Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๘. เอกุทานิยเตฺถรคาถาวณฺณนา
8. Ekudāniyattheragāthāvaṇṇanā
อธิเจตโส อปฺปมชฺชโตติ อายสฺมโต เอกุทานิยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินโนฺต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล ยกฺขเสนาปติ หุตฺวา นิพฺพโตฺต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต, ‘‘อลาภา วต เม, ทุลฺลทฺธํ วต เม, โยหํ สตฺถุธรมานกาเล ทานาทิปุญฺญํ กาตุํ นาลตฺถ’’นฺติ ปริเทวโสกมาปโนฺน อโหสิฯ อถ นํ สาคโร นาม สตฺถุ สาวโก โสกํ วิโนเทตฺวา สตฺถุ ถูปปูชายํ นิโยเชสิฯ โส ปญฺจ วสฺสานิ ถูปํ ปูเชตฺวา ตโต จุโต เตน ปุเญฺญน เทวมนุเสฺสสุ เอว สํสรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต กาเลน กาลํ สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย สตฺถา ‘‘อธิเจตโส’’ติ คาถาย สาวเก อภิณฺหํ โอวทิฯ โส ตํ สุตฺวา สทฺธาชาโต ปพฺพชิฯ ปพฺพชิตฺวา จ ปน ตเมว คาถํ ปุนปฺปุนํ ปริวเตฺตติฯ โส ตตฺถ วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรโนฺต ญาณสฺส อปริปกฺกตฺตา วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุ นาสกฺขิฯ ตโต ปน จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพโตฺต วิญฺญุตํ ปตฺวา เชตวนปฎิคฺคหณสมเย พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิโจฺจ อรเญฺญ วิหรโนฺต สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย สตฺถา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อตฺตโน อวิทูเร อธิจิตฺตมนุยุตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ ตํ สุตฺวา อยํ จิรกาลํ ภาวนาย อรเญฺญ วิหรโนฺตปิ กาเลน กาลํ ตเมว คาถํ อุทาเนติ, เตนสฺส เอกุทานิโยติ สมญฺญา อุทปาทิฯ โส อเถกทิวสํ จิเตฺตกคฺคตํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๗๒-๘๑) –
Adhicetasoappamajjatoti āyasmato ekudāniyattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ puññaṃ upacinanto atthadassissa bhagavato kāle yakkhasenāpati hutvā nibbatto satthari parinibbute, ‘‘alābhā vata me, dulladdhaṃ vata me, yohaṃ satthudharamānakāle dānādipuññaṃ kātuṃ nālattha’’nti paridevasokamāpanno ahosi. Atha naṃ sāgaro nāma satthu sāvako sokaṃ vinodetvā satthu thūpapūjāyaṃ niyojesi. So pañca vassāni thūpaṃ pūjetvā tato cuto tena puññena devamanussesu eva saṃsaranto kassapassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto kālena kālaṃ satthu santikaṃ upasaṅkami. Tasmiñca samaye satthā ‘‘adhicetaso’’ti gāthāya sāvake abhiṇhaṃ ovadi. So taṃ sutvā saddhājāto pabbaji. Pabbajitvā ca pana tameva gāthaṃ punappunaṃ parivatteti. So tattha vīsativassasahassāni samaṇadhammaṃ karonto ñāṇassa aparipakkattā visesaṃ nibbattetu nāsakkhi. Tato pana cuto devaloke nibbattitvā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ vibhavasampannassa brāhmaṇassa putto hutvā nibbatto viññutaṃ patvā jetavanapaṭiggahaṇasamaye buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā katapubbakicco araññe viharanto satthu santikaṃ agamāsi. Tasmiñca samaye satthā āyasmantaṃ sāriputtaṃ attano avidūre adhicittamanuyuttaṃ disvā ‘‘adhicetaso’’ti imaṃ udānaṃ udānesi. Taṃ sutvā ayaṃ cirakālaṃ bhāvanāya araññe viharantopi kālena kālaṃ tameva gāthaṃ udāneti, tenassa ekudāniyoti samaññā udapādi. So athekadivasaṃ cittekaggataṃ labhitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.12.72-81) –
‘‘อตฺถทสฺสิมฺหิ สุคเต, นิพฺพุเต สมนนฺตรา;
‘‘Atthadassimhi sugate, nibbute samanantarā;
ยกฺขโยนิํ อุปปชฺชิํ, ยสํ ปโตฺต จหํ ตทาฯ
Yakkhayoniṃ upapajjiṃ, yasaṃ patto cahaṃ tadā.
‘‘ทุลฺลทฺธํ วต เม อาสิ, ทุปฺปภาตํ ทุรุฎฺฐิตํ;
‘‘Dulladdhaṃ vata me āsi, duppabhātaṃ duruṭṭhitaṃ;
ยํ เม โภเค วิชฺชมาเน, ปรินิพฺพายิ จกฺขุมาฯ
Yaṃ me bhoge vijjamāne, parinibbāyi cakkhumā.
‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, สาคโร นาม สาวโก;
‘‘Mama saṅkappamaññāya, sāgaro nāma sāvako;
มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํฯ
Mamuddharitukāmo so, āgacchi mama santikaṃ.
‘‘กิํ นุ โสจสิ มา ภายิ, จร ธมฺมํ สุเมธส;
‘‘Kiṃ nu socasi mā bhāyi, cara dhammaṃ sumedhasa;
อนุปฺปทินฺนา พุเทฺธน, สเพฺพสํ พีชสมฺปทาฯ
Anuppadinnā buddhena, sabbesaṃ bījasampadā.
‘‘โย เจ ปูเรยฺย สมฺพุทฺธํ, ติฎฺฐนฺตํ โลกนายกํ;
‘‘Yo ce pūreyya sambuddhaṃ, tiṭṭhantaṃ lokanāyakaṃ;
ธาตุํ สาสปมตฺตมฺปิ, นิพฺพุตสฺสาปิ ปูชเยฯ
Dhātuṃ sāsapamattampi, nibbutassāpi pūjaye.
‘‘สเม จิตฺตปฺปสาทมฺหิ, สมํ ปุญฺญํ มหคฺคตํ;
‘‘Same cittappasādamhi, samaṃ puññaṃ mahaggataṃ;
ตสฺมา ถูปํ กริตฺวาน, ปูเชหิ ชินธาตุโยฯ
Tasmā thūpaṃ karitvāna, pūjehi jinadhātuyo.
‘‘สาครสฺส วโจ สุตฺวา, พุทฺธถูปํ อกาสหํ;
‘‘Sāgarassa vaco sutvā, buddhathūpaṃ akāsahaṃ;
ปญฺจวเสฺส ปริจริํ, มุนิโน ถูปมุตฺตมํฯ
Pañcavasse paricariṃ, munino thūpamuttamaṃ.
‘‘เตน กเมฺมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฎฺฐ นราสภ;
‘‘Tena kammena dvipadinda, lokajeṭṭha narāsabha;
สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาน, อรหตฺตมปาปุณิํฯ
Sampattiṃ anubhotvāna, arahattamapāpuṇiṃ.
‘‘ภูริปญฺญา จ จตฺตาโร, สตฺตกปฺปสเต อิโต;
‘‘Bhūripaññā ca cattāro, sattakappasate ito;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลาฯ
Sattaratanasampannā, cakkavattī mahabbalā.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรโนฺต เอกทิวสํ อายสฺมตา ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฎิภานํ วีมํสิตุํ, ‘‘อาวุโส, มยฺหํ ธมฺมํ ภณาหี’’ติ อชฺฌิโฎฺฐ จิรกาลปริจิตตฺตา –
Arahattaṃ pana patvā vimuttisukhena viharanto ekadivasaṃ āyasmatā dhammabhaṇḍāgārikena paṭibhānaṃ vīmaṃsituṃ, ‘‘āvuso, mayhaṃ dhammaṃ bhaṇāhī’’ti ajjhiṭṭho cirakālaparicitattā –
๖๘.
68.
‘‘อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต, มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต;
‘‘Adhicetaso appamajjato, munino monapathesu sikkhato;
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน, อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติฯ (อุทา. ๓๗) –
Sokā na bhavanti tādino, upasantassa sadā satīmato’’ti. (udā. 37) –
อิมเมว คาถํ อภาสิฯ
Imameva gāthaṃ abhāsi.
ตตฺถ อธิเจตโสติ อธิจิตฺตวโต, สพฺพจิตฺตานํ อธิเกน อรหตฺตผลจิเตฺตน สมนฺนาคตสฺสาติ อโตฺถฯ อปฺปมชฺชโตติ นปฺปมชฺชโต, อปฺปมาเทน อนวชฺชธเมฺมสุ สาตจฺจกิริยาย สมนฺนาคตสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ มุนิโนติ ‘‘โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๙; มหานิ. ๑๔๙; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๒๑) เอวํ อุภยโลกมุนเนน วา, โมนํ วุจฺจติ ญาณํ, เตน อรหตฺตผลปญฺญาสงฺขาเตน โมเนน สมนฺนาคตตาย วา ขีณาสโว มุนิ นาม, ตสฺส มุนิโนฯ โมนปเถสุ สิกฺขโตติ อรหตฺตญาณสงฺขาตสฺส โมนสฺส ปเถสุ อุปายมเคฺคสุ สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธเมฺมสุ, ตีสุ วา สิกฺขาสุ สิกฺขโตฯ อิทญฺจ ปุพฺพภาคปฎิปทํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ ปรินิฎฺฐิตสิโกฺข หิ อรหา, ตสฺมา เอวํ สิกฺขโต, อิมาย สิกฺขาย มุนิภาวํ ปตฺตสฺส มุนิโนติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยสฺมา เจตเทวํ ตสฺมา เหฎฺฐิมมคฺคผลจิตฺตานํ วเสน อธิเจตโส, จตุสจฺจสโมฺพธิปฎิปตฺติยํ อปฺปมาทวเสน อปฺปมชฺชโต, อคฺคมคฺคญาณสมนฺนาคเมน มุนิโนติ เอวเมเตสํ ปทานํ อโตฺถ ยุชฺชติเยวฯ อถ วา ‘‘อปฺปมชฺชโต สิกฺขโต’’ ปธานเหตู อกฺขาตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ตสฺมา อปฺปมชฺชนเหตุ สิกฺขนเหตุ จ อธิเจตโสติ อโตฺถฯ
Tattha adhicetasoti adhicittavato, sabbacittānaṃ adhikena arahattaphalacittena samannāgatassāti attho. Appamajjatoti nappamajjato, appamādena anavajjadhammesu sātaccakiriyāya samannāgatassāti vuttaṃ hoti. Muninoti ‘‘yo munāti ubho loke, muni tena pavuccatī’’ti (dha. pa. 269; mahāni. 149; cūḷani. mettagūmāṇavapucchāniddesa 21) evaṃ ubhayalokamunanena vā, monaṃ vuccati ñāṇaṃ, tena arahattaphalapaññāsaṅkhātena monena samannāgatatāya vā khīṇāsavo muni nāma, tassa munino. Monapathesu sikkhatoti arahattañāṇasaṅkhātassa monassa pathesu upāyamaggesu sattatiṃsabodhipakkhiyadhammesu, tīsu vā sikkhāsu sikkhato. Idañca pubbabhāgapaṭipadaṃ gahetvā vuttaṃ. Pariniṭṭhitasikkho hi arahā, tasmā evaṃ sikkhato, imāya sikkhāya munibhāvaṃ pattassa muninoti evamettha attho daṭṭhabbo. Yasmā cetadevaṃ tasmā heṭṭhimamaggaphalacittānaṃ vasena adhicetaso, catusaccasambodhipaṭipattiyaṃ appamādavasena appamajjato, aggamaggañāṇasamannāgamena muninoti evametesaṃ padānaṃ attho yujjatiyeva. Atha vā ‘‘appamajjato sikkhato’’ padhānahetū akkhātāti daṭṭhabbā. Tasmā appamajjanahetu sikkhanahetu ca adhicetasoti attho.
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโนติ ตาทิสสฺส ขีณาสวมุนิโน อพฺภนฺตเร อิฎฺฐวิโยคาทิวตฺถุกา โสกา จิตฺตสนฺตาปา น โหนฺติฯ อถ วา ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺส อเสกฺขมุนิโน โสกา น ภวนฺตีติฯ อุปสนฺตสฺสาติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตูปสเมน อุปสนฺตสฺสฯ สทา สตีมโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิจฺจกาลํ สติยา อวิรหิตสฺสฯ
Sokā na bhavanti tādinoti tādisassa khīṇāsavamunino abbhantare iṭṭhaviyogādivatthukā sokā cittasantāpā na honti. Atha vā tādilakkhaṇappattassa asekkhamunino sokā na bhavantīti. Upasantassāti rāgādīnaṃ accantūpasamena upasantassa. Sadā satīmatoti sativepullappattiyā niccakālaṃ satiyā avirahitassa.
เอตฺถ จ ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘อปฺปมชฺชโต’’ติ อิมินา อธิสีลสิกฺขา, ‘‘มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตหิ อธิปญฺญาสิกฺขาฯ ‘‘มุนิโน’’ติ วา เอเตน อธิปญฺญาสิกฺขา, ‘‘โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตน ตาสํ โลกุตฺตรสิกฺขานํ ปุพฺพภาคปฎิปทา, ‘‘โสกา น ภวนฺตี’’ติอาทีหิ สิกฺขาปาริปูริยา อานิสํสา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ อยเมว จ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณคาถา อโหสิฯ
Ettha ca ‘‘adhicetaso’’ti iminā adhicittasikkhā, ‘‘appamajjato’’ti iminā adhisīlasikkhā, ‘‘munino monapathesu sikkhato’’ti etehi adhipaññāsikkhā. ‘‘Munino’’ti vā etena adhipaññāsikkhā, ‘‘monapathesu sikkhato’’ti etena tāsaṃ lokuttarasikkhānaṃ pubbabhāgapaṭipadā, ‘‘sokā na bhavantī’’tiādīhi sikkhāpāripūriyā ānisaṃsā pakāsitāti veditabbaṃ ayameva ca therassa aññābyākaraṇagāthā ahosi.
เอกุทานิยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekudāniyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๘. เอกุทานิยเตฺถรคาถา • 8. Ekudāniyattheragāthā