Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā |
คามสีมาทิกถา
Gāmasīmādikathā
๑๔๗. เอวํ พทฺธสีมาวเสน สมานสํวาสญฺจ เอกูโปสถภาวญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อพทฺธสีเมสุปิ โอกาเสสุ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมาย อฎฺฐปิตายา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อฎฺฐปิตายาติ อปริจฺฉินฺนายฯ คามคฺคหเณน เจตฺถ นครมฺปิ คหิตเมว โหติฯ ตตฺถ ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส คามสฺส โภชกา พลิํ ลภนฺติ, โส ปเทโส อโปฺป วา โหตุ มหโนฺต วา, คามสีมาเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ นครนิคมสีมาสุปิ เอเสว นโยฯ ยมฺปิ เอกสฺมิํเยว คามเขเตฺต เอกํ ปเทสํ ‘‘อยํ วิสุํ คาโม โหตู’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวฯ ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามนครนิคมสีมา พทฺธสีมาสทิสาเยว โหนฺติ, เกวลํ ปน ติจีวรวิปฺปวาสปริหารํ น ลภนฺติฯ
147. Evaṃ baddhasīmāvasena samānasaṃvāsañca ekūposathabhāvañca dassetvā idāni abaddhasīmesupi okāsesu taṃ dassento ‘‘asammatāya, bhikkhave, sīmāya aṭṭhapitāyā’’tiādimāha. Tattha aṭṭhapitāyāti aparicchinnāya. Gāmaggahaṇena cettha nagarampi gahitameva hoti. Tattha yattake padese tassa gāmassa bhojakā baliṃ labhanti, so padeso appo vā hotu mahanto vā, gāmasīmātveva saṅkhyaṃ gacchati. Nagaranigamasīmāsupi eseva nayo. Yampi ekasmiṃyeva gāmakhette ekaṃ padesaṃ ‘‘ayaṃ visuṃ gāmo hotū’’ti paricchinditvā rājā kassaci deti, sopi visuṃgāmasīmā hotiyeva. Tasmā sā ca itarā ca pakatigāmanagaranigamasīmā baddhasīmāsadisāyeva honti, kevalaṃ pana ticīvaravippavāsaparihāraṃ na labhanti.
เอวํ คามนฺตวาสีนํ สีมาปริเจฺฉทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อารญฺญกานํ สีมาปริเจฺฉทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อคามเก เจ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อคามเก เจติ คามนิคมนครสีมาหิ อปริจฺฉิเนฺน อฎวิปฺปเทเสฯ อถ วา อคามเก เจติ วิชฺฌาฎวิสทิเส อรเญฺญ ภิกฺขุ วสติ, อถสฺส ฐิโตกาสโต สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา สมานสํวาสกสีมาติ อโตฺถฯ อยํ สีมา ติจีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภติฯ ตตฺถ เอกํ อพฺภนฺตรํ อฎฺฐวีสติ หตฺถปฺปมาณํ โหติฯ มเชฺฌ ฐิตสฺส สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา วินิเพฺพเธน จุทฺทส โหนฺติฯ สเจ เทฺว สงฺฆา วิสุํ วินยกมฺมานิ กโรนฺติ, ทฺวินฺนํ สตฺตพฺภนฺตรานํ อนฺตเร อญฺญํ เอกํ สตฺตพฺภนฺตรํ อุปจารตฺถาย ฐเปตพฺพํฯ เสสา สตฺตพฺภนฺตรสีมกถา มหาวิภเงฺค อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนายํ วุตฺตนเยน คเหตพฺพาฯ
Evaṃ gāmantavāsīnaṃ sīmāparicchedaṃ dassetvā idāni āraññakānaṃ sīmāparicchedaṃ dassento ‘‘agāmake ce’’tiādimāha. Tattha agāmake ceti gāmanigamanagarasīmāhi aparicchinne aṭavippadese. Atha vā agāmake ceti vijjhāṭavisadise araññe bhikkhu vasati, athassa ṭhitokāsato samantā sattabbhantarā samānasaṃvāsakasīmāti attho. Ayaṃ sīmā ticīvaravippavāsaparihārampi labhati. Tattha ekaṃ abbhantaraṃ aṭṭhavīsati hatthappamāṇaṃ hoti. Majjhe ṭhitassa samantā sattabbhantarā vinibbedhena cuddasa honti. Sace dve saṅghā visuṃ vinayakammāni karonti, dvinnaṃ sattabbhantarānaṃ antare aññaṃ ekaṃ sattabbhantaraṃ upacāratthāya ṭhapetabbaṃ. Sesā sattabbhantarasīmakathā mahāvibhaṅge udositasikkhāpadavaṇṇanāyaṃ vuttanayena gahetabbā.
สพฺพา ภิกฺขเว นที อสีมาติ ยา กาจิ นทีลกฺขณปฺปตฺตา นที นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา ‘‘เอตํ พทฺธสีมํ กโรมา’’ติ กตาปิ อสีมาว โหติ, สา ปน อตฺตโน สภาเวเนว พทฺธสีมาสทิสา, สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ ชาตสฺสโร นาม เยน เกนจิ ขณิตฺวา อกโต สยํชาตโสโพฺภ สมนฺตโต อาคเตน อุทเกน ปูริโต ติฎฺฐติฯ
Sabbā bhikkhave nadī asīmāti yā kāci nadīlakkhaṇappattā nadī nimittāni kittetvā ‘‘etaṃ baddhasīmaṃ karomā’’ti katāpi asīmāva hoti, sā pana attano sabhāveneva baddhasīmāsadisā, sabbamettha saṅghakammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Samuddajātassaresupi eseva nayo. Ettha ca jātassaro nāma yena kenaci khaṇitvā akato sayaṃjātasobbho samantato āgatena udakena pūrito tiṭṭhati.
เอวํ นทีสมุทฺทชาตสฺสรานํ พทฺธสีมาภาวํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ตตฺถ อพทฺธสีมาปอเจฺฉทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นทิยา วา ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุเกฺขปาติ ยํ ฐานํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตโต อุทกุเกฺขเปน ปริจฺฉินฺนํฯ กถํ ปน อุทกํ อุกฺขิปิตพฺพํ? ยถา อกฺขธุตฺตา ทารุคุฬํ ขิปนฺติ, เอวํ อุทกํ วา วาลิกํ วา หเตฺถน คเหตฺวา ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน สพฺพถาเมน ขิปิตพฺพํฯ ยตฺถ เอวํ ขิตฺตํ อุทกํ วา วาลิกา วา ปตติ, อยเมโก อุทกุเกฺขโปฯ ตสฺส อโนฺต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ฐิโต กมฺมํ โกเปติฯ ยาว ปริสา วฑฺฒติ, ตาว สีมาปิ วฑฺฒติฯ ปริสปริยนฺตโต อุทกุเกฺขโปเยว ปมาณํฯ ชาตสฺสรสมุเทฺทสุปิ เอเสว นโยฯ
Evaṃ nadīsamuddajātassarānaṃ baddhasīmābhāvaṃ paṭikkhipitvā puna tattha abaddhasīmāpaacchedaṃ dassento ‘‘nadiyā vā bhikkhave’’tiādimāha. Tattha yaṃ majjhimassa purisassa samantā udakukkhepāti yaṃ ṭhānaṃ majjhimassa purisassa samantato udakukkhepena paricchinnaṃ. Kathaṃ pana udakaṃ ukkhipitabbaṃ? Yathā akkhadhuttā dāruguḷaṃ khipanti, evaṃ udakaṃ vā vālikaṃ vā hatthena gahetvā thāmamajjhimena purisena sabbathāmena khipitabbaṃ. Yattha evaṃ khittaṃ udakaṃ vā vālikā vā patati, ayameko udakukkhepo. Tassa anto hatthapāsaṃ vijahitvā ṭhito kammaṃ kopeti. Yāva parisā vaḍḍhati, tāva sīmāpi vaḍḍhati. Parisapariyantato udakukkhepoyeva pamāṇaṃ. Jātassarasamuddesupi eseva nayo.
เอตฺถ จ สเจ นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ปฎฺฐาย ยาว มุขทฺวารา สพฺพตฺถ สโงฺฆ นิสีทติ, อุทกุเกฺขปสีมากมฺมํ นตฺถิ, สกลาปิ นที เอเตสํเยว ภิกฺขูนํ ปโหติฯ ยํ ปน มหาสุมเตฺถเรน วุตฺตํ ‘‘โยชนํ ปวตฺตมานาเยว นที, ตตฺราปิ อุปริ อทฺธโยชนํ ปหาย เหฎฺฐา อทฺธโยชเน กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ, ตํ มหาปทุมเตฺถเรเนว ปฎิกฺขิตฺตํฯ ภควตา หิ ‘‘ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา อนฺตรวาสโก เตมิยตี’’ติ อิทํ นทิยา ปมาณํ วุตฺตํ, น โยชนํ วา อทฺธโยชนํ วาฯ ตสฺมา ยา อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน ปุเพฺพ วุตฺตลกฺขณา นที, ตสฺสา ปภวโต ปฎฺฐาย สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎตีติฯ สเจ ปเนตฺถ พหู ภิกฺขู วิสุํ วิสุํ กมฺมํ กโรนฺติ, สเพฺพหิ อตฺตโน จ อเญฺญสญฺจ อุทกุเกฺขปปริเจฺฉทสฺส อนฺตรา อโญฺญ อุทกุเกฺขโป สีมนฺตริกตฺถาย ฐเปตโพฺพฯ ตโต อธิกํ วฎฺฎติเยว, อูนกํ ปน น วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ ชาตสฺสรสมุเทฺทสุปิ เอเสว นโยฯ
Ettha ca sace nadī nātidīghā hoti, pabhavato paṭṭhāya yāva mukhadvārā sabbattha saṅgho nisīdati, udakukkhepasīmākammaṃ natthi, sakalāpi nadī etesaṃyeva bhikkhūnaṃ pahoti. Yaṃ pana mahāsumattherena vuttaṃ ‘‘yojanaṃ pavattamānāyeva nadī, tatrāpi upari addhayojanaṃ pahāya heṭṭhā addhayojane kammaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti, taṃ mahāpadumatthereneva paṭikkhittaṃ. Bhagavatā hi ‘‘timaṇḍalaṃ paṭicchādetvā yattha katthaci uttarantiyā bhikkhuniyā antaravāsako temiyatī’’ti idaṃ nadiyā pamāṇaṃ vuttaṃ, na yojanaṃ vā addhayojanaṃ vā. Tasmā yā imassa suttassa vasena pubbe vuttalakkhaṇā nadī, tassā pabhavato paṭṭhāya saṅghakammaṃ kātuṃ vaṭṭatīti. Sace panettha bahū bhikkhū visuṃ visuṃ kammaṃ karonti, sabbehi attano ca aññesañca udakukkhepaparicchedassa antarā añño udakukkhepo sīmantarikatthāya ṭhapetabbo. Tato adhikaṃ vaṭṭatiyeva, ūnakaṃ pana na vaṭṭatīti vuttaṃ. Jātassarasamuddesupi eseva nayo.
นทิยา ปน กมฺมํ กริสฺสามาติ คเตหิ สเจ นที ปริปุณฺณา โหติ สมติตฺติกา, อุทกสาฎิกํ นิวาเสตฺวาปิ อโนฺตนทิยํเยว กมฺมํ กาตพฺพํฯ สเจ น สโกฺกนฺติ, นาวายปิ ฐตฺวา กาตพฺพํฯ คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฎฺฎติฯ กสฺมา? อุทกุเกฺขปมตฺตเมว หิ สีมา, ตํ นาวา สีฆเมว อติกฺกาเมติฯ เอวํ สติ อญฺญิสฺสา สีมาย ญตฺติ อญฺญิสฺสา อนุสาวนา โหติ, ตสฺมา นาวํ อริเตฺตน วา ฐเปตฺวา ปาสาเณ วา ลมฺพิตฺวา อโนฺตนทิยํ ชาตรุเกฺข วา พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํฯ อโนฺตนทิยํ พทฺธอฎฺฎเกปิ อโนฺตนทิยํ ชาตรุเกฺขปิ ฐิเตหิ กาตุํ วฎฺฎติฯ
Nadiyā pana kammaṃ karissāmāti gatehi sace nadī paripuṇṇā hoti samatittikā, udakasāṭikaṃ nivāsetvāpi antonadiyaṃyeva kammaṃ kātabbaṃ. Sace na sakkonti, nāvāyapi ṭhatvā kātabbaṃ. Gacchantiyā pana nāvāya kātuṃ na vaṭṭati. Kasmā? Udakukkhepamattameva hi sīmā, taṃ nāvā sīghameva atikkāmeti. Evaṃ sati aññissā sīmāya ñatti aññissā anusāvanā hoti, tasmā nāvaṃ arittena vā ṭhapetvā pāsāṇe vā lambitvā antonadiyaṃ jātarukkhe vā bandhitvā kammaṃ kātabbaṃ. Antonadiyaṃ baddhaaṭṭakepi antonadiyaṃ jātarukkhepi ṭhitehi kātuṃ vaṭṭati.
สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วา ตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฎฺฐิโต, สีมํ วา โสเธตฺวา สาขํ วา ฉินฺทิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํฯ พหินทีตีเร ชาตรุกฺขสฺส อโนฺตนทิยํ ปวิฎฺฐสาขาย วา ปาโรเห วา นาวํ พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ กโรเนฺตหิ สีมา วา โสเธตพฺพา, ฉินฺทิตฺวา วาสฺส พหิปติฎฺฐิตภาโว นาเสตโพฺพฯ นทีตีเร ปน ขาณุกํ โกเฎฺฎตฺวา ตตฺถ พทฺธนาวาย น วฎฺฎติเยวฯ
Sace pana rukkhassa sākhā vā tato nikkhantapāroho vā bahinadītīre vihārasīmāya vā gāmasīmāya vā patiṭṭhito, sīmaṃ vā sodhetvā sākhaṃ vā chinditvā kammaṃ kātabbaṃ. Bahinadītīre jātarukkhassa antonadiyaṃ paviṭṭhasākhāya vā pārohe vā nāvaṃ bandhitvā kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Karontehi sīmā vā sodhetabbā, chinditvā vāssa bahipatiṭṭhitabhāvo nāsetabbo. Nadītīre pana khāṇukaṃ koṭṭetvā tattha baddhanāvāya na vaṭṭatiyeva.
นทิยํ เสตุํ กโรนฺติ, สเจ อโนฺตนทิยํเยว เสตุ วา เสตุปาทา วา, เสตุมฺหิ ฐิเตหิ กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฎฺฐิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติ, สีมํ โสเธตฺวา กาตพฺพํฯ อถ เสตุปาทา อโนฺต, เสตุ ปน อุภินฺนมฺปิ ตีรานํ อุปริอากาเส ฐิโต, วฎฺฎติฯ อโนฺตนทิยํ ปาสาโณ วา ทีปโก วา โหติ, ตสฺส ยตฺตกํ ปเทสํ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปกาเร ปกติวสฺสกาเล วสฺสานสฺส จตูสุ มาเสสุ อุทกํ โอตฺถรติ, โส นทีสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ อติวุฎฺฐิกาเล ปน โอเฆน โอตฺถโฎกาโส น คเหตโพฺพ, โส หิ คามสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ
Nadiyaṃ setuṃ karonti, sace antonadiyaṃyeva setu vā setupādā vā, setumhi ṭhitehi kammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sace pana setu vā setupādā vā bahitīre patiṭṭhitā, kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati, sīmaṃ sodhetvā kātabbaṃ. Atha setupādā anto, setu pana ubhinnampi tīrānaṃ upariākāse ṭhito, vaṭṭati. Antonadiyaṃ pāsāṇo vā dīpako vā hoti, tassa yattakaṃ padesaṃ pubbe vuttappakāre pakativassakāle vassānassa catūsu māsesu udakaṃ ottharati, so nadīsaṅkhyameva gacchati. Ativuṭṭhikāle pana oghena otthaṭokāso na gahetabbo, so hi gāmasīmāsaṅkhyameva gacchati.
นทิโต มาติกํ นีหรนฺตา นทิยํ อาวรณํ กโรนฺติ, ตเญฺจ โอตฺถริตฺวา วา วินิพฺพิชฺฌิตฺวา วา อุทกํ คจฺฉติ, สพฺพตฺถ ปวตฺตนฎฺฐาเน กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน อาวรเณน วา โกฎฺฎกพนฺธเนน วา โสตํ ปจฺฉิชฺชติ, อุทกํ นปฺปวตฺตติ, อปฺปวตฺตนฎฺฐาเน กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ อาวรณมตฺถเกปิ กาตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ โกจิ อาวรณปฺปเทโส ปุเพฺพ วุตฺตปาสาณทีปกปฺปเทโส วิย อุทเกน อโชฺฌตฺถริยติ, ตตฺถ วฎฺฎติฯ โส หิ นทีสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ นทิํ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺติ, เหฎฺฐา ปาฬิ พทฺธา, อุทกํ อาคนฺตฺวา ตฬากํ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ, เอตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ อุปริ ปวตฺตนฎฺฐาเน เหฎฺฐา จ ฉฑฺฑิตโมทกํ นทิํ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฎฺฐานโต ปฎฺฐาย วฎฺฎติฯ เทเว อวสฺสเนฺต เหมนฺตคิเมฺหสุ วา สุกฺขนทิยาปิ วฎฺฎติฯ นทิโต นีหฎมาติกาย น วฎฺฎติฯ สเจ สา กาลนฺตเรน ภิชฺชิตฺวา นที โหติ, วฎฺฎติฯ กาจิ นที กาลนฺตเรน อุปฺปติตฺวา คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, นทีเยว โหติ, กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน วิหารสีมํ โอตฺถรติ, วิหารสีมาเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ
Nadito mātikaṃ nīharantā nadiyaṃ āvaraṇaṃ karonti, tañce ottharitvā vā vinibbijjhitvā vā udakaṃ gacchati, sabbattha pavattanaṭṭhāne kammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sace pana āvaraṇena vā koṭṭakabandhanena vā sotaṃ pacchijjati, udakaṃ nappavattati, appavattanaṭṭhāne kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Āvaraṇamatthakepi kātuṃ na vaṭṭati. Sace koci āvaraṇappadeso pubbe vuttapāsāṇadīpakappadeso viya udakena ajjhotthariyati, tattha vaṭṭati. So hi nadīsaṅkhyameva gacchati. Nadiṃ vināsetvā taḷākaṃ karonti, heṭṭhā pāḷi baddhā, udakaṃ āgantvā taḷākaṃ pūretvā tiṭṭhati, ettha kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Upari pavattanaṭṭhāne heṭṭhā ca chaḍḍitamodakaṃ nadiṃ ottharitvā sandanaṭṭhānato paṭṭhāya vaṭṭati. Deve avassante hemantagimhesu vā sukkhanadiyāpi vaṭṭati. Nadito nīhaṭamātikāya na vaṭṭati. Sace sā kālantarena bhijjitvā nadī hoti, vaṭṭati. Kāci nadī kālantarena uppatitvā gāmanigamasīmaṃ ottharitvā pavattati, nadīyeva hoti, kammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sace pana vihārasīmaṃ ottharati, vihārasīmātveva saṅkhyaṃ gacchati.
สมุเทฺทปิ กมฺมํ กโรเนฺตหิ ยํ ปเทสํ อุทฺธํ วฑฺฒนอุทกํ วา ปกติวีจิ วา เวเคน อาคนฺตฺวา โอตฺถรติ, ตตฺถ กาตุํ น วฎฺฎติฯ ยสฺมิํ ปน ปเทเส ปกติวีจิโย โอตฺถริตฺวา สณฺฐหนฺติ, โส อุทกนฺตโต ปฎฺฐาย อโนฺตสมุโทฺท นาม, ตตฺถ ฐิเตหิ กมฺมํ กาตพฺพํฯ สเจ อูมิเวโค พาธติ, นาวาย วา อฎฺฎเก วา ฐตฺวา กาตพฺพํฯ เตสุ วินิจฺฉโย นทิยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ สมุเทฺท ปิฎฺฐิปาสาโณ โหติ, ตํ กทาจิ อูมิโย อาคนฺตฺวา โอตฺถรนฺติ , กทาจิ น โอตฺถรนฺติ, ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติ, โส หิ คามสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ สเจ ปน วีจีสุ อาคตาสุปิ อนาคตาสุปิ ปกติอุทเกเนว โอตฺถริยติ, วฎฺฎติฯ ทีปโก วา ปพฺพโต วา โหติ, โส เจ ทูเร โหติ มจฺฉพนฺธานํ อคมนปเถ, อรญฺญสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ เตสํ คมนปริยนฺตสฺส โอรโต ปน คามสีมาสงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ตตฺถ คามสีมํ อโสเธตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ สมุโทฺท คามสีมํ วา นิคมสีมํ วา โอตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ, สมุโทฺทว โหติ, ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน วิหารสีมํ โอตฺถรติ, วิหารสีมาเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ
Samuddepi kammaṃ karontehi yaṃ padesaṃ uddhaṃ vaḍḍhanaudakaṃ vā pakativīci vā vegena āgantvā ottharati, tattha kātuṃ na vaṭṭati. Yasmiṃ pana padese pakativīciyo ottharitvā saṇṭhahanti, so udakantato paṭṭhāya antosamuddo nāma, tattha ṭhitehi kammaṃ kātabbaṃ. Sace ūmivego bādhati, nāvāya vā aṭṭake vā ṭhatvā kātabbaṃ. Tesu vinicchayo nadiyaṃ vuttanayeneva veditabbo. Samudde piṭṭhipāsāṇo hoti, taṃ kadāci ūmiyo āgantvā ottharanti , kadāci na ottharanti, tattha kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati, so hi gāmasīmāsaṅkhyameva gacchati. Sace pana vīcīsu āgatāsupi anāgatāsupi pakatiudakeneva otthariyati, vaṭṭati. Dīpako vā pabbato vā hoti, so ce dūre hoti macchabandhānaṃ agamanapathe, araññasīmāsaṅkhyameva gacchati. Tesaṃ gamanapariyantassa orato pana gāmasīmāsaṅkhyaṃ gacchati. Tattha gāmasīmaṃ asodhetvā kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Samuddo gāmasīmaṃ vā nigamasīmaṃ vā ottharitvā tiṭṭhati, samuddova hoti, tattha kammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sace pana vihārasīmaṃ ottharati, vihārasīmātveva saṅkhyaṃ gacchati.
ชาตสฺสเร กมฺมํ กโรเนฺตหิปิ ยตฺถ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล วเสฺส ปจฺฉินฺนมเตฺต ปิวิตุํ วา หตฺถปาเท วา โธวิตุํ อุทกํ น โหติ, สุกฺขติ, อยํ น ชาตสฺสโร, คามเขตฺตสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, ตตฺถ กมฺมํ น กาตพฺพํฯ ยตฺถ ปน วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล อุทกํ สนฺติฎฺฐติ, อยเมว ชาตสฺสโรฯ ตสฺส ยตฺตเก ปเทเส วสฺสานํ จาตุมาเส อุทกํ ติฎฺฐติ, ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ คมฺภีรํ อุทกํ, อฎฺฎกํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ ฐิเตหิปิ ชาตสฺสรสฺส อโนฺต ชาตรุกฺขมฺหิ พทฺธอฎฺฎเกปิ กาตุํ วฎฺฎติฯ ปิฎฺฐิปาสาณทีปเกสุ ปเนตฺถ นทิยํ วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยฯ สมวสฺสเทวกาเล ปโหนกชาตสฺสโร ปน สเจปิ ทุพฺพุฎฺฐิกาเล วา คิมฺหเหมเนฺตสุ วา สุกฺขติ, นิรุทโก โหติ, ตตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ ยํ อนฺธกฎฺฐกถายํ วุตฺตํ ‘‘สโพฺพ ชาตสฺสโร สุโกฺข อโนทโก , คามเขตฺตํเยว ภชตี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ สเจ ปเนตฺถ อุทกตฺถาย อาวาฎํ วา โปกฺขรณีอาทีนิ วา ขณนฺติ, ตํ ฐานํ อชาตสฺสโร โหติ, คามสีมาสงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ลาพุติปุสกาทิวเปฺป กเตปิ เอเสว นโยฯ
Jātassare kammaṃ karontehipi yattha pubbe vuttappakāre vassakāle vasse pacchinnamatte pivituṃ vā hatthapāde vā dhovituṃ udakaṃ na hoti, sukkhati, ayaṃ na jātassaro, gāmakhettasaṅkhyameva gacchati, tattha kammaṃ na kātabbaṃ. Yattha pana vuttappakāre vassakāle udakaṃ santiṭṭhati, ayameva jātassaro. Tassa yattake padese vassānaṃ cātumāse udakaṃ tiṭṭhati, tattha kammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sace gambhīraṃ udakaṃ, aṭṭakaṃ bandhitvā tattha ṭhitehipi jātassarassa anto jātarukkhamhi baddhaaṭṭakepi kātuṃ vaṭṭati. Piṭṭhipāsāṇadīpakesu panettha nadiyaṃ vuttasadisova vinicchayo. Samavassadevakāle pahonakajātassaro pana sacepi dubbuṭṭhikāle vā gimhahemantesu vā sukkhati, nirudako hoti, tattha saṅghakammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Yaṃ andhakaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ ‘‘sabbo jātassaro sukkho anodako , gāmakhettaṃyeva bhajatī’’ti, taṃ na gahetabbaṃ. Sace panettha udakatthāya āvāṭaṃ vā pokkharaṇīādīni vā khaṇanti, taṃ ṭhānaṃ ajātassaro hoti, gāmasīmāsaṅkhyaṃ gacchati. Lābutipusakādivappe katepi eseva nayo.
สเจ ปน ตํ ปูเรตฺวา ถลํ วา กโรนฺติ, เอกสฺมิํ ทิสาภาเค ปาฬิํ พนฺธิตฺวา สพฺพเมว ตํ มหาตฬากํ วา กโรนฺติ, สโพฺพปิ อชาตสฺสโร โหติ, คามสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ โลณีปิ ชาตสฺสรสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส อุทกฎฺฐาโนกาเส กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎตีติฯ
Sace pana taṃ pūretvā thalaṃ vā karonti, ekasmiṃ disābhāge pāḷiṃ bandhitvā sabbameva taṃ mahātaḷākaṃ vā karonti, sabbopi ajātassaro hoti, gāmasīmāsaṅkhyameva gacchati. Loṇīpi jātassarasaṅkhyameva gacchati. Vassike cattāro māse udakaṭṭhānokāse kammaṃ kātuṃ vaṭṭatīti.
๑๔๘. สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺตีติ อตฺตโน สีมาย ปเรสํ พทฺธสีมํ สมฺภินฺทนฺติฯ สเจ หิ โปราณกสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อโมฺพ เจว ชมฺพู จาติ เทฺว รุกฺขา อญฺญมญฺญํ สํสฎฺฐวิฎปา โหนฺติ, เตสุ อมฺพสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค ชมฺพูฯ วิหารสีมา จ ชมฺพุํ อโนฺต กตฺวา อมฺพํ กิเตฺตตฺวา พทฺธา โหติ, อถ ปจฺฉา ตสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย วิหารํ กตฺวา สีมํ พนฺธนฺตา ตํ อมฺพํ อโนฺต กตฺวา ชมฺพุํ กิเตฺตตฺวา พนฺธนฺติ, สีมาย สีมา สมฺภินฺนา โหติฯ เอวํ ฉพฺพคฺคิยา อกํสุ, เตนาห – ‘‘สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺตี’’ติฯ
148.Sīmāya sīmaṃ sambhindantīti attano sīmāya paresaṃ baddhasīmaṃ sambhindanti. Sace hi porāṇakassa vihārassa puratthimāya disāya ambo ceva jambū cāti dve rukkhā aññamaññaṃ saṃsaṭṭhaviṭapā honti, tesu ambassa pacchimadisābhāge jambū. Vihārasīmā ca jambuṃ anto katvā ambaṃ kittetvā baddhā hoti, atha pacchā tassa vihārassa puratthimāya disāya vihāraṃ katvā sīmaṃ bandhantā taṃ ambaṃ anto katvā jambuṃ kittetvā bandhanti, sīmāya sīmā sambhinnā hoti. Evaṃ chabbaggiyā akaṃsu, tenāha – ‘‘sīmāya sīmaṃ sambhindantī’’ti.
สีมาย สีมํ อโชฺฌตฺถรนฺตีติ อตฺตโน สีมาย ปเรสํ พทฺธสีมํ อโชฺฌตฺถรนฺติ;
Sīmāya sīmaṃ ajjhottharantīti attano sīmāya paresaṃ baddhasīmaṃ ajjhottharanti;
ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา ตสฺสา ปเทสํ วา อโนฺต กตฺวา อตฺตโน สีมํ พนฺธนฺติฯ สีมนฺตริกํ ฐเปตฺวา สีมํ สมฺมนฺนิตุนฺติ เอตฺถ สเจ ปฐมตรํ กตสฺส วิหารสฺส สีมา อสมฺมตา โหติ, สีมาย อุปจาโร ฐเปตโพฺพฯ สเจ สมฺมตา โหติ, ปจฺฉิมโกฎิยา หตฺถมตฺตา สีมนฺตริกา ฐเปตพฺพาฯ กุรุนฺทิยํ วิทตฺถิมตฺตมฺปิ, มหาปจฺจริยํ จตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ เอกรุโกฺขปิ จ ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหติ, โส ปน วฑฺฒโนฺต สีมาสงฺกรํ กโรติ, ตสฺมา น กาตโพฺพฯ
Paresaṃ baddhasīmaṃ sakalaṃ vā tassā padesaṃ vā anto katvā attano sīmaṃ bandhanti. Sīmantarikaṃ ṭhapetvā sīmaṃ sammannitunti ettha sace paṭhamataraṃ katassa vihārassa sīmā asammatā hoti, sīmāya upacāro ṭhapetabbo. Sace sammatā hoti, pacchimakoṭiyā hatthamattā sīmantarikā ṭhapetabbā. Kurundiyaṃ vidatthimattampi, mahāpaccariyaṃ caturaṅgulamattampi vaṭṭatīti vuttaṃ. Ekarukkhopi ca dvinnaṃ sīmānaṃ nimittaṃ hoti, so pana vaḍḍhanto sīmāsaṅkaraṃ karoti, tasmā na kātabbo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๗๖. คามสีมาทิ • 76. Gāmasīmādi
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / คามสีมาทิกถาวณฺณนา • Gāmasīmādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / คามสีมาทิกถาวณฺณนา • Gāmasīmādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / คามสีมาทิกถาวณฺณนา • Gāmasīmādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗๖. คามสีมาทิกถา • 76. Gāmasīmādikathā