Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๓. อานาปานสฺสติกถา

    3. Ānāpānassatikathā

    ๑. คณนวารวณฺณนา

    1. Gaṇanavāravaṇṇanā

    ๑๕๒. อิทานิ ทิฎฺฐิกถานนฺตรํ กถิตาย อานาปานสฺสติกถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนา อนุปฺปตฺตาฯ อยญฺหิ อานาปานสฺสติกถา ทิฎฺฐิกถาย สุวิทิตทิฎฺฐาทีนวสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิมลวิโสธเนน สุวิสุทฺธจิตฺตสฺส ยถาภูตาวโพธาย สมาธิภาวนา สุกรา โหติ, สพฺพสมาธิภาวนาสุ จ สพฺพสพฺพญฺญุโพธิสตฺตานํ โพธิมูเล อิมินาว สมาธินา สมาหิตจิตฺตานํ ยถาภูตาวโพธโต อยเมว สมาธิภาวนา ปธานาติ จ ทิฎฺฐิกถานนฺตรํ กถิตาฯ ตตฺถ โสฬสวตฺถุกํ อานาปานสฺสติสมาธิํ ภาวยโต สมธิกานิ เทฺว ญาณสตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ ญาณคณนุเทฺทโส, อฎฺฐ ปริปเนฺถ ญาณานีติอาทิ ญาณคณนนิเทฺทโส, กตมานิ อฎฺฐ ปริปเนฺถ ญาณานีติอาทิฯ อิมานิ เอกวีสติ วิมุตฺติสุเข ญาณานีติปริยนฺตํ สพฺพญาณานํ วิตฺถารนิเทฺทโส, อเนฺต โสฬสวตฺถุกํ อานาปานสฺสติสมาธิํ ภาวยโตติอาทิ นิคมนนฺติ เอวํ ตาว ปาฬิววตฺถานํ เวทิตพฺพํฯ

    152. Idāni diṭṭhikathānantaraṃ kathitāya ānāpānassatikathāya apubbatthānuvaṇṇanā anuppattā. Ayañhi ānāpānassatikathā diṭṭhikathāya suviditadiṭṭhādīnavassa micchādiṭṭhimalavisodhanena suvisuddhacittassa yathābhūtāvabodhāya samādhibhāvanā sukarā hoti, sabbasamādhibhāvanāsu ca sabbasabbaññubodhisattānaṃ bodhimūle imināva samādhinā samāhitacittānaṃ yathābhūtāvabodhato ayameva samādhibhāvanā padhānāti ca diṭṭhikathānantaraṃ kathitā. Tattha soḷasavatthukaṃ ānāpānassatisamādhiṃ bhāvayato samadhikāni dve ñāṇasatāni uppajjantīti ñāṇagaṇanuddeso, aṭṭha paripanthe ñāṇānītiādi ñāṇagaṇananiddeso, katamāni aṭṭha paripanthe ñāṇānītiādi. Imāni ekavīsati vimuttisukhe ñāṇānītipariyantaṃ sabbañāṇānaṃ vitthāraniddeso, ante soḷasavatthukaṃ ānāpānassatisamādhiṃ bhāvayatotiādi nigamananti evaṃ tāva pāḷivavatthānaṃ veditabbaṃ.

    ตตฺถ คณนุเทฺทเส คณนวาเร ตาว โสฬสวตฺถุกนฺติ ทีฆํ รสฺสํ สพฺพกายปฎิสํเวที ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารนฺติ กายานุปสฺสนาจตุกฺกํ, ปีติปฎิสํเวที สุขปฎิสํเวที จิตฺตสงฺขารปฎิสํเวที ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารนฺติ เวทนานุปสฺสนาจตุกฺกํ, จิตฺตปฎิสํเวที อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ สมาทหํ จิตฺตํ วิโมจยํ จิตฺตนฺติ จิตฺตานุปสฺสนาจตุกฺกํ, อนิจฺจานุปสฺสี วิราคานุปสฺสี นิโรธานุปสฺสี ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสีติ ธมฺมานุปสฺสนาจตุกฺกนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน โสฬส วตฺถูนิ ปติฎฺฐา อารมฺมณานิ อสฺสาติ โสฬสวตฺถุโกฯ ตํ โสฬสวตฺถุกํฯ สมาสวเสน ปเนตฺถ วิภตฺติโลโป กโตฯ อานนฺติ อพฺภนฺตรํ ปวิสนวาโตฯ อปานนฺติ พหินิกฺขมนวาโตฯ เกจิ ปน วิปริยาเยน วทนฺติฯ อปานญฺหิ อเปตํ อานโตติ อปานนฺติ วุจฺจติ, นิเทฺทเส (ปฎิ. ม. ๑.๑๖๐) ปน นา-การสฺส ทีฆตฺตมชฺฌุเปกฺขิตฺวา อาปานนฺติฯ ตสฺมิํ อานาปาเน สติ อานาปานสฺสติ, อสฺสาสปสฺสาสปริคฺคาหิกาย สติยา เอตํ อธิวจนํฯ อานาปานสฺสติยา ยุโตฺต สมาธิ, อานาปานสฺสติยํ วา สมาธิ อานาปานสฺสติสมาธิฯ ภาวยโตติ นิเพฺพธภาคิยํ ภาเวนฺตสฺสฯ สมธิกานีติ สห อธิเกน วตฺตนฺตีติ สมธิกานิ, สาติเรกานีติ อโตฺถฯ ม-กาโร ปเนตฺถ ปทสนฺธิกโรฯ เกจิ ปน ‘‘สํอธิกานี’’ติ วทนฺติฯ เอวํ สติ เทฺว ญาณสตานิเยว อธิกานีติ อาปชฺชติ, ตํ น ยุชฺชติฯ อิมานิ หิ วีสติอธิกานิ เทฺว ญาณสตานิ โหนฺตีติฯ

    Tattha gaṇanuddese gaṇanavāre tāva soḷasavatthukanti dīghaṃ rassaṃ sabbakāyapaṭisaṃvedī passambhayaṃ kāyasaṅkhāranti kāyānupassanācatukkaṃ, pītipaṭisaṃvedī sukhapaṭisaṃvedī cittasaṅkhārapaṭisaṃvedī passambhayaṃ cittasaṅkhāranti vedanānupassanācatukkaṃ, cittapaṭisaṃvedī abhippamodayaṃ cittaṃ samādahaṃ cittaṃ vimocayaṃ cittanti cittānupassanācatukkaṃ, aniccānupassī virāgānupassī nirodhānupassī paṭinissaggānupassīti dhammānupassanācatukkanti imesaṃ catunnaṃ catukkānaṃ vasena soḷasa vatthūni patiṭṭhā ārammaṇāni assāti soḷasavatthuko. Taṃ soḷasavatthukaṃ. Samāsavasena panettha vibhattilopo kato. Ānanti abbhantaraṃ pavisanavāto. Apānanti bahinikkhamanavāto. Keci pana vipariyāyena vadanti. Apānañhi apetaṃ ānatoti apānanti vuccati, niddese (paṭi. ma. 1.160) pana nā-kārassa dīghattamajjhupekkhitvā āpānanti. Tasmiṃ ānāpāne sati ānāpānassati, assāsapassāsapariggāhikāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ. Ānāpānassatiyā yutto samādhi, ānāpānassatiyaṃ vā samādhi ānāpānassatisamādhi. Bhāvayatoti nibbedhabhāgiyaṃ bhāventassa. Samadhikānīti saha adhikena vattantīti samadhikāni, sātirekānīti attho. Ma-kāro panettha padasandhikaro. Keci pana ‘‘saṃadhikānī’’ti vadanti. Evaṃ sati dve ñāṇasatāniyeva adhikānīti āpajjati, taṃ na yujjati. Imāni hi vīsatiadhikāni dve ñāṇasatāni hontīti.

    ปริปเนฺถ ญาณานีติ ปริปนฺถํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตญาณานิฯ ตถา อุปกาเร อุปกฺกิเลเส ญาณานิฯ โวทาเน ญาณานีติ โวทายติ, เตน จิตฺตํ ปริสุทฺธํ โหตีติ โวทานํฯ กิํ ตํ? ญาณํฯ ‘‘โวทานญาณานี’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘สุตมเย ญาณ’’นฺติอาทีสุ (ปฎิ. ม. มาติกา ๑.๑; ปฎิ. ม. ๑.๑) วิย ‘‘โวทาเน ญาณานี’’ติ วุตฺตํฯ สโต สมฺปชาโน หุตฺวา กโรตีติ สโตการี, ตสฺส สโตการิสฺส ญาณานิฯ นิพฺพิทาญาณานีติ นิพฺพิทาภูตานิ ญาณานิฯ นิพฺพิทานุโลมญาณานีติ นิพฺพิทาย อนุกูลานิ ญาณานิฯ นิพฺพิทานุโลมิญาณานีติปิ ปาโฐ, นิพฺพิทานุโลโม เอเตสํ อตฺถีติ นิพฺพิทานุโลมีติ อโตฺถฯ นิพฺพิทาปฎิปฺปสฺสทฺธิญาณานีติ นิพฺพิทาย ปฎิปฺปสฺสทฺธิยํ ญาณานิฯ วิมุตฺติสุเข ญาณานีติ วิมุตฺติสุเขน สมฺปยุตฺตานิ ญาณานิฯ

    Paripanthe ñāṇānīti paripanthaṃ ārammaṇaṃ katvā pavattañāṇāni. Tathā upakāre upakkilese ñāṇāni. Vodāne ñāṇānīti vodāyati, tena cittaṃ parisuddhaṃ hotīti vodānaṃ. Kiṃ taṃ? Ñāṇaṃ. ‘‘Vodānañāṇānī’’ti vattabbe ‘‘sutamaye ñāṇa’’ntiādīsu (paṭi. ma. mātikā 1.1; paṭi. ma. 1.1) viya ‘‘vodāne ñāṇānī’’ti vuttaṃ. Sato sampajāno hutvā karotīti satokārī, tassa satokārissa ñāṇāni. Nibbidāñāṇānīti nibbidābhūtāni ñāṇāni. Nibbidānulomañāṇānīti nibbidāya anukūlāni ñāṇāni. Nibbidānulomiñāṇānītipi pāṭho, nibbidānulomo etesaṃ atthīti nibbidānulomīti attho. Nibbidāpaṭippassaddhiñāṇānīti nibbidāya paṭippassaddhiyaṃ ñāṇāni. Vimuttisukhe ñāṇānīti vimuttisukhena sampayuttāni ñāṇāni.

    กตมานิ อฎฺฐาติอาทีหิ ปริปนฺถอุปการานํ ปฎิปกฺขวิปกฺขยุคลตฺตา เตสุ ญาณานิ สเหว นิทฺทิฎฺฐานิฯ กามจฺฉนฺทเนกฺขมฺมาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถานิฯ อุปการนฺติ จ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน นปุํสกวจนํ กตํฯ สเพฺพปิ อกุสลา ธมฺมาติ วุตฺตาวเสสา เย เกจิ อกุสลา ธมฺมาฯ ตถา สเพฺพปิ นิเพฺพธภาคิยา กุสลา ธมฺมาฯ ‘‘ปริปโนฺถ อุปการ’’นฺติ จ ตํ ตเทว อเปกฺขิตฺวา เอกวจนํ กตํฯ เอตฺถ จ ปริปเนฺถ ญาณานิอุปกาเร ญาณานิ จ ปุจฺฉิตฺวา เตสํ อารมฺมณาเนว วิสฺสชฺชิตฺวา เตเหว ตานิ วิสฺสชฺชิตานิ โหนฺตีติ ตทารมฺมณานิ ญาณานิ นิคเมตฺวา ทเสฺสสิฯ อุปกฺกิเลเส ญาณาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Katamāni aṭṭhātiādīhi paripanthaupakārānaṃ paṭipakkhavipakkhayugalattā tesu ñāṇāni saheva niddiṭṭhāni. Kāmacchandanekkhammādīni heṭṭhā vuttatthāni. Upakāranti ca liṅgavipallāsavasena napuṃsakavacanaṃ kataṃ. Sabbepi akusalā dhammāti vuttāvasesā ye keci akusalā dhammā. Tathā sabbepi nibbedhabhāgiyā kusalā dhammā. ‘‘Paripantho upakāra’’nti ca taṃ tadeva apekkhitvā ekavacanaṃ kataṃ. Ettha ca paripanthe ñāṇāni ca upakāre ñāṇāni ca pucchitvā tesaṃ ārammaṇāneva vissajjitvā teheva tāni vissajjitāni hontīti tadārammaṇāni ñāṇāni nigametvā dassesi. Upakkilese ñāṇādīsupi eseva nayo.

    คณนวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Gaṇanavāravaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. คณนวาร • 1. Gaṇanavāra


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact