Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๙๙] ๙. คหปติชาตกวณฺณนา
[199] 9. Gahapatijātakavaṇṇanā
อุภยํ เม น ขมตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุกฺกณฺฐิตเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ กเถโนฺต จ ‘‘มาตุคาโม นาม อรกฺขิโต, ปาปกมฺมํ กตฺวา เยน เกนจิ อุปาเยน สามิกํ วเญฺจติเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Ubhayaṃme na khamatīti idaṃ satthā jetavane viharanto ukkaṇṭhitameva bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Kathento ca ‘‘mātugāmo nāma arakkhito, pāpakammaṃ katvā yena kenaci upāyena sāmikaṃ vañcetiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาสิรเฎฺฐ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ฆราวาสํ คณฺหิฯ ตสฺส ภริยา ทุสฺสีลา คามโภชเกน สทฺธิํ อนาจารํ จรติฯ โพธิสโตฺต ตํ ญตฺวา ปริคฺคณฺหโนฺต จรติ ฯ ตทา ปน อโนฺตวเสฺส พีเชสุ นีหเฎสุ ฉาตกํ อโหสิ, สสฺสานํ คพฺภคหณกาโล ชาโตฯ สกลคามวาสิโน ‘‘อิโต มาสทฺวเยน สสฺสานิ อุทฺธริตฺวา วีหิํ ทสฺสามา’’ติ เอกโต หุตฺวา คามโภชกสฺส หตฺถโต เอกํ ชรโคณํ คเหตฺวา มํสํ ขาทิํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāsiraṭṭhe gahapatikule nibbattitvā vayappatto gharāvāsaṃ gaṇhi. Tassa bhariyā dussīlā gāmabhojakena saddhiṃ anācāraṃ carati. Bodhisatto taṃ ñatvā pariggaṇhanto carati . Tadā pana antovasse bījesu nīhaṭesu chātakaṃ ahosi, sassānaṃ gabbhagahaṇakālo jāto. Sakalagāmavāsino ‘‘ito māsadvayena sassāni uddharitvā vīhiṃ dassāmā’’ti ekato hutvā gāmabhojakassa hatthato ekaṃ jaragoṇaṃ gahetvā maṃsaṃ khādiṃsu.
อเถกทิวสํ คามภาชโก ขณํ โอโลเกตฺวา โพธิสตฺตสฺส พหิคตเวลายํ เคหํ ปาวิสิฯ เตสํ สุขนิปนฺนกฺขเณเยว โพธิสโตฺต คามทฺวาเรน ปวิสิตฺวา เคหาภิมุโข ปายาสิฯ สา อิตฺถี คามทฺวาราภิมุขี ตํ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข เอโส’’ติ อุมฺมาเร ฐตฺวา โอโลเกนฺตี ‘‘โสเยวา’’ติ ญตฺวา คามโภชกสฺส อาจิกฺขิ, คามโภชโก ภีโต ปกมฺปิฯ อถ นํ สา ‘‘มา ภายิ, อเตฺถโก อุปาโย, อเมฺหหิ ตว หตฺถโต โคณมํสํ ขาทิตํ, ตฺวํ มํสมูลํ โสเธโนฺต วิย โหหิ, อหํ โกฎฺฐํ อารุยฺห โกฎฺฐทฺวาเร ฐตฺวา ‘วีหิ นตฺถี’ติ วกฺขามิฯ ตฺวํ เคหมเชฺฌ ฐตฺวา ‘อมฺหากํ ฆเร ทารกา ฉาตา, มํสมูลํ เม เทหี’ติ ปุนปฺปุนํ โจเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา โกฎฺฐํ อารุยฺห โกฎฺฐทฺวาเร นิสีทิฯ อิตโร เคหมเชฺฌ ฐตฺวา ‘‘มํสมูลํ เทหี’’ติ วทติฯ สา โกฎฺฐทฺวาเร นิสินฺนา ‘‘โกเฎฺฐ วีหิ นตฺถิ, สเสฺส อุทฺธรเนฺต ทสฺสามิ คจฺฉาหี’’ติ อาหฯ
Athekadivasaṃ gāmabhājako khaṇaṃ oloketvā bodhisattassa bahigatavelāyaṃ gehaṃ pāvisi. Tesaṃ sukhanipannakkhaṇeyeva bodhisatto gāmadvārena pavisitvā gehābhimukho pāyāsi. Sā itthī gāmadvārābhimukhī taṃ disvā ‘‘ko nu kho eso’’ti ummāre ṭhatvā olokentī ‘‘soyevā’’ti ñatvā gāmabhojakassa ācikkhi, gāmabhojako bhīto pakampi. Atha naṃ sā ‘‘mā bhāyi, attheko upāyo, amhehi tava hatthato goṇamaṃsaṃ khāditaṃ, tvaṃ maṃsamūlaṃ sodhento viya hohi, ahaṃ koṭṭhaṃ āruyha koṭṭhadvāre ṭhatvā ‘vīhi natthī’ti vakkhāmi. Tvaṃ gehamajjhe ṭhatvā ‘amhākaṃ ghare dārakā chātā, maṃsamūlaṃ me dehī’ti punappunaṃ codeyyāsī’’ti vatvā koṭṭhaṃ āruyha koṭṭhadvāre nisīdi. Itaro gehamajjhe ṭhatvā ‘‘maṃsamūlaṃ dehī’’ti vadati. Sā koṭṭhadvāre nisinnā ‘‘koṭṭhe vīhi natthi, sasse uddharante dassāmi gacchāhī’’ti āha.
โพธิสโตฺต เคหํ ปวิสิตฺวา เตสํ กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย ปาปาย กตอุปาโย เอส ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา คามโภชกํ อามเนฺตตฺวา ‘‘โส คามโภชก อเมฺห ตว ชรโคณสฺส มํสํ ขาทนฺตา ‘อิโต มาสทฺวเยน วีหิํ ทสฺสามา’ติ ขาทิมฺห, ตฺวํ อฑฺฒมาสมฺปิ อนติกฺกมิตฺวา อิทาเนว กสฺมา อาหราเปสิ, น ตฺวํ อิมินา การเณน อาคโต, อเญฺญน การเณน อาคโต ภวิสฺสสิ, มยฺหํ ตว กิริยา น รุจฺจติ, อยมฺปิ อนาจารา ปาปธมฺมา โกเฎฺฐ วีหีนํ อภาวํ ชานาติ, สา ทานิ โกฎฺฐํ อารุยฺห ‘วีหิ นตฺถี’ติ วทติ, ตฺวมฺปิ ‘เทหี’ติ วทติ, อุภินฺนมฺปิ โว กรณํ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสโนฺต อิมา คาถา อโวจ –
Bodhisatto gehaṃ pavisitvā tesaṃ kiriyaṃ disvā ‘‘imāya pāpāya kataupāyo esa bhavissatī’’ti ñatvā gāmabhojakaṃ āmantetvā ‘‘so gāmabhojaka amhe tava jaragoṇassa maṃsaṃ khādantā ‘ito māsadvayena vīhiṃ dassāmā’ti khādimha, tvaṃ aḍḍhamāsampi anatikkamitvā idāneva kasmā āharāpesi, na tvaṃ iminā kāraṇena āgato, aññena kāraṇena āgato bhavissasi, mayhaṃ tava kiriyā na ruccati, ayampi anācārā pāpadhammā koṭṭhe vīhīnaṃ abhāvaṃ jānāti, sā dāni koṭṭhaṃ āruyha ‘vīhi natthī’ti vadati, tvampi ‘dehī’ti vadati, ubhinnampi vo karaṇaṃ mayhaṃ na ruccatī’’ti etamatthaṃ pakāsento imā gāthā avoca –
๙๗.
97.
‘‘อุภยํ เม น ขมติ, อุภยํ เม น รุจฺจติ;
‘‘Ubhayaṃ me na khamati, ubhayaṃ me na ruccati;
ยาจายํ โกฎฺฐโมติณฺณา, นทสฺสํ อิติ ภาสติฯ
Yācāyaṃ koṭṭhamotiṇṇā, nadassaṃ iti bhāsati.
๙๘.
98.
‘‘ตํ ตํ คามปติ พฺรูมิ, กทเร อปฺปสฺมิ ชีวิเต;
‘‘Taṃ taṃ gāmapati brūmi, kadare appasmi jīvite;
เทฺว มาเส สงฺครํ กตฺวา, มํสํ ชรคฺควํ กิสํ;
Dve māse saṅgaraṃ katvā, maṃsaṃ jaraggavaṃ kisaṃ;
อปฺปตฺตกาเล โจเทสิ, ตมฺปิ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติฯ
Appattakāle codesi, tampi mayhaṃ na ruccatī’’ti.
ตตฺถ ตํ ตํ คามปติ พฺรูมีติ, อโมฺภ คามเชฎฺฐก, เตน การเณน ตํ วทามิฯ กทเร อปฺปสฺมิ ชีวิเตติ อมฺหากํ ชีวิตํ นาม กทรเญฺจว ถทฺธํ ลูขํ กสิรํ อปฺปญฺจ มนฺทํ ปริตฺตํ, ตสฺมิํ โน เอวรูเป ชีวิเต วตฺตมาเนฯ เทฺว มาเส สงฺครํ กตฺวา, มํสํ ชรคฺควํ กิสนฺติ อมฺหากํ มํสํ คณฺหนฺตานํ ชรคฺควํ กิสํ ทุพฺพลํ ชรโคณํ ททมาโน ตฺวํ ‘‘ทฺวีหิ มาเสหิ มูลํ ทาตพฺพ’’นฺติ เอวํ เทฺว มาเส สงฺครํ ปริเจฺฉทํ กตฺวาฯ อปฺปตฺตกาเล โจเทสีติ ตสฺมิํ กาเล อสมฺปเตฺต อนฺตราว โจเทสิฯ ตมฺปิ มยฺหํ น รุจฺจตีติ ยา จายํ ปาปธมฺมา ทุสฺสีลา อโนฺตโกเฎฺฐ วีหีนํ นตฺถิภาวํ ชานมานาว อชานนฺตี วิย หุตฺวา โกฎฺฐโมติณฺณา โกฎฺฐทฺวาเร ฐตฺวา น ทสฺสํ อิติ ภาสติ, ยญฺจ ตฺวํ อกาเล โจเทสิ, ตมฺปีติ อิทํ อุภยมฺปิ มม เนว ขมติ น รุจฺจตีติฯ
Tattha taṃ taṃ gāmapati brūmīti, ambho gāmajeṭṭhaka, tena kāraṇena taṃ vadāmi. Kadare appasmi jīviteti amhākaṃ jīvitaṃ nāma kadarañceva thaddhaṃ lūkhaṃ kasiraṃ appañca mandaṃ parittaṃ, tasmiṃ no evarūpe jīvite vattamāne. Dve māse saṅgaraṃ katvā, maṃsaṃ jaraggavaṃ kisanti amhākaṃ maṃsaṃ gaṇhantānaṃ jaraggavaṃ kisaṃ dubbalaṃ jaragoṇaṃ dadamāno tvaṃ ‘‘dvīhi māsehi mūlaṃ dātabba’’nti evaṃ dve māse saṅgaraṃ paricchedaṃ katvā. Appattakāle codesīti tasmiṃ kāle asampatte antarāva codesi. Tampi mayhaṃ na ruccatīti yā cāyaṃ pāpadhammā dussīlā antokoṭṭhe vīhīnaṃ natthibhāvaṃ jānamānāva ajānantī viya hutvā koṭṭhamotiṇṇā koṭṭhadvāre ṭhatvā na dassaṃ iti bhāsati, yañca tvaṃ akāle codesi, tampīti idaṃ ubhayampi mama neva khamati na ruccatīti.
เอวํ โส กเถโนฺตว คามโภชกํ จูฬาย คเหตฺวา กฑฺฒิตฺวา เคหมเชฺฌ ปาเตตฺวา ‘‘คามโภชโกมฺหีติ ปรสฺส รกฺขิตโคปิตภเณฺฑ อปรชฺฌสี’’ติอาทีหิ ปริภาสิตฺวา โปเถตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา คีวาย คเหตฺวา เคหา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ตมฺปิ ทุฎฺฐอิตฺถิํ เกเสสุ คเหตฺวา โกฎฺฐา โอตาเรตฺวา นิโปฺปเถตฺวา ‘‘สเจ ปุน เอวรูปํ กโรสิ, ชานิสฺสสี’’ติ สนฺตเชฺชสิฯ ตโต ปฎฺฐาย คามโภชโก ตํ เคหํ โอโลเกตุมฺปิ น วิสหิ, สาปิ ปาปา ปุน มนสาปิ อติจริตุํ นาสกฺขิฯ
Evaṃ so kathentova gāmabhojakaṃ cūḷāya gahetvā kaḍḍhitvā gehamajjhe pātetvā ‘‘gāmabhojakomhīti parassa rakkhitagopitabhaṇḍe aparajjhasī’’tiādīhi paribhāsitvā pothetvā dubbalaṃ katvā gīvāya gahetvā gehā nikkaḍḍhitvā tampi duṭṭhaitthiṃ kesesu gahetvā koṭṭhā otāretvā nippothetvā ‘‘sace puna evarūpaṃ karosi, jānissasī’’ti santajjesi. Tato paṭṭhāya gāmabhojako taṃ gehaṃ oloketumpi na visahi, sāpi pāpā puna manasāpi aticarituṃ nāsakkhi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา คามโภชโก เทวทโตฺต, นิคฺคหการโก คหปติ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā gāmabhojako devadatto, niggahakārako gahapati pana ahameva ahosi’’nti.
คหปติชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Gahapatijātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๙๙. คหปติชาตกํ • 199. Gahapatijātakaṃ