Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    เอกุตฺตริกนยวณฺณนา

    Ekuttarikanayavaṇṇanā

    เอกกวารวณฺณนา

    Ekakavāravaṇṇanā

    ๓๒๑. เอกุตฺตริกนเย อาปตฺติ ชานิตพฺพาติ เอตฺถ อาปตฺติ นาม กิํ ปรมตฺถสภาวา, อุทาหุ น วตฺตพฺพสภาวาติ? น วตฺตพฺพสภาวาฯ วุตฺตญฺหิ ปริวาเร ‘‘วตฺถุ ชานิตพฺพํ, โคตฺตํ ชานิตพฺพํ, นามํ ชานิตพฺพํ, อาปตฺติ ชานิตพฺพา’’ติ เอเตสํ ปทานํ วิภเงฺค ‘‘เมถุนธโมฺมติ วตฺถุ จ โคตฺตญฺจฯ ปาราชิกนฺติ นามเญฺจว อาปตฺติ จา’’ติฯ นามญฺจ โคตฺตญฺจ ‘‘นามโคตฺตํ น ชีรตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๗๖) วจนโต สมฺมุติมตฺตํ, ตสฺมา ‘‘กุสลตฺติกวินิมุตฺตา น วตฺตพฺพธมฺมภูตา เอกจฺจา สมฺมุติ เอวา’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ปน วุตฺตํ สมถกฺขนฺธเก ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๒), ตํ ‘‘วิวาทาธิกรณํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๐) เอตฺถ วิย ปริยายโต วุตฺตํฯ อตฺถโต หิ วิวาโท นาม เอกโจฺจ สมฺมุติวิเสโสฯ โย จิตฺตสมงฺคิโน, โส ‘‘ตํ จิตฺตปริยาเยน ปน สิยา กุสล’’นฺติอาทิ โวหารลโทฺธ, ตถา อาปตฺตาธิกรณมฺปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนว วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘อาปตฺติํ อาปชฺชมาโน หิ อกุสลจิโตฺต วา อาปชฺชติ กุสลาพฺยากตจิโตฺต วา’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา)ฯ อญฺญถา สมเถหิ อธิกรณียตา น สมฺภวติฯ น หิ สมถา กุสลาทิํ อกุสลาทิํ วา อธิกิจฺจปวตฺตนฺติ, สมถวเสน วา กุสลาทิ สมฺมติฯ น จ กุสลสฺส วิวาทสฺส, อนุวาทสฺส วา กุสลาทิสมเถหิ วูปสเมตพฺพตา อาปชฺชตีติ เตสํ อธิกรณมตฺตเมว น สมฺภเวยฺย, ตสฺมา อธิกรณานํ, สมถานญฺจ กุสลาทิภาโว ปริยายเทสนาย ลพฺภติ, โน อญฺญถา, เตเนว สมฺมุขาวินเย วิย อาปตฺตาธิกรเณ ติกํ น ปูริตํฯ สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ อาปชฺชมานสฺส ยสฺมา สเญฺจตนา เอกนฺตโต อกุสลาว โหติฯ อิตรสฺส สจิตฺตกสฺส วา อจิตฺตกสฺส วา ตทาภาวมตฺตํ อุปาทาย ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํฯ ยถา หิ ‘‘ติกฺขตฺตุํ โจทยมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทยฺย, อิเจฺจตํ กุสล’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๕๓๘) น กุสลสโทฺท สุขวิปาโก, ‘‘สมฺปรายิกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปฎิฆาตายา’’ติอาทีสุ (ปริ. ๔๙๘) น อกุสลา วา โหติฯ อิตรสฺส สจิตฺตกสฺส วา อจิตฺตกสฺส วา ตทาภาวมตฺตํ อุปาทาย ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํฯ ยถา หิ ทฺวิกฺขตฺตุํ โจทยมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทยฺย, ยํ ปเนตฺถ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ อกุสล’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺส วเสน ตทกุสลโต สตฺต วินีตวตฺถูนิ เวทิตพฺพานิ, ตโต จีวรนฺติ สมฺภวโต อจีวรกา, อนฺตราปตฺติกา จฯ อนนฺตริกลกฺขณปฺปตฺตสฺส วเสน นิยตา จ นามาติ เวทิตพฺพํฯ สมฺมุตินิเทฺทเส ครุกลหุกนิเทฺทโสปิ สมฺภวติฯ อญฺญถา ‘‘อนนฺตรายิกา ปณฺณตฺติวชฺชา, อนวชฺชาปณฺณตฺตี’’ติ จ วุตฺตาฯ กุฎิการมหลฺลกาปตฺติ อนฺตรายิกา โลกวชฺชสาวชฺชปณฺณตฺติโตฯ สมฺปชานมุสาวาโท โอมสวาทาทิโต ครุกาทิ น สมฺภเวยฺย, ตโต วา อยํ ลหุกาทีติ อิทํ สพฺพํ เอกจฺจานํ อาจริยานํ มตํ, ‘‘สพฺพํ อยุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ กสฺมา? ยสฺมา ‘‘ปาราชิกนฺติ นามเญฺจว อาปตฺติจา’’ติ วจเนน เจ อาปตฺติ น วตฺตพฺพธโมฺม สิยา, วตฺถุ จ น วตฺตพฺพธโมฺม สิยา โคเตฺตน สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ‘‘เมถุนธโมฺม’’ติ ปทํ อชฺฌาจารสงฺขาตํ วตฺถุญฺจ ทีเปติฯ อชฺฌาจารวเสเนว อาปตฺติยา ลทฺธนามํ อสาธารณนามตฺตา ‘‘โคตฺต’’นฺติ จ วุจฺจตีติ อยํ ตตฺถ อโตฺถฯ

    321. Ekuttarikanaye āpatti jānitabbāti ettha āpatti nāma kiṃ paramatthasabhāvā, udāhu na vattabbasabhāvāti? Na vattabbasabhāvā. Vuttañhi parivāre ‘‘vatthu jānitabbaṃ, gottaṃ jānitabbaṃ, nāmaṃ jānitabbaṃ, āpatti jānitabbā’’ti etesaṃ padānaṃ vibhaṅge ‘‘methunadhammoti vatthu ca gottañca. Pārājikanti nāmañceva āpatti cā’’ti. Nāmañca gottañca ‘‘nāmagottaṃ na jīratī’’ti (saṃ. ni. 1.76) vacanato sammutimattaṃ, tasmā ‘‘kusalattikavinimuttā na vattabbadhammabhūtā ekaccā sammuti evā’’ti vuttaṃ. Yaṃ pana vuttaṃ samathakkhandhake ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ, siyā abyākata’’nti (cūḷava. 222), taṃ ‘‘vivādādhikaraṇaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākata’’nti (cūḷava. 220) ettha viya pariyāyato vuttaṃ. Atthato hi vivādo nāma ekacco sammutiviseso. Yo cittasamaṅgino, so ‘‘taṃ cittapariyāyena pana siyā kusala’’ntiādi vohāraladdho, tathā āpattādhikaraṇampīti daṭṭhabbaṃ. Teneva vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘āpattiṃ āpajjamāno hi akusalacitto vā āpajjati kusalābyākatacitto vā’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā). Aññathā samathehi adhikaraṇīyatā na sambhavati. Na hi samathā kusalādiṃ akusalādiṃ vā adhikiccapavattanti, samathavasena vā kusalādi sammati. Na ca kusalassa vivādassa, anuvādassa vā kusalādisamathehi vūpasametabbatā āpajjatīti tesaṃ adhikaraṇamattameva na sambhaveyya, tasmā adhikaraṇānaṃ, samathānañca kusalādibhāvo pariyāyadesanāya labbhati, no aññathā, teneva sammukhāvinaye viya āpattādhikaraṇe tikaṃ na pūritaṃ. Sañcicca āpattiṃ āpajjamānassa yasmā sañcetanā ekantato akusalāva hoti. Itarassa sacittakassa vā acittakassa vā tadābhāvamattaṃ upādāya ‘‘abyākata’’nti vuttaṃ. Yathā hi ‘‘tikkhattuṃ codayamāno taṃ cīvaraṃ abhinipphādeyya, iccetaṃ kusala’’ntiādīsu (pārā. 538) na kusalasaddo sukhavipāko, ‘‘samparāyikānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ paṭighātāyā’’tiādīsu (pari. 498) na akusalā vā hoti. Itarassa sacittakassa vā acittakassa vā tadābhāvamattaṃ upādāya ‘‘abyākata’’nti vuttaṃ. Yathā hi dvikkhattuṃ codayamāno taṃ cīvaraṃ abhinipphādeyya, yaṃ panettha ‘‘āpattādhikaraṇaṃ akusala’’nti vuttaṃ, tassa vasena tadakusalato satta vinītavatthūni veditabbāni, tato cīvaranti sambhavato acīvarakā, antarāpattikā ca. Anantarikalakkhaṇappattassa vasena niyatā ca nāmāti veditabbaṃ. Sammutiniddese garukalahukaniddesopi sambhavati. Aññathā ‘‘anantarāyikā paṇṇattivajjā, anavajjāpaṇṇattī’’ti ca vuttā. Kuṭikāramahallakāpatti antarāyikā lokavajjasāvajjapaṇṇattito. Sampajānamusāvādo omasavādādito garukādi na sambhaveyya, tato vā ayaṃ lahukādīti idaṃ sabbaṃ ekaccānaṃ ācariyānaṃ mataṃ, ‘‘sabbaṃ ayutta’’nti vadanti. Kasmā? Yasmā ‘‘pārājikanti nāmañceva āpatticā’’ti vacanena ce āpatti na vattabbadhammo siyā, vatthu ca na vattabbadhammo siyā gottena samānādhikaraṇabhāvena vuttattā, tasmā ‘‘methunadhammo’’ti padaṃ ajjhācārasaṅkhātaṃ vatthuñca dīpeti. Ajjhācāravaseneva āpattiyā laddhanāmaṃ asādhāraṇanāmattā ‘‘gotta’’nti ca vuccatīti ayaṃ tattha attho.

    ‘‘อาปตฺตาธิกรณสฺส กิํ ปุพฺพงฺคมนฺติ? โลโภ ปุพฺพงฺคโม, โทโส, โมโห, อโลโภ, อโทโส, อโมโห ปุพฺพงฺคโม’’ติ ‘‘กติ เหตูติ? ฉ เหตู ตโย อกุสลเหตู, ตโย อพฺยากตเหตู’’ติ จ วุตฺตตฺตา นิปฺปริยาเยเนว ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํฯ สมถกฺขนฺธเก ปน สนฺธายภาสิตวเสน ตถา เอว วุตฺตํฯ ตสฺมา อาปตฺตาธิกรณํ สภาวโต นิปฺปริยาเยเนว อกุสลา จตฺตาโร ขนฺธา, รูปอพฺยากตา จ โหนฺติฯ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๒) วุตฺตตฺตา กุสลเมว ปฎิกฺขิตฺตํ, ขีณาสวานํ กิริยาพฺยากตํ นาม โหตีติ กุสเล ปฎิกฺขิเตฺต กิริยาพฺยากตมฺปิ ปฎิกฺขิตฺตเมว โหติฯ ตสฺมิํ ปฎิกฺขิเตฺต สพฺพถา อวาวฎํ วิปากาพฺยากตํ ปฎิกฺขิตฺตเมว โหติฯ นิพฺพานาพฺยากเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ เอเก, ตํ อยุตฺตํ ‘‘ฉ เหตุโย’’ติ วุตฺตตฺตาฯ กิญฺจาปิ วุตฺตํ สามเญฺญน, ตถาปิ วิปากเหตุเยว ตตฺถ อธิเปฺปโต, น กิริยาเหตุ, เต หิ กุสลสภาวา จ, ตสฺมา รูปํ, วิปากาพฺยากตญฺจาปตฺติฯ ตตฺถ อกุสลาปตฺติโต วินีตวตฺถูนิฯ อิตรสฺสาปิ อาทิโต ฉาทนา กุสลจิตฺตโตติ วุตฺตํ โหติฯ อนฺตรายิกนิยตสาวชฺชปญฺญตฺติภาโวปิ จสฺสา เววจนวเสน เวทิตโพฺพ ปณฺณตฺติวชฺชาย, สญฺจิจฺจ อาปนฺนาย จ, ตสฺมา ‘‘ชีวิตินฺทฺริยํ สิยา สารมฺมณํ สิยา อนารมฺมณ’’นฺติ วจนํ วิย เอกนฺตากุสลํ อเนกนฺตากุสลญฺจ โลกวชฺชํ, เอกนฺตาพฺยากตํ ภูตาโรจนํ อเนกนฺตาพฺยากตญฺจ เสสํ ปณฺณตฺติวชฺชํ เอกโต สมฺปิเณฺฑตฺวา ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยาพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํฯ สมถกฺขนฺธเก ปน ปณฺณตฺติวชฺชเมว สนฺธาย ตถา วุตฺตํฯ วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ, คณฺฐิปเท จ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’นฺติ เอตฺถ สนฺธายภาสิตวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยสฺมิญฺหิ ปถวิขณนาทิเก อาปตฺตาธิกรเณ อปกตญฺญุโน สนฺธาย อปฺปหริตกรณาทิกาเล กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหติ, ขณนาทิปโยคสงฺขาตํ รูปาพฺยากตํ อาปตฺติสมุฎฺฐาเปนฺตํ โหตีติ อธิปฺปาโย’’ติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อตฺถาปตฺติ กุสลจิโตฺต อาปชฺชติ, กุสลจิโตฺต วุฎฺฐาตี’’ติอาทิฯ ตสฺมิญฺหิ สติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติฯ ยสฺมา อาปตฺติสมุฎฺฐาปกํ จิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ, ตสฺมา น ยิทํ องฺคปฺปโหนกจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยทิ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘สิยา กุสล’’นฺติ จ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, น จ วุตฺตํฯ ตสฺมา อิทํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ – ยํ ตาว อาปตฺตาธิกรณํ โลกวชฺชํ, ตํ เอกนฺตโต อกุสลเมว, ตตฺถ ‘‘สิยา อกุสล’’นฺติ วิกโปฺป นตฺถิฯ ยํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ตํ ยสฺมา สญฺจิจฺจ ‘‘อิมํ อาปตฺติํ วีติกฺกมามี’’ติ วีติกฺกมนฺตเสฺสว อกุสลํ โหติ, อสญฺจิจฺจ ปน กิญฺจิ อชานนฺตสฺส สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชโต รูปวิปากํ อพฺยากตํ โหติ อนุฎฺฐานโตฯ ตสฺมา ตสฺส ปณฺณตฺติวชฺชสฺส สญฺจิจฺจาสญฺจิจฺจวเสน อิมํ วิกปฺปภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติฯ

    ‘‘Āpattādhikaraṇassa kiṃ pubbaṅgamanti? Lobho pubbaṅgamo, doso, moho, alobho, adoso, amoho pubbaṅgamo’’ti ‘‘kati hetūti? Cha hetū tayo akusalahetū, tayo abyākatahetū’’ti ca vuttattā nippariyāyeneva ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ, siyā abyākata’’nti vuttaṃ. Samathakkhandhake pana sandhāyabhāsitavasena tathā eva vuttaṃ. Tasmā āpattādhikaraṇaṃ sabhāvato nippariyāyeneva akusalā cattāro khandhā, rūpaabyākatā ca honti. ‘‘Natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti (cūḷava. 222) vuttattā kusalameva paṭikkhittaṃ, khīṇāsavānaṃ kiriyābyākataṃ nāma hotīti kusale paṭikkhitte kiriyābyākatampi paṭikkhittameva hoti. Tasmiṃ paṭikkhitte sabbathā avāvaṭaṃ vipākābyākataṃ paṭikkhittameva hoti. Nibbānābyākate vattabbameva natthīti eke, taṃ ayuttaṃ ‘‘cha hetuyo’’ti vuttattā. Kiñcāpi vuttaṃ sāmaññena, tathāpi vipākahetuyeva tattha adhippeto, na kiriyāhetu, te hi kusalasabhāvā ca, tasmā rūpaṃ, vipākābyākatañcāpatti. Tattha akusalāpattito vinītavatthūni. Itarassāpi ādito chādanā kusalacittatoti vuttaṃ hoti. Antarāyikaniyatasāvajjapaññattibhāvopi cassā vevacanavasena veditabbo paṇṇattivajjāya, sañcicca āpannāya ca, tasmā ‘‘jīvitindriyaṃ siyā sārammaṇaṃ siyā anārammaṇa’’nti vacanaṃ viya ekantākusalaṃ anekantākusalañca lokavajjaṃ, ekantābyākataṃ bhūtārocanaṃ anekantābyākatañca sesaṃ paṇṇattivajjaṃ ekato sampiṇḍetvā ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ siyābyākata’’nti vuttaṃ. Samathakkhandhake pana paṇṇattivajjameva sandhāya tathā vuttaṃ. Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ, gaṇṭhipade ca ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ, natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’nti ettha sandhāyabhāsitavasena attho veditabbo. Yasmiñhi pathavikhaṇanādike āpattādhikaraṇe apakataññuno sandhāya appaharitakaraṇādikāle kusalacittaṃ aṅgaṃ hoti, khaṇanādipayogasaṅkhātaṃ rūpābyākataṃ āpattisamuṭṭhāpentaṃ hotīti adhippāyo’’ti. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘atthāpatti kusalacitto āpajjati, kusalacitto vuṭṭhātī’’tiādi. Tasmiñhi sati na sakkā vattuṃ ‘‘natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti. Yasmā āpattisamuṭṭhāpakaṃ cittaṃ sandhāya vuttaṃ na hoti, tasmā na yidaṃ aṅgappahonakacittaṃ sandhāya vuttaṃ. Yadi taṃ sandhāya vuttaṃ, ‘‘siyā kusala’’nti ca vattabbaṃ bhaveyya, na ca vuttaṃ. Tasmā idaṃ pana sandhāya vuttaṃ – yaṃ tāva āpattādhikaraṇaṃ lokavajjaṃ, taṃ ekantato akusalameva, tattha ‘‘siyā akusala’’nti vikappo natthi. Yaṃ pana paṇṇattivajjaṃ, taṃ yasmā sañcicca ‘‘imaṃ āpattiṃ vītikkamāmī’’ti vītikkamantasseva akusalaṃ hoti, asañcicca pana kiñci ajānantassa sahaseyyādivasena āpajjato rūpavipākaṃ abyākataṃ hoti anuṭṭhānato. Tasmā tassa paṇṇattivajjassa sañciccāsañciccavasena imaṃ vikappabhāvaṃ sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ, natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti.

    สเจ ปน โกจิ วินเย อปกตญฺญู ‘‘ยํ กุสลจิโตฺต อาปชฺชติ, อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วเทยฺย, ตเสฺสวํวาทิโน อจิตฺตกานํ เอฬกโลมาทิสมุฎฺฐานานมฺปิ กุสลจิตฺตสมงฺคิกาเล ตาสํ อาปตฺตีนํ กุสลจิโตฺต อาปเชฺชยฺย, น วา อาปชฺชติ ฯ กิํการณํ? น จ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํฯ อตฺตภาโว สภาโว ปกตีติ วุตฺตํ โหติฯ กตรํ ปน ตสฺสา อาปตฺติยา ตทา องฺคสภาโวติ? วุจฺจเต – กายวจีวิญฺญตฺติวเสน ปน จลิตสฺส กายสฺส, ปวตฺตาย วาจาย จาติ เอเตสํ ทฺวินฺนํ จลิตปฺปวตฺตานํ กายวาจานํ อญฺญตรเมว องฺคสภาโว, ตญฺจ รูปกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา อพฺยากตนฺติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? กาโย, วาจา จ ตทา อาปตฺตาธิกรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ยา ปเนตฺถ อกุสลาปตฺติกฺขเณ กายวาจาโย อพฺยากตภาโว, ตา อโพฺพหาริกา โหนฺติ กายวจีกมฺมกาเล มโนกมฺมํ วิยฯ ตทา หิ กายวาจาโย อาปตฺติกราทิฎฺฐาเน ติฎฺฐนฺติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาปตฺติกรา ธมฺมา ชานิตพฺพาฯ กติ มูลานีติ ฉ อาปตฺติสมุฎฺฐานานิ มูลานี’’ติอาทิฯ ยทา ปน กายวาจาโย อาปตฺติยา องฺคเมว โหนฺติ, ตทา ‘‘จิตฺตํ จิตฺตาธิปเตยฺย’’นฺติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑ กามาวจรกุสลวณฺณนา) วจนํ วิย ปุพฺพปโยคานํ อปรปโยคสฺส ปจฺจยภาวโต อาปตฺติกราทิปญฺญตฺติํ น วิชหนฺติฯ ยถา ตพฺภาเวปิ ‘‘อาปตฺตาธิกรณสฺส กติ วตฺถูนีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา วตฺถูนิฯ กติ ภูมิโยติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา ภูมิโย’’ติ วุตฺตํฯ ตถา ตพฺภาเวปิ อาปตฺติกรา ‘‘อาปตฺติสมุฎฺฐานา’’อิเจฺจว วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ เอตฺตาวตา อาปตฺติ นาม จตฺตาโร อกุสลกฺขนฺธา สญฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล ภูตาโรจนํ ฐเปตฺวา สพฺพาปิ อวิเสสโต, วิเสสโต ปน สพฺพาปิ เอกนฺตากุสลา อกุสลา, อเนกนฺตากุสลา ปน คิรคฺคสมชฺชจิตฺตาคารสงฺฆานิอิตฺถาลงฺการคนฺธวณฺณกวาสิตปิญฺญากปฺปเภทา, ภิกฺขุนิอาทีนํ อุมฺมทฺทนปริมทฺทนปฺปเภทา จาติ ทสปฺปเภทา สกนาเมหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วตฺถุชานนสจิตฺตกกาเล เอว อกุสลา, ตทภาวโต อจิตฺตกกาเล วินา อนาปตฺตาธิกรเณน กมฺมฎฺฐานาทิสีเสน กุสลจิเตฺตน ตํ ตํ วตฺถุํ วีติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ เกวลํ รูปอพฺยากตเมวฯ

    Sace pana koci vinaye apakataññū ‘‘yaṃ kusalacitto āpajjati, idaṃ vuccati āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti vadeyya, tassevaṃvādino acittakānaṃ eḷakalomādisamuṭṭhānānampi kusalacittasamaṅgikāle tāsaṃ āpattīnaṃ kusalacitto āpajjeyya, na vā āpajjati . Kiṃkāraṇaṃ? Na ca tattha vijjamānampi kusalacittaṃ āpattiyā aṅgaṃ. Attabhāvo sabhāvo pakatīti vuttaṃ hoti. Kataraṃ pana tassā āpattiyā tadā aṅgasabhāvoti? Vuccate – kāyavacīviññattivasena pana calitassa kāyassa, pavattāya vācāya cāti etesaṃ dvinnaṃ calitappavattānaṃ kāyavācānaṃ aññatarameva aṅgasabhāvo, tañca rūpakkhandhapariyāpannattā abyākatanti. Kiṃ vuttaṃ hoti? Kāyo, vācā ca tadā āpattādhikaraṇanti vuttaṃ hoti. Yā panettha akusalāpattikkhaṇe kāyavācāyo abyākatabhāvo, tā abbohārikā honti kāyavacīkammakāle manokammaṃ viya. Tadā hi kāyavācāyo āpattikarādiṭṭhāne tiṭṭhanti. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘āpattikarā dhammā jānitabbā. Kati mūlānīti cha āpattisamuṭṭhānāni mūlānī’’tiādi. Yadā pana kāyavācāyo āpattiyā aṅgameva honti, tadā ‘‘cittaṃ cittādhipateyya’’nti (dha. sa. aṭṭha. 1 kāmāvacarakusalavaṇṇanā) vacanaṃ viya pubbapayogānaṃ aparapayogassa paccayabhāvato āpattikarādipaññattiṃ na vijahanti. Yathā tabbhāvepi ‘‘āpattādhikaraṇassa kati vatthūnīti? Satta āpattikkhandhā vatthūni. Kati bhūmiyoti? Satta āpattikkhandhā bhūmiyo’’ti vuttaṃ. Tathā tabbhāvepi āpattikarā ‘‘āpattisamuṭṭhānā’’icceva vuccantīti veditabbā. Ettāvatā āpatti nāma cattāro akusalakkhandhā sañcicca vītikkamakāle bhūtārocanaṃ ṭhapetvā sabbāpi avisesato, visesato pana sabbāpi ekantākusalā akusalā, anekantākusalā pana giraggasamajjacittāgārasaṅghāniitthālaṅkāragandhavaṇṇakavāsitapiññākappabhedā, bhikkhuniādīnaṃ ummaddanaparimaddanappabhedā cāti dasappabhedā sakanāmehi paricchinditvā vatthujānanasacittakakāle eva akusalā, tadabhāvato acittakakāle vinā anāpattādhikaraṇena kammaṭṭhānādisīsena kusalacittena taṃ taṃ vatthuṃ vītikkamantassa āpatti kevalaṃ rūpaabyākatameva.

    เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อปฺปกาเส ฐาเน กฎิสุตฺตกสญฺญาย สงฺฆาณิํ, มตฺติกาสญฺญาย คนฺธวณฺณกาทิํ วา ธาเรนฺติยาปิ อาปตฺติ, ตสฺมา อจิตฺตกาเยวา’’ติ วณฺณยนฺติฯ เต ‘‘สงฺฆาณิยา อสงฺฆาณิสญฺญาย ธาเรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ ปาฐาภาวํ ทเสฺสตฺวา ปฎิกฺขิปิตพฺพาฯ สุราปานาปตฺติ ปน อจิตฺตกาปิ เอกนฺตากุสลาวฯ เตเนว ‘‘มเชฺช อมชฺชสญฺญี ปิวติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๒๘) วุตฺตํฯ ยสฺมา ปเนตฺถ อาพาธปจฺจยาปิ น สกฺกา วินา อกุสเลน สุราปานํ ปาตุํ, ตสฺมา ยถาวุเตฺตสุ อเนกนฺตากุสเลสุ วิย โลกวเชฺชสุ อิธ ‘‘สุราปาเนสุ อนาปตฺติ อาพาธปจฺจยา’’ติ น วุตฺตํฯ สูปสํปากาทิ ปน อมชฺชเมวฯ ตตฺถ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ อุทกทนฺตโปเณ วิยฯ ภูตาโรจนาปตฺติ รูปาพฺยากตเมว, อจิตฺตกกาเล สหเสยฺยาทิ รูปวิปากาพฺยากตเมว, ตตฺถ สุปินโนฺต วิชฺชมานมฺปิ อกุสลํ อนงฺคตฺตา อโพฺพหาริกํ โหติฯ กุสเล กถาว นตฺถิ อนาปตฺติ สภาวตฺตา กุสลสฺสฯ ตถา กิริยาติ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ยถาสมฺภวํ อกุสลํ วา สุทฺธรูปํ วา สวิปากํ วาติ ติธา ภิชฺชตีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ

    Keci panettha ‘‘appakāse ṭhāne kaṭisuttakasaññāya saṅghāṇiṃ, mattikāsaññāya gandhavaṇṇakādiṃ vā dhārentiyāpi āpatti, tasmā acittakāyevā’’ti vaṇṇayanti. Te ‘‘saṅghāṇiyā asaṅghāṇisaññāya dhāreti, āpatti pācittiyassā’’ti pāṭhābhāvaṃ dassetvā paṭikkhipitabbā. Surāpānāpatti pana acittakāpi ekantākusalāva. Teneva ‘‘majje amajjasaññī pivati, āpatti pācittiyassā’’ti (pāci. 328) vuttaṃ. Yasmā panettha ābādhapaccayāpi na sakkā vinā akusalena surāpānaṃ pātuṃ, tasmā yathāvuttesu anekantākusalesu viya lokavajjesu idha ‘‘surāpānesu anāpatti ābādhapaccayā’’ti na vuttaṃ. Sūpasaṃpākādi pana amajjameva. Tattha kukkuccavinodanatthaṃ ‘‘anāpattī’’ti vuttaṃ udakadantapoṇe viya. Bhūtārocanāpatti rūpābyākatameva, acittakakāle sahaseyyādi rūpavipākābyākatameva, tattha supinanto vijjamānampi akusalaṃ anaṅgattā abbohārikaṃ hoti. Kusale kathāva natthi anāpatti sabhāvattā kusalassa. Tathā kiriyāti iminā nayena sabbattha yathāsambhavaṃ akusalaṃ vā suddharūpaṃ vā savipākaṃ vāti tidhā bhijjatīti ayamattho dassito hoti.

    ตตฺถ ฐเปตฺวา สุราปานํ เอกจฺจญฺจ ปณฺณตฺติวชฺชํ, เอกนฺตากุสลญฺจ สจิตฺตกเมว, ภูตาโรจนํ อจิตฺตกเมว, เสสํ สห สุราปาเนน อเนกนฺตากุสลํ โลกวชฺชญฺจ อเนกนฺตาพฺยากตํ ปณฺณตฺติวชฺชญฺจ เยภุเยฺยน สจิตฺตกาจิตฺตกนฺติ สพฺพสิกฺขาปทํ ติปฺปเภทํ โหติฯ ยํ ปเนตฺถ สจิตฺตกเมว, ตํ เมถุนาทิวตฺถุชานนจิเตฺตเนว สจิตฺตกํ, สพฺพํ เสขิยํ ปณฺณตฺติชานนจิเตฺตเนว สจิตฺตกํ ‘‘อนาทริยํ ปฎิจฺจา’’ติ วจนโตติ สจิตฺตกํ ทุวิธํ โหติฯ เอกนฺตาจิตฺตกํ ปณฺณตฺติชานนจิตฺตาภาเวน, น วตฺถุชานนจิตฺตาภาเวนฯ ตทภาวโต เอกนฺตากุสลํ สุราปานํ, เอกนฺตาพฺยากตํ สญฺจริตฺตํ, วตฺถุชานนจิตฺตสฺส วา ปณฺณตฺติชานนจิตฺตสฺส วา อุภินฺนํ อภาเวน อจิตฺตกภาเวน อจิตฺตกํ โหติฯ สุราปานํ ปน สจิตฺตกํ โหติ วตฺถุชานนจิเตฺตเนวฯ อริยปุคฺคลานํ อิตเรสํ อุภินฺนํ วา อญฺญตรสฺส ภาเวน เสสํ จิตฺตกาจิตฺตกํ ฯ วิเสสโต จ วตฺถุชานนจิตฺตาภาเวน, อปกตญฺญุโน ปณฺณตฺติชานนจิตฺตาภาเวน วา อจิตฺตกภาเวน อจิตฺตกํ โหติฯ ตตฺถ เอกนฺตาจิตฺตกญฺจ สจิตฺตกญฺจ ‘‘อจิตฺตก’’มิเจฺจว วุจฺจติฯ อยํ ตาว ‘‘อาปตฺติ ชานิตพฺพา’’ติ เอตฺถ วินิจฺฉโยฯ

    Tattha ṭhapetvā surāpānaṃ ekaccañca paṇṇattivajjaṃ, ekantākusalañca sacittakameva, bhūtārocanaṃ acittakameva, sesaṃ saha surāpānena anekantākusalaṃ lokavajjañca anekantābyākataṃ paṇṇattivajjañca yebhuyyena sacittakācittakanti sabbasikkhāpadaṃ tippabhedaṃ hoti. Yaṃ panettha sacittakameva, taṃ methunādivatthujānanacitteneva sacittakaṃ, sabbaṃ sekhiyaṃ paṇṇattijānanacitteneva sacittakaṃ ‘‘anādariyaṃ paṭiccā’’ti vacanatoti sacittakaṃ duvidhaṃ hoti. Ekantācittakaṃ paṇṇattijānanacittābhāvena, na vatthujānanacittābhāvena. Tadabhāvato ekantākusalaṃ surāpānaṃ, ekantābyākataṃ sañcarittaṃ, vatthujānanacittassa vā paṇṇattijānanacittassa vā ubhinnaṃ abhāvena acittakabhāvena acittakaṃ hoti. Surāpānaṃ pana sacittakaṃ hoti vatthujānanacitteneva. Ariyapuggalānaṃ itaresaṃ ubhinnaṃ vā aññatarassa bhāvena sesaṃ cittakācittakaṃ . Visesato ca vatthujānanacittābhāvena, apakataññuno paṇṇattijānanacittābhāvena vā acittakabhāvena acittakaṃ hoti. Tattha ekantācittakañca sacittakañca ‘‘acittaka’’micceva vuccati. Ayaṃ tāva ‘‘āpatti jānitabbā’’ti ettha vinicchayo.

    มูลวิสุทฺธิยา อนฺตราปตฺตีติ อนฺตราปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา มูลายปฎิกสฺสนํ กตฺวา ฐิเตน อาปนฺนาปตฺติฯ อยํ อคฺฆวิสุทฺธิยา อนฺตราปตฺตีติ สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชิตฺวา ตาสุ สพฺพจิรปฎิจฺฉนฺนวเสน อคฺฆสโมธานํ คเหตฺวา วสเนฺตน อาปนฺนาปตฺติฯ ‘‘ปุนปิ อาปชฺชิสฺสามี’’ติ สอุสฺสาเหเนว จิเตฺตนฯ ‘‘อยํ ภิกฺขุนิยา เอวา’’ติ ลิขิตํฯ ‘‘ปาราชิกเมวา’’ติ อิทญฺจ ภูตวเสน ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ‘‘เอวํ เทสิเต ปน ยา กาจิ อาปตฺติ น วุฎฺฐาตีติ อปเร, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘ธมฺมิกสฺส ปฎิสฺสวสฺส อสจฺจาปเน’’ติ วุตฺตตฺตา อธมฺมิกปฎิสฺสเว ทุกฺกฎํ น โหติฯ ‘‘ปุเพฺพ สุทฺธจิตฺตสฺส ‘ตุเมฺห วิพฺภมถา’ติ วุเตฺต ‘สาธู’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา สเจ น วิพฺภมติ อนาปตฺติ, เอวํ สพฺพตฺถา’’ติ จ วุตฺตํฯ ‘‘อาวิกโร ชานิตโพฺพ’’ติปิ ปาฬิฯ กาเลน วกฺขามิ, โน อกาเลนา’’ติอาทีสุ ปญฺจทสสุ ธเมฺมสุภพฺพาปตฺติกา นาม อาปตฺติํ อาปชฺชิตุํ ภพฺพาฯ

    Mūlavisuddhiyā antarāpattīti antarāpattiṃ āpajjitvā mūlāyapaṭikassanaṃ katvā ṭhitena āpannāpatti. Ayaṃ agghavisuddhiyā antarāpattīti sambahulā āpattiyo āpajjitvā tāsu sabbacirapaṭicchannavasena agghasamodhānaṃ gahetvā vasantena āpannāpatti. ‘‘Punapi āpajjissāmī’’ti saussāheneva cittena. ‘‘Ayaṃ bhikkhuniyā evā’’ti likhitaṃ. ‘‘Pārājikamevā’’ti idañca bhūtavasena dassetuṃ vuttaṃ. ‘‘Evaṃ desite pana yā kāci āpatti na vuṭṭhātīti apare, taṃ na gahetabba’’nti vuttaṃ. ‘‘Dhammikassa paṭissavassa asaccāpane’’ti vuttattā adhammikapaṭissave dukkaṭaṃ na hoti. ‘‘Pubbe suddhacittassa ‘tumhe vibbhamathā’ti vutte ‘sādhū’ti paṭissuṇitvā sace na vibbhamati anāpatti, evaṃ sabbatthā’’ti ca vuttaṃ. ‘‘Āvikaro jānitabbo’’tipi pāḷi. Kālena vakkhāmi, no akālenā’’tiādīsu pañcadasasu dhammesu. Bhabbāpattikā nāma āpattiṃ āpajjituṃ bhabbā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / ๑. เอกกวาโร • 1. Ekakavāro

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā / เอกกวารวณฺณนา • Ekakavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / เอกกวารวณฺณนา • Ekakavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / เอกกวารวณฺณนา • Ekakavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / เอกุตฺตริกนโย เอกกวารวณฺณนา • Ekuttarikanayo ekakavāravaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact