Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา

    6. Eḷakalomasikkhāpadavaṇṇanā

    ๕๗๒-๓. อทฺธานมคฺคปฺปฎิปนฺนสฺสาติ อิมินา ปกติยา ทีฆมคฺคปฺปฎิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนานิปิ ติโยชนปรมเมว หริตพฺพานิ, ปเคว อปฺปฎิปนฺนสฺสาติ ทเสฺสติฯ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ วา สมฺพโนฺธฯ เตเนว วาสาธิปฺปายสฺส ปฎิปฺปสฺสทฺธคมนุสฺสาหตฺตา ‘‘อปฺปฎิปโนฺน’’ติ สงฺขฺยํ คตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธาฯ อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป หิ ภิกฺขุโน ปเนว เอฬกโลมานิ อุปฺปเชฺชยฺยุํ…เป.… อสเนฺตปิ หารเก อทฺธานํ มคฺคปฺปฎิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ โยชนา เวทิตพฺพาฯ อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฎิคฺคเหตพฺพานีติ อตฺตโน สนฺตกานํเยว ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺติํ ทเสฺสติฯ เตน อนากงฺขมาเนน ปรสนฺตกานิ ปฎิคฺคหิตานิ อติเรกติโยชนํ หรนฺตสฺส อนาปตฺติ สิทฺธาฯ อยมโตฺถ ‘‘ภิกฺขุโน อุปฺปเชฺชยฺยุ’’นฺติ อิมินา, ‘‘อจฺฉินฺนํ ปฎิลภิตฺวา’’ติ อิมินา จ ทีปิโตว โหตีติฯ โปราณคณฺฐิปเท จ ‘‘อญฺญํ ภิกฺขุํ หราเปโนฺต คจฺฉติ เจ, ทฺวินฺนํ อนาปตฺตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา เทฺว ภิกฺขู ติโยชนปรมํ ปตฺวา อญฺญมญฺญสฺส ภณฺฑํ ปริวเตฺตตฺวา เจ หรนฺติ, อนาปตฺตีติ สิทฺธํ, เตเนว อนาปตฺติวาเร ‘‘อญฺญํ หราเปตี’’ติ วุตฺตํฯ กิํ หราเปติ? ชานนฺตํ อชานนฺตํฯ กิเญฺจตฺถ ยทิ ชานนฺตํ, ‘‘อโญฺญ หริสฺสตีติ ฐเปติ, เตน หริเตปิ อาปตฺติเยวา’’ติ เอกํสโต น วตฺตพฺพํฯ ชานโนฺตปิ หิ เอกโจฺจ หรตีติฯ ตโต อฎฺฐกถาย วิรุชฺฌติฯ อถ อชานนฺตํ, ‘‘อญฺญสฺส ยาเน วา ภเณฺฑ วา อชานนฺตสฺส ปกฺขิปิตฺวา ติโยชนํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยานี’’ติ ปาฬิยา วิรุชฺฌติ, อถ อุโภปิ เอกโต เอกํ ภณฺฑํ หราเปนฺติ, ตมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ สิยาฯ อนิสฺสคฺคิยนฺติ ยุตฺติยา วิรุชฺฌติ ‘‘ติโยชนปรมํ สหตฺถา หริตพฺพานิ อสเนฺต หารเก’’ติ อวิเสเสน จ ปาฬิ วุตฺตาฯ หารโกปิ สเจตโน อเจตโนติ ทุวิโธฯ สเจตโนปิ เอฬกโลมภาวํ วา ‘‘อหมิทํ หรามี’’ติ วา ‘‘มํ เอส อิทํ หราเปตี’’ติ วา ชานนาชานนวเสน ทุวิโธ โหติฯ ตตฺถ อเจตโน นาม หารโก นทีโสโต วา นาวา วา อสฺสามิกยานํ วา โหติฯ สเจตโน ปากโฎวฯ ตตฺถ ‘‘มํ เอส อิทํ หราเปตี’’ติ เอตฺตกํ ชานนฺตํ มนุสฺสํ วา ติรจฺฉานคตํ วา อญฺญํ หราเปติ, อนาปตฺตีติ อนุคณฺฐิปทนโยฯ อยํ ปาฬิยา, อฎฺฐกถาย จ เอกรโส วินิจฺฉโย, ‘‘อสเนฺต หารเก’’ติ กิญฺจาปิ อิทํ อวิเสสโต วุตฺตํ, ‘‘อญฺญสฺส ยาเน วา ภเณฺฑ วา อชานนฺตสฺสา’’ติ วจนโต ปน สเจตโนว หารโก ตตฺถ อธิเปฺปโตติ ปญฺญายติ, โส จ เอฬกโลมภาวญฺจ ‘‘อิทํ หรามี’’ติ จ ชานโนฺต นาธิเปฺปโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อโญฺญ หริสฺสตีติ ฐเปติ, เตน หริเตปิ อาปตฺติเยวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เหตุกตฺตุโน อภาวโตวฯ ปาฬิยญฺหิ ‘‘อญฺญํ หราเปตี’’ติ เหตุกตฺตุวเสน วุตฺตา ฯ อิตเร เทฺว ชานนฺตา อิธ สมฺภวนฺติฯ ‘‘อชานนฺตสฺส ปกฺขิปิตฺวา’’ติ ปาฬิยํ ‘‘เอส หราเปตี’’ติ วา ‘‘อิทํ ฐานํ อติกฺกมาเปตี’’ติ วา ชานนฺตสฺส ยาเน วา ภเณฺฑ วา ปกฺขิปิตฺวา ติโยชนํ อติกฺกมาเปติ, น นิสฺสคฺคิยา โหนฺตีติ ทีเปติฯ

    572-3.Addhānamaggappaṭipannassāti iminā pakatiyā dīghamaggappaṭipannassa uppannānipi tiyojanaparamameva haritabbāni, pageva appaṭipannassāti dasseti. Addhānamaggappaṭipannassa nissaggiyanti vā sambandho. Teneva vāsādhippāyassa paṭippassaddhagamanussāhattā ‘‘appaṭipanno’’ti saṅkhyaṃ gatassa anāpattīti siddhā. Imasmiṃ atthavikappe hi bhikkhuno paneva eḷakalomāni uppajjeyyuṃ…pe… asantepi hārake addhānaṃ maggappaṭipannassa nissaggiyaṃ pācittiyanti yojanā veditabbā. Ākaṅkhamānena bhikkhunā paṭiggahetabbānīti attano santakānaṃyeva tiyojanātikkame āpattiṃ dasseti. Tena anākaṅkhamānena parasantakāni paṭiggahitāni atirekatiyojanaṃ harantassa anāpatti siddhā. Ayamattho ‘‘bhikkhuno uppajjeyyu’’nti iminā, ‘‘acchinnaṃ paṭilabhitvā’’ti iminā ca dīpitova hotīti. Porāṇagaṇṭhipade ca ‘‘aññaṃ bhikkhuṃ harāpento gacchati ce, dvinnaṃ anāpattīti vuttaṃ, tasmā dve bhikkhū tiyojanaparamaṃ patvā aññamaññassa bhaṇḍaṃ parivattetvā ce haranti, anāpattīti siddhaṃ, teneva anāpattivāre ‘‘aññaṃ harāpetī’’ti vuttaṃ. Kiṃ harāpeti? Jānantaṃ ajānantaṃ. Kiñcettha yadi jānantaṃ, ‘‘añño harissatīti ṭhapeti, tena haritepi āpattiyevā’’ti ekaṃsato na vattabbaṃ. Jānantopi hi ekacco haratīti. Tato aṭṭhakathāya virujjhati. Atha ajānantaṃ, ‘‘aññassa yāne vā bhaṇḍe vā ajānantassa pakkhipitvā tiyojanaṃ atikkāmeti, nissaggiyānī’’ti pāḷiyā virujjhati, atha ubhopi ekato ekaṃ bhaṇḍaṃ harāpenti, tampi nissaggiyaṃ siyā. Anissaggiyanti yuttiyā virujjhati ‘‘tiyojanaparamaṃ sahatthā haritabbāni asante hārake’’ti avisesena ca pāḷi vuttā. Hārakopi sacetano acetanoti duvidho. Sacetanopi eḷakalomabhāvaṃ vā ‘‘ahamidaṃ harāmī’’ti vā ‘‘maṃ esa idaṃ harāpetī’’ti vā jānanājānanavasena duvidho hoti. Tattha acetano nāma hārako nadīsoto vā nāvā vā assāmikayānaṃ vā hoti. Sacetano pākaṭova. Tattha ‘‘maṃ esa idaṃ harāpetī’’ti ettakaṃ jānantaṃ manussaṃ vā tiracchānagataṃ vā aññaṃ harāpeti, anāpattīti anugaṇṭhipadanayo. Ayaṃ pāḷiyā, aṭṭhakathāya ca ekaraso vinicchayo, ‘‘asante hārake’’ti kiñcāpi idaṃ avisesato vuttaṃ, ‘‘aññassa yāne vā bhaṇḍe vā ajānantassā’’ti vacanato pana sacetanova hārako tattha adhippetoti paññāyati, so ca eḷakalomabhāvañca ‘‘idaṃ harāmī’’ti ca jānanto nādhippeto. Tena vuttaṃ ‘‘añño harissatīti ṭhapeti, tena haritepi āpattiyevā’’tiādi. Tattha hetukattuno abhāvatova. Pāḷiyañhi ‘‘aññaṃ harāpetī’’ti hetukattuvasena vuttā . Itare dve jānantā idha sambhavanti. ‘‘Ajānantassa pakkhipitvā’’ti pāḷiyaṃ ‘‘esa harāpetī’’ti vā ‘‘idaṃ ṭhānaṃ atikkamāpetī’’ti vā jānantassa yāne vā bhaṇḍe vā pakkhipitvā tiyojanaṃ atikkamāpeti, na nissaggiyā hontīti dīpeti.

    ‘‘หราเปตี’’ติ อิทํ เหตุกตฺตุวจนตํ สาเธติ, ตสฺมา อฎฺฐกถายํ ‘‘สามิกสฺส อชานนฺตเสฺสวา’’ติ อิทํ ‘‘มํ เอส หราเปตี’’ติ เอวํ อชานนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘สาเรติ โจเทติ อนุพนฺธาเปตี’’ติ อิทํ ‘‘มํ เอส อิทํ ฐานํ อติกฺกมาเปตี’’ติ เอวํ ชานนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อชานโนฺตปิ สารณาทีหิ ฐิตฎฺฐานํ นาติกฺกมติ, น วา อนุพนฺธติฯ อถ สารณาทีหิ อนติกฺกมิตฺวา อตฺตโน รุจิยา อติกฺกมติ อาปตฺติ เอว ภิกฺขุโน เหตุกตฺตุภาวาสมฺภวโตฯ

    ‘‘Harāpetī’’ti idaṃ hetukattuvacanataṃ sādheti, tasmā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sāmikassa ajānantassevā’’ti idaṃ ‘‘maṃ esa harāpetī’’ti evaṃ ajānantaṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Sāreti codeti anubandhāpetī’’ti idaṃ ‘‘maṃ esa idaṃ ṭhānaṃ atikkamāpetī’’ti evaṃ jānantaṃ sandhāya vuttaṃ. Ajānantopi sāraṇādīhi ṭhitaṭṭhānaṃ nātikkamati, na vā anubandhati. Atha sāraṇādīhi anatikkamitvā attano ruciyā atikkamati āpatti eva bhikkhuno hetukattubhāvāsambhavato.

    อิทานิ ยถาฐิตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย วกฺขาม, ‘‘อสเนฺตปิ หารเก’’ติ หารกาลาภปจฺจยาปิ สยํ หรณโต นิสฺสคฺคิยเมว, ปเคว สติ หารเกติ อยเมโก อโตฺถฯ อวธารณตฺถํ อปิ-สทฺทํ คเหตฺวา อสเนฺต เอว หารเก นิสฺสคฺคิยํ, สติ ปน หารเก น เตน หราเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ อยํ ทุติโย อโตฺถฯ ‘‘สงฺฆโต วา…เป.… อตฺตโน วา ธเนนา’’ติ อิมินา กิญฺจาปิ อจิตฺตกมิทํ สิกฺขาปทํ, สงฺฆาทิโต ปน อตฺตนา อากงฺขมาเนน ปฎิคฺคหิตเสฺสว เอฬกโลมสฺส ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺติ, น อชานโต อปฺปฎิคฺคหิตสฺส จีวราทีสุ กุโตจิ ลคฺคสฺส อติกฺกมเนติ ทีเปติฯ อนุคณฺฐิปเท ปน ‘‘กมฺพลสฺส อุปริ นิปชฺชิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส สเจ เอกมฺปิ โลมํ จีวเร ลคฺคํ โหติ, อาปตฺติ เอว กมฺพลโต วิชฎิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กมฺพลสฺส ปฎิคฺคหิตตฺตา อตฺตโน อิจฺฉาย ปฎิคฺคหิตเมว โหตีติ ยุตฺตํฯ ยสฺมา ‘‘อนาปตฺติ กตภเณฺฑ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตํ อเนกมฺปิ กตภณฺฑฎฺฐานิยเมว โหติฯ ตญฺหิ อเนน ปฎิคฺคหิตํ, น โลมํฯ อถ โลมมฺปิ อคฺคหิตเมว โหติ, กตภณฺฑํ ทุปฺปริหาริยโลมวินิโพฺภคกตภโณฺฑ นิยโมฯ เอวํ สเนฺต อกตภเณฺฑ ติกปาจิตฺติยํ, กตภเณฺฑ ติกทุกฺกฎญฺจ นยโต ทเสฺสตพฺพํ ภเวยฺย, อญฺญถา ติกสฺส ทสฺสิตตฺตาฯ สอุสฺสาหตฺตาติ อปฺปฎิปฺปสฺสทฺธคมนตฺตาฯ อจิตฺตกตฺตา จาติ ภิกฺขุโน อุสฺสาหานุรูปํ โลมานํ ติโยชนาติกฺกมนโต วินาปิ ปโยคจิเตฺตน หรณจิเตฺตน อาปชฺชติ เอวาติ อธิปฺปาโยฯ สา อนาปตฺติ ปาฬิยา น สเมตีติ อโนฺต ปน ปโยเคน ติโยชนปรมํ อติกฺกมิตตฺตา อนาปตฺติฯ ‘‘ติโยชนํ หรตี’’ติ อิมินา ติโยชนํ ปทสา เนตุกาโมปิ อโนฺตติโยชเน ปเท ปเท ทุกฺกฎํ นาปชฺชตีติ ทเสฺสติ, ตํ ยุตฺตํ ‘‘ติโยชนํ วาสาธิปฺปาโย คนฺตฺวา ตโต ปรํ หรตี’ติ วจนสฺสตฺถิตายา’’ติ วุตฺตํฯ ปุนปิ วุตฺตํ ‘‘อญฺญํ หราเปตีติ ‘อิทํ หริสฺสามี’ติ สอุสฺสาหเมว อญฺญํ หราเปตีติ อโตฺถฯ อิตรถา คจฺฉนฺตสฺส สีเส ฐเปสิ, ตสฺมิํ อชานเนฺตปิ อนาปตฺติ สิยา’’ติฯ สเจ ปน ‘‘อคจฺฉเนฺต ยาเน วา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตตฺตา หรณาทีหิ ชนิตอุสฺสาหานํ หตฺถิอาทีนํ ‘อิทํ กริสฺสามา’ติ วา ‘หริสฺสามา’ติ วา อาโภเค ชนิเต เอว อนาปตฺติ, น อชนิเตติ อุปติสฺสเตฺถโร อาหา’’ติ จ วุตฺตํฯ ปริวเตฺตตฺวา ฐปิเตติ ทฺวินฺนมฺปิ พหิ นิกฺขิปิตตฺตาติ อุปติสฺสเตฺถโรฯ พหิสีมาย ฐปิตํ ภณฺฑิกํ อโนฺต อโนฺตสีมายํ ฐปิตํ พหิ กโรโต อนาปตฺตีติ เกจิ, น สุนฺทรํ วิยฯ

    Idāni yathāṭhitaṭṭhānato paṭṭhāya vakkhāma, ‘‘asantepi hārake’’ti hārakālābhapaccayāpi sayaṃ haraṇato nissaggiyameva, pageva sati hāraketi ayameko attho. Avadhāraṇatthaṃ api-saddaṃ gahetvā asante eva hārake nissaggiyaṃ, sati pana hārake na tena harāpentassa nissaggiyanti ayaṃ dutiyo attho. ‘‘Saṅghato vā…pe… attano vā dhanenā’’ti iminā kiñcāpi acittakamidaṃ sikkhāpadaṃ, saṅghādito pana attanā ākaṅkhamānena paṭiggahitasseva eḷakalomassa tiyojanātikkame āpatti, na ajānato appaṭiggahitassa cīvarādīsu kutoci laggassa atikkamaneti dīpeti. Anugaṇṭhipade pana ‘‘kambalassa upari nipajjitvā gacchantassa sace ekampi lomaṃ cīvare laggaṃ hoti, āpatti eva kambalato vijaṭitattā’’ti vuttaṃ, taṃ kambalassa paṭiggahitattā attano icchāya paṭiggahitameva hotīti yuttaṃ. Yasmā ‘‘anāpatti katabhaṇḍe’’ti vuttaṃ, tasmā taṃ anekampi katabhaṇḍaṭṭhāniyameva hoti. Tañhi anena paṭiggahitaṃ, na lomaṃ. Atha lomampi aggahitameva hoti, katabhaṇḍaṃ dupparihāriyalomavinibbhogakatabhaṇḍo niyamo. Evaṃ sante akatabhaṇḍe tikapācittiyaṃ, katabhaṇḍe tikadukkaṭañca nayato dassetabbaṃ bhaveyya, aññathā tikassa dassitattā. Saussāhattāti appaṭippassaddhagamanattā. Acittakattā cāti bhikkhuno ussāhānurūpaṃ lomānaṃ tiyojanātikkamanato vināpi payogacittena haraṇacittena āpajjati evāti adhippāyo. Sā anāpatti pāḷiyā na sametīti anto pana payogena tiyojanaparamaṃ atikkamitattā anāpatti. ‘‘Tiyojanaṃ haratī’’ti iminā tiyojanaṃ padasā netukāmopi antotiyojane pade pade dukkaṭaṃ nāpajjatīti dasseti, taṃ yuttaṃ ‘‘tiyojanaṃ vāsādhippāyo gantvā tato paraṃ haratī’ti vacanassatthitāyā’’ti vuttaṃ. Punapi vuttaṃ ‘‘aññaṃ harāpetīti ‘idaṃ harissāmī’ti saussāhameva aññaṃ harāpetīti attho. Itarathā gacchantassa sīse ṭhapesi, tasmiṃ ajānantepi anāpatti siyā’’ti. Sace pana ‘‘agacchante yāne vā’’tiādinā nayena vuttattā haraṇādīhi janitaussāhānaṃ hatthiādīnaṃ ‘idaṃ karissāmā’ti vā ‘harissāmā’ti vā ābhoge janite eva anāpatti, na ajaniteti upatissatthero āhā’’ti ca vuttaṃ. Parivattetvā ṭhapiteti dvinnampi bahi nikkhipitattāti upatissatthero. Bahisīmāya ṭhapitaṃ bhaṇḍikaṃ anto antosīmāyaṃ ṭhapitaṃ bahi karoto anāpattīti keci, na sundaraṃ viya.

    ๕๗๕. ปฎิลภิตฺวา หรตีติ ปฐมติโยชนโต ปรํ หรติ, น ทุติยาทิโตติ อโตฺถฯ กตภเณฺฑ อุปฺปโนฺนกาสาภาวา อนาปตฺติฯ

    575.Paṭilabhitvā haratīti paṭhamatiyojanato paraṃ harati, na dutiyāditoti attho. Katabhaṇḍe uppannokāsābhāvā anāpatti.

    เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Eḷakalomasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทํ • 6. Eḷakalomasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Eḷakalomasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Eḷakalomasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Eḷakalomasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact