Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๖. เอสุการีสุตฺตํ

    6. Esukārīsuttaṃ

    ๔๓๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข เอสุการี พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, จตโสฺส ปาริจริยา ปญฺญเปนฺติ – พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ, ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ, เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ, สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ – ‘พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, ขตฺติโย วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, เวโสฺส วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, สุโทฺท วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺยา’ติฯ อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ – ‘ขตฺติโย วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺย, เวโสฺส วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺย, สุโทฺท วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺยา’ติฯ อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ – ‘เวโสฺส วา เวสฺสํ ปริจเรยฺย, สุโทฺท วา เวสฺสํ ปริจเรยฺยา’ติฯ อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ ฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติ – ‘สุโทฺทว สุทฺทํ ปริจเรยฺยฯ โก ปนโญฺญ สุทฺทํ ปริจริสฺสตี’ติ? อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปญฺญเปนฺติฯ พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิมา จตโสฺส ปาริจริยา ปญฺญเปนฺติฯ อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?

    436. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho esukārī brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho esukārī brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘brāhmaṇā, bho gotama, catasso pāricariyā paññapenti – brāhmaṇassa pāricariyaṃ paññapenti, khattiyassa pāricariyaṃ paññapenti, vessassa pāricariyaṃ paññapenti, suddassa pāricariyaṃ paññapenti. Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā brāhmaṇassa pāricariyaṃ paññapenti – ‘brāhmaṇo vā brāhmaṇaṃ paricareyya, khattiyo vā brāhmaṇaṃ paricareyya, vesso vā brāhmaṇaṃ paricareyya, suddo vā brāhmaṇaṃ paricareyyā’ti. Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā brāhmaṇassa pāricariyaṃ paññapenti. Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā khattiyassa pāricariyaṃ paññapenti – ‘khattiyo vā khattiyaṃ paricareyya, vesso vā khattiyaṃ paricareyya, suddo vā khattiyaṃ paricareyyā’ti. Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā khattiyassa pāricariyaṃ paññapenti. Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā vessassa pāricariyaṃ paññapenti – ‘vesso vā vessaṃ paricareyya, suddo vā vessaṃ paricareyyā’ti. Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā vessassa pāricariyaṃ paññapenti . Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā suddassa pāricariyaṃ paññapenti – ‘suddova suddaṃ paricareyya. Ko panañño suddaṃ paricarissatī’ti? Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā suddassa pāricariyaṃ paññapenti. Brāhmaṇā, bho gotama, imā catasso pāricariyā paññapenti. Idha bhavaṃ gotamo kimāhā’’ti?

    ๔๓๗. ‘‘กิํ ปน, พฺราหฺมณ, สโพฺพ โลโก พฺราหฺมณานํ เอตทพฺภนุชานาติ – ‘อิมา จตโสฺส ปาริจริยา ปญฺญเปนฺตู’’’ติ 1? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส ทลิโทฺท 2 อสฺสโก อนาฬฺหิโยฯ ตสฺส อกามสฺส พิลํ โอลเคฺคยฺยุํ – ‘อิทํ เต, อโมฺภ ปุริส, มํสํ ขาทิตพฺพํ, มูลญฺจ อนุปฺปทาตพฺพ’นฺติฯ เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา อปฺปฎิญฺญาย เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ, อถ จ ปนิมา จตโสฺส ปาริจริยา ปญฺญเปนฺติฯ นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ น ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิฯ ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสโยฺย, นาหํ ตํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ; ยญฺจ ขฺวาสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสโยฺย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิฯ ขตฺติยํ เจปิ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสโยฺย, ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสโยฺย อสฺส น ปาปิโย; กเมตฺถ ปริจเรยฺยาสี’ติ, ขตฺติโยปิ หิ, พฺราหฺมณ , สมฺมา พฺยากรมาโน เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยญฺหิ เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสโยฺย, นาหํ ตํ ปริจเรยฺยํ; ยญฺจ โข เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสโยฺย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ปริจเรยฺย’นฺติฯ พฺราหฺมณํ เจปิ, พฺราหฺมณ…เป.… เวสฺสํ เจปิ, พฺราหฺมณ…เป.… สุทฺทํ เจปิ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสโยฺย, ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสโยฺย อสฺส น ปาปิโย; กเมตฺถ ปริจเรยฺยาสี’ติ, สุโทฺทปิ หิ, พฺราหฺมณ, สมฺมา พฺยากรมาโน เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยญฺหิ เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสโยฺย, นาหํ ตํ ปริจเรยฺยํ; ยญฺจ โข เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสโยฺย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ปริจเรยฺย’นฺติฯ นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุจฺจากุลีนตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุจฺจากุลีนตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารวณฺณตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารวณฺณตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารโภคตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารโภคตา ปาปิยํโส’ติ วทามิฯ

    437. ‘‘Kiṃ pana, brāhmaṇa, sabbo loko brāhmaṇānaṃ etadabbhanujānāti – ‘imā catasso pāricariyā paññapentū’’’ti 3? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Seyyathāpi, brāhmaṇa, puriso daliddo 4 assako anāḷhiyo. Tassa akāmassa bilaṃ olaggeyyuṃ – ‘idaṃ te, ambho purisa, maṃsaṃ khāditabbaṃ, mūlañca anuppadātabba’nti. Evameva kho, brāhmaṇa, brāhmaṇā appaṭiññāya tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ, atha ca panimā catasso pāricariyā paññapenti. Nāhaṃ, brāhmaṇa, ‘sabbaṃ paricaritabba’nti vadāmi; nāhaṃ, brāhmaṇa, ‘sabbaṃ na paricaritabba’nti vadāmi. Yaṃ hissa, brāhmaṇa, paricarato pāricariyāhetu pāpiyo assa na seyyo, nāhaṃ taṃ ‘paricaritabba’nti vadāmi; yañca khvāssa, brāhmaṇa, paricarato pāricariyāhetu seyyo assa na pāpiyo tamahaṃ ‘paricaritabba’nti vadāmi. Khattiyaṃ cepi, brāhmaṇa, evaṃ puccheyyuṃ – ‘yaṃ vā te paricarato pāricariyāhetu pāpiyo assa na seyyo, yaṃ vā te paricarato pāricariyāhetu seyyo assa na pāpiyo; kamettha paricareyyāsī’ti, khattiyopi hi, brāhmaṇa , sammā byākaramāno evaṃ byākareyya – ‘yañhi me paricarato pāricariyāhetu pāpiyo assa na seyyo, nāhaṃ taṃ paricareyyaṃ; yañca kho me paricarato pāricariyāhetu seyyo assa na pāpiyo tamahaṃ paricareyya’nti. Brāhmaṇaṃ cepi, brāhmaṇa…pe… vessaṃ cepi, brāhmaṇa…pe… suddaṃ cepi, brāhmaṇa, evaṃ puccheyyuṃ – ‘yaṃ vā te paricarato pāricariyāhetu pāpiyo assa na seyyo, yaṃ vā te paricarato pāricariyāhetu seyyo assa na pāpiyo; kamettha paricareyyāsī’ti, suddopi hi, brāhmaṇa, sammā byākaramāno evaṃ byākareyya – ‘yañhi me paricarato pāricariyāhetu pāpiyo assa na seyyo, nāhaṃ taṃ paricareyyaṃ; yañca kho me paricarato pāricariyāhetu seyyo assa na pāpiyo tamahaṃ paricareyya’nti. Nāhaṃ, brāhmaṇa, ‘uccākulīnatā seyyaṃso’ti vadāmi, na panāhaṃ, brāhmaṇa, ‘uccākulīnatā pāpiyaṃso’ti vadāmi; nāhaṃ, brāhmaṇa, ‘uḷāravaṇṇatā seyyaṃso’ti vadāmi, na panāhaṃ, brāhmaṇa, ‘uḷāravaṇṇatā pāpiyaṃso’ti vadāmi; nāhaṃ, brāhmaṇa, ‘uḷārabhogatā seyyaṃso’ti vadāmi, na panāhaṃ, brāhmaṇa, ‘uḷārabhogatā pāpiyaṃso’ti vadāmi.

    ๔๓๘. ‘‘อุจฺจากุลีโนปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, ปิสุณาวาโจ โหติ, ผรุสาวาโจ โหติ, สมฺผปฺปลาปี โหติ, อภิชฺฌาลุ โหติ , พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติฯ ตสฺมา ‘น อุจฺจากุลีนตา เสยฺยํโส’ติ วทามิฯ อุจฺจากุลีโนปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิ โหติฯ ตสฺมา ‘น อุจฺจากุลีนตา ปาปิยํโส’ติ วทามิฯ

    438. ‘‘Uccākulīnopi hi, brāhmaṇa, idhekacco pāṇātipātī hoti, adinnādāyī hoti, kāmesumicchācārī hoti, musāvādī hoti, pisuṇāvāco hoti, pharusāvāco hoti, samphappalāpī hoti, abhijjhālu hoti , byāpannacitto hoti, micchādiṭṭhi hoti. Tasmā ‘na uccākulīnatā seyyaṃso’ti vadāmi. Uccākulīnopi hi, brāhmaṇa, idhekacco pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, musāvādā paṭivirato hoti, pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya paṭivirato hoti, samphappalāpā paṭivirato hoti, anabhijjhālu hoti, abyāpannacitto hoti, sammādiṭṭhi hoti. Tasmā ‘na uccākulīnatā pāpiyaṃso’ti vadāmi.

    ๔๓๙. ‘‘อุฬารวโณฺณปิ หิ, พฺราหฺมณ…เป.… อุฬารโภโคปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ ปาณาติปาตี โหติ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติฯ ตสฺมา ‘น อุฬารโภคตา เสยฺยํโส’ติ วทามิฯ อุฬารโภโคปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติฯ ตสฺมา ‘น อุฬารโภคตา ปาปิยํโส’ติ วทามิฯ นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ น ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิฯ ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ สทฺธา วฑฺฒติ, สีลํ วฑฺฒติ, สุตํ วฑฺฒติ, จาโค วฑฺฒติ, ปญฺญา วฑฺฒติ, ตมหํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ (วทามิฯ ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ น สทฺธา วฑฺฒติ, น สีลํ วฑฺฒติ, น สุตํ วฑฺฒติ, น จาโค วฑฺฒติ, น ปญฺญา วฑฺฒติ, นาหํ ตํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ) 5 วทามี’’ติฯ

    439. ‘‘Uḷāravaṇṇopi hi, brāhmaṇa…pe… uḷārabhogopi hi, brāhmaṇa, idhekacco pāṇātipātī hoti…pe… micchādiṭṭhi hoti. Tasmā ‘na uḷārabhogatā seyyaṃso’ti vadāmi. Uḷārabhogopi hi, brāhmaṇa, idhekacco pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti. Tasmā ‘na uḷārabhogatā pāpiyaṃso’ti vadāmi. Nāhaṃ, brāhmaṇa, ‘sabbaṃ paricaritabba’nti vadāmi, na panāhaṃ, brāhmaṇa, ‘sabbaṃ na paricaritabba’nti vadāmi. Yaṃ hissa, brāhmaṇa, paricarato pāricariyāhetu saddhā vaḍḍhati, sīlaṃ vaḍḍhati, sutaṃ vaḍḍhati, cāgo vaḍḍhati, paññā vaḍḍhati, tamahaṃ ‘paricaritabba’nti (vadāmi. Yaṃ hissa, brāhmaṇa, paricarato pāricariyāhetu na saddhā vaḍḍhati, na sīlaṃ vaḍḍhati, na sutaṃ vaḍḍhati, na cāgo vaḍḍhati, na paññā vaḍḍhati, nāhaṃ taṃ ‘paricaritabba’nti) 6 vadāmī’’ti.

    ๔๔๐. เอวํ วุเตฺต, เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, จตฺตาริ ธนานิ ปญฺญเปนฺติ – พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติ, ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติ, เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติ, สุทฺทสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติ ภิกฺขาจริยํ; ภิกฺขาจริยญฺจ ปน พฺราหฺมโณ สนฺธนํ อติมญฺญมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติฯ อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติ ธนุกลาปํ; ธนุกลาปญฺจ ปน ขตฺติโย สนฺธนํ อติมญฺญมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติฯ อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติ กสิโครกฺขํ; กสิโครกฺขญฺจ ปน เวโสฺส สนฺธนํ อติมญฺญมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติฯ อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติฯ ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติ อสิตพฺยาภงฺคิํ; อสิตพฺยาภงฺคิญฺจ ปน สุโทฺท สนฺธนํ อติมญฺญมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติฯ อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปนฺติฯ พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปญฺญเปนฺติฯ อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?

    440. Evaṃ vutte, esukārī brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘brāhmaṇā, bho gotama, cattāri dhanāni paññapenti – brāhmaṇassa sandhanaṃ paññapenti, khattiyassa sandhanaṃ paññapenti, vessassa sandhanaṃ paññapenti, suddassa sandhanaṃ paññapenti. Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā brāhmaṇassa sandhanaṃ paññapenti bhikkhācariyaṃ; bhikkhācariyañca pana brāhmaṇo sandhanaṃ atimaññamāno akiccakārī hoti gopova adinnaṃ ādiyamānoti. Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā brāhmaṇassa sandhanaṃ paññapenti. Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā khattiyassa sandhanaṃ paññapenti dhanukalāpaṃ; dhanukalāpañca pana khattiyo sandhanaṃ atimaññamāno akiccakārī hoti gopova adinnaṃ ādiyamānoti. Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā khattiyassa sandhanaṃ paññapenti. Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā vessassa sandhanaṃ paññapenti kasigorakkhaṃ; kasigorakkhañca pana vesso sandhanaṃ atimaññamāno akiccakārī hoti gopova adinnaṃ ādiyamānoti. Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā vessassa sandhanaṃ paññapenti. Tatridaṃ, bho gotama, brāhmaṇā suddassa sandhanaṃ paññapenti asitabyābhaṅgiṃ; asitabyābhaṅgiñca pana suddo sandhanaṃ atimaññamāno akiccakārī hoti gopova adinnaṃ ādiyamānoti. Idaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā suddassa sandhanaṃ paññapenti. Brāhmaṇā, bho gotama, imāni cattāri dhanāni paññapenti. Idha bhavaṃ gotamo kimāhā’’ti?

    ๔๔๑. ‘‘กิํ ปน, พฺราหฺมณ, สโพฺพ โลโก พฺราหฺมณานํ เอตทพฺภนุชานาติ – ‘อิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปญฺญเปนฺตู’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโยฯ ตสฺส อกามสฺส พิลํ โอลเคฺคยฺยุํ – ‘อิทํ เต, อโมฺภ ปุริส, มํสํ ขาทิตพฺพํ, มูลญฺจ อนุปฺปทาตพฺพ’นฺติฯ เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา อปฺปฎิญฺญาย เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ, อถ จ ปนิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปญฺญเปนฺติฯ อริยํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปุริสสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปมิฯ โปราณํ โข ปนสฺส มาตาเปตฺติกํ กุลวํสํ อนุสฺสรโต ยตฺถ ยเตฺถว อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ขตฺติยกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘ขตฺติโย’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; พฺราหฺมณกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘พฺราหฺมโณ’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เวสฺสกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘เวโสฺส’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สุทฺทกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘สุโทฺท’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ยํยเทว ปจฺจยํ ปฎิจฺจ อคฺคิ ชลติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ กฎฺฐเญฺจ ปฎิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘กฎฺฐคฺคิ’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สกลิกเญฺจ ปฎิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘สกลิกคฺคิ’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ติณเญฺจ ปฎิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘ติณคฺคิ’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; โคมยเญฺจ ปฎิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘โคมยคฺคิ’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ เอวเมว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อริยํ โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปุริสสฺส สนฺธนํ ปญฺญเปมิฯ โปราณํ โข ปนสฺส มาตาเปตฺติกํ กุลวํสํ อนุสฺสรโต ยตฺถ ยเตฺถว อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ

    441. ‘‘Kiṃ pana, brāhmaṇa, sabbo loko brāhmaṇānaṃ etadabbhanujānāti – ‘imāni cattāri dhanāni paññapentū’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Seyyathāpi, brāhmaṇa, puriso daliddo assako anāḷhiyo. Tassa akāmassa bilaṃ olaggeyyuṃ – ‘idaṃ te, ambho purisa, maṃsaṃ khāditabbaṃ, mūlañca anuppadātabba’nti. Evameva kho, brāhmaṇa, brāhmaṇā appaṭiññāya tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ, atha ca panimāni cattāri dhanāni paññapenti. Ariyaṃ kho ahaṃ, brāhmaṇa, lokuttaraṃ dhammaṃ purisassa sandhanaṃ paññapemi. Porāṇaṃ kho panassa mātāpettikaṃ kulavaṃsaṃ anussarato yattha yattheva attabhāvassa abhinibbatti hoti tena teneva saṅkhyaṃ gacchati. Khattiyakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘khattiyo’tveva saṅkhyaṃ gacchati; brāhmaṇakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘brāhmaṇo’tveva saṅkhyaṃ gacchati; vessakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘vesso’tveva saṅkhyaṃ gacchati; suddakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘suddo’tveva saṅkhyaṃ gacchati. Seyyathāpi, brāhmaṇa, yaṃyadeva paccayaṃ paṭicca aggi jalati tena teneva saṅkhyaṃ gacchati. Kaṭṭhañce paṭicca aggi jalati ‘kaṭṭhaggi’tveva saṅkhyaṃ gacchati; sakalikañce paṭicca aggi jalati ‘sakalikaggi’tveva saṅkhyaṃ gacchati; tiṇañce paṭicca aggi jalati ‘tiṇaggi’tveva saṅkhyaṃ gacchati; gomayañce paṭicca aggi jalati ‘gomayaggi’tveva saṅkhyaṃ gacchati. Evameva kho ahaṃ, brāhmaṇa, ariyaṃ lokuttaraṃ dhammaṃ purisassa sandhanaṃ paññapemi. Porāṇaṃ kho panassa mātāpettikaṃ kulavaṃsaṃ anussarato yattha yattheva attabhāvassa abhinibbatti hoti tena teneva saṅkhyaṃ gacchati.

    ‘‘ขตฺติยกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘ขตฺติโย’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; พฺราหฺมณกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘พฺราหฺมโณ’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เวสฺสกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘เวโสฺส’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สุทฺทกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘สุโทฺท’เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Khattiyakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘khattiyo’tveva saṅkhyaṃ gacchati; brāhmaṇakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘brāhmaṇo’tveva saṅkhyaṃ gacchati; vessakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘vesso’tveva saṅkhyaṃ gacchati; suddakule ce attabhāvassa abhinibbatti hoti ‘suddo’tveva saṅkhyaṃ gacchati.

    ‘‘ขตฺติยกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    ‘‘Khattiyakulā cepi, brāhmaṇa, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, abrahmacariyā paṭivirato hoti, musāvādā paṭivirato hoti, pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya paṭivirato hoti, samphappalāpā paṭivirato hoti, anabhijjhālu hoti, abyāpannacitto hoti, sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ‘‘พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    ‘‘Brāhmaṇakulā cepi, brāhmaṇa, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ‘‘เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    ‘‘Vessakulā cepi, brāhmaṇa, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ‘‘สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    ‘‘Suddakulā cepi, brāhmaṇa, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ๔๔๒. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ อสฺมิํ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ, โน ขตฺติโย โน เวโสฺส โน สุโทฺท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตมฯ ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ อสฺมิํ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวโสฺสปิ หิ, โภ โคตม… สุโทฺทปิ หิ, โภ โคตม… สเพฺพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ อสฺมิํ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุ’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    442. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, brāhmaṇa, brāhmaṇova nu kho pahoti asmiṃ padese averaṃ abyābajjhaṃ mettacittaṃ bhāvetuṃ, no khattiyo no vesso no suddo’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama. Khattiyopi hi, bho gotama, pahoti asmiṃ padese averaṃ abyābajjhaṃ mettacittaṃ bhāvetuṃ; brāhmaṇopi hi, bho gotama… vessopi hi, bho gotama… suddopi hi, bho gotama… sabbepi hi, bho gotama, cattāro vaṇṇā pahonti asmiṃ padese averaṃ abyābajjhaṃ mettacittaṃ bhāvetu’’nti. ‘‘Evameva kho, brāhmaṇa, khattiyakulā cepi agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ‘‘พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    ‘‘Brāhmaṇakulā cepi, brāhmaṇa… vessakulā cepi, brāhmaṇa… suddakulā cepi, brāhmaṇa, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ๔๔๓. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ โสตฺติสินานิํ อาทาย นทิํ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, โน ขตฺติโย โน เวโสฺส โน สุโทฺท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม ฯ ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ โสตฺติสินานิํ อาทาย นทิํ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวโสฺสปิ หิ, โภ โคตม … สุโทฺทปิ หิ, โภ โคตม… สเพฺพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ โสตฺติสินานิํ อาทาย นทิํ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุ’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    443. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, brāhmaṇa, brāhmaṇova nu kho pahoti sottisināniṃ ādāya nadiṃ gantvā rajojallaṃ pavāhetuṃ, no khattiyo no vesso no suddo’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama . Khattiyopi hi, bho gotama, pahoti sottisināniṃ ādāya nadiṃ gantvā rajojallaṃ pavāhetuṃ; brāhmaṇopi hi, bho gotama… vessopi hi, bho gotama … suddopi hi, bho gotama… sabbepi hi, bho gotama, cattāro vaṇṇā pahonti sottisināniṃ ādāya nadiṃ gantvā rajojallaṃ pavāhetu’’nti. ‘‘Evameva kho, brāhmaṇa, khattiyakulā cepi agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ‘‘พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ , พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ

    ‘‘Brāhmaṇakulā cepi, brāhmaṇa… vessakulā cepi, brāhmaṇa… suddakulā cepi , brāhmaṇa, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.

    ๔๔๔. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, พฺราหฺมณ, อิธ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต นานาชจฺจานํ ปุริสานํ ปุริสสตํ สนฺนิปาเตยฺย – ‘อายนฺตุ โภโนฺต เย ตตฺถ ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชญฺญกุลา อุปฺปนฺนา สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณิํ อาทาย อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตุ; อายนฺตุ ปน โภโนฺต เย ตตฺถ จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺนา สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฎฺฐสฺส วา อุตฺตรารณิํ อาทาย อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตู’’’ติ?

    444. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, brāhmaṇa, idha rājā khattiyo muddhāvasitto nānājaccānaṃ purisānaṃ purisasataṃ sannipāteyya – ‘āyantu bhonto ye tattha khattiyakulā brāhmaṇakulā rājaññakulā uppannā sākassa vā sālassa vā salaḷassa vā candanassa vā padumakassa vā uttarāraṇiṃ ādāya aggiṃ abhinibbattentu, tejo pātukarontu; āyantu pana bhonto ye tattha caṇḍālakulā nesādakulā venakulā rathakārakulā pukkusakulā uppannā sāpānadoṇiyā vā sūkaradoṇiyā vā rajakadoṇiyā vā eraṇḍakaṭṭhassa vā uttarāraṇiṃ ādāya aggiṃ abhinibbattentu, tejo pātukarontū’’’ti?

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, พฺราหฺมณ, โย เอวํ นุ โข โส ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชญฺญกุลา อุปฺปเนฺนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณิํ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพโตฺต เตโช ปาตุกโต โส เอว นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โย ปน โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปเนฺนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฎฺฐสฺส วา อุตฺตรารณิํ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพโตฺต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ น เจว อจฺจิมา น จ วณฺณวา น จ ปภสฺสโร น จ เตน สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตมฯ โยปิ หิ โส, โภ โคตม, ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชญฺญกุลา อุปฺปเนฺนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณิํ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพโตฺต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โยปิ โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปเนฺนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฎฺฐสฺส วา อุตฺตรารณิํ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพโตฺต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํฯ สโพฺพปิ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ สเพฺพนปิ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, brāhmaṇa, yo evaṃ nu kho so khattiyakulā brāhmaṇakulā rājaññakulā uppannehi sākassa vā sālassa vā salaḷassa vā candanassa vā padumakassa vā uttarāraṇiṃ ādāya aggi abhinibbatto tejo pātukato so eva nu khvāssa aggi accimā ceva vaṇṇavā ca pabhassaro ca tena ca sakkā agginā aggikaraṇīyaṃ kātuṃ; yo pana so caṇḍālakulā nesādakulā venakulā rathakārakulā pukkusakulā uppannehi sāpānadoṇiyā vā sūkaradoṇiyā vā rajakadoṇiyā vā eraṇḍakaṭṭhassa vā uttarāraṇiṃ ādāya aggi abhinibbatto tejo pātukato svāssa aggi na ceva accimā na ca vaṇṇavā na ca pabhassaro na ca tena sakkā agginā aggikaraṇīyaṃ kātu’’nti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama. Yopi hi so, bho gotama, khattiyakulā brāhmaṇakulā rājaññakulā uppannehi sākassa vā sālassa vā salaḷassa vā candanassa vā padumakassa vā uttarāraṇiṃ ādāya aggi abhinibbatto tejo pātukato svāssa aggi accimā ceva vaṇṇavā ca pabhassaro ca tena ca sakkā agginā aggikaraṇīyaṃ kātuṃ; yopi so caṇḍālakulā nesādakulā venakulā rathakārakulā pukkusakulā uppannehi sāpānadoṇiyā vā sūkaradoṇiyā vā rajakadoṇiyā vā eraṇḍakaṭṭhassa vā uttarāraṇiṃ ādāya aggi abhinibbatto tejo pātukato svāssa aggi accimā ceva vaṇṇavā ca pabhassaro ca tena ca sakkā agginā aggikaraṇīyaṃ kātuṃ. Sabbopi hi, bho gotama, aggi accimā ceva vaṇṇavā ca pabhassaro ca sabbenapi sakkā agginā aggikaraṇīyaṃ kātu’’nti.

    ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติฯ

    ‘‘Evameva kho, brāhmaṇa, khattiyakulā cepi agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ. Brāhmaṇakulā cepi, brāhmaṇa… vessakulā cepi, brāhmaṇa… suddakulā cepi, brāhmaṇa, agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, so ca tathāgatappaveditaṃ dhammavinayaṃ āgamma pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, abrahmacariyā paṭivirato hoti, musāvādā paṭivirato hoti, pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya paṭivirato hoti, samphappalāpā paṭivirato hoti, anabhijjhālu hoti, abyāpannacitto hoti, sammādiṭṭhi hoti, ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusala’’nti.

    เอวํ วุเตฺต, เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ

    Evaṃ vutte, esukārī brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.

    เอสุการีสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ

    Esukārīsuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.







    Footnotes:
    1. ปญฺญเปนฺตีติ (สี. ก.)
    2. ทฬิโทฺท (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    3. paññapentīti (sī. ka.)
    4. daḷiddo (sī. syā. kaṃ. pī.)
    5. ( ) เอตฺถนฺตเร ปาโฐ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ
    6. ( ) etthantare pāṭho sī. syā. kaṃ. pī. potthakesu natthi



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. เอสุการีสุตฺตวณฺณนา • 6. Esukārīsuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. เอสุการีสุตฺตวณฺณนา • 6. Esukārīsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact