Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา
Ekūnasattatidvisatacatukkakathāvaṇṇanā
๕๙-๖๐. ‘‘มตํ เยภุเยฺยน อกฺขายิต’’นฺติ วจนโต อมตํ เยภุเยฺยน ขายิตมฺปิ ปาราชิกวตฺถุเมวาติ ทเสฺสติฯ สพฺพโส ขายิตํ, อุปฺปาฎิตํ วา ถุลฺลจฺจยวตฺถุเมวาติ ทเสฺสติ, ตถา ‘‘เยภุเยฺยน ขายิต’’นฺติ วจนโต มตํ สพฺพขายิตํ, อุปฺปาฎิตํ วา ทุกฺกฎวตฺถูติ ทเสฺสติฯ น จ สาวเสสํ ปญฺญเปนฺติฯ กิํ การณา? อิทญฺหิ สิกฺขาปทํ โลกวชฺชํ, น ปณฺณตฺติวชฺชํฯ ตตฺถ สิกฺขาปทนฺติ ปาราชิกํ อธิเปฺปตํฯ ตตฺถ ถุลฺลจฺจยมฺปิ หิ โลกวชฺชํ, น ปณฺณตฺติวชฺชํฯ อถ วา อุภยมฺปิ อนวเสสํ ปญฺญตฺตํฯ ปาราชิกเขเตฺต หิ เหฎฺฐิมโกฎิํ ปาเปตฺวา ฐปิเต ตโต ปรํ ถุลฺลจฺจยนฺติ ปญฺญตฺตเมว โหติฯ ตตฺถ ถุลฺลจฺจยเขตฺตมฺปิ ปาราชิกเขตฺตํ วิย เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อุปฑฺฒกฺขายิเต ถุลฺลจฺจยนฺติ ยตฺถ นิมิตฺตํ ขายิตํ, ตํ ทุกฺกฎวตฺถูติ เวทิตพฺพํฯ เอตฺถาห – ปณฺณตฺติวชฺชํ กิํ สาวเสสเมว ภควา ปญฺญาเปตีติ? นฯ เอกํสโต ปน ยถาสมฺภวํ ตตฺถ ตตฺถ ปกาสยิสฺสาม, กิมตฺถํ ปน ภควา อุปฑฺฒกฺขายิเต ปาราชิกํ น ปญฺญาเปสีติ อยํ ตาว อปุจฺฉา พุทฺธวิสยตฺตา วินยปญฺญตฺติยาฯ อิทํ ปเนตฺถ การณปติรูปกํ ‘‘อุปฑฺฒภาวสฺส ทุพฺพินิจฺฉยตฺตา’’ติฯ เยภุเยฺยน ขายิตํ นาม วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคมุขานํ จตูสุ โกฎฺฐาเสสุ เทฺว โกฎฺฐาเส อติกฺกมฺม ยาว ตติยโกฎฺฐาสปริโยสานา ขาทิตํ, ตติยโกฎฺฐาสํ อติกฺกมฺม ยาว จตุตฺถโกฎฺฐาสปริโยสานา ทุกฺกฎวตฺถุฯ
59-60. ‘‘Mataṃ yebhuyyena akkhāyita’’nti vacanato amataṃ yebhuyyena khāyitampi pārājikavatthumevāti dasseti. Sabbaso khāyitaṃ, uppāṭitaṃ vā thullaccayavatthumevāti dasseti, tathā ‘‘yebhuyyena khāyita’’nti vacanato mataṃ sabbakhāyitaṃ, uppāṭitaṃ vā dukkaṭavatthūti dasseti. Na ca sāvasesaṃ paññapenti. Kiṃ kāraṇā? Idañhi sikkhāpadaṃ lokavajjaṃ, na paṇṇattivajjaṃ. Tattha sikkhāpadanti pārājikaṃ adhippetaṃ. Tattha thullaccayampi hi lokavajjaṃ, na paṇṇattivajjaṃ. Atha vā ubhayampi anavasesaṃ paññattaṃ. Pārājikakhette hi heṭṭhimakoṭiṃ pāpetvā ṭhapite tato paraṃ thullaccayanti paññattameva hoti. Tattha thullaccayakhettampi pārājikakhettaṃ viya heṭṭhimaparicchedena vuttanti veditabbaṃ. Upaḍḍhakkhāyite thullaccayanti yattha nimittaṃ khāyitaṃ, taṃ dukkaṭavatthūti veditabbaṃ. Etthāha – paṇṇattivajjaṃ kiṃ sāvasesameva bhagavā paññāpetīti? Na. Ekaṃsato pana yathāsambhavaṃ tattha tattha pakāsayissāma, kimatthaṃ pana bhagavā upaḍḍhakkhāyite pārājikaṃ na paññāpesīti ayaṃ tāva apucchā buddhavisayattā vinayapaññattiyā. Idaṃ panettha kāraṇapatirūpakaṃ ‘‘upaḍḍhabhāvassa dubbinicchayattā’’ti. Yebhuyyena khāyitaṃ nāma vaccamaggapassāvamaggamukhānaṃ catūsu koṭṭhāsesu dve koṭṭhāse atikkamma yāva tatiyakoṭṭhāsapariyosānā khāditaṃ, tatiyakoṭṭhāsaṃ atikkamma yāva catutthakoṭṭhāsapariyosānā dukkaṭavatthu.
ยทิปิ นิมิตฺตํ สพฺพโส ขายิตนฺติ ‘‘ชีวมานกสรีรํเยว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ อลฺลสรีเรติ อภินเว, อกุถิเต วา มนุสฺสานํ ชีวมานสรีเร อกฺขินาสาทีสุ ถุลฺลจฺจยเมวฯ ติรจฺฉานคตานํ หตฺถิอสฺสาทีนํ นาสาย วตฺถิโกเส จ ถุลฺลจฺจยนฺติ ‘‘อมเคฺคน อมคฺคํ ปเวเสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ อิมาย ปาฬิยา อตฺถวิเสเสเนตฺถ วุตฺตํฯ อุปกจฺฉกาทีสุ ทุกฺกฎํ, สเพฺพสมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ อกฺขิกณฺณวเณสุ ทุกฺกฎํ, อวเสสสรีเรปิ ทุกฺกฎเมวาติ อิทํ วินีตวตฺถุสฺมิํ ‘‘เอหิ, ภเนฺต, เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวา’’ติ ฯ ‘‘อลํ ภคินิ เนตํ กปฺปตี’’ติ (ปารา. ๗๙) อิมินา ตาว เมถุนราคาภาโว ทสฺสิโต โหติฯ ‘‘เอหิ, ภเนฺต, อูรุนฺตริกาย ฆเฎฺฎหิ…เป.… โส ภิกฺขุ ตถา อกาสี’’ติ อิมินา ตาว โมจนสฺสาโท ทสฺสิโต โหติ, เตเนวาห ภควา ‘‘อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติฯ ‘‘โย ปน เมถุนราเคน อูรุนฺตริกาย ฆเฎฺฎติ, ตสฺส ทุกฺกฎ’’นฺติ สิทฺธนฺติ กตฺวา วุตฺตํฯ
Yadipi nimittaṃ sabbaso khāyitanti ‘‘jīvamānakasarīraṃyeva sandhāya vutta’’nti vadanti, taṃ vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Allasarīreti abhinave, akuthite vā manussānaṃ jīvamānasarīre akkhināsādīsu thullaccayameva. Tiracchānagatānaṃ hatthiassādīnaṃ nāsāya vatthikose ca thullaccayanti ‘‘amaggena amaggaṃ paveseti, āpatti thullaccayassā’’ti imāya pāḷiyā atthavisesenettha vuttaṃ. Upakacchakādīsu dukkaṭaṃ, sabbesampi tiracchānagatānaṃ akkhikaṇṇavaṇesu dukkaṭaṃ, avasesasarīrepi dukkaṭamevāti idaṃ vinītavatthusmiṃ ‘‘ehi, bhante, methunaṃ dhammaṃ paṭisevā’’ti . ‘‘Alaṃ bhagini netaṃ kappatī’’ti (pārā. 79) iminā tāva methunarāgābhāvo dassito hoti. ‘‘Ehi, bhante, ūruntarikāya ghaṭṭehi…pe… so bhikkhu tathā akāsī’’ti iminā tāva mocanassādo dassito hoti, tenevāha bhagavā ‘‘āpatti saṅghādisesassā’’ti. ‘‘Yo pana methunarāgena ūruntarikāya ghaṭṭeti, tassa dukkaṭa’’nti siddhanti katvā vuttaṃ.
มนุสฺสานํ อกฺขิกณฺณวณาทิ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ, ติรจฺฉานคตานํ ทุกฺกฎวตฺถูติ เอตฺถ ทุวิเญฺญโยฺย ปาฬิเลโส, ตสฺมา ‘‘น จ, ภิกฺขเว, รตฺตจิเตฺตน องฺคชาตํ ฉุปิตพฺพํ, โย ฉุเปยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วจนโต รตฺตจิเตฺตน อกฺขิกณฺณวณํ ฉุปนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ สิทฺธนฺติ อยํ จมฺมกฺขนฺธเก ปาฬิเลโสติ เวทิตโพฺพฯ ‘‘ชีวมานกปุริสสฺสาติ ชีวมานกสโทฺท มเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ญาปนตฺถํ วุโตฺต’’ติ วทนฺติฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปนาติ อิทํ กิญฺจาปิ ‘‘กตฺวา มหาอฎฺฐกถํ สรีร’’นฺติ วุตฺตํ, อถ โข เสสอฎฺฐกถาสุ ‘‘เมถุนราเคน มุเขนา’’ติ วจนาภาวโต ตเตฺถว ภาวโต ตํ วจนํ ปาฬิวจเนน สํสนฺทิตฺวา ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อนุคณฺฐิปเท ปน ‘‘ตํ สพฺพมฺปีติ มหาอฎฺฐกถายเมว เมถุนราเคน อิตฺถิยา นิมิตฺตํ อปฺปเวเสโนฺต ฉุปติ, ถุลฺลจฺจย’’นฺติ จ วุตฺตํฯ ‘‘เมถุนราเคน มุเขนา’’ติปิ กตฺถจิ, ปาฬิยํ อวิเสเสน ‘‘น จ, ภิกฺขเว, รตฺตจิเตฺตน องฺคชาตํ ฉุปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ตํ สพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปุริมํ ปสํสนฺตีติ ติรจฺฉานคติ…เป.… วุตฺตนเยเนว ถุลฺลจฺจยํ, กายสํสคฺคราเคน ทุกฺกฎนฺติอาทิอฎฺฐกถาวจเนหิ สํสนฺทนโตฯ ‘‘ตํ สพฺพมฺปิ…เป.… ปุริมํ ปสํสนฺตี’’ติ อิทํ สงฺคีติโต ปจฺฉา สีหฬทีปเกหิ อาจริเยหิ ปาฬิยา, อฎฺฐกถายญฺจ วุตฺตวจนํ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตวินิจฺฉโยติ วุตฺตํฯ เอตฺถ อิตรถา หีติ ปกติมุเขนฯ กสฺมา ทุกฺกฎนฺติ เจ? ‘‘องฺคุลิพีชาทีนิ ปเวเสนฺตสฺส ทุกฺกฎ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ยุตฺตํฯ ติรจฺฉานคติตฺถิยา ปสฺสาวมคฺคนฺติ เอตฺถ มหาอฎฺฐกถายมฺปิ ปุเพฺพ ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ วตฺวา เอตฺถ ‘‘ปสฺสาวมคฺค’’นฺติ วุตฺตตฺตา อวเสสนิมิเตฺต ทุกฺกฎนฺติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติฯ วุตฺตนเยเนวาติ เมถุนราเคนฯ ถุลฺลจฺจยนฺติ จ ขนฺธเก ปสฺสาวนิมิตฺตวเสเนวาคตตฺตา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํฯ
Manussānaṃ akkhikaṇṇavaṇādi thullaccayavatthu, tiracchānagatānaṃ dukkaṭavatthūti ettha duviññeyyo pāḷileso, tasmā ‘‘na ca, bhikkhave, rattacittena aṅgajātaṃ chupitabbaṃ, yo chupeyya, āpatti thullaccayassā’’ti vacanato rattacittena akkhikaṇṇavaṇaṃ chupantassa dukkaṭanti siddhanti ayaṃ cammakkhandhake pāḷilesoti veditabbo. ‘‘Jīvamānakapurisassāti jīvamānakasaddo mate vattabbameva natthīti ñāpanatthaṃ vutto’’ti vadanti. Mahāaṭṭhakathāyaṃ panāti idaṃ kiñcāpi ‘‘katvā mahāaṭṭhakathaṃ sarīra’’nti vuttaṃ, atha kho sesaaṭṭhakathāsu ‘‘methunarāgena mukhenā’’ti vacanābhāvato tattheva bhāvato taṃ vacanaṃ pāḷivacanena saṃsanditvā dassanatthaṃ vuttaṃ. Anugaṇṭhipade pana ‘‘taṃ sabbampīti mahāaṭṭhakathāyameva methunarāgena itthiyā nimittaṃ appavesento chupati, thullaccaya’’nti ca vuttaṃ. ‘‘Methunarāgena mukhenā’’tipi katthaci, pāḷiyaṃ avisesena ‘‘na ca, bhikkhave, rattacittena aṅgajātaṃ chupitabba’’nti vuttaṃ, tasmā ‘‘taṃ sabba’’nti vuttaṃ. Purimaṃ pasaṃsantīti tiracchānagati…pe… vuttanayeneva thullaccayaṃ, kāyasaṃsaggarāgena dukkaṭantiādiaṭṭhakathāvacanehi saṃsandanato. ‘‘Taṃ sabbampi…pe… purimaṃ pasaṃsantī’’ti idaṃ saṅgītito pacchā sīhaḷadīpakehi ācariyehi pāḷiyā, aṭṭhakathāyañca vuttavacanaṃ saṃsanditvā vuttavinicchayoti vuttaṃ. Ettha itarathā hīti pakatimukhena. Kasmā dukkaṭanti ce? ‘‘Aṅgulibījādīni pavesentassa dukkaṭa’’nti vuttattā yuttaṃ. Tiracchānagatitthiyā passāvamagganti ettha mahāaṭṭhakathāyampi pubbe ‘‘nimitta’’nti vatvā ettha ‘‘passāvamagga’’nti vuttattā avasesanimitte dukkaṭanti yuttaṃ viya dissati. Vuttanayenevāti methunarāgena. Thullaccayanti ca khandhake passāvanimittavasenevāgatattā upaparikkhitvā gahetabbaṃ.
เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekūnasattatidvisatacatukkakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา • Ekūnasattatidvisatacatukkakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา • Ekūnasattatidvisatacatukkakathāvaṇṇanā