Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๗. เอกปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา
7. Ekaputtakasuttavaṇṇanā
๑๗. สตฺตเม เอกปุตฺตโกติ เอโก ปุโตฺต, โส จ อนุกมฺปิตพฺพเฎฺฐน เอกปุตฺตโก, ปิยายิตพฺพเฎฺฐน ปิโย, มนสฺส วฑฺฒนเฎฺฐน มนาโปฯ สรีรโสภาสมฺปตฺติยา วา ทสฺสนียเฎฺฐน ปิโย, สีลาจารสมฺปตฺติยา กลฺยาณธมฺมตาย มนาโปฯ กเลติ สเตฺต เขเปตีติ กาโล, มรณํฯ ตํ กโต ปโตฺตติ กาลงฺกโต, กาเลน วา มจฺจุนา กโต นโฎฺฐ อทสฺสนํ คโตติ กาลงฺกโต, มโตติ อโตฺถฯ
17. Sattame ekaputtakoti eko putto, so ca anukampitabbaṭṭhena ekaputtako, piyāyitabbaṭṭhena piyo, manassa vaḍḍhanaṭṭhena manāpo. Sarīrasobhāsampattiyā vā dassanīyaṭṭhena piyo, sīlācārasampattiyā kalyāṇadhammatāya manāpo. Kaleti satte khepetīti kālo, maraṇaṃ. Taṃ kato pattoti kālaṅkato, kālena vā maccunā kato naṭṭho adassanaṃ gatoti kālaṅkato, matoti attho.
สมฺพหุลา อุปาสกาติ สาวตฺถิวาสิโน พหู อุปาสกา มตปุตฺตอุปาสกสฺส สหโสกีภาเวน ยาว อาฬาหนา ปจฺฉโต คนฺตฺวา มตสรีรสฺส กตฺตพฺพํ กาเรตฺวา ปฎินิวตฺตา ยถานิวตฺถาว อุทกํ โอตริตฺวา สีสํนฺหาตา วตฺถานิ ปีเฬตฺวา อโนตาเปตฺวาว เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุปาสกํ ปุรโต กตฺวา ‘‘โสกวิโนทนํ ธมฺมํ สตฺถุ สนฺติเก โสสฺสามา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อลฺลเกสา’’ติอาทิฯ
Sambahulā upāsakāti sāvatthivāsino bahū upāsakā mataputtaupāsakassa sahasokībhāvena yāva āḷāhanā pacchato gantvā matasarīrassa kattabbaṃ kāretvā paṭinivattā yathānivatthāva udakaṃ otaritvā sīsaṃnhātā vatthāni pīḷetvā anotāpetvāva ekaṃ nivāsetvā ekaṃ uttarāsaṅgaṃ katvā upāsakaṃ purato katvā ‘‘sokavinodanaṃ dhammaṃ satthu santike sossāmā’’ti bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu. Tena vuttaṃ ‘‘allakesā’’tiādi.
ตตฺถ อลฺลวตฺถาติ อุทเกน ตินฺตวตฺถาฯ ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺสปิ ทิวา, มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อโตฺถฯ ยสฺมา ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ , ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติฯ กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา น ปุจฺฉนฺติ, ตสฺมา ชานโนฺตเยว ภควา กถาสมุฎฺฐาปนตฺถํ ปุจฺฉโนฺต ‘‘กิํ นุ โข ตุเมฺห อุปาสกา’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ตุเมฺห อุปาสกา อเญฺญสุ ทิวเสสุ มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตา โอตาปิตสุทฺธวตฺถา สายเนฺห อาคจฺฉถ, อชฺช ปน อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา ฐิตมชฺฌนฺหิเก กาเล อิธาคตา, ตํ กิํ การณนฺติฯ เตน มยนฺติ เตน ปุตฺตวิโยคชนิตจิตฺตสนฺตาเปน พลวโสกาภิภูตตาย เอวํภูตา มยํ อิธูปสงฺกมนฺตาติฯ
Tattha allavatthāti udakena tintavatthā. Divā divassāti divasassapi divā, majjhanhike kāleti attho. Yasmā jānantāpi tathāgatā pucchanti , jānantāpi na pucchanti. Kālaṃ viditvā pucchanti, kālaṃ viditvā na pucchanti, tasmā jānantoyeva bhagavā kathāsamuṭṭhāpanatthaṃ pucchanto ‘‘kiṃ nu kho tumhe upāsakā’’tiādimāha. Tassattho – tumhe upāsakā aññesu divasesu mama santikaṃ āgacchantā otāpitasuddhavatthā sāyanhe āgacchatha, ajja pana allavatthā allakesā ṭhitamajjhanhike kāle idhāgatā, taṃ kiṃ kāraṇanti. Tena mayanti tena puttaviyogajanitacittasantāpena balavasokābhibhūtatāya evaṃbhūtā mayaṃ idhūpasaṅkamantāti.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ปิยวตฺถุสมฺภวา โสกทุกฺขโทมนสฺสาทโย, อสติ ปิยวตฺถุสฺมิํ สพฺพโส เอเต น สนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถปฺปกาสนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃ viditvāti piyavatthusambhavā sokadukkhadomanassādayo, asati piyavatthusmiṃ sabbaso ete na santīti etamatthaṃ sabbākārato jānitvā tadatthappakāsanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ ปิยรูปสฺสาทคธิตาเสติ ปิยสภาเวสุ รูปกฺขนฺธาทีสุ สุขเวทนสฺสาเทน คธิตา ปฎิพทฺธจิตฺตาฯ คธิตาเสติ หิ คธิตาอิเจฺจวโตฺถฯ เสติ วา นิปาตมตฺตํฯ ปิยรูปา นาม จกฺขาทโย ปุตฺตทาราทโย จฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘กิญฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ จกฺขุ โลเก …เป.… ธมฺมตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติ (จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๕๕)ฯ
Tattha piyarūpassādagadhitāseti piyasabhāvesu rūpakkhandhādīsu sukhavedanassādena gadhitā paṭibaddhacittā. Gadhitāseti hi gadhitāiccevattho. Seti vā nipātamattaṃ. Piyarūpā nāma cakkhādayo puttadārādayo ca. Vuttañhetaṃ – ‘‘kiñca loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ cakkhu loke …pe… dhammataṇhā loke piyarūpaṃ sātarūpa’’nti (cūḷani. hemakamāṇavapucchāniddesa 55).
‘‘เขตฺตํ วตฺถุํ หิรญฺญํ วา, ควสฺสํ ทาสโปริสํ;
‘‘Khettaṃ vatthuṃ hiraññaṃ vā, gavassaṃ dāsaporisaṃ;
ถิโย พนฺธู ปุถุ กาเม, โย นโร อนุคิชฺฌตี’’ติ จฯ (สุ. นิ. ๗๗๕);
Thiyo bandhū puthu kāme, yo naro anugijjhatī’’ti ca. (su. ni. 775);
ตสฺมา เตสุ ปิยรูเปสุ อสฺสาเทน คิทฺธา มุจฺฉิตา อชฺฌาปนฺนาติ อโตฺถฯ เก ปน เต ปิยรูปสฺสาทคธิตาติ เต ทเสฺสติ ‘‘เทวกายา ปุถุมนุสฺสา จา’’ติ, จาตุมหาราชิกาทโย พหุเทวสมูหา เจว ชมฺพุทีปกาทิกา พหุมนุสฺสา จฯ อฆาวิโนติ กายิกเจตสิกทุเกฺขน ทุกฺขิตาฯ ปริชุนฺนาติ ชราโรคาทิวิปตฺติยา โยพฺพนาโรคฺยาทิสมฺปตฺติโต ปริหีนาฯ ยถาลาภวเสน วายมโตฺถ เทวมนุเสฺสสุ เวทิตโพฺพฯ อถ วา กามเญฺจกนฺตสุขสมปฺปิตานํ เทวานํ ทุกฺขชราโรคา น สมฺภวนฺติ, ตทนติวตฺตสภาวตาย ปน เตปิ ‘‘อฆาวิโน’’ติ ‘‘ปริชุนฺนา’’ติ จ วุตฺตาฯ เตสมฺปิ วา ปุพฺพนิมิตฺตุปฺปตฺติยา ปฎิจฺฉนฺนชราย เจตสิกโรคสฺส จ วเสน ทุกฺขาทีนํ สมฺภโว เวทิตโพฺพฯ มจฺจุราชสฺส วสํ คจฺฉนฺตีติ ปิยวตฺถุวิสยาย ตณฺหาย อปฺปหีนตฺตา ปุนปฺปุนํ คพฺภูปคมนโต ธาตุตฺตยิสฺสรตาย มจฺจุราชสงฺขาตสฺส มรณสฺส วสํ หตฺถเมว คจฺฉนฺติฯ
Tasmā tesu piyarūpesu assādena giddhā mucchitā ajjhāpannāti attho. Ke pana te piyarūpassādagadhitāti te dasseti ‘‘devakāyāputhumanussā cā’’ti, cātumahārājikādayo bahudevasamūhā ceva jambudīpakādikā bahumanussā ca. Aghāvinoti kāyikacetasikadukkhena dukkhitā. Parijunnāti jarārogādivipattiyā yobbanārogyādisampattito parihīnā. Yathālābhavasena vāyamattho devamanussesu veditabbo. Atha vā kāmañcekantasukhasamappitānaṃ devānaṃ dukkhajarārogā na sambhavanti, tadanativattasabhāvatāya pana tepi ‘‘aghāvino’’ti ‘‘parijunnā’’ti ca vuttā. Tesampi vā pubbanimittuppattiyā paṭicchannajarāya cetasikarogassa ca vasena dukkhādīnaṃ sambhavo veditabbo. Maccurājassa vasaṃ gacchantīti piyavatthuvisayāya taṇhāya appahīnattā punappunaṃ gabbhūpagamanato dhātuttayissaratāya maccurājasaṅkhātassa maraṇassa vasaṃ hatthameva gacchanti.
เอตฺตาวตา วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘เย เว ทิวา’’ติอาทินา วิวฎฺฎํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ เย เว ทิวา จ รโตฺต จ อปฺปมตฺตาติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา วุตฺตนเยน ทิวสภาเค รตฺติภาเค จ ทฬฺหํ อปฺปมตฺตา อปฺปมาทปฺปฎิปทํ ปูเรนฺติฯ ชหนฺติ ปิยรูปนฺติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน ปิยรูปํ ปิยชาติกํ จกฺขาทิปิยวตฺถุํ ตปฺปฎิพทฺธฉนฺทราคชหเนน ชหนฺติฯ เต เว ขณนฺติ อฆมูลํ, มจฺจุโน อามิสํ ทุรติวตฺตนฺติ เต อริยปุคฺคลา อฆสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส มูลภูตํ, มจฺจุนา มรเณน อามสิตพฺพโต อามิสํ, อิโต พหิทฺธา เกหิจิปิ สมณพฺราหฺมเณหิ นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุรติวตฺตํ, สห อวิชฺชาย ตณฺหํ อริยมคฺคญาณกุทาเลน ขณนฺติ, เลสมตฺตมฺปิ อนวเสสนฺตา อุมฺมูลยนฺตีติฯ สฺวายมโตฺถ –
Ettāvatā vaṭṭaṃ dassetvā idāni ‘‘ye ve divā’’tiādinā vivaṭṭaṃ dasseti. Tattha ye ve divā ca ratto ca appamattāti ‘‘divasaṃ caṅkamena nisajjāya āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodhetī’’tiādinā vuttanayena divasabhāge rattibhāge ca daḷhaṃ appamattā appamādappaṭipadaṃ pūrenti. Jahanti piyarūpanti catusaccakammaṭṭhānabhāvanaṃ ussukkāpetvā ariyamaggādhigamena piyarūpaṃ piyajātikaṃ cakkhādipiyavatthuṃ tappaṭibaddhachandarāgajahanena jahanti. Te ve khaṇanti aghamūlaṃ, maccuno āmisaṃ durativattanti te ariyapuggalā aghassa vaṭṭadukkhassa mūlabhūtaṃ, maccunā maraṇena āmasitabbato āmisaṃ, ito bahiddhā kehicipi samaṇabrāhmaṇehi nivattituṃ asakkuṇeyyatāya durativattaṃ, saha avijjāya taṇhaṃ ariyamaggañāṇakudālena khaṇanti, lesamattampi anavasesantā ummūlayantīti. Svāyamattho –
‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;
‘‘Appamādo amatapadaṃ, pamādo maccuno padaṃ;
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา’’ติฯ (ธ. ป. ๒๑) –
Appamattā na mīyanti, ye pamattā yathā matā’’ti. (dha. pa. 21) –
อาทีหิ สุตฺตปเทหิ วิตฺถาเรตโพฺพติฯ
Ādīhi suttapadehi vitthāretabboti.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๗. เอกปุตฺตกสุตฺตํ • 7. Ekaputtakasuttaṃ