Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    คามสีมาทิกถาวณฺณนา

    Gāmasīmādikathāvaṇṇanā

    ๑๔๗. อปริจฺฉินฺนายาติ พทฺธสีมาวเสน อกตปริเจฺฉทายฯ เยน เกนจิ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโตฯ ตสฺส อโนฺตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ฐิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา พหิปริเจฺฉทโต ยตฺถ กตฺถจิ ฐิโต กมฺมํ น โกเปตีติ ทีเปติฯ ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริเจฺฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ฐิโตปิ ปริเจฺฉทโต พหิ อญฺญํ ตตฺตกํเยว ปริเจฺฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ฐิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฎฺฐกถาสุ สนฺนิฎฺฐาน’’นฺติ, ตตฺถ ‘‘อญฺญํ ตตฺตกํเยว ปริเจฺฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ฐิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’’ติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฎฺฐกถายํ อุปลพฺภติฯ ยทิ เจตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ อุโปสถาทิกมฺมกรณาธิกาเร วุตฺตตฺตา อุทกุเกฺขปโต พหิ อญฺญํ อุทกุเกฺขปํ อนติกฺกมิตฺวา อุโปสถาทิกรณตฺถํ ฐิโต สโงฺฆ สีมาสเมฺภทสมฺภวโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา, เอวํ สติ ยุเชฺชยฺยฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถาย ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ วุตฺตํ ‘‘อญฺญํ ตตฺตกํเยว ปริเจฺฉทนฺติ ทุติยํ อุทกุเกฺขปํ อนติกฺกโนฺตปิ โกเปติฯ กสฺมา? อตฺตโน อุทกุเกฺขปสีมาย ปเรสํ อุทกุเกฺขปสีมาย อโชฺฌตฺถฎตฺตา สีมาสเมฺภโท โหติ, ตสฺมา โกเปตี’’ติฯ ‘‘อิทํ สพฺพอฎฺฐกถาสุ สนฺนิฎฺฐาน’’นฺติ จ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ สพฺพาสุปิ อฎฺฐกถาสุ สีมาสเมฺภทสฺส อนิจฺฉิตตฺตาฯ เตเนว หิ ‘‘อตฺตโน จ อเญฺญสญฺจ อุทกุเกฺขปปริเจฺฉทสฺส อนฺตรา อโญฺญ อุทกุเกฺขโป สีมนฺตริกตฺถาย ฐเปตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ อเญฺญ ปเนตฺถ อญฺญถาปิ ปปเญฺจนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ

    147.Aparicchinnāyāti baddhasīmāvasena akataparicchedāya. Yena kenaci khaṇitvā akatoti antamaso tiracchānenapi khaṇitvā akato. Tassa antohatthapāsaṃ vijahitvā ṭhito kammaṃ kopetīti iminā bahiparicchedato yattha katthaci ṭhito kammaṃ na kopetīti dīpeti. Yaṃ pana vuttaṃ mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. nidānavaṇṇanā) ‘‘paricchedabbhantare hatthapāsaṃ vijahitvā ṭhitopi paricchedato bahi aññaṃ tattakaṃyeva paricchedaṃ anatikkamitvā ṭhitopi kammaṃ kopeti, idaṃ sabbaaṭṭhakathāsu sanniṭṭhāna’’nti, tattha ‘‘aññaṃ tattakaṃyeva paricchedaṃ anatikkamitvā ṭhitopi kammaṃ kopetī’’ti idaṃ neva pāḷiyaṃ, na aṭṭhakathāyaṃ upalabbhati. Yadi cetaṃ dvinnaṃ saṅghānaṃ visuṃ uposathādikammakaraṇādhikāre vuttattā udakukkhepato bahi aññaṃ udakukkhepaṃ anatikkamitvā uposathādikaraṇatthaṃ ṭhito saṅgho sīmāsambhedasambhavato kammaṃ kopetīti iminā adhippāyena vuttaṃ siyā, evaṃ sati yujjeyya. Teneva mātikāṭṭhakathāya līnatthappakāsaniyaṃ vuttaṃ ‘‘aññaṃ tattakaṃyeva paricchedanti dutiyaṃ udakukkhepaṃ anatikkantopi kopeti. Kasmā? Attano udakukkhepasīmāya paresaṃ udakukkhepasīmāya ajjhotthaṭattā sīmāsambhedo hoti, tasmā kopetī’’ti. ‘‘Idaṃ sabbaaṭṭhakathāsu sanniṭṭhāna’’nti ca iminā adhippāyena vuttanti gahetabbaṃ sabbāsupi aṭṭhakathāsu sīmāsambhedassa anicchitattā. Teneva hi ‘‘attano ca aññesañca udakukkhepaparicchedassa antarā añño udakukkhepo sīmantarikatthāya ṭhapetabbo’’ti vuttaṃ. Aññe panettha aññathāpi papañcenti, taṃ na gahetabbaṃ.

    สพฺพตฺถ สโงฺฆ นิสีทตีติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา นิสีทติฯ อุทกุเกฺขปสีมากมฺมํ นตฺถีติ ยสฺมา สโพฺพปิ นทีปเทโส ภิกฺขูหิ อโชฺฌตฺถโฎ , ตสฺมา สมนฺตโต นทิยา อภาวา อุทกุเกฺขเป ปโยชนํ นตฺถิฯ อุทกุเกฺขปปฺปมาณา สีมนฺตริกา สุวิเญฺญยฺยตรา โหติ, สีมาสเมฺภทสงฺกา น จ สิยาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ ‘‘อโญฺญ อุทกุเกฺขโป สีมนฺตริกตฺถาย ฐเปตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ยตฺตเกน ปน สีมาสเมฺภโท น โหติ, ตตฺตกํ ฐเปตุํ วฎฺฎติเยวฯ เตเนวาหุ โปราณา ‘‘ยตฺตเกน สีมาสงฺกโร น โหติ, ตตฺตกมฺปิ ฐเปตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ อูนกํ ปน น วฎฺฎตีติ อิทมฺปิ อุทกุเกฺขปสีมาย ปริสวเสน วฑฺฒนโต สีมาสเมฺภทสงฺกา สิยาติ ตํนิวารณตฺถเมว วุตฺตํฯ

    Sabbattha saṅgho nisīdatīti hatthapāsaṃ avijahitvā nisīdati. Udakukkhepasīmākammaṃ natthīti yasmā sabbopi nadīpadeso bhikkhūhi ajjhotthaṭo , tasmā samantato nadiyā abhāvā udakukkhepe payojanaṃ natthi. Udakukkhepappamāṇā sīmantarikā suviññeyyatarā hoti, sīmāsambhedasaṅkā na ca siyāti sāmīcidassanatthaṃ ‘‘añño udakukkhepo sīmantarikatthāya ṭhapetabbo’’ti vuttaṃ. Yattakena pana sīmāsambhedo na hoti, tattakaṃ ṭhapetuṃ vaṭṭatiyeva. Tenevāhu porāṇā ‘‘yattakena sīmāsaṅkaro na hoti, tattakampi ṭhapetuṃ vaṭṭatī’’ti. Ūnakaṃ pana na vaṭṭatīti idampi udakukkhepasīmāya parisavasena vaḍḍhanato sīmāsambhedasaṅkā siyāti taṃnivāraṇatthameva vuttaṃ.

    คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฎฺฎตีติ เอตฺถ อุทกุเกฺขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ สีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ สีมโสธนํ นาม คามสีมาทีสุ ฐิตานํ หตฺถปาสานยนาทิฯ ‘‘นทิํ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฎฺฐา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฎฺฐานทิํ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อโตฺถฯ ฉฑฺฑิตโมทกนฺติ ตฬากรกฺขณตฺถํ เอกมเนฺตน ฉฑฺฑิตมุทกํฯ เทเว อวสฺสเนฺตติ ทุพฺพุฎฺฐิกาเล วสฺสาเนปิ เทเว อวสฺสเนฺตฯ อุปฺปติตฺวาติ อุตฺตริตฺวาฯ คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล จตฺตาโร มาเส อโพฺพจฺฉินฺนา ปวตฺตติฯ วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ สนฺธาย วทติฯ

    Gacchantiyāpana nāvāya kātuṃ na vaṭṭatīti ettha udakukkhepamanatikkamitvā parivattamānāya kātuṃ vaṭṭatīti veditabbaṃ. Sīmaṃ vā sodhetvāti ettha sīmasodhanaṃ nāma gāmasīmādīsu ṭhitānaṃ hatthapāsānayanādi. ‘‘Nadiṃ vināsetvā taḷākaṃ karontī’’ti vuttamevatthaṃ vibhāveti ‘‘heṭṭhā pāḷi baddhā’’ti, heṭṭhānadiṃ āvaritvā pāḷi baddhāti attho. Chaḍḍitamodakanti taḷākarakkhaṇatthaṃ ekamantena chaḍḍitamudakaṃ. Deve avassanteti dubbuṭṭhikāle vassānepi deve avassante. Uppatitvāti uttaritvā. Gāmanigamasīmaṃ ottharitvā pavattatīti vuttappakāre vassakāle cattāro māse abbocchinnā pavattati. Vihārasīmanti baddhasīmaṃ sandhāya vadati.

    อคมนปเถติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิเส ปเทเส อรญฺญสีมาสงฺขเมว คจฺฉตีติ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ สนฺธาย วทติฯ เตสนฺติ มจฺฉพนฺธานํฯ คมนปริยนฺตสฺส โอรโตติ คมนปริยนฺตสฺส โอริมภาเค ทีปกํ ปพฺพตญฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมุทฺทปฺปเทสํฯ

    Agamanapatheti yattha tadaheva gantvā paccāgantuṃ na sakkā hoti, tādise padese araññasīmāsaṅkhameva gacchatīti sattabbhantarasīmaṃ sandhāya vadati. Tesanti macchabandhānaṃ. Gamanapariyantassa oratoti gamanapariyantassa orimabhāge dīpakaṃ pabbatañca sandhāya vuttaṃ, na samuddappadesaṃ.

    ๑๔๘. สํสฎฺฐวิฎปาติ อิมินา อญฺญมญฺญสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติฯ พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ฐตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํฯ ยตฺถ ปน ฐิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อโนฺตกริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นามฯ ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมาสเมฺภโท น โหตีติ วุตฺตํฯ สีมาสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิเฎฺฐ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฎฺฐานสฺส ทุวิเญฺญยฺยตฺตา วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎตีติ ทสฺสนตฺถํฯ น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, เทฺว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิเตน รุเกฺขน อโชฺฌตฺถฎตฺตา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ฐตฺวา กมฺมํ กโรเนฺตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพํฯ

    148.Saṃsaṭṭhaviṭapāti iminā aññamaññassa āsannataṃ dīpeti. Baddhā hotīti pacchimadisābhāge sīmaṃ sandhāya vuttaṃ. Tassā padesanti yattha ṭhatvā bhikkhūhi kammaṃ kātuṃ sakkā hoti, tādisaṃ padesaṃ. Yattha pana ṭhitehi kammaṃ kātuṃ na sakkā hoti, tādisaṃ padesaṃ antokaritvā bandhantā sīmāya sīmaṃ sambhindanti nāma. Dvinnaṃ sīmānaṃ nimittaṃ hotīti nimittassa sīmato bāhirattā sīmāsambhedo na hotīti vuttaṃ. Sīmāsaṅkaraṃ karotīti vaḍḍhitvā sīmappadesaṃ paviṭṭhe dvinnaṃ sīmānaṃ gataṭṭhānassa duviññeyyattā vuttaṃ, na pana tattha kammaṃ kātuṃ na vaṭṭatīti dassanatthaṃ. Na hi sīmā tattakena asīmā hoti, dve pana sīmā pacchā vaḍḍhitena rukkhena ajjhotthaṭattā ekābaddhā honti, tasmā ekattha ṭhatvā kammaṃ karontehi itaraṃ sodhetvā kātabbaṃ.

    คามสีมาทิกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Gāmasīmādikathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๗๖. คามสีมาทิ • 76. Gāmasīmādi

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / คามสีมาทิกถา • Gāmasīmādikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / คามสีมาทิกถาวณฺณนา • Gāmasīmādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / คามสีมาทิกถาวณฺณนา • Gāmasīmādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗๖. คามสีมาทิกถา • 76. Gāmasīmādikathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact