Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๒. เอกวิหาริยเตฺถรคาถาวณฺณนา

    2. Ekavihāriyattheragāthāvaṇṇanā

    ปุรโต ปจฺฉโต วาติอาทิกา อายสฺมโต เอกวิหาริยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต กสฺสปทสพลสฺส กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา วิเวกวาสํ วสิฯ

    Puratopacchato vātiādikā āyasmato ekavihāriyattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto kassapadasabalassa kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā araññaṃ pavisitvā vivekavāsaṃ vasi.

    โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ภควติ ปรินิพฺพุเต ธมฺมาโสกรโญฺญ กนิฎฺฐภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ อโสกมหาราชา กิร สตฺถุ ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อฎฺฐารสเม วเสฺส สกลชมฺพุทีเป เอกรชฺชาภิเสกํ ปตฺวา อตฺตโน กนิฎฺฐํ ติสฺสกุมารํ โอปรเชฺช ฐเปตฺวา เอเกน อุปาเยน ตํ สาสเน อภิปฺปสนฺนํ อกาสิฯ โส เอกทิวสํ มิควํ คโต อรเญฺญ โยนกมหาธมฺมรกฺขิตเตฺถรํ หตฺถินาเคน สาลสาขํ คเหตฺวา พีชิยมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา สญฺชาตปสาโท ‘‘อโห วตาหมฺปิ อยํ มหาเถโร วิย ปพฺพชิตฺวา อรเญฺญ วิหเรยฺย’’นฺติ จิเนฺตสิฯ เถโร ตสฺส จิตฺตาจารํ ญตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อโสการาเม โปกฺขรณิยา อภิชฺชมาเน อุทเก ฐตฺวา จีวรญฺจ อุตฺตราสงฺคญฺจ อากาเส โอลเคฺคตฺวา นฺหายิตุํ อารภิฯ กุมาโร เถรสฺส อานุภาวํ ทิสฺวา อภิปฺปสโนฺน อรญฺญโต นิวตฺติตฺวา ราชเคหํ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ตํ อเนกปฺปการํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ นิวเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ โส อุปาสโก หุตฺวา ปพฺพชฺชาสุขํ ปเตฺถโนฺต –

    So tena puññakammena ekaṃ buddhantaraṃ devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde bhagavati parinibbute dhammāsokarañño kaniṭṭhabhātā hutvā nibbatti. Asokamahārājā kira satthu parinibbānato dvinnaṃ vassasatānaṃ upari aṭṭhārasame vasse sakalajambudīpe ekarajjābhisekaṃ patvā attano kaniṭṭhaṃ tissakumāraṃ oparajje ṭhapetvā ekena upāyena taṃ sāsane abhippasannaṃ akāsi. So ekadivasaṃ migavaṃ gato araññe yonakamahādhammarakkhitattheraṃ hatthināgena sālasākhaṃ gahetvā bījiyamānaṃ nisinnaṃ disvā sañjātapasādo ‘‘aho vatāhampi ayaṃ mahāthero viya pabbajitvā araññe vihareyya’’nti cintesi. Thero tassa cittācāraṃ ñatvā tassa passantasseva ākāsaṃ abbhuggantvā asokārāme pokkharaṇiyā abhijjamāne udake ṭhatvā cīvarañca uttarāsaṅgañca ākāse olaggetvā nhāyituṃ ārabhi. Kumāro therassa ānubhāvaṃ disvā abhippasanno araññato nivattitvā rājagehaṃ gantvā ‘‘pabbajissāmī’’ti rañño ārocesi. Rājā taṃ anekappakāraṃ yācitvā pabbajjādhippāyaṃ nivattetuṃ nāsakkhi. So upāsako hutvā pabbajjāsukhaṃ patthento –

    ๕๓๗.

    537.

    ‘‘ปุรโต ปจฺฉโต วาปิ, อปโร เจ น วิชฺชติ;

    ‘‘Purato pacchato vāpi, aparo ce na vijjati;

    อตีว ผาสุ ภวติ, เอกสฺส วสโต วเนฯ

    Atīva phāsu bhavati, ekassa vasato vane.

    ๕๓๘.

    538.

    ‘‘หนฺท เอโก คมิสฺสามิ, อรญฺญํ พุทฺธวณฺณิตํ;

    ‘‘Handa eko gamissāmi, araññaṃ buddhavaṇṇitaṃ;

    ผาสุ เอกวิหาริสฺส, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโนฯ

    Phāsu ekavihārissa, pahitattassa bhikkhuno.

    ๕๓๙.

    539.

    ‘‘โยคี-ปีติกรํ รมฺมํ, มตฺตกุญฺชรเสวิตํ;

    ‘‘Yogī-pītikaraṃ rammaṃ, mattakuñjarasevitaṃ;

    เอโก อตฺถวสี ขิปฺปํ, ปวิสิสฺสามิ กานนํฯ

    Eko atthavasī khippaṃ, pavisissāmi kānanaṃ.

    ๕๔๐.

    540.

    ‘‘สุปุปฺผิเต สีตวเน, สีตเล คิริกนฺทเร;

    ‘‘Supupphite sītavane, sītale girikandare;

    คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา, จงฺกมิสฺสามิ เอกโกฯ

    Gattāni parisiñcitvā, caṅkamissāmi ekako.

    ๕๔๑.

    541.

    ‘‘เอกากิโย อทุติโย, รมณีเย มหาวเน;

    ‘‘Ekākiyo adutiyo, ramaṇīye mahāvane;

    กทาหํ วิหริสฺสามิ, กตกิโจฺจ อนาสโวฯ

    Kadāhaṃ viharissāmi, katakicco anāsavo.

    ๕๔๒.

    542.

    ‘‘เอวํ เม กตฺตุกามสฺส, อธิปฺปาโย สมิชฺฌตุ;

    ‘‘Evaṃ me kattukāmassa, adhippāyo samijjhatu;

    สาธยิสฺสามหํเยว, นาโญฺญ อญฺญสฺส การโก’’ติฯ –

    Sādhayissāmahaṃyeva, nāñño aññassa kārako’’ti. –

    อิมา ฉ คาถา อภาสิฯ

    Imā cha gāthā abhāsi.

    ตตฺถ ปุรโต ปจฺฉโต วาติ อตฺตโน ปุรโต วา ปจฺฉโต วา, วา-สทฺทสฺส วิกปฺปตฺถตฺตา ปสฺสโต วา อปโร อโญฺญ ชโน น วิชฺชติ เจ, อตีว อติวิย ผาสุ จิตฺตสุขํ ภวติฯ เอกวิหารีภาเวน เอกสฺส อสหายสฺสฯ วเน วสโตติ จิรปริจิเตน วิเวกชฺฌาสเยน อากฑฺฒิยมานหทโย โส รตฺตินฺทิวํ มหาชนปริวุตสฺส วสโต สงฺคณิกวิหารํ นิพฺพินฺทโนฺต วิเวกสุขญฺจ พหุํ มญฺญโนฺต วทติฯ

    Tattha purato pacchato vāti attano purato vā pacchato vā, -saddassa vikappatthattā passato vā aparo añño jano na vijjati ce, atīva ativiya phāsu cittasukhaṃ bhavati. Ekavihārībhāvena ekassa asahāyassa. Vane vasatoti ciraparicitena vivekajjhāsayena ākaḍḍhiyamānahadayo so rattindivaṃ mahājanaparivutassa vasato saṅgaṇikavihāraṃ nibbindanto vivekasukhañca bahuṃ maññanto vadati.

    หนฺทาติ โวสฺสคฺคเตฺถ นิปาโต, เตน อิทานิ กรียมานสฺส อรญฺญคมนสฺส นิจฺฉิตภาวมาหฯ เอโก คมิสฺสามีติ ‘‘สุญฺญาคาเร โข, คหปติ, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติอาทิวจนโต (จูฬว. ๓๐๖) พุเทฺธหิ วณฺณิตํ ปสฎฺฐํ อรญฺญํ เอโก อสหาโย คมิสฺสามิ วาสาธิปฺปาเยน อุปคจฺฉามิฯ ยสฺมา เอกวิหาริสฺส ฐานาทีสุ อสหายภาเวน เอกวิหาริสฺส นิพฺพานํ ปฎิเปสิตจิตฺตตาย ปหิตตฺตสฺส อธิสีลสิกฺขาทิกา ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขโต ภิกฺขุโน อรญฺญํ ผาสุ อิฎฺฐํ สุขาวหนฺติ อโตฺถฯ

    Handāti vossaggatthe nipāto, tena idāni karīyamānassa araññagamanassa nicchitabhāvamāha. Eko gamissāmīti ‘‘suññāgāre kho, gahapati, tathāgatā abhiramantī’’tiādivacanato (cūḷava. 306) buddhehi vaṇṇitaṃ pasaṭṭhaṃ araññaṃ eko asahāyo gamissāmi vāsādhippāyena upagacchāmi. Yasmā ekavihārissa ṭhānādīsu asahāyabhāvena ekavihārissa nibbānaṃ paṭipesitacittatāya pahitattassa adhisīlasikkhādikā tisso sikkhā sikkhato bhikkhuno araññaṃ phāsu iṭṭhaṃ sukhāvahanti attho.

    โยคี-ปีติกรนฺติ โยคีนํ ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺตานํ อปฺปสทฺทาทิภาเวน ฌานวิปสฺสนาทิปีติํ อาวหนโต โยคี-ปีติกรํฯ วิสภาคารมฺมณาภาเวน ปฎิสลฺลานสารุปฺปตาย รมฺมํฯ มตฺตกุญฺชรเสวิตนฺติ มตฺตวรวารณวิจริตํ, อิมินาปิ พฺรหารญฺญภาเวน ชนวิเวกํเยว ทเสฺสติฯ อตฺถวสีติ อิธ อโตฺถติ สมณธโมฺม อธิเปฺปโตฯ ‘‘กถํ นุ โข โส เม ภเวยฺยา’’ติ ตสฺส วสํ คโตฯ

    Yogī-pītikaranti yogīnaṃ bhāvanāya yuttappayuttānaṃ appasaddādibhāvena jhānavipassanādipītiṃ āvahanato yogī-pītikaraṃ. Visabhāgārammaṇābhāvena paṭisallānasāruppatāya rammaṃ. Mattakuñjarasevitanti mattavaravāraṇavicaritaṃ, imināpi brahāraññabhāvena janavivekaṃyeva dasseti. Atthavasīti idha atthoti samaṇadhammo adhippeto. ‘‘Kathaṃ nu kho so me bhaveyyā’’ti tassa vasaṃ gato.

    สุปุปฺผิเตติ สุฎฺฐุ ปุปฺผิเตฯ สีตวเนติ ฉายูทกสมฺปตฺติยา สีเต วเนฯ อุภเยนปิ ตสฺส รมณียตํเยว วิภาเวติฯ คิริกนฺทเรติ คิรีนํ อพฺภนฺตเร กนฺทเรฯ กนฺติ หิ อุทกํ, เตน ทาริตํ นินฺนฎฺฐานํ กนฺทรํ นามฯ ตาทิเส สีตเล คิริกนฺทเร ฆมฺมปริตาปํ วิโนเทตฺวา อตฺตโน คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา นฺหายิตฺวา จงฺกมิสฺสามิ เอกโกติ กตฺถจิ อนายตฺตวุตฺติตํ ทเสฺสติฯ

    Supupphiteti suṭṭhu pupphite. Sītavaneti chāyūdakasampattiyā sīte vane. Ubhayenapi tassa ramaṇīyataṃyeva vibhāveti. Girikandareti girīnaṃ abbhantare kandare. Kanti hi udakaṃ, tena dāritaṃ ninnaṭṭhānaṃ kandaraṃ nāma. Tādise sītale girikandare ghammaparitāpaṃ vinodetvā attano gattāni parisiñcitvā nhāyitvā caṅkamissāmi ekakoti katthaci anāyattavuttitaṃ dasseti.

    เอกากิโยติ เอกากี อสหาโยฯ อทุติโยติ ตณฺหาสงฺขาตทุติยาภาเวน อทุติโยฯ ตณฺหา หิ ปุริสสฺส สพฺพทา อวิชหนเฎฺฐน ทุติยา นามฯ เตนาห ภควา – ‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธาน สํสร’’นฺติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕)ฯ

    Ekākiyoti ekākī asahāyo. Adutiyoti taṇhāsaṅkhātadutiyābhāvena adutiyo. Taṇhā hi purisassa sabbadā avijahanaṭṭhena dutiyā nāma. Tenāha bhagavā – ‘‘taṇhādutiyo puriso, dīghamaddhāna saṃsara’’nti (itivu. 15, 105).

    เอวํ เม กตฺตุกามสฺสาติ ‘‘หนฺท เอโก คมิสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺตวิธินา อรญฺญํ คนฺตฺวา ภาวนาภิโยคํ กตฺตุกามสฺส เมฯ อธิปฺปาโย สมิชฺฌตูติ ‘‘กทาหํ วิหริสฺสามิ, กตกิโจฺจ อนาสโว’’ติ เอวํ ปวโตฺต มโนรโถ อิชฺฌตุ สิทฺธิํ ปาปุณาตุฯ อรหตฺตปฺปตฺติ จ ยสฺมา น อายาจนมเตฺตน สิชฺฌติ, นาปิ อเญฺญน สาเธตพฺพา, ตสฺมา อาห ‘‘สาธยิสฺสามหํเยว, นาโญฺญ อญฺญสฺส การโก’’ติฯ

    Evaṃ me kattukāmassāti ‘‘handa eko gamissāmī’’tiādinā vuttavidhinā araññaṃ gantvā bhāvanābhiyogaṃ kattukāmassa me. Adhippāyo samijjhatūti ‘‘kadāhaṃ viharissāmi, katakicco anāsavo’’ti evaṃ pavatto manoratho ijjhatu siddhiṃ pāpuṇātu. Arahattappatti ca yasmā na āyācanamattena sijjhati, nāpi aññena sādhetabbā, tasmā āha ‘‘sādhayissāmahaṃyeva, nāñño aññassa kārako’’ti.

    เอวํ อุปราชสฺส ปพฺพชฺชาย ทฬฺหนิจฺฉยตํ ญตฺวา ราชา อโสการามคมนียํ มคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา กุมารํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ มหติยา เสนาย มหจฺจราชานุภาเวน วิหารํ เนสิฯ กุมาโร ปธานฆรํ คนฺตฺวา มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ, อเนกสตา มนุสฺสา ตํ อนุปพฺพชิํสุฯ รโญฺญ ภาคิเนโยฺย สงฺฆมิตฺตาย สามิโก อคฺคิพฺรหฺมาปิ ตเมว อนุปพฺพชิฯ โส ปพฺพชิตฺวา หฎฺฐตุโฎฺฐ อตฺตนา กาตพฺพํ ปกาเสโนฺต –

    Evaṃ uparājassa pabbajjāya daḷhanicchayataṃ ñatvā rājā asokārāmagamanīyaṃ maggaṃ alaṅkārāpetvā kumāraṃ sabbālaṅkāravibhūsitaṃ mahatiyā senāya mahaccarājānubhāvena vihāraṃ nesi. Kumāro padhānagharaṃ gantvā mahādhammarakkhitattherassa santike pabbaji, anekasatā manussā taṃ anupabbajiṃsu. Rañño bhāgineyyo saṅghamittāya sāmiko aggibrahmāpi tameva anupabbaji. So pabbajitvā haṭṭhatuṭṭho attanā kātabbaṃ pakāsento –

    ๕๔๓.

    543.

    ‘‘เอส พนฺธามิ สนฺนาหํ, ปวิสิสฺสามิ กานนํ;

    ‘‘Esa bandhāmi sannāhaṃ, pavisissāmi kānanaṃ;

    น ตโต นิกฺขมิสฺสามิ, อปฺปโตฺต อาสวกฺขยํฯ

    Na tato nikkhamissāmi, appatto āsavakkhayaṃ.

    ๕๔๔.

    544.

    ‘‘มาลุเต อุปวายเนฺต, สีเต สุรภิคนฺธิเก;

    ‘‘Mālute upavāyante, sīte surabhigandhike;

    อวิชฺชํ ทาลยิสฺสามิ, นิสิโนฺน นคมุทฺธนิฯ

    Avijjaṃ dālayissāmi, nisinno nagamuddhani.

    ๕๔๕.

    545.

    ‘‘วเน กุสุมสญฺฉเนฺน, ปพฺภาเร นูน สีตเล;

    ‘‘Vane kusumasañchanne, pabbhāre nūna sītale;

    วิมุตฺติสุเขน สุขิโต, รมิสฺสามิ คิริพฺพเช’’ติฯ –

    Vimuttisukhena sukhito, ramissāmi giribbaje’’ti. –

    ติโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Tisso gāthā abhāsi.

    ตตฺถ เอส พนฺธามิ สนฺนาหนฺติ เอสาหํ วีริยสงฺขาตํ สนฺนาหํ พนฺธามิ, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปโกฺข วีริยสนฺนาเหน สนฺนยฺหามิฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม สูโร ปุริโส ปจฺจตฺถิเก ปจฺจุปฎฺฐิเต ตํ เชตุกาโม อญฺญํ กิจฺจํ ปหาย กวจปฎิมุจฺจนาทินา ยุทฺธาย สนฺนยฺหติ, ยุทฺธภูมิญฺจ คนฺตฺวา ปจฺจตฺถิเก อเชตฺวา ตโต น นิวตฺตติ, เอวมหมฺปิ กิเลสปจฺจตฺถิเก เชตุํ อาทิตฺตมฺปิ สีสํ เจลญฺจ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสนฺนาหํ สนฺนยฺหามิ, กิเลเส อเชตฺวา กิเลสวิชยโยคฺคํ วิเวกฎฺฐานํ น วิสฺสเชฺชมีติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปวิสิสฺสามิ กานนํ น ตโต นิกฺขมิสฺสามิ, อปฺปโตฺต อาสวกฺขย’’นฺติฯ

    Tattha esa bandhāmi sannāhanti esāhaṃ vīriyasaṅkhātaṃ sannāhaṃ bandhāmi, kāye ca jīvite ca nirapekkho vīriyasannāhena sannayhāmi. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā nāma sūro puriso paccatthike paccupaṭṭhite taṃ jetukāmo aññaṃ kiccaṃ pahāya kavacapaṭimuccanādinā yuddhāya sannayhati, yuddhabhūmiñca gantvā paccatthike ajetvā tato na nivattati, evamahampi kilesapaccatthike jetuṃ ādittampi sīsaṃ celañca ajjhupekkhitvā catubbidhasammappadhānavīriyasannāhaṃ sannayhāmi, kilese ajetvā kilesavijayayoggaṃ vivekaṭṭhānaṃ na vissajjemīti. Tena vuttaṃ ‘‘pavisissāmi kānanaṃ na tato nikkhamissāmi, appatto āsavakkhaya’’nti.

    ‘‘มาลุเต อุปวายเนฺต’’ติอาทินา อรญฺญฎฺฐานสฺส กมฺมฎฺฐานภาวนาโยคฺยตํ วทติ, รมิสฺสามิ นูน คิริพฺพเชติ โยชนาฯ ปพฺพตปริเกฺขเป อภิรมิสฺสามิ มเญฺญติ อนาคตตฺถํ ปริกเปฺปโนฺต วทติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    ‘‘Mālute upavāyante’’tiādinā araññaṭṭhānassa kammaṭṭhānabhāvanāyogyataṃ vadati, ramissāmi nūna giribbajeti yojanā. Pabbataparikkhepe abhiramissāmi maññeti anāgatatthaṃ parikappento vadati. Sesaṃ suviññeyyameva.

    เอวํ วตฺวา เถโร อรญฺญํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรโนฺต อุปชฺฌาเยน สทฺธิํ กลิงฺครฎฺฐํ อคมาสิฯ ตตฺถสฺส ปาเท จมฺมิกาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ตํ ทิสฺวา เอโก เวโชฺช ‘‘สปฺปิํ, ภเนฺต, ปริเยสถ, ติกิจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ อาหฯ เถโร สปฺปิปริเยสนํ อกตฺวา วิปสฺสนาย เอว กมฺมํ กโรติ, โรโค วฑฺฒติ, เวโชฺช เถรสฺส ตตฺถ อโปฺปสฺสุกฺกตํ ทิสฺวา สยเมว สปฺปิํ ปริเยสิตฺวา เถรํ อโรคํ อกาสิฯ โส อโรโค หุตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๑-๑๒) –

    Evaṃ vatvā thero araññaṃ pavisitvā samaṇadhammaṃ karonto upajjhāyena saddhiṃ kaliṅgaraṭṭhaṃ agamāsi. Tatthassa pāde cammikābādho uppajji, taṃ disvā eko vejjo ‘‘sappiṃ, bhante, pariyesatha, tikicchissāmi na’’nti āha. Thero sappipariyesanaṃ akatvā vipassanāya eva kammaṃ karoti, rogo vaḍḍhati, vejjo therassa tattha appossukkataṃ disvā sayameva sappiṃ pariyesitvā theraṃ arogaṃ akāsi. So arogo hutvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.44.1-12) –

    ‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘นิปฺปปโญฺจ นิราลโมฺพ, อากาสสมมานโส;

    ‘‘Nippapañco nirālambo, ākāsasamamānaso;

    สุญฺญตาพหุโล ตาที, อนิมิตฺตรโต วสีฯ

    Suññatābahulo tādī, animittarato vasī.

    ‘‘อสงฺคจิโตฺต นิเกฺลโส, อสํสโฎฺฐ กุเล คเณ;

    ‘‘Asaṅgacitto nikleso, asaṃsaṭṭho kule gaṇe;

    มหาการุณิโก วีโร, วินโยปายโกวิโทฯ

    Mahākāruṇiko vīro, vinayopāyakovido.

    ‘‘อุยฺยุโตฺต ปรกิเจฺจสุ, วินยโนฺต สเทวเก;

    ‘‘Uyyutto parakiccesu, vinayanto sadevake;

    นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, คติํ ปงฺกวิโสสนํฯ

    Nibbānagamanaṃ maggaṃ, gatiṃ paṅkavisosanaṃ.

    ‘‘อมตํ ปรมสฺสาทํ, ชรามจฺจุนิวารณํ;

    ‘‘Amataṃ paramassādaṃ, jarāmaccunivāraṇaṃ;

    มหาปริสมเชฺฌ โส, นิสิโนฺน โลกตารโกฯ

    Mahāparisamajjhe so, nisinno lokatārako.

    ‘‘กรวีกรุโต นาโถ, พฺรหฺมโฆโส ตถาคโต;

    ‘‘Karavīkaruto nātho, brahmaghoso tathāgato;

    อุทฺธรโนฺต มหาทุคฺคา, วิปฺปนเฎฺฐ อนายเกฯ

    Uddharanto mahāduggā, vippanaṭṭhe anāyake.

    ‘‘เทเสโนฺต วิรชํ ธมฺมํ, ทิโฎฺฐ เม โลกนายโก;

    ‘‘Desento virajaṃ dhammaṃ, diṭṭho me lokanāyako;

    ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Tassa dhammaṃ suṇitvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘ปพฺพชิตฺวา ตทาปาหํ, จิเนฺตโนฺต ชินสาสนํ;

    ‘‘Pabbajitvā tadāpāhaṃ, cintento jinasāsanaṃ;

    เอกโกว วเน รเมฺม, วสิํ สํสคฺคปีฬิโตฯ

    Ekakova vane ramme, vasiṃ saṃsaggapīḷito.

    ‘‘สกฺกายวูปกาโส เม, เหตุภูโต มมาภวี;

    ‘‘Sakkāyavūpakāso me, hetubhūto mamābhavī;

    มนโส วูปกาสสฺส, สํสคฺคภยทสฺสิโนฯ

    Manaso vūpakāsassa, saṃsaggabhayadassino.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ วิหรเนฺต ราชา โกฎิธนปริจฺจาเคน โภชกคิริวิหารํ นาม กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วาเสสิฯ โส ตตฺถ วิหรโนฺต ปรินิพฺพานกาเล –

    Arahattaṃ pana patvā there tattha viharante rājā koṭidhanapariccāgena bhojakagirivihāraṃ nāma kāretvā theraṃ tattha vāsesi. So tattha viharanto parinibbānakāle –

    ๕๔๖.

    546.

    ‘‘โสหํ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป, จโนฺท ปนฺนรโส ยถา;

    ‘‘Sohaṃ paripuṇṇasaṅkappo, cando pannaraso yathā;

    สพฺพาสวปริกฺขีโณ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ –

    Sabbāsavaparikkhīṇo, natthi dāni punabbhavo’’ti. –

    โอสานคาถมาหฯ สา อุตฺตานตฺถาวฯ ตเทว จ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณํ อโหสีติฯ

    Osānagāthamāha. Sā uttānatthāva. Tadeva ca therassa aññābyākaraṇaṃ ahosīti.

    เอกวิหาริยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekavihāriyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. เอกวิหาริยเตฺถรคาถา • 2. Ekavihāriyattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact