaṃ adhigatavijjādvayassa pana sā savisesāti dassento ‘‘yāya katakiccatā’’tiādimāha. Tattha aggavijjāti āsavakkhayañāṇaṃ, aggamaggañāṇameva vā veditabbaṃ. Sā ca tevijjatāti yojanā.

    ๒๒. ตเตฺถวาติ สจฺจาภิสโมฺพเธ เอวฯ

    22. Tatthevāti saccābhisambodhe eva.

    ๒๔. นฺติ นิโรธสมาปตฺติลาภิโน อุภโตภาควิมุตฺตตาวจนํฯ วุตฺตลกฺขณูปปตฺติโกติ ทฺวีหิ ภาเคหิ เทฺว วาเร วิมุโตฺตติ เอวํ วุตฺตลกฺขเณน อุปปตฺติโต ยุตฺติโต สมนฺนาคโตฯ เอเสว นโยติ ยถา จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต นิโรธโต จ วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปตฺตานํ วเสน ปญฺจ อุภโตภาควิมุตฺตา วุตฺตา, ตถา เสกฺขภาวํ ปตฺตานํ วเสน ปญฺจ กายสกฺขิโน โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    24. Tanti nirodhasamāpattilābhino ubhatobhāgavimuttatāvacanaṃ. Vuttalakkhaṇūpapattikoti dvīhi bhāgehi dve vāre vimuttoti evaṃ vuttalakkhaṇena upapattito yuttito samannāgato. Eseva nayoti yathā catunnaṃ arūpasamāpattīnaṃ ekekato nirodhato ca vuṭṭhāya arahattaṃ pattānaṃ vasena pañca ubhatobhāgavimuttā vuttā, tathā sekkhabhāvaṃ pattānaṃ vasena pañca kāyasakkhino hontīti katvā vuttaṃ.

    ทสฺสนการณาติ อิมินา ‘‘ทิสฺวา’’ติ เอตฺถ ตฺวา-สโทฺท เหตุอโตฺถติ ทเสฺสติ ยถา ‘‘สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหตี’’ติอาทีสุฯ ทสฺสเน สติ ปริกฺขโย, นาสตีติ อาห ‘‘ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา’’ติฯ ปุริมกิริยาติ อาสวานํ ขยกิริยาย ปุริมกิริยาฯ สมานกาลเตฺตปิ หิ การณกิริยา ผลกิริยาย ปุริมสิทฺธา วิย โวหรียติฯ ตโต นามกายโต มุจฺจนโตฯ ยโต หิ เยน มุจฺจิตพฺพํ, ตํ นิสฺสิโต โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นามนิสฺสิตโก’’ติฯ ตสฺสาติ กายทฺวยวิมุตฺติยา อุภโตภาควิมุตฺตภาวสฺสฯ อรูปโลเก หิ ฐิตารหนฺตวเสนายมโตฺถ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘สุเตฺต หี’’ติอาทิฯ

    Dassanakāraṇāti iminā ‘‘disvā’’ti ettha tvā-saddo hetuatthoti dasseti yathā ‘‘sīhaṃ disvā bhayaṃ hotī’’tiādīsu. Dassane sati parikkhayo, nāsatīti āha ‘‘dassanāyattaparikkhayattā’’ti. Purimakiriyāti āsavānaṃ khayakiriyāya purimakiriyā. Samānakālattepi hi kāraṇakiriyā phalakiriyāya purimasiddhā viya voharīyati. Tato nāmakāyato muccanato. Yato hi yena muccitabbaṃ, taṃ nissito hotīti vuttaṃ ‘‘nāmanissitako’’ti. Tassāti kāyadvayavimuttiyā ubhatobhāgavimuttabhāvassa. Arūpaloke hi ṭhitārahantavasenāyamattho vutto. Tenāha ‘‘sutte hī’’tiādi.

    ทฺวีหิ ภาเคหีติ วิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทภาเคหิฯ เทฺว วาเรติ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนสมุจฺฉินฺทนวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํฯ กิเลเสหิ วิมุโตฺตติ อิทํ ปฐมตติยวาทานํ วเสน วุตฺตํ, อิตรํ ทุติยวาทสฺสฯ อรูปชฺฌานํ ยทิปิ รูปสญฺญาทีหิ วิมุตฺตํ ตํสมติกฺกมาทินา ปตฺตพฺพตฺตา, ปวตฺตินิวารเกหิ ปน กามจฺฉนฺทาทีหิเยวสฺส วิมุตฺติ สาติสยาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นีวรณสงฺขาตนามกายโต วิมุตฺต’’นฺติ อาหฯ ยญฺจาปิ อรูปชฺฌานํ รูปโลเก วิเวกฎฺฐตาวเสนปิ รูปกายโต วิมุตฺตํ, ตํ ปน รูปปฎิพนฺธฉนฺทราควิกฺขมฺภเนเนว โหตีติ วิกฺขมฺภนเมว ปธานนฺติ วุตฺตํ ‘‘รูปตณฺหาวิกฺขมฺภเนน รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา’’ติฯ เอกเทเสน อุภโตภาควิมุตฺตํ นาม โหติ สมุเจฺฉทวิมุตฺติยา อภาวาฯ

    Dvīhi bhāgehīti vikkhambhanasamucchedabhāgehi. Dve vāreti kilesānaṃ vikkhambhanasamucchindanavasena dvikkhattuṃ. Kilesehi vimuttoti idaṃ paṭhamatatiyavādānaṃ vasena vuttaṃ, itaraṃ dutiyavādassa. Arūpajjhānaṃ yadipi rūpasaññādīhi vimuttaṃ taṃsamatikkamādinā pattabbattā, pavattinivārakehi pana kāmacchandādīhiyevassa vimutti sātisayāti dassento ‘‘nīvaraṇasaṅkhātanāmakāyato vimutta’’nti āha. Yañcāpi arūpajjhānaṃ rūpaloke vivekaṭṭhatāvasenapi rūpakāyato vimuttaṃ, taṃ pana rūpapaṭibandhachandarāgavikkhambhaneneva hotīti vikkhambhanameva padhānanti vuttaṃ ‘‘rūpataṇhāvikkhambhanenarūpakāyato ca vimuttattā’’ti. Ekadesena ubhatobhāgavimuttaṃ nāma hoti samucchedavimuttiyā abhāvā.

    ๒๕. ‘‘สตฺติสโย’’ติ วิย สมุทาเย ปวโตฺต โวหาโร อวยเวปิ ทิสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อฎฺฐวิโมเกฺขกเทเสน…เป.… วุจฺจตี’’ติฯ

    25. ‘‘Sattisayo’’ti viya samudāye pavatto vohāro avayavepi dissatīti dassento āha ‘‘aṭṭhavimokkhekadesena…pe… vuccatī’’ti.

    ๒๖. ผุฎฺฐานนฺติ ผสฺสิตานํ, อธิคตานนฺติ อโตฺถฯ อโนฺตติ อนฺตสทิโส ผสฺสนาย ปรกาโลฯ ตทนนฺตโร หิ ตปฺปริโยสาโน วิย โหตีติฯ กาลวิสโย จายํ อนฺต-สโทฺท, น ปน กาลโตฺถฯ เตนาห ‘‘อธิปฺปาโย’’ติฯ นามกาเยกเทสโตติ นีวรณสงฺขาตนามกาเยกเทสโตฯ อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ วิพนฺธวิกฺขมฺภเนน อาโลจเน ปกาสเน สมตฺถสฺส ญาณจกฺขุโน อธิฎฺฐานสมุปฺปาทนโตฯ น ตุ วิมุโตฺตติ วิมุโตฺตติ น วุจฺจเตวฯ

    26. Phuṭṭhānanti phassitānaṃ, adhigatānanti attho. Antoti antasadiso phassanāya parakālo. Tadanantaro hi tappariyosāno viya hotīti. Kālavisayo cāyaṃ anta-saddo, na pana kālattho. Tenāha ‘‘adhippāyo’’ti. Nāmakāyekadesatoti nīvaraṇasaṅkhātanāmakāyekadesato. Ālocito pakāsito viya hoti vibandhavikkhambhanena ālocane pakāsane samatthassa ñāṇacakkhuno adhiṭṭhānasamuppādanato. Na tu vimuttoti vimuttoti na vuccateva.

    ๒๘. อิมํ ปน นยนฺติ ‘‘อปิจ เตส’’นฺติอาทินา อาคตวิธิํฯ เยน วิเสเสนาติ เยน การณวิเสเสนฯ โสติ ทิฎฺฐิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตานํ ยถาวุโตฺต ปญฺญาย วิเสโสฯ ปฎิเกฺขโป กโต การณสฺส อวิภาวิตตฺตาฯ อุภโตภาควิมุโตฺต วิย, ปญฺญาวิมุโตฺต วิย วา สพฺพถา อวิมุตฺตสฺส สาวเสสวิมุตฺติยมฺปิ ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺส วิย ปญฺญาย สาติสยาย อภาวโต สทฺธามเตฺตน วิมุตฺตภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ สทฺธาย อธิมุโตฺตติ อิทํ อาคมนวเสน สทฺธาย อธิกภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, มคฺคาธิคมโต ปนสฺส ปจฺจกฺขเมว ญาณทสฺสนํฯ

    28. Imaṃ pana nayanti ‘‘apica tesa’’ntiādinā āgatavidhiṃ. Yena visesenāti yena kāraṇavisesena. Soti diṭṭhippattasaddhāvimuttānaṃ yathāvutto paññāya viseso. Paṭikkhepo kato kāraṇassa avibhāvitattā. Ubhatobhāgavimutto viya, paññāvimutto viya vā sabbathā avimuttassa sāvasesavimuttiyampi diṭṭhippattassa viya paññāya sātisayāya abhāvato saddhāmattena vimuttabhāvo daṭṭhabbo. Saddhāya adhimuttoti idaṃ āgamanavasena saddhāya adhikabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ, maggādhigamato panassa paccakkhameva ñāṇadassanaṃ.

    ๓๑. ‘‘โสโตติ อริยมคฺคสฺส นาม’’นฺติ นิปฺปริยาเยน ตํสมงฺคี โสตาปโนฺนติ อธิปฺปาเยน โจทโก ‘‘อปิ-สโทฺท กสฺมา วุโตฺต’’ติ โจทนํ อุฎฺฐาเปตฺวา ‘‘นนู’’ติอาทินา อตฺตโน อธิปฺปายํ วิวรติฯ อิตโร ‘‘นาปนฺน’’นฺติอาทินา ปริหรติฯ สมนฺนาคโต เอว นาม โลกุตฺตรธมฺมานํ อกุปฺปสภาวตฺตาฯ อิตเรหีติ ทุติยมคฺคฎฺฐาทีหิฯ โส เอวาติ ปฐมผลโฎฺฐ เอวฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สตฺตกฺขตฺตุปรมนิเทฺทเสฯ โสตํ วา อริยมคฺคํ อาทิโต ปโนฺน อธิคโตติ โสตาปโนฺนติ วุจฺจมาเน ทุติยมคฺคฎฺฐาทีนํ นเตฺถว โสตาปนฺนภาวาปตฺติฯ สุเตฺต ปน โสตํ อริยมคฺคํ อาทิโต มริยาทํ อมุญฺจิตฺวาว ปโนฺน ปฎิปชฺชตีติ กตฺวา มคฺคสมงฺคี ‘‘โสตาปโนฺน’’ติ วุโตฺตฯ ปริยาเยน อิตโรปิ ตสฺส อปริหานธมฺมตฺตา โสตาปโนฺนติ เวทิตพฺพํฯ ปหีนาวสิฎฺฐกิเลสปจฺจเวกฺขณาย สมุทยสจฺจํ วิย ทุกฺขสจฺจมฺปิ ปจฺจเวกฺขิตํ โหติ สจฺจทฺวยปริยาปนฺนตฺตา กิเลสานนฺติ อาห ‘‘จตุสจฺจปจฺจเวกฺขณาทีน’’นฺติฯ อาทิ-สเทฺทน ผลปจฺจเวกฺขณอุปริมคฺคผลธเมฺม จ สงฺคณฺหาติฯ

    31. ‘‘Sototi ariyamaggassa nāma’’nti nippariyāyena taṃsamaṅgī sotāpannoti adhippāyena codako ‘‘api-saddo kasmā vutto’’ti codanaṃ uṭṭhāpetvā ‘‘nanū’’tiādinā attano adhippāyaṃ vivarati. Itaro ‘‘nāpanna’’ntiādinā pariharati. Samannāgato eva nāma lokuttaradhammānaṃ akuppasabhāvattā. Itarehīti dutiyamaggaṭṭhādīhi. So evāti paṭhamaphalaṭṭho eva. Idhāti imasmiṃ sattakkhattuparamaniddese. Sotaṃ vā ariyamaggaṃ ādito panno adhigatoti sotāpannoti vuccamāne dutiyamaggaṭṭhādīnaṃ nattheva sotāpannabhāvāpatti. Sutte pana sotaṃ ariyamaggaṃ ādito mariyādaṃ amuñcitvāva panno paṭipajjatīti katvā maggasamaṅgī ‘‘sotāpanno’’ti vutto. Pariyāyena itaropi tassa aparihānadhammattā sotāpannoti veditabbaṃ. Pahīnāvasiṭṭhakilesapaccavekkhaṇāya samudayasaccaṃ viya dukkhasaccampi paccavekkhitaṃ hoti saccadvayapariyāpannattā kilesānanti āha ‘‘catusaccapaccavekkhaṇādīna’’nti. Ādi-saddena phalapaccavekkhaṇauparimaggaphaladhamme ca saṅgaṇhāti.

    ๓๒. มหากุลเมวาติ อุฬารกุลเมว วุจฺจติ ‘‘กุลีโน กุลปุโตฺต’’ติอาทีสุ วิยฯ

    32. Mahākulamevāti uḷārakulameva vuccati ‘‘kulīno kulaputto’’tiādīsu viya.

    ๓๓. สชฺฌานโก อปริหีนชฺฌาโน กาลกโต พฺรหฺมโลกูปโค หุตฺวา วฎฺฎชฺฌาสโย เจ, อุปรูปริ นิพฺพตฺติตฺวา นิพฺพายตีติ อาห ‘‘อนาคามิสภาโค’’ติฯ ยโต โส ฌานานาคามีติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘อนาวตฺติธโมฺม’’ติฯ

    33. Sajjhānako aparihīnajjhāno kālakato brahmalokūpago hutvā vaṭṭajjhāsayo ce, uparūpari nibbattitvā nibbāyatīti āha ‘‘anāgāmisabhāgo’’ti. Yato so jhānānāgāmīti vuccati. Tenāha ‘‘anāvattidhammo’’ti.

    ๓๖. ปรโยเค ตฺวา-สโทฺท ตทโนฺต หุตฺวา ‘‘ปรสทฺทโยเค’’ติ วุโตฺต, อปฺปตฺวาติ วุตฺตํ โหตีติ ‘‘อปฺปตฺตํ หุตฺวา’’ติ อิมินา วุจฺจติฯ

    36. Parayoge tvā-saddo tadanto hutvā ‘‘parasaddayoge’’ti vutto, appatvāti vuttaṃ hotīti ‘‘appattaṃ hutvā’’ti iminā vuccati.

    ๓๗. เตนาติ ‘‘อุปหจฺจา’’ติ ปเทนฯ นนุ จ เวมชฺฌาติกฺกโม ‘‘อติกฺกมิตฺวา เวมชฺฌ’’นฺติ อิมินา ปกาสิโต โหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    37. Tenāti ‘‘upahaccā’’ti padena. Nanu ca vemajjhātikkamo ‘‘atikkamitvā vemajjha’’nti iminā pakāsito hotīti adhippāyo.

    ๔๐. ตณฺหาวฎฺฎโสตา ตณฺหาวฎฺฎพนฺธาฯ ตสฺสาติ โสตสฺสฯ สมฺพเนฺธ เจตํ สามิวจนํฯ อุทฺธํโสตสฺส อุปริภวูปคตา เอกํสิกาติ อาห ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา คนฺตฺวา’’ติฯ ตสฺสาติ อุทฺธํโสตสฺสฯ ตตฺถาติ อวิเหสุฯ ลหุสาลหุสคติกาติ ลหุกาลหุกายุคติกา, ลหุกาลหุกญาณคติกา วาฯ อุปฺปชฺชิตฺวาว นิพฺพายนกาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อากาสํ ลงฺฆิตฺวา นิพฺพายตี’’ติอาทินา วุตฺตา ติโสฺส อุปมา สงฺคณฺหาติฯ อนฺตราอุปหจฺจปรินิพฺพายีหิ อธิมตฺตตา, อุทฺธํโสตโต อนธิมตฺตตา จ อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายีนํ น เวทิตพฺพาติ โยชนาฯ เต เอวาติ อนฺตราอุปหจฺจปรินิพฺพายิอุทฺธํโสตา เอวฯ ยทิ เอวํ อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายีนํ อุปมาวจเนน ตโต มหนฺตตเรหิ กสฺมา วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตโต มหนฺต…เป.… ทสฺสนตฺถ’’นฺติฯ

    40. Taṇhāvaṭṭasotā taṇhāvaṭṭabandhā. Tassāti sotassa. Sambandhe cetaṃ sāmivacanaṃ. Uddhaṃsotassa uparibhavūpagatā ekaṃsikāti āha ‘‘yattha vā tattha vā gantvā’’ti. Tassāti uddhaṃsotassa. Tatthāti avihesu. Lahusālahusagatikāti lahukālahukāyugatikā, lahukālahukañāṇagatikā vā. Uppajjitvāva nibbāyanakādīhīti ādi-saddena ‘‘ākāsaṃ laṅghitvā nibbāyatī’’tiādinā vuttā tisso upamā saṅgaṇhāti. Antarāupahaccaparinibbāyīhi adhimattatā, uddhaṃsotato anadhimattatā ca asaṅkhārasasaṅkhāraparinibbāyīnaṃ na veditabbāti yojanā. Te evāti antarāupahaccaparinibbāyiuddhaṃsotā eva. Yadi evaṃ asaṅkhārasasaṅkhāraparinibbāyīnaṃ upamāvacanena tato mahantatarehi kasmā vuttanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tato mahanta…pe… dassanattha’’nti.

    เตนาติ ‘‘โน จสฺส, โน จ เม สิยา’’ติ วจเนนฯ เตนาติ วา ยถาวุเตฺตน ตสฺส อตฺถวจเนนฯ อิมสฺส ทุกฺขสฺสาติ อิมสฺส สมฺปติ วตฺตมานสฺส วิญฺญาณาทิทุกฺขสฺสฯ อุทยทสฺสนํ ญาณํฯ จตูหิปีติ ‘‘โน จสฺสา’’ติ จตูหิ ปเทหิฯ ยํ อตฺถีติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชติ ฯ เตนาห ‘‘ภูตนฺติ สสภาว’’นฺติ, ภูตนฺติ ขนฺธปญฺจกนฺติ อโตฺถฯ ยถาห ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติฯ วิวฎฺฎมานโส วิวิจฺจมานหทโย ตณฺหาทิโสตโต นิวตฺตชฺฌาสโยฯ อุเปกฺขโก โหตีติ จตฺตภริโย วิย ปุริโส ภยํ นนฺทิญฺจ ปหาย อุทาสิโน โหติฯ

    Tenāti ‘‘no cassa, no ca me siyā’’ti vacanena. Tenāti vā yathāvuttena tassa atthavacanena. Imassa dukkhassāti imassa sampati vattamānassa viññāṇādidukkhassa. Udayadassanaṃ ñāṇaṃ. Catūhipīti ‘‘no cassā’’ti catūhi padehi. Yaṃ atthīti yaṃ paramatthato vijjati . Tenāha ‘‘bhūtanti sasabhāva’’nti, bhūtanti khandhapañcakanti attho. Yathāha ‘‘bhūtamidanti, bhikkhave, samanupassathā’’ti. Vivaṭṭamānaso viviccamānahadayo taṇhādisotato nivattajjhāsayo. Upekkhako hotīti cattabhariyo viya puriso bhayaṃ nandiñca pahāya udāsino hoti.

    อวิสิเฎฺฐติ หีเนฯ วิสิเฎฺฐติ อุตฺตเมฯ ‘‘ภเว’’ติ วตฺวา ‘‘สมฺภเว’’ติ วุจฺจมานํ อวุตฺตวาจกํ โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺจุปฺปโนฺน’’ติอาทิมาหฯ ภูตเมว วุจฺจตีติ ยํ ภูตนฺติ วุจฺจติ, ตเทว ภโวติ จ วุจฺจติ, ภวติ อโหสีติ วาฯ สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโวฯ ตทาหาโร ตสฺส ภวสฺส ปจฺจโยฯ อนุกฺกเมน มคฺคปญฺญายาติ วิปสฺสนานุกฺกเมน ลทฺธาย อริยมคฺคปญฺญายฯ เตนาติ เสเกฺขนฯ

    Avisiṭṭheti hīne. Visiṭṭheti uttame. ‘‘Bhave’’ti vatvā ‘‘sambhave’’ti vuccamānaṃ avuttavācakaṃ hotīti dassento ‘‘paccuppanno’’tiādimāha. Bhūtameva vuccatīti yaṃ bhūtanti vuccati, tadeva bhavoti ca vuccati, bhavati ahosīti vā. Sambhavati etasmāti sambhavo. Tadāhāro tassa bhavassa paccayo. Anukkamena maggapaññāyāti vipassanānukkamena laddhāya ariyamaggapaññāya. Tenāti sekkhena.

    เอกกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิ • Puggalapaññattipāḷi / ๑. เอกกปุคฺคลปญฺญตฺติ • 1. Ekakapuggalapaññatti

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. เอกกนิเทฺทสวณฺณนา • 1. Ekakaniddesavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. เอกกนิเทฺทสวณฺณนา • 1. Ekakaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact