Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
๒. เอฬกโลมวโคฺค
2. Eḷakalomavaggo
๑. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Kosiyasikkhāpadavaṇṇanā
เอฬกโลมวคฺคสฺส ปฐเม โกสิยมิสฺสกนฺติ เอเกนาปิ โกสิยํสุนา อนฺตมโส ตสฺส กรณฎฺฐาเน วาตเวเคน นิปาติเตนาปิ มิสฺสีกตํฯ สนฺถตนฺติ สเม ภูมิภาเค โกสิยํสูนิ อุปรูปริ สนฺถริตฺวา กญฺชิยาทีหิ สิญฺจิตฺวา กตฺตพฺพตาลกฺขณํฯ การาเปยฺย นิสฺสคฺคิยนฺติ กรณการาปนปฺปโยเคสุ ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภเนฺต, โกสิยมิสฺสกํ สนฺถตํ การาปิตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๕๔๔) อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ, อิมเสฺสว วจนสฺส อนุสาเรน อิโต ปรํ สพฺพสนฺถตํ เวทิตพฺพํฯ สกฺกา หิ เอตฺตาวตา ชานิตุนฺติ น ตํ อิโต ปรํ ทสฺสยิสฺสามฯ
Eḷakalomavaggassa paṭhame kosiyamissakanti ekenāpi kosiyaṃsunā antamaso tassa karaṇaṭṭhāne vātavegena nipātitenāpi missīkataṃ. Santhatanti same bhūmibhāge kosiyaṃsūni uparūpari santharitvā kañjiyādīhi siñcitvā kattabbatālakkhaṇaṃ. Kārāpeyya nissaggiyanti karaṇakārāpanappayogesu dukkaṭaṃ, paṭilābhena nissaggiyaṃ hoti. Ettha ca ‘‘idaṃ me, bhante, kosiyamissakaṃ santhataṃ kārāpitaṃ nissaggiya’’nti (pārā. 544) iminā nayena nissajjanavidhānaṃ veditabbaṃ, imasseva vacanassa anusārena ito paraṃ sabbasanthataṃ veditabbaṃ. Sakkā hi ettāvatā jānitunti na taṃ ito paraṃ dassayissāma.
อาฬวิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ โกสิยมิสฺสกํ สนฺถตํ การาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อตฺตโน อตฺถาย การาปนวเสน สาณตฺติกํ, อตฺตนา วิปฺปกตปอโยสาปนนเยน จตุกฺกปาจิตฺติยํ, อญฺญสฺสตฺถาย กรณการาปเนสุ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชเน จ ทุกฺกฎํฯ วิตานาทิกรเณ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ โกสิยมิสฺสกภาโว, อตฺตโน อตฺถาย สนฺถตสฺส กรณการาปนํ, ปฎิลาโภ จาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ โธวาปนสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนวาติฯ
Āḷaviyaṃ chabbaggiye ārabbha kosiyamissakaṃ santhataṃ kārāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, attano atthāya kārāpanavasena sāṇattikaṃ, attanā vippakatapaayosāpananayena catukkapācittiyaṃ, aññassatthāya karaṇakārāpanesu aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjane ca dukkaṭaṃ. Vitānādikaraṇe, ummattakādīnañca anāpatti. Kosiyamissakabhāvo, attano atthāya santhatassa karaṇakārāpanaṃ, paṭilābho cāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni dhovāpanasikkhāpade vuttanayenevāti.
โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kosiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Suddhakāḷakasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย สุทฺธกาฬกานนฺติ สุทฺธานํ กาฬกานํ อเญฺญหิ อมิสฺสีกตานํฯ เวสาลิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ ตาทิสํ สนฺถตํ กรณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสํ ปฐมสทิสเมวาติฯ
Dutiye suddhakāḷakānanti suddhānaṃ kāḷakānaṃ aññehi amissīkatānaṃ. Vesāliyaṃ chabbaggiye ārabbha tādisaṃ santhataṃ karaṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sesaṃ paṭhamasadisamevāti.
สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suddhakāḷakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. เทฺวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Dvebhāgasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย เทฺว ภาคาติ เทฺว โกฎฺฐาสาฯ อาทาตพฺพาติ คเหตพฺพาฯ โคจริยานนฺติ กปิลวณฺณานํฯ อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – ยตฺตเกหิ กตฺตุกาโม โหติ, เตสุ ตุลยิตฺวา เทฺว โกฎฺฐาสา กาฬกานํ คเหตพฺพา, เอโก โอทาตานํ, เอโก โคจริยานํฯ เอกสฺสาปิ กาฬกโลมสฺส อติเรกภาเว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, อูนกํ วฎฺฎติฯ
Tatiye dve bhāgāti dve koṭṭhāsā. Ādātabbāti gahetabbā. Gocariyānanti kapilavaṇṇānaṃ. Ayaṃ panettha vinicchayo – yattakehi kattukāmo hoti, tesu tulayitvā dve koṭṭhāsā kāḷakānaṃ gahetabbā, eko odātānaṃ, eko gocariyānaṃ. Ekassāpi kāḷakalomassa atirekabhāve nissaggiyaṃ hoti, ūnakaṃ vaṭṭati.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ ตาทิสํ สนฺถตํ กรณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, กิริยากิริยํ, เสสํ ปฐมสทิสเมวาติฯ อิมานิ ปน ตีณิ นิสฺสชฺชิตฺวา ปฎิลทฺธานิปิ ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha tādisaṃ santhataṃ karaṇavatthusmiṃ paññattaṃ, kiriyākiriyaṃ, sesaṃ paṭhamasadisamevāti. Imāni pana tīṇi nissajjitvā paṭiladdhānipi paribhuñjituṃ na vaṭṭanti.
เทฺวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dvebhāgasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Chabbassasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ โอเรน เจ ฉนฺนํ วสฺสานนฺติ ฉนฺนํ วสฺสานํ โอริมภาเค, อโนฺตติ อโตฺถฯ อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยาติ ยํ สโงฺฆ คิลานสฺส ภิกฺขุโน สนฺถตสมฺมุติํ เทติ, ตํ ฐเปตฺวา อลทฺธสมฺมุติกสฺส ฉพฺพสฺสพฺภนฺตเร อญฺญํ สนฺถตํ กโรนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ
Catutthe orena ce channaṃ vassānanti channaṃ vassānaṃ orimabhāge, antoti attho. Aññatra bhikkhusammutiyāti yaṃ saṅgho gilānassa bhikkhuno santhatasammutiṃ deti, taṃ ṭhapetvā aladdhasammutikassa chabbassabbhantare aññaṃ santhataṃ karontassa nissaggiyaṃ hoti.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ อนุวสฺสํ สนฺถตํ การาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, สา เยน ลทฺธา โหติ, ตสฺส ยาว โรโค น วูปสมฺมติ, วูปสโนฺต วา ปุน กุปฺปติ, ตาว คตคตฎฺฐาเน อนุวสฺสมฺปิ กาตุํ วฎฺฎติ, อญฺญสฺสตฺถาย กาเรตุํ, กตญฺจ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชิตุมฺปิ วฎฺฎติ, เสสํ ปฐมสทิสเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha anuvassaṃ santhataṃ kārāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra bhikkhusammutiyā’’ti ayamettha anupaññatti, sā yena laddhā hoti, tassa yāva rogo na vūpasammati, vūpasanto vā puna kuppati, tāva gatagataṭṭhāne anuvassampi kātuṃ vaṭṭati, aññassatthāya kāretuṃ, katañca paṭilabhitvā paribhuñjitumpi vaṭṭati, sesaṃ paṭhamasadisamevāti.
ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chabbassasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Nisīdanasikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม ปุราณสนฺถตํ นาม ยตฺถ สกิมฺปิ นิสิโนฺน วา โหติ นิปโนฺน วาฯ สมนฺตาติ เอกปสฺสโต วฎฺฎํ วา จตุรสฺสํ วา ฉินฺทิตฺวา คหิตฎฺฐานํ ยถา วิทตฺถิมตฺตํ โหติ, เอวํ คเหตพฺพํฯ สนฺถรเนฺตน ปน เอกเทเส วา สนฺถริตพฺพํ, วิชเฎตฺวา วา มิสฺสกํ กตฺวา สนฺถริตพฺพํ, เอวํ ถิรตรํ โหติฯ อนาทา เจติ สติ ปุราณสนฺถเต อคฺคเหตฺวาฯ อสติ ปน อคฺคเหตฺวาปิ วฎฺฎติ, อญฺญสฺสตฺถาย กาเรตุํ, กตญฺจ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ
Pañcame purāṇasanthataṃ nāma yattha sakimpi nisinno vā hoti nipanno vā. Samantāti ekapassato vaṭṭaṃ vā caturassaṃ vā chinditvā gahitaṭṭhānaṃ yathā vidatthimattaṃ hoti, evaṃ gahetabbaṃ. Santharantena pana ekadese vā santharitabbaṃ, vijaṭetvā vā missakaṃ katvā santharitabbaṃ, evaṃ thirataraṃ hoti. Anādā ceti sati purāṇasanthate aggahetvā. Asati pana aggahetvāpi vaṭṭati, aññassatthāya kāretuṃ, katañca paṭilabhitvā paribhuñjitumpi vaṭṭati.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ สนฺถตวิสฺสชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสํ ตติยสทิสเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha santhatavissajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesaṃ tatiyasadisamevāti.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nisīdanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Eḷakalomasikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปนฺนสฺสาติ อทฺธานสงฺขาตํ ทีฆมคฺคํ ปฎิปนฺนสฺส, สพฺพเญฺจตํ วตฺถุมตฺตทีปนเมว, ยตฺถ กตฺถจิ ปน ธเมฺมน ลภิตฺวา คณฺหโต โทโส นตฺถิฯ ติโยชนปรมนฺติ คหิตฎฺฐานโต ติโยชนปฺปมาณํ เทสํฯ สหตฺถาติ สหเตฺถน, อตฺตนา หริตพฺพานีติ อโตฺถฯ อสเนฺต หารเกติ อสเนฺตเยว อญฺญสฺมิมฺปิ หารเกฯ สเจ ปน อตฺถิ, ตํ คาเหตุํ วฎฺฎติฯ อตฺตนา ปน อนฺตมโส วาตาพาธปฺปฎิการตฺถํ สุตฺตเกน อพนฺธิตฺวา กณฺณจฺฉิเทฺท ปกฺขิตฺตานิปิ อาทาย ติโยชนํ เอกํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ทุติยปาทาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ
Chaṭṭhe addhānamaggappaṭipannassāti addhānasaṅkhātaṃ dīghamaggaṃ paṭipannassa, sabbañcetaṃ vatthumattadīpanameva, yattha katthaci pana dhammena labhitvā gaṇhato doso natthi. Tiyojanaparamanti gahitaṭṭhānato tiyojanappamāṇaṃ desaṃ. Sahatthāti sahatthena, attanā haritabbānīti attho. Asante hāraketi asanteyeva aññasmimpi hārake. Sace pana atthi, taṃ gāhetuṃ vaṭṭati. Attanā pana antamaso vātābādhappaṭikāratthaṃ suttakena abandhitvā kaṇṇacchidde pakkhittānipi ādāya tiyojanaṃ ekaṃ pādaṃ atikkāmentassa dukkaṭaṃ, dutiyapādātikkame nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ติโยชนาติกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อูนกติโยชเน อติเรกสญฺญิโน เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ ติโยชนํ หรณปจฺจาหรเณ, วาสาธิปฺปาเยน คนฺตฺวา ตโต ปรํ หรเณ, อจฺฉินฺนํ วา นิสฺสฎฺฐํ วา ปฎิลภิตฺวา หรเณ, อญฺญํ หราปเน, อนฺตมโส สุตฺตเกนปิ พทฺธกตภณฺฑหรเณ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ เอฬกโลมานํ อกตภณฺฑตา, ปฐมปฺปฎิลาโภ, อตฺตนา อาทาย วา อญฺญสฺส อชานนฺตสฺส ยาเน ปกฺขิปิตฺวา วา ติโยชนาติกฺกมนํ, อาหรณปจฺจาหรณํ, อวาสาธิปฺปายตาติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ เอฬกโลมสมุฎฺฐานํ , กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha tiyojanātikkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, ūnakatiyojane atirekasaññino vematikassa vā dukkaṭaṃ. Tiyojanaṃ haraṇapaccāharaṇe, vāsādhippāyena gantvā tato paraṃ haraṇe, acchinnaṃ vā nissaṭṭhaṃ vā paṭilabhitvā haraṇe, aññaṃ harāpane, antamaso suttakenapi baddhakatabhaṇḍaharaṇe, ummattakādīnañca anāpatti. Eḷakalomānaṃ akatabhaṇḍatā, paṭhamappaṭilābho, attanā ādāya vā aññassa ajānantassa yāne pakkhipitvā vā tiyojanātikkamanaṃ, āharaṇapaccāharaṇaṃ, avāsādhippāyatāti imānettha pañca aṅgāni. Eḷakalomasamuṭṭhānaṃ , kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Eḷakalomasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Eḷakalomadhovāpanasikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตเม สเกฺกสุ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ เอฬกโลมโธวาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ ตตฺถ ปุราณจีวรโธวาปเน วุตฺตนเยเนว สโพฺพปิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Sattame sakkesu chabbaggiye ārabbha eḷakalomadhovāpanavatthusmiṃ paññattaṃ. Tattha purāṇacīvaradhovāpane vuttanayeneva sabbopi vinicchayo veditabbo.
เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Eḷakalomadhovāpanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Jātarūpasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐเม ชาตรูปรชตนฺติ สุวณฺณเญฺจว รูปิยญฺจ, อปิจ กหาปโณ โลหมาสกทารุมาสกชตุมาสกาทโยปิ เย โวหารํ คจฺฉนฺติ, สเพฺพ เต อิธ รชตเนฺตฺวว วุตฺตาฯ อุคฺคเณฺหยฺย วาติ อตฺตโน อตฺถาย ทิยฺยมานํ วา ยตฺถกตฺถจิ ฐิตํ วา นิปฺปริคฺคหิตํ ทิสฺวา สยํ คเณฺหยฺย วาฯ อุคฺคณฺหาเปยฺย วาติ ตเทว อเญฺญน คาหาเปยฺย วาฯ อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺยาติ ‘‘อิทํ อยฺยสฺส โหตู’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา, ‘‘อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน มม หิรญฺญสุวณฺณํ, ตํ ตุยฺหํ โหตู’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา ฐิตํ วา เกวลํ วาจาย วา หตฺถมุทฺทาย วา ‘‘ตุยฺห’’นฺติ วตฺวา ปริจฺจตฺตํ โย กายวาจาหิ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา จิเตฺตน อธิวาเสยฺย, อยํ ‘‘สาทิเยยฺยา’’ติ วุจฺจติฯ สเจ ปน จิเตฺตน สาทิยติ, คณฺหิตุกาโม โหติ, กาเยน วา วาจาย วา ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฎิกฺขิปติ, กายวาจาหิ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา สุทฺธจิโตฺต หุตฺวา ‘‘นยิทํ อมฺหากํ กปฺปตี’’ติ น สาทิยติ, วฎฺฎติฯ นิสฺสคฺคิยนฺติ อุคฺคหณาทีสุ ยํกิญฺจิ กโรนฺตสฺส อฆนพเทฺธสุ วตฺถูสุ วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ตํ นิสฺสชฺชเนฺตน ‘‘อหํ, ภเนฺต, รูปิยํ ปฎิคฺคเหสิํ, อิทํ เม, ภเนฺต, นิสฺสคฺคิยํ, อิมาหํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามี’’ติ (ปารา. ๕๘๔) เอวํ สงฺฆมเชฺฌเยว นิสฺสชฺชิตพฺพํฯ สเจ ตตฺถ โกจิ คหโฎฺฐ อาคจฺฉติ , ‘‘อิทํ ชานาหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ ‘‘อิมินา กิํ อาหริยฺยตู’’ติ ภณเนฺต ปน ‘‘อิทํ นามา’’ติ อวตฺวา ‘‘สปฺปิอาทีนิ ภิกฺขูนํ กปฺปนฺตี’’ติ เอวํ กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ สเจ โส อาหรติ, รูปิยปฺปฎิคฺคาหกํ ฐเปตฺวา สเพฺพหิ ภาเชตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ รูปิยปฺปฎิคฺคาหกสฺส ปน ยํ ตปฺปจฺจยา อุปฺปนฺนํ, ตํ อเญฺญน ลภิตฺวา ทิยฺยมานมฺปิ อนฺตมโส ตโต นิพฺพตฺตรุกฺขจฺฉายาปิ ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ปน โส กิญฺจิ อาหริตุํ น อิจฺฉติ, ‘‘อิมํ ฉเฎฺฎหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ ยตฺถ กตฺถจิ นิกฺขิปติ, คเหตฺวา วา คจฺฉติ, น วาเรตโพฺพฯ โน เจ ฉเฎฺฎติ, ปญฺจงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ รูปิยฉฎฺฎโก สมฺมนฺนิตโพฺพฯ เตน อนิมิตฺตํ กตฺวาว คูถํ วิย ฉเฎฺฎตพฺพํฯ สเจ นิมิตฺตํ กโรติ, ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ
Aṭṭhame jātarūparajatanti suvaṇṇañceva rūpiyañca, apica kahāpaṇo lohamāsakadārumāsakajatumāsakādayopi ye vohāraṃ gacchanti, sabbe te idha rajatantveva vuttā. Uggaṇheyya vāti attano atthāya diyyamānaṃ vā yatthakatthaci ṭhitaṃ vā nippariggahitaṃ disvā sayaṃ gaṇheyya vā. Uggaṇhāpeyya vāti tadeva aññena gāhāpeyya vā. Upanikkhittaṃ vā sādiyeyyāti ‘‘idaṃ ayyassa hotū’’ti evaṃ sammukhā vā, ‘‘asukasmiṃ nāma ṭhāne mama hiraññasuvaṇṇaṃ, taṃ tuyhaṃ hotū’’ti evaṃ parammukhā ṭhitaṃ vā kevalaṃ vācāya vā hatthamuddāya vā ‘‘tuyha’’nti vatvā pariccattaṃ yo kāyavācāhi appaṭikkhipitvā cittena adhivāseyya, ayaṃ ‘‘sādiyeyyā’’ti vuccati. Sace pana cittena sādiyati, gaṇhitukāmo hoti, kāyena vā vācāya vā ‘‘nayidaṃ kappatī’’ti paṭikkhipati, kāyavācāhi appaṭikkhipitvā suddhacitto hutvā ‘‘nayidaṃ amhākaṃ kappatī’’ti na sādiyati, vaṭṭati. Nissaggiyanti uggahaṇādīsu yaṃkiñci karontassa aghanabaddhesu vatthūsu vatthugaṇanāya nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Taṃ nissajjantena ‘‘ahaṃ, bhante, rūpiyaṃ paṭiggahesiṃ, idaṃ me, bhante, nissaggiyaṃ, imāhaṃ saṅghassa nissajjāmī’’ti (pārā. 584) evaṃ saṅghamajjheyeva nissajjitabbaṃ. Sace tattha koci gahaṭṭho āgacchati , ‘‘idaṃ jānāhī’’ti vattabbo. ‘‘Iminā kiṃ āhariyyatū’’ti bhaṇante pana ‘‘idaṃ nāmā’’ti avatvā ‘‘sappiādīni bhikkhūnaṃ kappantī’’ti evaṃ kappiyaṃ ācikkhitabbaṃ. Sace so āharati, rūpiyappaṭiggāhakaṃ ṭhapetvā sabbehi bhājetvā paribhuñjitabbaṃ. Rūpiyappaṭiggāhakassa pana yaṃ tappaccayā uppannaṃ, taṃ aññena labhitvā diyyamānampi antamaso tato nibbattarukkhacchāyāpi paribhuñjituṃ na vaṭṭati. Sace pana so kiñci āharituṃ na icchati, ‘‘imaṃ chaṭṭehī’’ti vattabbo. Sace yattha katthaci nikkhipati, gahetvā vā gacchati, na vāretabbo. No ce chaṭṭeti, pañcaṅgasamannāgato bhikkhu rūpiyachaṭṭako sammannitabbo. Tena animittaṃ katvāva gūthaṃ viya chaṭṭetabbaṃ. Sace nimittaṃ karoti, dukkaṭaṃ āpajjati.
ราชคเห อุปนนฺทํ อารพฺภ รูปิยปฺปฎิคฺคหณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อรูปิเย รูปิยสญฺญิโน เวมติกสฺส วา, สงฺฆเจติยาทีนํ อตฺถาย คณฺหนฺตสฺส, มุตฺตามณิอาทิปฺปฎิคฺคหเณ จ ทุกฺกฎํฯ รตนสิกฺขาปทนเยน นิกฺขิปนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ชาตรูปรชตภาโว, อตฺตุเทฺทสิกตา, คหณาทีสุ อญฺญตรภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีสุ สิยา กิริยํ คหเณน อาปชฺชนโต, สิยา อกิริยํ ปฎิเกฺขปสฺส อกรณโต, เสสํ สญฺจริเตฺต วุตฺตนยเมวาติฯ
Rājagahe upanandaṃ ārabbha rūpiyappaṭiggahaṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, arūpiye rūpiyasaññino vematikassa vā, saṅghacetiyādīnaṃ atthāya gaṇhantassa, muttāmaṇiādippaṭiggahaṇe ca dukkaṭaṃ. Ratanasikkhāpadanayena nikkhipantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Jātarūparajatabhāvo, attuddesikatā, gahaṇādīsu aññatarabhāvoti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīsu siyā kiriyaṃ gahaṇena āpajjanato, siyā akiriyaṃ paṭikkhepassa akaraṇato, sesaṃ sañcaritte vuttanayamevāti.
ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Jātarūpasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā
นวเม นานปฺปการกนฺติ กตาทิวเสน อเนกวิธํฯ รูปิยสํโวหารนฺติ ชาตรูปรชตปริวตฺตนํฯ ปุริมสิกฺขาปเทน หิ นิสฺสคฺคิยวตฺถุทุกฺกฎวตฺถูนํ ปฎิคฺคหณํ วาริตํ, อิมินา ปริวตฺตนํฯ ตสฺมา ทุกฺกฎวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุกปฺปิยวตฺถูนิ, กปฺปิยวตฺถุนา จ ทุกฺกฎวตฺถุํ ปริวเตฺตนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ วา ทุกฺกฎวตฺถุํ วา กปฺปิยวตฺถุํ วา, ทุกฺกฎวตฺถุกปฺปิยวตฺถูหิ จ นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ ปริวเตฺตนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตํ ปุริมนยานุสาเรเนว สงฺฆมเชฺฌ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, นิสฺสฎฺฐวตฺถุสฺมิญฺจ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ
Navame nānappakārakanti katādivasena anekavidhaṃ. Rūpiyasaṃvohāranti jātarūparajataparivattanaṃ. Purimasikkhāpadena hi nissaggiyavatthudukkaṭavatthūnaṃ paṭiggahaṇaṃ vāritaṃ, iminā parivattanaṃ. Tasmā dukkaṭavatthunā dukkaṭavatthukappiyavatthūni, kappiyavatthunā ca dukkaṭavatthuṃ parivattentassa dukkaṭaṃ. Nissaggiyavatthunā pana nissaggiyavatthuṃ vā dukkaṭavatthuṃ vā kappiyavatthuṃ vā, dukkaṭavatthukappiyavatthūhi ca nissaggiyavatthuṃ parivattentassa nissaggiyaṃ hoti, taṃ purimanayānusāreneva saṅghamajjhe nissajjitabbaṃ, nissaṭṭhavatthusmiñca tattha vuttanayeneva paṭipajjitabbaṃ.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ รูปิยสํโวหารวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ยํ อตฺตโน ธเนน ปริวเตฺตติ, ตสฺส วา ธนสฺส วา รูปิยภาโว เจว, ปริวตฺตนญฺจาติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ กิริยํ, เสสํ อนนฺตรสิกฺขาปเท วุตฺตนยเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha rūpiyasaṃvohāravatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, yaṃ attano dhanena parivatteti, tassa vā dhanassa vā rūpiyabhāvo ceva, parivattanañcāti imānettha dve aṅgāni. Kiriyaṃ, sesaṃ anantarasikkhāpade vuttanayamevāti.
รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Kayavikkayasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม นานปฺปการกนฺติ จีวราทีนํ กปฺปิยภณฺฑานํ วเสน อเนกวิธํฯ กยวิกฺกยนฺติ กยเญฺจว วิกฺกยญฺจฯ ‘‘อิมินา อิมํ เทหิ, อิมํ อาหร, ปริวเตฺตหิ, เจตาเปหี’’ติ อิมินา หิ นเยน ปรสฺส กปฺปิยภณฺฑํ คณฺหโนฺต กยํ สมาปชฺชติ, อตฺตโน กปฺปิยภณฺฑํ เทโนฺต วิกฺกยํ สมาปชฺชติฯ ตสฺมา ฐเปตฺวา ปญฺจ สหธมฺมิเก ยํ เอวํ อตฺตโน กปฺปิยภณฺฑํ ทตฺวา มาตุ สนฺตกมฺปิ กปฺปิยภณฺฑํ คณฺหาติ, ตํ นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ วุตฺตลกฺขณวเสน สงฺฆคณปุคฺคเลสุ ยสฺส กสฺสจิ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, ‘‘อิมํ ภุญฺชิตฺวา วา คเหตฺวา วา อิทํ นาม อาหร วา กโรหิ วา’’ติ รชนาทิํ อาหราเปตฺวา วา ธมกรณาทิปริกฺขารํ ภูมิโสธนาทิญฺจ นวกมฺมํ กาเรตฺวา วา สนฺตํ วตฺถุ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, อสเนฺต ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพเมวฯ
Dasame nānappakārakanti cīvarādīnaṃ kappiyabhaṇḍānaṃ vasena anekavidhaṃ. Kayavikkayanti kayañceva vikkayañca. ‘‘Iminā imaṃ dehi, imaṃ āhara, parivattehi, cetāpehī’’ti iminā hi nayena parassa kappiyabhaṇḍaṃ gaṇhanto kayaṃ samāpajjati, attano kappiyabhaṇḍaṃ dento vikkayaṃ samāpajjati. Tasmā ṭhapetvā pañca sahadhammike yaṃ evaṃ attano kappiyabhaṇḍaṃ datvā mātu santakampi kappiyabhaṇḍaṃ gaṇhāti, taṃ nissaggiyaṃ hoti. Vuttalakkhaṇavasena saṅghagaṇapuggalesu yassa kassaci nissajjitabbaṃ, ‘‘imaṃ bhuñjitvā vā gahetvā vā idaṃ nāma āhara vā karohi vā’’ti rajanādiṃ āharāpetvā vā dhamakaraṇādiparikkhāraṃ bhūmisodhanādiñca navakammaṃ kāretvā vā santaṃ vatthu nissajjitabbaṃ, asante pācittiyaṃ desetabbameva.
สาวตฺถิยํ อุปนนฺทํ อารพฺภ กยวิกฺกยวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อิทํ กิํ อคฺฆตี’’ติ เอวํ อคฺฆํ ปุจฺฉนฺตสฺส, ยสฺส หตฺถโต ภณฺฑํ คณฺหิตุกาโม โหติ, ตํ ฐเปตฺวา อญฺญํ อนฺตมโส ตเสฺสว ปุตฺตภาตุกมฺปิ กปฺปิยการกํ กตฺวา ‘‘อิมินา อิทํ นาม คเหตฺวา เทหี’’ติ อาจิกฺขนฺตสฺส, ‘‘อิทํ อมฺหากํ อตฺถิ, อมฺหากญฺจ อิมินา จ อิมินา จ อโตฺถ’’ติ เอวํ วตฺวา อตฺตโน ธเนน ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺส, สหธมฺมิเกหิ สทฺธิํ กยวิกฺกยํ กโรนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ยํ อตฺตโน ธเนน ปริวเตฺตติ, เยน จ ปริวเตฺตติ, เตสํ กปฺปิยวตฺถุตา, อสหธมฺมิกตา, กยวิกฺกยาปชฺชนญฺจาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ เสสํ รูปิยสํโวหาเร วุตฺตนยเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ upanandaṃ ārabbha kayavikkayavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘idaṃ kiṃ agghatī’’ti evaṃ agghaṃ pucchantassa, yassa hatthato bhaṇḍaṃ gaṇhitukāmo hoti, taṃ ṭhapetvā aññaṃ antamaso tasseva puttabhātukampi kappiyakārakaṃ katvā ‘‘iminā idaṃ nāma gahetvā dehī’’ti ācikkhantassa, ‘‘idaṃ amhākaṃ atthi, amhākañca iminā ca iminā ca attho’’ti evaṃ vatvā attano dhanena laddhaṃ gaṇhantassa, sahadhammikehi saddhiṃ kayavikkayaṃ karontassa, ummattakādīnañca anāpatti. Yaṃ attano dhanena parivatteti, yena ca parivatteti, tesaṃ kappiyavatthutā, asahadhammikatā, kayavikkayāpajjanañcāti imānettha tīṇi aṅgāni. Sesaṃ rūpiyasaṃvohāre vuttanayamevāti.
กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kayavikkayasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
เอฬกโลมวโคฺค ทุติโยฯ
Eḷakalomavaggo dutiyo.