Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Gaṇabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
๒๐๙. ทุติยสิกฺขาปเท – ปริหีนลาภสกฺกาโรติ โส กิร อชาตสตฺตุนา ราชานํ มาราเปตฺวาปิ อภิมาเร โยเชตฺวาปิ รุหิรุปฺปาทํ กตฺวาปิ คุฬฺหปฎิจฺฉโนฺน อโหสิฯ ยทา ปน ทิวาเยว ธนปาลกํ ปโยเชสิ, ตทา ปากโฎ ชาโตฯ ‘‘กถํ เทวทโตฺต หตฺถิํ ปโยเชสี’’ติ ปริกถาย อุปฺปนฺนาย ‘‘น เกวลํ หตฺถิํ ปโยเชสิ, ราชานมฺปิ มาราเปสิ, อภิมาเรปิ เปเสสิ, สิลมฺปิ ปวิชฺฌิ, ปาโป เทวทโตฺต’’ติ ปากโฎ อโหสิฯ ‘‘เกน สทฺธิํ อิทํ กมฺมมกาสี’’ติ จ วุเตฺต ‘‘รญฺญา อชาตสตฺตุนา’’ติ อาหํสุฯ ตโต นาครา ‘‘กถญฺหิ นาม ราชา เอวรูปํ โจรํ สาสนกณฺฎกํ คเหตฺวา วิจริสฺสตี’’ติ อุฎฺฐหิํสุฯ ราชา นครสโงฺขภํ ญตฺวา เทวทตฺตํ นีหริฯ ตโต ปฎฺฐาย จสฺส ปญฺจถาลิปากสตานิ อุปจฺฉินฺทิ, อุปฎฺฐานมฺปิสฺส น อคมาสิ, อเญฺญปิสฺส มนุสฺสา น กิญฺจิ ทาตพฺพํ วา กาตพฺพํ วา มญฺญิํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปริหีนลาภสกฺกาโร’’ติฯ กุเลสุ วิญฺญาเปตฺวา วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชตีติ ‘‘มา เม คโณ ภิชฺชี’’ติ ปริสํ โปเสโนฺต ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตํ เทหิ, ตฺวํ ทฺวินฺน’’นฺติ เอวํ วิญฺญาเปตฺวา สปริโส กุเลสุ ภุญฺชติฯ
209. Dutiyasikkhāpade – parihīnalābhasakkāroti so kira ajātasattunā rājānaṃ mārāpetvāpi abhimāre yojetvāpi ruhiruppādaṃ katvāpi guḷhapaṭicchanno ahosi. Yadā pana divāyeva dhanapālakaṃ payojesi, tadā pākaṭo jāto. ‘‘Kathaṃ devadatto hatthiṃ payojesī’’ti parikathāya uppannāya ‘‘na kevalaṃ hatthiṃ payojesi, rājānampi mārāpesi, abhimārepi pesesi, silampi pavijjhi, pāpo devadatto’’ti pākaṭo ahosi. ‘‘Kena saddhiṃ idaṃ kammamakāsī’’ti ca vutte ‘‘raññā ajātasattunā’’ti āhaṃsu. Tato nāgarā ‘‘kathañhi nāma rājā evarūpaṃ coraṃ sāsanakaṇṭakaṃ gahetvā vicarissatī’’ti uṭṭhahiṃsu. Rājā nagarasaṅkhobhaṃ ñatvā devadattaṃ nīhari. Tato paṭṭhāya cassa pañcathālipākasatāni upacchindi, upaṭṭhānampissa na agamāsi, aññepissa manussā na kiñci dātabbaṃ vā kātabbaṃ vā maññiṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘parihīnalābhasakkāro’’ti. Kulesu viññāpetvā viññāpetvā bhuñjatīti ‘‘mā me gaṇo bhijjī’’ti parisaṃ posento ‘‘tvaṃ ekassa bhikkhuno bhattaṃ dehi, tvaṃ dvinna’’nti evaṃ viññāpetvā sapariso kulesu bhuñjati.
๒๑๑. จีวรํ ปริตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ภตฺตํ อคณฺหนฺตานํ จีวรํ น เทนฺติ, ตสฺมา ปริตฺตํ อุปฺปชฺชติฯ
211.Cīvaraṃ parittaṃ uppajjatīti bhattaṃ agaṇhantānaṃ cīvaraṃ na denti, tasmā parittaṃ uppajjati.
๒๑๒. จีวรการเก ภิกฺขู ภเตฺตน นิมเนฺตนฺตีติ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา จิเรน จีวรํ นิฎฺฐาเปเนฺต ทิสฺวา ‘‘เอวํ ลหุํ นิฎฺฐาเปตฺวา จีวรํ ปริภุญฺชิสฺสนฺตี’’ติ ปุญฺญกามตาย นิมเนฺตนฺติฯ
212.Cīvarakārakebhikkhū bhattena nimantentīti gāme piṇḍāya caritvā cirena cīvaraṃ niṭṭhāpente disvā ‘‘evaṃ lahuṃ niṭṭhāpetvā cīvaraṃ paribhuñjissantī’’ti puññakāmatāya nimantenti.
๒๑๕. นานาเวรชฺชเกติ นานาวิเธหิ อญฺญรเชฺชหิ อาคเตฯ ‘‘นานาวิรชฺชเก’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ
215.Nānāverajjaketi nānāvidhehi aññarajjehi āgate. ‘‘Nānāvirajjake’’tipi pāṭho, ayamevattho.
๒๑๗-๘. คณโภชเนติ คณสฺส โภชเนฯ อิธ จ คโณ นาม จตฺตาโร ภิกฺขู อาทิํ กตฺวา ตตุตฺตริํ ภิกฺขู อธิเปฺปตา, เตเนว สพฺพนฺติมํ ปริเจฺฉทํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู…เป.… เอตํ คณโภชนํ นามา’’ติฯ ตํ ปเนตํ คณโภชนํ ทฺวีหากาเรหิ ปสวติ นิมนฺตนโต วา วิญฺญตฺติโต วาฯ กถํ นิมนฺตนโต ปสวติ? จตฺตาโร ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุเมฺห, ภเนฺต, โอทเนน นิมเนฺตมิ, โอทนํ เม คณฺหถ อากงฺขถ โอโลเกถ อธิวาเสถ ปฎิมาเนถา’’ติ เอวํ เยน เกนจิ เววจเนน วา ภาสนฺตเรน วา ปญฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวา นิมเนฺตติฯ เอวํ เอกโต นิมนฺติตา ปริจฺฉินฺนกาลวเสน อชฺชตนาย วา สฺวาตนาย วา เอกโต คจฺฉนฺติ, เอกโต คณฺหนฺติ, เอกโต ภุญฺชนฺติ, คณโภชนํ โหติ, สเพฺพสํ อาปตฺติฯ เอกโต นิมนฺติตา เอกโต วา นานโต วา คจฺฉนฺติ, เอกโต คณฺหนฺติ, นานโต ภุญฺชนฺติ , อาปตฺติเยวฯ ปฎิคฺคหณเมว หิ เอตฺถ ปมาณํฯ เอกโต นิมนฺติตา เอกโต วา นานโต วา คจฺฉนฺติ, นานโต คณฺหนฺติ, เอกโต วา นานโต วา ภุญฺชนฺติ, อนาปตฺติฯ จตฺตาริ ปริเวณานิ วา วิหาเร วา คนฺตฺวา นานโต นิมนฺติตา เอกฎฺฐาเน ฐิเตสุเยว วา เอโก ปุเตฺตน เอโก ปิตราติ เอวมฺปิ นานโต นิมนฺติตา เอกโต วา นานโต วา คจฺฉนฺตุ, เอกโต วา นานโต วา ภุญฺชนฺตุ, สเจ เอกโต คณฺหนฺติ, คณโภชนํ โหติ, สเพฺพสํ อาปตฺติฯ เอวํ ตาว นิมนฺตนโต ปสวติฯ
217-8.Gaṇabhojaneti gaṇassa bhojane. Idha ca gaṇo nāma cattāro bhikkhū ādiṃ katvā tatuttariṃ bhikkhū adhippetā, teneva sabbantimaṃ paricchedaṃ dassento āha ‘‘yattha cattāro bhikkhū…pe… etaṃ gaṇabhojanaṃ nāmā’’ti. Taṃ panetaṃ gaṇabhojanaṃ dvīhākārehi pasavati nimantanato vā viññattito vā. Kathaṃ nimantanato pasavati? Cattāro bhikkhū upasaṅkamitvā ‘‘tumhe, bhante, odanena nimantemi, odanaṃ me gaṇhatha ākaṅkhatha oloketha adhivāsetha paṭimānethā’’ti evaṃ yena kenaci vevacanena vā bhāsantarena vā pañcannaṃ bhojanānaṃ nāmaṃ gahetvā nimanteti. Evaṃ ekato nimantitā paricchinnakālavasena ajjatanāya vā svātanāya vā ekato gacchanti, ekato gaṇhanti, ekato bhuñjanti, gaṇabhojanaṃ hoti, sabbesaṃ āpatti. Ekato nimantitā ekato vā nānato vā gacchanti, ekato gaṇhanti, nānato bhuñjanti , āpattiyeva. Paṭiggahaṇameva hi ettha pamāṇaṃ. Ekato nimantitā ekato vā nānato vā gacchanti, nānato gaṇhanti, ekato vā nānato vā bhuñjanti, anāpatti. Cattāri pariveṇāni vā vihāre vā gantvā nānato nimantitā ekaṭṭhāne ṭhitesuyeva vā eko puttena eko pitarāti evampi nānato nimantitā ekato vā nānato vā gacchantu, ekato vā nānato vā bhuñjantu, sace ekato gaṇhanti, gaṇabhojanaṃ hoti, sabbesaṃ āpatti. Evaṃ tāva nimantanato pasavati.
กถํ วิญฺญตฺติโต? จตฺตาโร ภิกฺขู เอกโต ฐิตา วา นิสินฺนา วา อุปาสกํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ จตุนฺนมฺปิ ภตฺตํ เทหี’’ติ วา วิญฺญาเปยฺยุํ, ปาเฎกฺกํ วา ปสฺสิตฺวา ‘‘มยฺหํ เทหิ, มยฺหํ เทหี’’ติ เอวํ เอกโต วา นานโต วา วิญฺญาเปตฺวา เอกโต วา คจฺฉนฺตุ นานโต วา, ภตฺตํ คเหตฺวาปิ เอกโต วา ภุญฺชนฺตุ นานโต วา, สเจ เอกโต คณฺหนฺติ, คณโภชนํ โหติ, สเพฺพสํ อาปตฺติฯ เอวํ วิญฺญตฺติโต ปสวติฯ
Kathaṃ viññattito? Cattāro bhikkhū ekato ṭhitā vā nisinnā vā upāsakaṃ disvā ‘‘amhākaṃ catunnampi bhattaṃ dehī’’ti vā viññāpeyyuṃ, pāṭekkaṃ vā passitvā ‘‘mayhaṃ dehi, mayhaṃ dehī’’ti evaṃ ekato vā nānato vā viññāpetvā ekato vā gacchantu nānato vā, bhattaṃ gahetvāpi ekato vā bhuñjantu nānato vā, sace ekato gaṇhanti, gaṇabhojanaṃ hoti, sabbesaṃ āpatti. Evaṃ viññattito pasavati.
ปาทาปิ ผลิตาติ ยถา มหาจมฺมสฺส ปรโต มํสํ ทิสฺสติ; เอวํ ผาลิตา, วาลิกาย วา สกฺขราย วา ปหฎมเตฺต ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺติ, น สกฺกา โหติ อโนฺตคาเม ปิณฺฑาย จริตุํฯ อีทิเส เคลเญฺญ คิลานสมโยติ ภุญฺชิตพฺพํ, น เลสกปฺปิยํ กาตพฺพํฯ
Pādāpiphalitāti yathā mahācammassa parato maṃsaṃ dissati; evaṃ phālitā, vālikāya vā sakkharāya vā pahaṭamatte dukkhaṃ uppādenti, na sakkā hoti antogāme piṇḍāya carituṃ. Īdise gelaññe gilānasamayoti bhuñjitabbaṃ, na lesakappiyaṃ kātabbaṃ.
จีวเร กยิรมาเนติ ยทา สาฎกญฺจ สุตฺตญฺจ ลภิตฺวา จีวรํ กโรนฺติ ตทา; วิสุญฺหิ จีวรการสมโย นาม นตฺถิฯ ตสฺมา โย ตตฺถ จีวเร กตฺตพฺพํ ยํกิญฺจิ กมฺมํ กโรติ, มหาปจฺจริยญฺหิ ‘‘อนฺตมโส สูจิเวธนโก’’ติปิ วุตฺตํ, เตน จีวรการสมโยติ ภุญฺชิตพฺพํฯ กุรุนฺทิยํ ปน วิตฺถาเรเนว วุตฺตํฯ โย จีวรํ วิจาเรติ, ฉินฺทติ, โมฆสุตฺตํ ฐเปติ, อาคนฺตุกปฎฺฎํ ฐเปติ, ปจฺจาคตํ สิพฺพติ, อาคนฺตุกปฎฺฎํ พนฺธติ, อนุวาตํ ฉินฺทติ ฆเฎฺฎติ อาโรเปติ, ตตฺถ ปจฺจาคตํ สิพฺพติ, สุตฺตํ กโรติ วเลติ, ปิปฺผลิกํ นิเสติ, ปริวตฺตนํ กโรติ, สโพฺพปิ จีวรํ กโรติเยวาติ วุจฺจติฯ โย ปน สมีเป นิสิโนฺน ชาตกํ วา ธมฺมปทํ วา กเถติ, อยํ น จีวรการโกฯ เอตํ ฐเปตฺวา เสสานํ คณโภชเน อนาปตฺตีติฯ
Cīvare kayiramāneti yadā sāṭakañca suttañca labhitvā cīvaraṃ karonti tadā; visuñhi cīvarakārasamayo nāma natthi. Tasmā yo tattha cīvare kattabbaṃ yaṃkiñci kammaṃ karoti, mahāpaccariyañhi ‘‘antamaso sūcivedhanako’’tipi vuttaṃ, tena cīvarakārasamayoti bhuñjitabbaṃ. Kurundiyaṃ pana vitthāreneva vuttaṃ. Yo cīvaraṃ vicāreti, chindati, moghasuttaṃ ṭhapeti, āgantukapaṭṭaṃ ṭhapeti, paccāgataṃ sibbati, āgantukapaṭṭaṃ bandhati, anuvātaṃ chindati ghaṭṭeti āropeti, tattha paccāgataṃ sibbati, suttaṃ karoti valeti, pipphalikaṃ niseti, parivattanaṃ karoti, sabbopi cīvaraṃ karotiyevāti vuccati. Yo pana samīpe nisinno jātakaṃ vā dhammapadaṃ vā katheti, ayaṃ na cīvarakārako. Etaṃ ṭhapetvā sesānaṃ gaṇabhojane anāpattīti.
อทฺธโยชนนฺติ เอตฺตกมฺปิ อทฺธานํ คนฺตุกาเมนฯ โย ปน ทูรํ คนฺตุกาโม, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ คจฺฉเนฺตนาติ อทฺธานํ คจฺฉเนฺตน, อทฺธโยชนพฺภนฺตเร คาวุเตปิ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ คเตน ภุญฺชิตพฺพนฺติ คเตน เอกทิวสํ ภุญฺชิตพฺพํฯ นาวาภิรุหเนปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – อภิรุเฬฺหน อิจฺฉิตฎฺฐานํ คนฺตฺวาปิ ยาว น โอโรหติ ตาว ภุญฺชิตพฺพนฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ จตุเตฺถ อาคเตติ อยํ อนฺติมปริเจฺฉโท, จตุเตฺถปิ อาคเต ยตฺถ น ยาเปนฺติ; โส มหาสมโยฯ ยตฺถ ปน สตํ วา สหสฺสํ วา สนฺนิปตนฺติ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ตสฺมา ตาทิเส กาเล ‘‘มหาสมโย’’ติ อธิฎฺฐหิตฺวา ภุญฺชิตพฺพํฯ โย โกจิ ปริพฺพาชกสมาปโนฺนติ สหธมฺมิเกสุ วา ติตฺถิเยสุ วา อญฺญตโร, เอเตสญฺหิ เยน เกนจิ กเต ภเตฺต ‘‘สมณภตฺตสมโย’’ติ ภุญฺชิตพฺพํฯ
Addhayojananti ettakampi addhānaṃ gantukāmena. Yo pana dūraṃ gantukāmo, tattha vattabbameva natthi. Gacchantenāti addhānaṃ gacchantena, addhayojanabbhantare gāvutepi bhuñjituṃ vaṭṭati. Gatena bhuñjitabbanti gatena ekadivasaṃ bhuñjitabbaṃ. Nāvābhiruhanepi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – abhiruḷhena icchitaṭṭhānaṃ gantvāpi yāva na orohati tāva bhuñjitabbanti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Catutthe āgateti ayaṃ antimaparicchedo, catutthepi āgate yattha na yāpenti; so mahāsamayo. Yattha pana sataṃ vā sahassaṃ vā sannipatanti, tattha vattabbameva natthi. Tasmā tādise kāle ‘‘mahāsamayo’’ti adhiṭṭhahitvā bhuñjitabbaṃ. Yo koci paribbājakasamāpannoti sahadhammikesu vā titthiyesu vā aññataro, etesañhi yena kenaci kate bhatte ‘‘samaṇabhattasamayo’’ti bhuñjitabbaṃ.
๒๒๐. อนาปตฺติ สมเยติ สตฺตสุ สมเยสุ อญฺญตรสฺมิํ อนาปตฺติฯ เทฺว ตโย เอกโตติ เยปิ อกปฺปิยนิมนฺตนํ สาทิยิตฺวา เทฺว วา ตโย วา เอกโต คเหตฺวา ภุญฺชนฺติ, เตสมฺปิ อนาปตฺติฯ
220.Anāpatti samayeti sattasu samayesu aññatarasmiṃ anāpatti. Dve tayo ekatoti yepi akappiyanimantanaṃ sādiyitvā dve vā tayo vā ekato gahetvā bhuñjanti, tesampi anāpatti.
ตตฺถ อนิมนฺติตจตุตฺถํ, ปิณฺฑปาติกจตุตฺถํ, อนุปสมฺปนฺนจตุตฺถํ, ปตฺตจตุตฺถํ, คิลานจตุตฺถนฺติ ปญฺจนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ ฯ กถํ? อิเธกโจฺจ จตฺตาโร ภิกฺขู ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ นิมเนฺตติฯ เตสุ ตโย คตา, เอโก น คโตฯ อุปาสโก ‘‘เอโก ภเนฺต เถโร กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉติฯ นาคโต อุปาสกาติฯ โส อญฺญํ ตงฺขณปฺปตฺตํ กญฺจิ ‘‘เอหิ ภเนฺต’’ติ ปเวเสตฺวา จตุนฺนมฺปิ ภตฺตํ เทติ, สเพฺพสํ อนาปตฺติฯ กสฺมา? คณปูรกสฺส อนิมนฺติตตฺตาฯ ตโย เอว หิ ตตฺถ นิมนฺติตา คณฺหิํสุ, เตหิ คโณ น ปูรติ, คณปูรโก จ อนิมนฺติโต, เตน คโณ ภิชฺชตีติ อิทํ อนิมนฺติตจตุตฺถํฯ
Tattha animantitacatutthaṃ, piṇḍapātikacatutthaṃ, anupasampannacatutthaṃ, pattacatutthaṃ, gilānacatutthanti pañcannaṃ catukkānaṃ vasena vinicchayo veditabbo . Kathaṃ? Idhekacco cattāro bhikkhū ‘‘bhattaṃ gaṇhathā’’ti nimanteti. Tesu tayo gatā, eko na gato. Upāsako ‘‘eko bhante thero kuhi’’nti pucchati. Nāgato upāsakāti. So aññaṃ taṅkhaṇappattaṃ kañci ‘‘ehi bhante’’ti pavesetvā catunnampi bhattaṃ deti, sabbesaṃ anāpatti. Kasmā? Gaṇapūrakassa animantitattā. Tayo eva hi tattha nimantitā gaṇhiṃsu, tehi gaṇo na pūrati, gaṇapūrako ca animantito, tena gaṇo bhijjatīti idaṃ animantitacatutthaṃ.
ปิณฺฑปาติกจตุเตฺถ – นิมนฺตนกาเล เอโก ปิณฺฑปาติโก โหติ, โส นาธิวาเสติฯ คมนเวลาย ปน ‘‘เอหิ ภเนฺต’’ติ วุเตฺต อนธิวาสิตตฺตา อนาคจฺฉนฺตมฺปิ ‘‘เอถ ภิกฺขํ ลจฺฉถา’’ติ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, โส ตํ คณํ ภินฺทติฯ ตสฺมา สเพฺพสํ อนาปตฺติฯ
Piṇḍapātikacatutthe – nimantanakāle eko piṇḍapātiko hoti, so nādhivāseti. Gamanavelāya pana ‘‘ehi bhante’’ti vutte anadhivāsitattā anāgacchantampi ‘‘etha bhikkhaṃ lacchathā’’ti gahetvā gacchanti, so taṃ gaṇaṃ bhindati. Tasmā sabbesaṃ anāpatti.
อนุปสมฺปนฺนจตุเตฺถ – สามเณเรน สทฺธิํ นิมนฺติตา โหนฺติ, โสปิ คณํ ภินฺทติฯ
Anupasampannacatutthe – sāmaṇerena saddhiṃ nimantitā honti, sopi gaṇaṃ bhindati.
ปตฺตจตุเตฺถ – เอโก สยํ อคนฺตฺวา ปตฺตํ เปเสติ; เอวมฺปิ คโณ ภิชฺชติฯ ตสฺมา สเพฺพสํ อนาปตฺติฯ
Pattacatutthe – eko sayaṃ agantvā pattaṃ peseti; evampi gaṇo bhijjati. Tasmā sabbesaṃ anāpatti.
คิลานจตุเตฺถ – คิลาเนน สทฺธิํ นิมนฺติตา โหนฺติ, ตตฺถ คิลานเสฺสว อนาปตฺติ, อิตเรสํ ปน คณปูรโก โหติฯ น หิ คิลาเนน คโณ ภิชฺชติฯ ตสฺมา เตสํ อาปตฺติเยวฯ มหาปจฺจริยํ ปน อวิเสเสน วุตฺตํฯ
Gilānacatutthe – gilānena saddhiṃ nimantitā honti, tattha gilānasseva anāpatti, itaresaṃ pana gaṇapūrako hoti. Na hi gilānena gaṇo bhijjati. Tasmā tesaṃ āpattiyeva. Mahāpaccariyaṃ pana avisesena vuttaṃ.
สมยลทฺธโก สยเมว มุจฺจติ, เสสานํ คณปูรกตฺตา อาปตฺติกโร โหติฯ ตสฺมา จีวรทานสมยลทฺธกาทีนมฺปิ วเสน จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิฯ สเจ ปน อธิวาเสตฺวา คเตสุปิ จตูสุ ชเนสุ เอโก ปณฺฑิโต ภิกฺขุ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ คณํ ภินฺทิสฺสามิ, นิมนฺตนํ สาทิยถา’’ติ วตฺวา ยาคุขชฺชกาวสาเน ภตฺตตฺถาย ปตฺตํ คณฺหนฺตานํ อทตฺวา ‘‘อิเม ตาว ภิกฺขู โภเชตฺวา วิสฺสเชฺชถ, อหํ ปจฺฉา อนุโมทนํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ นิสิโนฺนฯ เตสุ ภุตฺวา คเตสุ ‘‘เทถ ภเนฺต ปตฺต’’นฺติ อุปาสเกน ปตฺตํ คเหตฺวา ภเตฺต ทิเนฺน ภุญฺชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา คจฺฉติ, สเพฺพสํ อนาปตฺติฯ ปญฺจนฺนญฺหิ โภชนานํเยว วเสน คณโภชเน วิสเงฺกตํ นตฺถิฯ โอทเนน นิมนฺติตา กุมฺมาสํ คณฺหนฺตาปิ อาปตฺติํ อาปชฺชนฺติฯ ตานิ จ เตหิ เอกโต น คหิตานิฯ ยาคุอาทีสุ ปน วิสเงฺกตํ โหติ, ตานิ เตหิ เอกโต คหิตานีติฯ เอวํ เอโก ปณฺฑิโต อเญฺญสมฺปิ อนาปตฺติํ กโรติฯ
Samayaladdhako sayameva muccati, sesānaṃ gaṇapūrakattā āpattikaro hoti. Tasmā cīvaradānasamayaladdhakādīnampi vasena catukkāni veditabbāni. Sace pana adhivāsetvā gatesupi catūsu janesu eko paṇḍito bhikkhu ‘‘ahaṃ tumhākaṃ gaṇaṃ bhindissāmi, nimantanaṃ sādiyathā’’ti vatvā yāgukhajjakāvasāne bhattatthāya pattaṃ gaṇhantānaṃ adatvā ‘‘ime tāva bhikkhū bhojetvā vissajjetha, ahaṃ pacchā anumodanaṃ katvā gamissāmī’’ti nisinno. Tesu bhutvā gatesu ‘‘detha bhante patta’’nti upāsakena pattaṃ gahetvā bhatte dinne bhuñjitvā anumodanaṃ katvā gacchati, sabbesaṃ anāpatti. Pañcannañhi bhojanānaṃyeva vasena gaṇabhojane visaṅketaṃ natthi. Odanena nimantitā kummāsaṃ gaṇhantāpi āpattiṃ āpajjanti. Tāni ca tehi ekato na gahitāni. Yāguādīsu pana visaṅketaṃ hoti, tāni tehi ekato gahitānīti. Evaṃ eko paṇḍito aññesampi anāpattiṃ karoti.
ตสฺมา สเจ โกจิ สงฺฆภตฺตํ กตฺตุกาเมน นิมนฺตนตฺถาย เปสิโต วิหารํ อาคมฺม ‘‘ภเนฺต, เสฺว อมฺหากํ ฆเร ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วา ‘‘สงฺฆภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วา ‘‘สโงฺฆ ภตฺตํ คณฺหาตู’’ติ วา วทติ, ภตฺตุเทฺทสเกน ปณฺฑิเตน ภวิตพฺพํ, เนมนฺตนิกา คณโภชนโต ปิณฺฑปาติกา จ ธุตงฺคเภทโต โมเจตพฺพาฯ กถํ? เอวํ ตาว วตฺตพฺพํ – ‘‘เสฺว น สกฺกา อุปาสกา’’ติฯ ‘‘ปุนทิวเส, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘ปุนทิวเสปิ น สกฺกา’’ติฯ เอวํ ยาว อทฺธมาสมฺปิ หริตฺวา ปุน วตฺตโพฺพ – ‘‘ตฺวํ กิํ อวจา’’ติ? สเจ ปุนปิ ‘‘สงฺฆภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตโต ‘‘อิมํ ตาว อุปาสก ปุปฺผํ กปฺปิยํ กโรหิ, อิมํ ติณ’’นฺติ เอวํ วิเกฺขปํ กตฺวา ปุน ‘‘กิํ กถยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตโพฺพฯ สเจ ปุนปิ ตเถว วทติ, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ ปิณฺฑปาติเก วา มหาเถเร วา น ลจฺฉสิ, สามเณเร ลจฺฉสี’’ติ วตฺตโพฺพฯ ‘‘นนุ, ภเนฺต อสุกสฺมิญฺจ อสุกสฺมิญฺจ คาเม ภทเนฺต โภเชสุํ, อหํ กสฺมา น ลภามี’’ติ จ วุเตฺต ‘‘เต นิมเนฺตตุํ ชานนฺติ, ตฺวํ น ชานาสี’’ติฯ เต กถํ นิมเนฺตสุํ ภเนฺตติ? เต เอวมาหํสุ – ‘‘อมฺหากํ, ภเนฺต, ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติฯ สเจ โสปิ ตเถว วทติ, วฎฺฎติฯ อถ ปุนปิ ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ‘‘น ทานิ ตฺวํ, อาวุโส, พหู ภิกฺขู ลจฺฉสิ, ตโย เอว ลจฺฉสี’’ติ วตฺตโพฺพฯ ‘‘นนุ, ภเนฺต, อสุกสฺมิญฺจ อสุกสฺมิญฺจ คาเม สกลํ ภิกฺขุสงฺฆํ โภเชสุํ, อหํ กสฺมา น ลภามี’’ติ? ‘‘ตฺวํ นิมเนฺตตุํ น ชานาสี’’ติฯ ‘‘เต กถํ นิมเนฺตสุ’’นฺติ? เต ‘‘ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาหํสูติฯ สเจ โสปิ ‘‘ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วทติ, วฎฺฎติฯ อถ ปุนปิ ‘‘ภตฺตเมวา’’ติ วทติ, ตโต วตฺตโพฺพ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, นตฺถมฺหากํ ตว ภเตฺตนโตฺถ, นิพทฺธโคจโร เอส อมฺหากํ, มยเมตฺถ ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติฯ ตํ ‘‘จรถ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา อาคตํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘กิํ โภ ลทฺธา ภิกฺขู’’ติ ฯ ‘‘กิํ เอเตน พหุ เอตฺถ วตฺตพฺพํ, ‘เถรา เสฺว ปิณฺฑาย จริสฺสามา’ติ อาหํสุฯ มา ทานิ ตุเมฺห ปมชฺชิตฺถา’’ติฯ ทุติยทิวเส เจติยวตฺตํ กตฺวา ฐิตา ภิกฺขู สงฺฆเตฺถเรน วตฺตพฺพา – ‘‘อาวุโส, ธุรคาเม สงฺฆภตฺตํ อปณฺฑิตมนุโสฺส ปน อคมาสิ , คจฺฉาม ธุรคาเม ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติฯ ภิกฺขูหิ เถรสฺส วจนํ กาตพฺพํ, น ทุพฺพเจหิ ภวิตพฺพํ, คามทฺวาเร อฎฺฐตฺวาว ปิณฺฑาย จริตพฺพํฯ เตสุ ปตฺตานิ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา โภเชเนฺตสุ ภุญฺชิตพฺพํฯ สเจ อาสนสาลาย ภตฺตํ ฐเปตฺวา รถิกาสุ อาหิณฺฑนฺตา อาโรเจนฺติ – ‘‘อาสนสาลาย, ภเนฺต, ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ น วฎฺฎติฯ
Tasmā sace koci saṅghabhattaṃ kattukāmena nimantanatthāya pesito vihāraṃ āgamma ‘‘bhante, sve amhākaṃ ghare bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti avatvā ‘‘bhattaṃ gaṇhathā’’ti vā ‘‘saṅghabhattaṃ gaṇhathā’’ti vā ‘‘saṅgho bhattaṃ gaṇhātū’’ti vā vadati, bhattuddesakena paṇḍitena bhavitabbaṃ, nemantanikā gaṇabhojanato piṇḍapātikā ca dhutaṅgabhedato mocetabbā. Kathaṃ? Evaṃ tāva vattabbaṃ – ‘‘sve na sakkā upāsakā’’ti. ‘‘Punadivase, bhante’’ti. ‘‘Punadivasepi na sakkā’’ti. Evaṃ yāva addhamāsampi haritvā puna vattabbo – ‘‘tvaṃ kiṃ avacā’’ti? Sace punapi ‘‘saṅghabhattaṃ gaṇhathā’’ti vadati, tato ‘‘imaṃ tāva upāsaka pupphaṃ kappiyaṃ karohi, imaṃ tiṇa’’nti evaṃ vikkhepaṃ katvā puna ‘‘kiṃ kathayitthā’’ti pucchitabbo. Sace punapi tatheva vadati, ‘‘āvuso, tvaṃ piṇḍapātike vā mahāthere vā na lacchasi, sāmaṇere lacchasī’’ti vattabbo. ‘‘Nanu, bhante asukasmiñca asukasmiñca gāme bhadante bhojesuṃ, ahaṃ kasmā na labhāmī’’ti ca vutte ‘‘te nimantetuṃ jānanti, tvaṃ na jānāsī’’ti. Te kathaṃ nimantesuṃ bhanteti? Te evamāhaṃsu – ‘‘amhākaṃ, bhante, bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti. Sace sopi tatheva vadati, vaṭṭati. Atha punapi ‘‘bhattaṃ gaṇhathā’’ti vadati, ‘‘na dāni tvaṃ, āvuso, bahū bhikkhū lacchasi, tayo eva lacchasī’’ti vattabbo. ‘‘Nanu, bhante, asukasmiñca asukasmiñca gāme sakalaṃ bhikkhusaṅghaṃ bhojesuṃ, ahaṃ kasmā na labhāmī’’ti? ‘‘Tvaṃ nimantetuṃ na jānāsī’’ti. ‘‘Te kathaṃ nimantesu’’nti? Te ‘‘bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti āhaṃsūti. Sace sopi ‘‘bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti vadati, vaṭṭati. Atha punapi ‘‘bhattamevā’’ti vadati, tato vattabbo – ‘‘gaccha tvaṃ, natthamhākaṃ tava bhattenattho, nibaddhagocaro esa amhākaṃ, mayamettha piṇḍāya carissāmā’’ti. Taṃ ‘‘caratha, bhante’’ti vatvā āgataṃ pucchanti – ‘‘kiṃ bho laddhā bhikkhū’’ti . ‘‘Kiṃ etena bahu ettha vattabbaṃ, ‘therā sve piṇḍāya carissāmā’ti āhaṃsu. Mā dāni tumhe pamajjitthā’’ti. Dutiyadivase cetiyavattaṃ katvā ṭhitā bhikkhū saṅghattherena vattabbā – ‘‘āvuso, dhuragāme saṅghabhattaṃ apaṇḍitamanusso pana agamāsi , gacchāma dhuragāme piṇḍāya carissāmā’’ti. Bhikkhūhi therassa vacanaṃ kātabbaṃ, na dubbacehi bhavitabbaṃ, gāmadvāre aṭṭhatvāva piṇḍāya caritabbaṃ. Tesu pattāni gahetvā nisīdāpetvā bhojentesu bhuñjitabbaṃ. Sace āsanasālāya bhattaṃ ṭhapetvā rathikāsu āhiṇḍantā ārocenti – ‘‘āsanasālāya, bhante, bhattaṃ gaṇhathā’’ti na vaṭṭati.
อถ ปน ภตฺตํ อาทาย ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, ปฎิกเจฺจว วา วิหารํ อภิหริตฺวา ปติรูเป ฐาเน ฐเปตฺวา อาคตาคตานํ เทนฺติ, อยํ อภิหฎภิกฺขา นาม วฎฺฎติฯ สเจ ปน ภตฺตสาลาย ทานํ สเชฺชตฺวา ตํ ตํ ปริเวณํ ปหิณนฺติ ‘‘ภตฺตสาลาย ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ, น วฎฺฎติฯ เย ปน มนุสฺสา ปิณฺฑจาริเก ภิกฺขู ทิสฺวา อาสนสาลํ สมฺมชฺชิตฺวา ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา โภเชนฺติ, น เต ปฎิกฺขิปิตพฺพาฯ เย ปน คาเม ภิกฺขํ อลภิตฺวา คามโต นิกฺขมเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘ภเนฺต ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, เต ปฎิกฺขิปิตพฺพา, น วา นิวตฺติตพฺพํฯ สเจ ‘‘นิวตฺตถ, ภเนฺต, ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, ‘‘นิวตฺตถา’’ติ วุตฺตปเท นิวตฺติตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘นิวตฺตถ ภเนฺต, ฆเร ภตฺตํ กตํ, คาเม ภตฺตํ กต’’นฺติ วทนฺติ, เคเห จ คาเม จ ภตฺตํ นาม ยสฺส กสฺสจิ โหตีติ นิวตฺติตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘นิวตฺตถ, ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ สมฺพนฺธํ กตฺวา วทนฺติ, นิวตฺติตุํ น วฎฺฎติฯ อาสนสาลโต ปิณฺฑาย จริตุํ นิกฺขมเนฺต ทิสฺวา ‘‘นิสีทถ ภเนฺต ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ นิจฺจภตฺตนฺติ ธุวภตฺตํ วุจฺจติฯ ‘‘นิจฺจภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, พหูนมฺปิ เอกโต คเหตุํ วฎฺฎติฯ สลากภตฺตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Atha pana bhattaṃ ādāya tattha tattha gantvā ‘‘bhattaṃ gaṇhathā’’ti vadanti, paṭikacceva vā vihāraṃ abhiharitvā patirūpe ṭhāne ṭhapetvā āgatāgatānaṃ denti, ayaṃ abhihaṭabhikkhā nāma vaṭṭati. Sace pana bhattasālāya dānaṃ sajjetvā taṃ taṃ pariveṇaṃ pahiṇanti ‘‘bhattasālāya bhattaṃ gaṇhathā’’ti, na vaṭṭati. Ye pana manussā piṇḍacārike bhikkhū disvā āsanasālaṃ sammajjitvā tattha nisīdāpetvā bhojenti, na te paṭikkhipitabbā. Ye pana gāme bhikkhaṃ alabhitvā gāmato nikkhamante bhikkhū disvā ‘‘bhante bhattaṃ gaṇhathā’’ti vadanti, te paṭikkhipitabbā, na vā nivattitabbaṃ. Sace ‘‘nivattatha, bhante, bhattaṃ gaṇhathā’’ti vadanti, ‘‘nivattathā’’ti vuttapade nivattituṃ vaṭṭati. ‘‘Nivattatha bhante, ghare bhattaṃ kataṃ, gāme bhattaṃ kata’’nti vadanti, gehe ca gāme ca bhattaṃ nāma yassa kassaci hotīti nivattituṃ vaṭṭati. ‘‘Nivattatha, bhattaṃ gaṇhathā’’ti sambandhaṃ katvā vadanti, nivattituṃ na vaṭṭati. Āsanasālato piṇḍāya carituṃ nikkhamante disvā ‘‘nisīdatha bhante bhattaṃ gaṇhathā’’ti vuttepi eseva nayo. Niccabhattanti dhuvabhattaṃ vuccati. ‘‘Niccabhattaṃ gaṇhathā’’ti vadanti, bahūnampi ekato gahetuṃ vaṭṭati. Salākabhattādīsupi eseva nayo. Sesamettha uttānameva.
เอฬกโลมสมุฎฺฐานํ – กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Eḷakalomasamuṭṭhānaṃ – kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
คณโภชนสิกฺขาปทํ ทุติยํฯ
Gaṇabhojanasikkhāpadaṃ dutiyaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. โภชนวโคฺค • 4. Bhojanavaggo
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Gaṇabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Gaṇabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Gaṇabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒. คณโภชนสิกฺขาปทํ • 2. Gaṇabhojanasikkhāpadaṃ