Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๒๐] ๑๐. คนฺธตินฺทุกชาตกวณฺณนา

    [520] 10. Gandhatindukajātakavaṇṇanā

    อปฺปมาโทติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิฯ ราโชวาโท เหฎฺฐา วิตฺถาริโตวฯ อตีเต ปน กปิลรเฎฺฐ อุตฺตรปญฺจาลนคเร ปญฺจาโล นาม ราชา อคติคมเน ฐิโต อธเมฺมน ปมโตฺต รชฺชํ กาเรสิฯ อถสฺส อมจฺจาทโย สเพฺพปิ อธมฺมิกาว ชาตาฯ พลิปีฬิตา รฎฺฐวาสิโน ปุตฺตทาเร อาทาย อรเญฺญ มิคา วิย จริํสุ, คามฎฺฐาเน คาโม นาม นาโหสิฯ มนุสฺสา ราชปุริสานํ ภเยน ทิวา เคเห วสิตุํ อสโกฺกนฺตา เคหานิ กณฺฎกสาขาหิ ปริกฺขิปิตฺวา เคเห รตฺติํ วสิตฺวา อรุเณ อุคฺคจฺฉเนฺตเยว อรญฺญํ ปวิสนฺติฯ ทิวา ราชปุริสา วิลุมฺปนฺติ, รตฺติํ โจราฯ ตทา โพธิสโตฺต พหินคเร คนฺธตินฺทุกรุเกฺข เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อนุสํวจฺฉรํ รโญฺญ สนฺติกา สหสฺสคฺฆนกํ พลิกมฺมํ ลภติฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ราชา ปมโตฺต รชฺชํ กาเรติ, สกลรฎฺฐํ วินสฺสติ, ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ ราชานํ ปติรูเป นิเวเสตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, อุปการโก จาปิ เม อนุสํวจฺฉรํ สหสฺสคฺฆนกพลินา ปูเชติ, โอวทิสฺสามิ น’’นฺติฯ

    Appamādoti idaṃ satthā jetavane viharanto rājovādaṃ ārabbha kathesi. Rājovādo heṭṭhā vitthāritova. Atīte pana kapilaraṭṭhe uttarapañcālanagare pañcālo nāma rājā agatigamane ṭhito adhammena pamatto rajjaṃ kāresi. Athassa amaccādayo sabbepi adhammikāva jātā. Balipīḷitā raṭṭhavāsino puttadāre ādāya araññe migā viya cariṃsu, gāmaṭṭhāne gāmo nāma nāhosi. Manussā rājapurisānaṃ bhayena divā gehe vasituṃ asakkontā gehāni kaṇṭakasākhāhi parikkhipitvā gehe rattiṃ vasitvā aruṇe uggacchanteyeva araññaṃ pavisanti. Divā rājapurisā vilumpanti, rattiṃ corā. Tadā bodhisatto bahinagare gandhatindukarukkhe devatā hutvā nibbatti, anusaṃvaccharaṃ rañño santikā sahassagghanakaṃ balikammaṃ labhati. So cintesi – ‘‘ayaṃ rājā pamatto rajjaṃ kāreti, sakalaraṭṭhaṃ vinassati, ṭhapetvā maṃ añño rājānaṃ patirūpe nivesetuṃ samattho nāma natthi, upakārako cāpi me anusaṃvaccharaṃ sahassagghanakabalinā pūjeti, ovadissāmi na’’nti.

    โส รตฺติภาเค รโญฺญ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อุสฺสีสกปเสฺส ฐตฺวา โอภาสํ วิสฺสเชฺชตฺวา อากาเส อฎฺฐาสิฯ ราชา ตํ พาลสูริยํ วิย ชลมานํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ, เกน วา การเณน อิธาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘มหาราช, อหํ คนฺธตินฺทุกเทวตา, ‘ตุยฺหํ โอวาทํ ทสฺสามี’ติ อาคโตมฺหี’’ติ อาหฯ ‘‘กิํ นาม โอวาทํ ทสฺสสี’’ติ เอวํ วุเตฺต มหาสโตฺต, ‘‘มหาราช, ตฺวํ ปมโตฺต หุตฺวา รชฺชํ กาเรสิ, เตน เต สกลรฎฺฐํ หตวิลุตฺตํ วิย วินฎฺฐํ, ราชาโน นาม ปมาเทน รชฺชํ กาเรนฺตา สกลรฎฺฐสฺส สามิโน น โหนฺติ, ทิเฎฺฐว ธเมฺม วินาสํ ปตฺวา สมฺปราเย ปุน มหานิรเย นิพฺพตฺตนฺติฯ เตสุ จ ปมาทํ อาปเนฺนสุ อโนฺตชนา พหิชนาปิสฺส ปมตฺตาว โหนฺติ, ตสฺมา รญฺญา อติเรเกน อปฺปมเตฺตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมเทสนํ ปฎฺฐเปโนฺต อิมา เอกาทส คาถา อาห –

    So rattibhāge rañño sirigabbhaṃ pavisitvā ussīsakapasse ṭhatvā obhāsaṃ vissajjetvā ākāse aṭṭhāsi. Rājā taṃ bālasūriyaṃ viya jalamānaṃ disvā ‘‘kosi tvaṃ, kena vā kāraṇena idhāgatosī’’ti pucchi. So tassa vacanaṃ sutvā, ‘‘mahārāja, ahaṃ gandhatindukadevatā, ‘tuyhaṃ ovādaṃ dassāmī’ti āgatomhī’’ti āha. ‘‘Kiṃ nāma ovādaṃ dassasī’’ti evaṃ vutte mahāsatto, ‘‘mahārāja, tvaṃ pamatto hutvā rajjaṃ kāresi, tena te sakalaraṭṭhaṃ hataviluttaṃ viya vinaṭṭhaṃ, rājāno nāma pamādena rajjaṃ kārentā sakalaraṭṭhassa sāmino na honti, diṭṭheva dhamme vināsaṃ patvā samparāye puna mahāniraye nibbattanti. Tesu ca pamādaṃ āpannesu antojanā bahijanāpissa pamattāva honti, tasmā raññā atirekena appamattena bhavitabba’’nti vatvā dhammadesanaṃ paṭṭhapento imā ekādasa gāthā āha –

    ๓๓๒.

    332.

    ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;

    ‘‘Appamādo amatapadaṃ, pamādo maccuno padaṃ;

    อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตาฯ

    Appamattā na mīyanti, ye pamattā yathā matā.

    ๓๓๓.

    333.

    ‘‘มทา ปมาโท ชาเยถ, ปมาทา ชายเต ขโย;

    ‘‘Madā pamādo jāyetha, pamādā jāyate khayo;

    ขยา ปโทสา ชายนฺติ, มา มโท ภรตูสภฯ

    Khayā padosā jāyanti, mā mado bharatūsabha.

    ๓๓๔.

    334.

    ‘‘พหู หิ ขตฺติยา ชีนา, อตฺถํ รฎฺฐํ ปมาทิโน;

    ‘‘Bahū hi khattiyā jīnā, atthaṃ raṭṭhaṃ pamādino;

    อโถปิ คามิโน คามา, อนคารา อคาริโนฯ

    Athopi gāmino gāmā, anagārā agārino.

    ๓๓๕.

    335.

    ‘‘ขตฺติยสฺส ปมตฺตสฺส, รฎฺฐสฺมิํ รฎฺฐวฑฺฒน;

    ‘‘Khattiyassa pamattassa, raṭṭhasmiṃ raṭṭhavaḍḍhana;

    สเพฺพ โภคา วินสฺสนฺติ, รโญฺญ ตํ วุจฺจเต อฆํฯ

    Sabbe bhogā vinassanti, rañño taṃ vuccate aghaṃ.

    ๓๓๖.

    336.

    ‘‘เนส ธโมฺม มหาราช, อติเวลํ ปมชฺชสิ;

    ‘‘Nesa dhammo mahārāja, ativelaṃ pamajjasi;

    อิทฺธํ ผีตํ ชนปทํ, โจรา วิทฺธํสยนฺติ นํฯ

    Iddhaṃ phītaṃ janapadaṃ, corā viddhaṃsayanti naṃ.

    ๓๓๗.

    337.

    ‘‘น เต ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ, น หิรญฺญํ น ธานิยํ;

    ‘‘Na te puttā bhavissanti, na hiraññaṃ na dhāniyaṃ;

    รเฎฺฐ วิลุปฺปมานมฺหิ, สพฺพโภเคหิ ชียสิฯ

    Raṭṭhe viluppamānamhi, sabbabhogehi jīyasi.

    ๓๓๘.

    338.

    ‘‘สพฺพโภคา ปริชิณฺณํ, ราชานํ วาปิ ขตฺติยํ;

    ‘‘Sabbabhogā parijiṇṇaṃ, rājānaṃ vāpi khattiyaṃ;

    ญาติมิตฺตา สุหชฺชา จ, น ตํ มญฺญนฺติ มานิยํฯ

    Ñātimittā suhajjā ca, na taṃ maññanti māniyaṃ.

    ๓๓๙.

    339.

    ‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;

    ‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;

    ตเมวมุปชีวนฺตา, น ตํ มญฺญนฺติ มานิยํฯ

    Tamevamupajīvantā, na taṃ maññanti māniyaṃ.

    ๓๔๐.

    340.

    ‘‘อสํวิหิตกมฺมนฺตํ , พาลํ ทุมฺมนฺติมนฺตินํ;

    ‘‘Asaṃvihitakammantaṃ , bālaṃ dummantimantinaṃ;

    สิรี ชหติ ทุเมฺมธํ, ชิณฺณํว อุรโค ตจํฯ

    Sirī jahati dummedhaṃ, jiṇṇaṃva urago tacaṃ.

    ๓๔๑.

    341.

    ‘‘สุสํวิหิตกมฺมนฺตํ, กาลุฎฺฐายิํ อตนฺทิตํ;

    ‘‘Susaṃvihitakammantaṃ, kāluṭṭhāyiṃ atanditaṃ;

    สเพฺพ โภคาภิวฑฺฒนฺติ, คาโว สอุสภามิวฯ

    Sabbe bhogābhivaḍḍhanti, gāvo sausabhāmiva.

    ๓๔๒.

    342.

    ‘‘อุปสฺสุติํ มหาราช, รเฎฺฐ ชนปเท จร;

    ‘‘Upassutiṃ mahārāja, raṭṭhe janapade cara;

    ตตฺถ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ, ตโต ตํ ปฎิปชฺชสี’’ติฯ

    Tattha disvā ca sutvā ca, tato taṃ paṭipajjasī’’ti.

    ตตฺถ อปฺปมาโทติ สติยา อวิปฺปวาโสฯ อมตปทนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ปทํ อธิคมการณํฯ มจฺจุโน ปทนฺติ มรณสฺส การณํฯ ปมตฺตา หิ วิปสฺสนํ อวเฑฺฒตฺวา อปฺปฎิสนฺธิกภาวํ ปตฺตุํ อสโกฺกนฺตา ปุนปฺปุนํ สํสาเร ชายนฺติ เจว มียนฺติ จ, ตสฺมา ปมาโท มจฺจุโน ปทํ นาม ฯ น มียนฺตีติ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อปฺปฎิสนฺธิกภาวํ ปตฺตา ปุน สํสาเร อนิพฺพตฺตตฺตา น มียนฺติ นามฯ เย ปมตฺตาติ, มหาราช, เย ปุคฺคลา ปมตฺตา, เต ยถา มตา, ตเถว ทฎฺฐพฺพาฯ กสฺมา? อกิจฺจสาธนตายฯ มตสฺสปิ หิ ‘‘อหํ ทานํ ทสฺสามิ, สีลํ รกฺขิสฺสามิ, อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามิ, กลฺยาณกมฺมํ ปูเรสฺสามี’’ติ อาโภโค วา ปตฺถนา วา ปริยุฎฺฐานํ วา นตฺถิ อปคตวิญฺญาณตฺตา, ปมตฺตสฺสปิ อปฺปมาทาภาวาติ ตสฺมา อุโภเปเต เอกสทิสาวฯ

    Tattha appamādoti satiyā avippavāso. Amatapadanti amatassa nibbānassa padaṃ adhigamakāraṇaṃ. Maccuno padanti maraṇassa kāraṇaṃ. Pamattā hi vipassanaṃ avaḍḍhetvā appaṭisandhikabhāvaṃ pattuṃ asakkontā punappunaṃ saṃsāre jāyanti ceva mīyanti ca, tasmā pamādo maccuno padaṃ nāma . Na mīyantīti vipassanaṃ vaḍḍhetvā appaṭisandhikabhāvaṃ pattā puna saṃsāre anibbattattā na mīyanti nāma. Ye pamattāti, mahārāja, ye puggalā pamattā, te yathā matā, tatheva daṭṭhabbā. Kasmā? Akiccasādhanatāya. Matassapi hi ‘‘ahaṃ dānaṃ dassāmi, sīlaṃ rakkhissāmi, uposathakammaṃ karissāmi, kalyāṇakammaṃ pūressāmī’’ti ābhogo vā patthanā vā pariyuṭṭhānaṃ vā natthi apagataviññāṇattā, pamattassapi appamādābhāvāti tasmā ubhopete ekasadisāva.

    มทาติ, มหาราช, อาโรคฺยโยพฺพนชีวิตมทสงฺขาตา ติวิธา มทา ปมาโท นาม ชายติฯ โส มทปฺปโตฺต ปมาทาปโนฺน ปาณาติปาตาทีนิ ปาปกมฺมานิ กโรติฯ อถ นํ ราชาโน ฉินฺทาเปนฺติ วา หนาเปนฺติ วา, สพฺพํ วา ธนมสฺส หรนฺติ, เอวมสฺส ปมาทา ญาติธนชีวิตกฺขโย ชายติฯ ปุน โส ธนกฺขยํ วา ยสกฺขยํ วา ปโตฺต ชีวิตุํ อสโกฺกโนฺต ชีวิตวุตฺตตฺถาย กายทุจฺจริตาทีนิ กโรติ, อิจฺจสฺส ขยา ปโทสา ชายนฺติ, เตน ตํ วทามิ มา มโท ภรตูสภาติ, รฎฺฐภารกเชฎฺฐก ภรตูสภ มา ปมาทมาปชฺชีติ อโตฺถฯ อตฺถํ รฎฺฐนฺติ ชนปทวาสีนํ วุทฺธิเญฺจว สกลรฎฺฐญฺจ พหู ปมาทิโน ชีนาฯ เตสํ อาวิภาวตฺถาย ขนฺติวาทิชาตก-มาตงฺคชาตก-ภรุชาตก-สรภงฺคชาตก-เจติยชาตกานิ กเถตพฺพานิฯ คามิโนติ คามโภชกาปิ เต คามาปิ พหู ปมาทโทเสน ชีนา ปริหีนา วินฎฺฐาฯ อนคารา อคาริโนติ ปพฺพชิตาปิ ปพฺพชิตปฎิปตฺติโต, คิหีปิ ฆราวาสโต เจว ธนธญฺญาทีหิ จ พหู ชีนา ปริหีนาติ วทติฯ ตํ วุจฺจเต อฆนฺติ, มหาราช, ยสโภคปริหานิ นาเมตํ รโญฺญ ทุกฺขํ วุจฺจติฯ โภคาภาเวน หิ นิทฺธนสฺส ยโส หายติ, หีนยโส มหนฺตํ กายิกเจตสิกทุกฺขํ ปาปุณาติฯ

    Madāti, mahārāja, ārogyayobbanajīvitamadasaṅkhātā tividhā madā pamādo nāma jāyati. So madappatto pamādāpanno pāṇātipātādīni pāpakammāni karoti. Atha naṃ rājāno chindāpenti vā hanāpenti vā, sabbaṃ vā dhanamassa haranti, evamassa pamādā ñātidhanajīvitakkhayo jāyati. Puna so dhanakkhayaṃ vā yasakkhayaṃ vā patto jīvituṃ asakkonto jīvitavuttatthāya kāyaduccaritādīni karoti, iccassa khayā padosā jāyanti, tena taṃ vadāmi mā mado bharatūsabhāti, raṭṭhabhārakajeṭṭhaka bharatūsabha mā pamādamāpajjīti attho. Atthaṃ raṭṭhanti janapadavāsīnaṃ vuddhiñceva sakalaraṭṭhañca bahū pamādino jīnā. Tesaṃ āvibhāvatthāya khantivādijātaka-mātaṅgajātaka-bharujātaka-sarabhaṅgajātaka-cetiyajātakāni kathetabbāni. Gāminoti gāmabhojakāpi te gāmāpi bahū pamādadosena jīnā parihīnā vinaṭṭhā. Anagārā agārinoti pabbajitāpi pabbajitapaṭipattito, gihīpi gharāvāsato ceva dhanadhaññādīhi ca bahū jīnā parihīnāti vadati. Taṃ vuccate aghanti, mahārāja, yasabhogaparihāni nāmetaṃ rañño dukkhaṃ vuccati. Bhogābhāvena hi niddhanassa yaso hāyati, hīnayaso mahantaṃ kāyikacetasikadukkhaṃ pāpuṇāti.

    เนส ธโมฺมติ, มหาราช, เอส โปราณกราชูนํ ธโมฺม น โหติฯ อิทฺธํ ผีตนฺติ อนฺนปานาทินา สมิทฺธํ หิรญฺญสุวณฺณาทินา ผีตํ ปุปฺผิตํฯ น เต ปุตฺตาติ, มหาราช, ปเวณิปาลกา เต ปุตฺตา น ภวิสฺสนฺติฯ รฎฺฐวาสิโน หิ ‘‘อธมฺมิกรโญฺญ เอส ปุโตฺต, กิํ อมฺหากํ วุฑฺฒิํ กริสฺสติ, นาสฺส ฉตฺตํ ทสฺสามา’’ติ ฉตฺตํ น เทนฺติฯ เอวเมเตสํ ปเวณิปาลกา ปุตฺตา น โหนฺติ นามฯ ปริชิณฺณนฺติ ปริหีนํฯ ราชานํ วาปีติ สเจปิ โส ราชา โหติ, อถ นํ ราชานํ สมานมฺปิฯ มานิยนฺติ ‘‘อยํ ราชา’’ติ ครุจิเตฺตน สมฺมาเนตพฺพํ กตฺวา น มญฺญนฺติฯ อุปชีวนฺตาติ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตาปิ เอเต เอตฺตกา ชนา ครุจิเตฺตน มญฺญิตพฺพํ น มญฺญนฺติฯ กิํการณา? อธมฺมิกภาเวนฯ

    Nesa dhammoti, mahārāja, esa porāṇakarājūnaṃ dhammo na hoti. Iddhaṃ phītanti annapānādinā samiddhaṃ hiraññasuvaṇṇādinā phītaṃ pupphitaṃ. Na te puttāti, mahārāja, paveṇipālakā te puttā na bhavissanti. Raṭṭhavāsino hi ‘‘adhammikarañño esa putto, kiṃ amhākaṃ vuḍḍhiṃ karissati, nāssa chattaṃ dassāmā’’ti chattaṃ na denti. Evametesaṃ paveṇipālakā puttā na honti nāma. Parijiṇṇanti parihīnaṃ. Rājānaṃ vāpīti sacepi so rājā hoti, atha naṃ rājānaṃ samānampi. Māniyanti ‘‘ayaṃ rājā’’ti garucittena sammānetabbaṃ katvā na maññanti. Upajīvantāti upanissāya jīvantāpi ete ettakā janā garucittena maññitabbaṃ na maññanti. Kiṃkāraṇā? Adhammikabhāvena.

    สิรีติ ยสวิภโวฯ ตจนฺติ ยถา อุรโค ชิณฺณตจํ ชิคุจฺฉโนฺต ชหติ, น ปุน โอโลเกติ, เอวํ ตาทิสํ ราชานํ สิรี ชหติฯ สุสํวิหิตกมฺมนฺตนฺติ กายทฺวาราทีหิ ปาปกมฺมํ อกโรนฺตํฯ อภิวฑฺฒนฺตีติ อภิมุขํ คจฺฉนฺตา วฑฺฒนฺติฯ สอุสภามิวาติ สอุสภา อิวฯ อปฺปมตฺตสฺส หิ สอุสภเชฎฺฐโก โคคโณ วิย โภคา วฑฺฒนฺติฯ อุปสฺสุตินฺติ ชนปทจาริตฺตสวนาย จาริกํ อตฺตโน สกลรเฎฺฐ จ ชนปเท จ จรฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ รเฎฺฐ จรโนฺต ทฎฺฐพฺพํ ทิสฺวา โสตพฺพํ สุตฺวา อตฺตโน คุณาคุณํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ตโต อตฺตโน หิตปฎิปตฺติํ ปฎิปชฺชิสฺสสีติฯ

    Sirīti yasavibhavo. Tacanti yathā urago jiṇṇatacaṃ jigucchanto jahati, na puna oloketi, evaṃ tādisaṃ rājānaṃ sirī jahati. Susaṃvihitakammantanti kāyadvārādīhi pāpakammaṃ akarontaṃ. Abhivaḍḍhantīti abhimukhaṃ gacchantā vaḍḍhanti. Sausabhāmivāti sausabhā iva. Appamattassa hi sausabhajeṭṭhako gogaṇo viya bhogā vaḍḍhanti. Upassutinti janapadacārittasavanāya cārikaṃ attano sakalaraṭṭhe ca janapade ca cara. Tatthāti tasmiṃ raṭṭhe caranto daṭṭhabbaṃ disvā sotabbaṃ sutvā attano guṇāguṇaṃ paccakkhaṃ katvā tato attano hitapaṭipattiṃ paṭipajjissasīti.

    อิติ มหาสโตฺต เอกาทสหิ คาถาหิ ราชานํ โอวทิตฺวา ‘‘คจฺฉ ปปญฺจํ อกตฺวา ปริคฺคณฺห รฎฺฐํ, มา นาสยี’’ติ วตฺวา สกฎฺฐานเมว คโตฯ ราชาปิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สํเวคปฺปโตฺต ปุนทิวเส รชฺชํ อมเจฺจ ปฎิจฺฉาเปตฺวา ปุโรหิเตน สทฺธิํ กาลเสฺสว ปาจีนทฺวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา โยชนมตฺตํ คโตฯ ตเตฺถโก คามวาสี มหลฺลโก อฎวิโต กณฺฎกสาขํ อาหริตฺวา เคหทฺวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ปิทหิตฺวา ปุตฺตทารํ อาทาย อรญฺญํ ปวิสิตฺวา สายํ ราชปุริเสสุ ปกฺกเนฺตสุ อตฺตโน ฆรํ อาคจฺฉโนฺต เคหทฺวาเร ปาเท กณฺฎเกน วิโทฺธ อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา กณฺฎกํ นีหรโนฺต –

    Iti mahāsatto ekādasahi gāthāhi rājānaṃ ovaditvā ‘‘gaccha papañcaṃ akatvā pariggaṇha raṭṭhaṃ, mā nāsayī’’ti vatvā sakaṭṭhānameva gato. Rājāpi tassa vacanaṃ sutvā saṃvegappatto punadivase rajjaṃ amacce paṭicchāpetvā purohitena saddhiṃ kālasseva pācīnadvārena nagarā nikkhamitvā yojanamattaṃ gato. Tattheko gāmavāsī mahallako aṭavito kaṇṭakasākhaṃ āharitvā gehadvāraṃ parikkhipitvā pidahitvā puttadāraṃ ādāya araññaṃ pavisitvā sāyaṃ rājapurisesu pakkantesu attano gharaṃ āgacchanto gehadvāre pāde kaṇṭakena viddho ukkuṭikaṃ nisīditvā kaṇṭakaṃ nīharanto –

    ๓๔๓.

    343.

    ‘‘เอวํ เวเทตุ ปญฺจาโล, สงฺคาเม สรมปฺปิโต;

    ‘‘Evaṃ vedetu pañcālo, saṅgāme saramappito;

    ยถาหมชฺช เวเทมิ, กณฺฎเกน สมปฺปิโต’’ติฯ –

    Yathāhamajja vedemi, kaṇṭakena samappito’’ti. –

    อิมาย คาถาย ราชานํ อโกฺกสิฯ ตํ ปนสฺส อโกฺกสนํ โพธิสตฺตานุภาเวน อโหสิฯ โพธิสเตฺตน อธิคฺคหิโตว โส อโกฺกสีติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺมิํ ปน สมเย ราชา จ ปุโรหิโต จ อญฺญาตกเวเสน ตสฺส สนฺติเกว อฎฺฐํสุฯ อถสฺส วจนํ สุตฺวา ปุโรหิโต อิตรํ คาถมาห –

    Imāya gāthāya rājānaṃ akkosi. Taṃ panassa akkosanaṃ bodhisattānubhāvena ahosi. Bodhisattena adhiggahitova so akkosīti veditabbo. Tasmiṃ pana samaye rājā ca purohito ca aññātakavesena tassa santikeva aṭṭhaṃsu. Athassa vacanaṃ sutvā purohito itaraṃ gāthamāha –

    ๓๔๔.

    344.

    ‘‘ชิโณฺณ ทุพฺพลจกฺขูสิ, น รูปํ สาธุ ปสฺสสิ;

    ‘‘Jiṇṇo dubbalacakkhūsi, na rūpaṃ sādhu passasi;

    กิํ ตตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส, ยํ ตํ มเคฺคยฺย กณฺฎโก’’ติฯ

    Kiṃ tattha brahmadattassa, yaṃ taṃ maggeyya kaṇṭako’’ti.

    ตตฺถ มเคฺคยฺยาติ วิเชฺฌยฺยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ตฺวํ อตฺตโน อพฺยตฺตตาย กณฺฎเกน วิโทฺธ, โก เอตฺถ รโญฺญ โทโสฯ เยน ราชานํ อโกฺกสิ, กิํ เต รญฺญา กณฺฎโก โอโลเกตฺวาว อาจิกฺขิตโพฺพติฯ

    Tattha maggeyyāti vijjheyya. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadi tvaṃ attano abyattatāya kaṇṭakena viddho, ko ettha rañño doso. Yena rājānaṃ akkosi, kiṃ te raññā kaṇṭako oloketvāva ācikkhitabboti.

    ตํ สุตฺวา มหลฺลโก ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā mahallako tisso gāthā abhāsi –

    ๓๔๕.

    345.

    ‘‘พเหฺวตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส, โสหํ มคฺคสฺมิ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Bahvettha brahmadattassa, sohaṃ maggasmi brāhmaṇa;

    อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตาฯ

    Arakkhitā jānapadā, adhammabalinā hatā.

    ๓๔๖.

    346.

    ‘‘รตฺติญฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;

    ‘‘Rattiñhi corā khādanti, divā khādanti tuṇḍiyā;

    รฎฺฐสฺมิํ กูฎราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโนฯ

    Raṭṭhasmiṃ kūṭarājassa, bahu adhammiko jano.

    ๓๔๗.

    347.

    ‘‘เอตาทิเส ภเย ชาเต, ภยฎฺฎา ตาต มาณวา;

    ‘‘Etādise bhaye jāte, bhayaṭṭā tāta māṇavā;

    นิเลฺลนกานิ กุพฺพนฺติ, วเน อาหตฺว กณฺฎก’’นฺติฯ

    Nillenakāni kubbanti, vane āhatva kaṇṭaka’’nti.

    ตตฺถ พเหฺวตฺถาติ, พฺราหฺมณ, โสหํ สกณฺฎเก มเคฺค ปติโต สนฺนิสิโนฺน, พหุ เอตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส โทโส, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ รโญฺญ โทเสน มม สกณฺฎเก มเคฺค วิจรณภาวํ น ชานาสิฯ ตสฺส หิ อรกฺขิตา ชานปทา…เป.… กณฺฎกนฺติฯ ตตฺถ ขาทนฺตีติ วิลุมฺปนฺติฯ ตุณฺฑิยาติ วธพนฺธาทีหิ ปีเฬตฺวา อธเมฺมน พลิสาธกาฯ กูฎราชสฺสาติ ปาปรโญฺญฯ อธมฺมิโกติ ปฎิจฺฉนฺนกมฺมโนฺตฯ ตาตาติ ปุโรหิตํ อาลปติฯ มาณวาติ มนุสฺสาฯ นิเลฺลนกานีติ นิลียนฎฺฐานานิฯ วเน อาหตฺว กณฺฎกนฺติ กณฺฎกํ อาหริตฺวา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา ฆรํ ฉเฑฺฑตฺวา ปุตฺตทารํ อาทาย วนํ ปวิสิตฺวา ตสฺมิํ วเน อตฺตโน นิลียนฎฺฐานานิ กโรนฺติ ฯ อถ วา วเน โย กณฺฎโก, ตํ อาหริตฺวา ฆรานิ ปริกฺขิปนฺติฯ อิติ รโญฺญ โทเสเนวมฺหิ กณฺฎเกน วิโทฺธ, มา เอวรูปสฺส รโญฺญ อุปตฺถโมฺภ โหหีติฯ

    Tattha bahvetthāti, brāhmaṇa, sohaṃ sakaṇṭake magge patito sannisinno, bahu ettha brahmadattassa doso, tvaṃ ettakaṃ kālaṃ rañño dosena mama sakaṇṭake magge vicaraṇabhāvaṃ na jānāsi. Tassa hi arakkhitā jānapadā…pe… kaṇṭakanti. Tattha khādantīti vilumpanti. Tuṇḍiyāti vadhabandhādīhi pīḷetvā adhammena balisādhakā. Kūṭarājassāti pāparañño. Adhammikoti paṭicchannakammanto. Tātāti purohitaṃ ālapati. Māṇavāti manussā. Nillenakānīti nilīyanaṭṭhānāni. Vane āhatva kaṇṭakanti kaṇṭakaṃ āharitvā dvārāni pidahitvā gharaṃ chaḍḍetvā puttadāraṃ ādāya vanaṃ pavisitvā tasmiṃ vane attano nilīyanaṭṭhānāni karonti . Atha vā vane yo kaṇṭako, taṃ āharitvā gharāni parikkhipanti. Iti rañño dosenevamhi kaṇṭakena viddho, mā evarūpassa rañño upatthambho hohīti.

    ตํ สุตฺวา ราชา ปุโรหิตํ อามเนฺตตฺวา, ‘‘อาจริย, มหลฺลโก ยุตฺตํ ภณติ, อมฺหากเมว โทโส, เอหิ นิวตฺตาม, ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสฺสามา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ปุโรหิตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘ปริคฺคณฺหิสฺสาม ตาว, มหาราชา’’ติ อาหฯ เต ตมฺหา คามา อญฺญํ คามํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามเคฺค เอกิสฺสา มหลฺลิกาย สทฺทํ อโสฺสสุํฯ สา กิเรกา ทลิทฺทิตฺถี เทฺว ธีตโร วยปฺปตฺตา รกฺขมานา ตาสํ อรญฺญํ คนฺตุํ น เทติฯ สยํ อรญฺญโต ทารูนิ เจว สากญฺจ อาหริตฺวา ธีตโร ปฎิชคฺคติฯ สา ตํ ทิวสํ เอกํ คุมฺพํ อารุยฺห สากํ คณฺหนฺตี ปวฎฺฎมานา ภูมิยํ ปติตฺวา ราชานํ มรเณน อโกฺกสนฺตี คาถมาห –

    Taṃ sutvā rājā purohitaṃ āmantetvā, ‘‘ācariya, mahallako yuttaṃ bhaṇati, amhākameva doso, ehi nivattāma, dhammena rajjaṃ kāressāmā’’ti āha. Bodhisatto purohitassa sarīre adhimuccitvā purato gantvā ‘‘pariggaṇhissāma tāva, mahārājā’’ti āha. Te tamhā gāmā aññaṃ gāmaṃ gacchantā antarāmagge ekissā mahallikāya saddaṃ assosuṃ. Sā kirekā dalidditthī dve dhītaro vayappattā rakkhamānā tāsaṃ araññaṃ gantuṃ na deti. Sayaṃ araññato dārūni ceva sākañca āharitvā dhītaro paṭijaggati. Sā taṃ divasaṃ ekaṃ gumbaṃ āruyha sākaṃ gaṇhantī pavaṭṭamānā bhūmiyaṃ patitvā rājānaṃ maraṇena akkosantī gāthamāha –

    ๓๔๘.

    348.

    ‘‘กทาสฺสุ นามยํ ราชา, พฺรหฺมทโตฺต มริสฺสติ;

    ‘‘Kadāssu nāmayaṃ rājā, brahmadatto marissati;

    ยสฺส รฎฺฐมฺหิ ชียนฺติ, อปฺปติกา กุมาริกา’’ติฯ

    Yassa raṭṭhamhi jīyanti, appatikā kumārikā’’ti.

    ตตฺถ อปฺปติกาติ อสฺสามิกาฯ สเจ หิ ตาสํ สามิกา อสฺสุ, มํ โปเสยฺยุํฯ ปาปรโญฺญ ปน รเชฺช อหํ ทุกฺขํ อนุโภมิ, กทา นุ โข เอส มริสฺสตีติฯ

    Tattha appatikāti assāmikā. Sace hi tāsaṃ sāmikā assu, maṃ poseyyuṃ. Pāparañño pana rajje ahaṃ dukkhaṃ anubhomi, kadā nu kho esa marissatīti.

    เอวํ โพธิสตฺตานุภาเวเนว สา อโกฺกสิฯ อถ นํ ปุโรหิโต ปฎิเสเธโนฺต คาถมาห –

    Evaṃ bodhisattānubhāveneva sā akkosi. Atha naṃ purohito paṭisedhento gāthamāha –

    ๓๔๙.

    349.

    ‘‘ทุพฺภาสิตญฺหิ เต ชมฺมิ, อนตฺถปทโกวิเท;

    ‘‘Dubbhāsitañhi te jammi, anatthapadakovide;

    กุหิํ ราชา กุมารีนํ, ภตฺตารํ ปริเยสตี’’ติฯ

    Kuhiṃ rājā kumārīnaṃ, bhattāraṃ pariyesatī’’ti.

    ตํ สุตฺวา มหลฺลิกา เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā mahallikā dve gāthā abhāsi –

    ๓๕๐.

    350.

    ‘‘น เม ทุพฺภาสิตํ พฺรเหฺม, โกวิทตฺถปทา อหํ;

    ‘‘Na me dubbhāsitaṃ brahme, kovidatthapadā ahaṃ;

    อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตาฯ

    Arakkhitā jānapadā, adhammabalinā hatā.

    ๓๕๑.

    351.

    ‘‘รตฺติญฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;

    ‘‘Rattiñhi corā khādanti, divā khādanti tuṇḍiyā;

    รฎฺฐสฺมิํ กูฎราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโน;

    Raṭṭhasmiṃ kūṭarājassa, bahu adhammiko jano;

    ทุชฺชีเว ทุพฺภเร ทาเร, กุโต ภตฺตา กุมาริโย’’ติฯ

    Dujjīve dubbhare dāre, kuto bhattā kumāriyo’’ti.

    ตตฺถ โกวิทตฺถปทาติ อหํ อตฺถปเท การณปเท โกวิทา เฉกา, มา ตฺวํ เอตํ ปาปราชานํ ปสํสิฯ ทุชฺชีเวติ ทุชฺชีเว รเฎฺฐ ทุพฺภเร ทาเร ชาเต มนุเสฺสสุ ภีตตสิเตสุ อรเญฺญ วสเนฺตสุ กุโต ภตฺตา กุมาริโย, กุโต กุมาริโย ภตฺตารํ ลภิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ

    Tattha kovidatthapadāti ahaṃ atthapade kāraṇapade kovidā chekā, mā tvaṃ etaṃ pāparājānaṃ pasaṃsi. Dujjīveti dujjīve raṭṭhe dubbhare dāre jāte manussesu bhītatasitesu araññe vasantesu kuto bhattā kumāriyo, kuto kumāriyo bhattāraṃ labhissantīti attho.

    เต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ยุตฺตํ สา กเถตี’’ติ ตโต ปรํ คจฺฉนฺตา เอกสฺส กสฺสกสฺส สทฺทํ อโสฺสสุํฯ ตสฺส กิร กสนฺตสฺส สาลิโย นาม พลิพโทฺท ผาเลน ปหโฎ สยิฯ โส ราชานํ อโกฺกสโนฺต คาถมาห –

    Te tassā vacanaṃ sutvā ‘‘yuttaṃ sā kathetī’’ti tato paraṃ gacchantā ekassa kassakassa saddaṃ assosuṃ. Tassa kira kasantassa sāliyo nāma balibaddo phālena pahaṭo sayi. So rājānaṃ akkosanto gāthamāha –

    ๓๕๒.

    352.

    ‘‘เอวํ สยตุ ปญฺจาโล, สงฺคาเม สตฺติยา หโต;

    ‘‘Evaṃ sayatu pañcālo, saṅgāme sattiyā hato;

    ยถายํ กปโณ เสติ, หโต ผาเลน สาลิโย’’ติฯ

    Yathāyaṃ kapaṇo seti, hato phālena sāliyo’’ti.

    ตตฺถ ยถาติ ยถา อยํ เวทนาปฺปโตฺต สาลิยพลิพโทฺท เสติ, เอวํ สยตูติ อโตฺถฯ

    Tattha yathāti yathā ayaṃ vedanāppatto sāliyabalibaddo seti, evaṃ sayatūti attho.

    อถ นํ ปุโรหิโต ปฎิเสเธโนฺต คาถมาห –

    Atha naṃ purohito paṭisedhento gāthamāha –

    ๓๕๓.

    353.

    ‘‘อธเมฺมน ตุวํ ชมฺม, พฺรหฺมทตฺตสฺส กุชฺฌสิ;

    ‘‘Adhammena tuvaṃ jamma, brahmadattassa kujjhasi;

    โย ตฺวํ สปสิ ราชานํ, อปรชฺฌิตฺวาน อตฺตโน’’ติฯ

    Yo tvaṃ sapasi rājānaṃ, aparajjhitvāna attano’’ti.

    ตตฺถ อธเมฺมนาติ อการเณน อสภาเวนฯ

    Tattha adhammenāti akāraṇena asabhāvena.

    ตํ สุตฺวา โส ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā so tisso gāthā abhāsi –

    ๓๕๔.

    354.

    ‘‘ธเมฺมน พฺรหฺมทตฺตสฺส, อหํ กุชฺฌามิ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Dhammena brahmadattassa, ahaṃ kujjhāmi brāhmaṇa;

    อรกฺขิตา ชานปทา อธมฺมพลินา หตาฯ

    Arakkhitā jānapadā adhammabalinā hatā.

    ๓๕๕.

    355.

    ‘‘รตฺติญฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;

    ‘‘Rattiñhi corā khādanti, divā khādanti tuṇḍiyā;

    รฎฺฐสฺมิํ กูฎราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโนฯ

    Raṭṭhasmiṃ kūṭarājassa, bahu adhammiko jano.

    ๓๕๖.

    356.

    ‘‘สา นูน ปุน เร ปกฺกา, วิกาเล ภตฺตมาหริ;

    ‘‘Sā nūna puna re pakkā, vikāle bhattamāhari;

    ภตฺตหาริํ อเปกฺขโนฺต, หโต ผาเลน สาลิโย’’ติฯ

    Bhattahāriṃ apekkhanto, hato phālena sāliyo’’ti.

    ตตฺถ ธเมฺมนาติ การเณเนว, อการเณน อโกฺกสตีติ สญฺญํ มา กริฯ สา นูน ปุน เร ปกฺกา, วิกาเล ภตฺตมาหรีติ, พฺราหฺมณ, สา ภตฺตหาริกา อิตฺถี ปาโตว มม ภตฺตํ ปจิตฺวา อาหรนฺตี อธมฺมพลิสาธเกหิ พฺรหฺมทตฺตสฺส ทาเสหิ ปลิพุทฺธา ภวิสฺสติ, เต ปริวิสิตฺวา ปุน มยฺหํ ภตฺตํ ปกฺกํ ภวิสฺสติ, เตน การเณน วิกาเล ภตฺตํ อาหริ, ‘‘อชฺช วิกาเล ภตฺตํ อาหรี’’ติ จิเนฺตตฺวา ฉาตชฺฌโตฺต อหํ ตํ ภตฺตหาริํ โอโลเกโนฺต โคณํ อฎฺฐาเน ปโตเทน วิชฺฌิํ, เตเนส ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ผาลํ ปหรโนฺต หโต ผาเลน สาลิโยฯ ตสฺมา ‘‘เอส มยา หโต’’ติ สญฺญํ มา กริ, ปาปรโญฺญเยว หโต นาเมส, มา ตสฺส วณฺณํ ภณีติฯ

    Tattha dhammenāti kāraṇeneva, akāraṇena akkosatīti saññaṃ mā kari. Sā nūna puna re pakkā, vikāle bhattamāharīti, brāhmaṇa, sā bhattahārikā itthī pātova mama bhattaṃ pacitvā āharantī adhammabalisādhakehi brahmadattassa dāsehi palibuddhā bhavissati, te parivisitvā puna mayhaṃ bhattaṃ pakkaṃ bhavissati, tena kāraṇena vikāle bhattaṃ āhari, ‘‘ajja vikāle bhattaṃ āharī’’ti cintetvā chātajjhatto ahaṃ taṃ bhattahāriṃ olokento goṇaṃ aṭṭhāne patodena vijjhiṃ, tenesa pādaṃ ukkhipitvā phālaṃ paharanto hato phālena sāliyo. Tasmā ‘‘esa mayā hato’’ti saññaṃ mā kari, pāparaññoyeva hato nāmesa, mā tassa vaṇṇaṃ bhaṇīti.

    เต ปุรโต คนฺตฺวา เอกสฺมิํ คาเม วสิํสุฯ ปุนทิวเส ปาโตว เอกา กูฎเธนุ โคโทหกํ ปาเทน ปหริตฺวา สทฺธิํ ขีเรน ปวเฎฺฎสิฯ โส พฺรหฺมทตฺตํ อโกฺกสโนฺต คาถมาห –

    Te purato gantvā ekasmiṃ gāme vasiṃsu. Punadivase pātova ekā kūṭadhenu godohakaṃ pādena paharitvā saddhiṃ khīrena pavaṭṭesi. So brahmadattaṃ akkosanto gāthamāha –

    ๓๕๗.

    357.

    ‘‘เอวํ หญฺญตุ ปญฺจาโล, สงฺคาเม อสินา หโต;

    ‘‘Evaṃ haññatu pañcālo, saṅgāme asinā hato;

    ยถาหมชฺช ปหโต, ขีรญฺจ เม ปวฎฺฎิต’’นฺติฯ

    Yathāhamajja pahato, khīrañca me pavaṭṭita’’nti.

    ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต ปฎิเสเธโนฺต คาถมาห –

    Taṃ sutvā purohito paṭisedhento gāthamāha –

    ๓๕๘.

    358.

    ‘‘ยํ ปสุ ขีรํ ฉเฑฺฑติ, ปสุปาลํ วิหิํสติ;

    ‘‘Yaṃ pasu khīraṃ chaḍḍeti, pasupālaṃ vihiṃsati;

    กิํ ตตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส, ยํ โน ครหเต ภว’’นฺติฯ

    Kiṃ tattha brahmadattassa, yaṃ no garahate bhava’’nti.

    พฺราหฺมเณน คาถาย วุตฺตาย ปุน โส ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Brāhmaṇena gāthāya vuttāya puna so tisso gāthā abhāsi –

    ๓๕๙.

    359.

    ‘‘คารโยฺห พฺรเหฺม ปญฺจาโล, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโน;

    ‘‘Gārayho brahme pañcālo, brahmadattassa rājino;

    อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตาฯ

    Arakkhitā jānapadā, adhammabalinā hatā.

    ๓๖๐.

    360.

    ‘‘รตฺติญฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;

    ‘‘Rattiñhi corā khādanti, divā khādanti tuṇḍiyā;

    รฎฺฐสฺมิํ กูฎราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโนฯ

    Raṭṭhasmiṃ kūṭarājassa, bahu adhammiko jano.

    ๓๖๑.

    361.

    ‘‘จณฺฑา อฎนกา คาวี, ยํ ปุเร น ทุหามเส;

    ‘‘Caṇḍā aṭanakā gāvī, yaṃ pure na duhāmase;

    ตํ ทานิ อชฺช โทหาม, ขีรกาเมหุปทฺทุตา’’ติฯ

    Taṃ dāni ajja dohāma, khīrakāmehupaddutā’’ti.

    ตตฺถ จณฺฑาติ ผรุสาฯ อฎนกาติ ปลายนสีลาฯ ขีรกาเมหีติ อธมฺมิกรโญฺญ ปุริเสหิ พหุํ ขีรํ อาหราเปเนฺตหิ อุปทฺทุตา ทุหามฯ สเจ หิ โส ธเมฺมน รชฺชํ กาเรยฺย, น โน เอวรูปํ ภยํ อาคเจฺฉยฺยาติฯ

    Tattha caṇḍāti pharusā. Aṭanakāti palāyanasīlā. Khīrakāmehīti adhammikarañño purisehi bahuṃ khīraṃ āharāpentehi upaddutā duhāma. Sace hi so dhammena rajjaṃ kāreyya, na no evarūpaṃ bhayaṃ āgaccheyyāti.

    เต ‘‘โส ยุตฺตํ กเถตี’’ติ ตมฺหา คามา นิกฺขมฺม มหามคฺคํ อารุยฺห นคราภิมุขา คมิํสุฯ เอกสฺมิญฺจ คาเม พลิสาธกา อสิโกสตฺถาย เอกํ ตรุณํ กพรวจฺฉกํ มาเรตฺวา จมฺมํ คณฺหิํสุฯ วจฺฉกมาตา เธนุ ปุตฺตโสเกน ติณํ น ขาทติ ปานียํ น ปิวติ, ปริเทวมานา อาหิณฺฑติฯ ตํ ทิสฺวา คามทารกา ราชานํ อโกฺกสนฺตา คาถมาหํสุ –

    Te ‘‘so yuttaṃ kathetī’’ti tamhā gāmā nikkhamma mahāmaggaṃ āruyha nagarābhimukhā gamiṃsu. Ekasmiñca gāme balisādhakā asikosatthāya ekaṃ taruṇaṃ kabaravacchakaṃ māretvā cammaṃ gaṇhiṃsu. Vacchakamātā dhenu puttasokena tiṇaṃ na khādati pānīyaṃ na pivati, paridevamānā āhiṇḍati. Taṃ disvā gāmadārakā rājānaṃ akkosantā gāthamāhaṃsu –

    ๓๖๒.

    362.

    ‘‘เอวํ กนฺทตุ ปญฺจาโล, วิปุโตฺต วิปฺปสุกฺขตุ;

    ‘‘Evaṃ kandatu pañcālo, viputto vippasukkhatu;

    ยถายํ กปณา คาวี, วิปุตฺตา ปริธาวตี’’ติฯ

    Yathāyaṃ kapaṇā gāvī, viputtā paridhāvatī’’ti.

    ตตฺถ ปริธาวตีติ ปริเทวมาโน ธาวติฯ

    Tattha paridhāvatīti paridevamāno dhāvati.

    ตโต ปุโรหิโต อิตรํ คาถมาห –

    Tato purohito itaraṃ gāthamāha –

    ๓๖๓.

    363.

    ‘‘ยํ ปสุ ปสุปาลสฺส, สมฺภเมยฺย รเวยฺย วา;

    ‘‘Yaṃ pasu pasupālassa, sambhameyya raveyya vā;

    โกนีธ อปราธตฺถิ, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโน’’ติฯ

    Konīdha aparādhatthi, brahmadattassa rājino’’ti.

    ตตฺถ สมฺภเมยฺย รเวยฺย วาติ ภเมยฺย วา วิรเวยฺย วาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาตา, ปสุ นาม ปสุปาลสฺส รกฺขนฺตเสฺสว ธาวติปิ วิรวติปิ, ติณมฺปิ น ขาทติ ปานียมฺปิ น ปิวติ, อิธ รโญฺญ โก นุ อปราโธติฯ

    Tattha sambhameyya raveyya vāti bhameyya vā viraveyya vā. Idaṃ vuttaṃ hoti – tātā, pasu nāma pasupālassa rakkhantasseva dhāvatipi viravatipi, tiṇampi na khādati pānīyampi na pivati, idha rañño ko nu aparādhoti.

    ตโต คามทารกา เทฺว คาถา อภาสิํสุ –

    Tato gāmadārakā dve gāthā abhāsiṃsu –

    ๓๖๔.

    364.

    ‘‘อปราโธ มหาพฺรเหฺม, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโน;

    ‘‘Aparādho mahābrahme, brahmadattassa rājino;

    อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตาฯ

    Arakkhitā jānapadā, adhammabalinā hatā.

    ๓๖๕.

    365.

    ‘‘รตฺติญฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;

    ‘‘Rattiñhi corā khādanti, divā khādanti tuṇḍiyā;

    รฎฺฐสฺมิํ กูฎราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโน;

    Raṭṭhasmiṃ kūṭarājassa, bahu adhammiko jano;

    กถํ โน อสิโกสตฺถา, ขีรปา หญฺญเต ปชา’’ติฯ

    Kathaṃ no asikosatthā, khīrapā haññate pajā’’ti.

    ตตฺถ มหาพฺรเหฺมติ มหาพฺราหฺมณฯ ราชิโนติ รโญฺญฯ กถํ โนติ กถํ นุ เกน นาม การเณนฯ ขีรปา หญฺญเต ปชาติ ปาปราชสฺส เสวเกหิ ขีรปโก วจฺฉโก หญฺญติ, อิทานิ สา เธนุ ปุตฺตโสเกน ปริเทวติ, โสปิ ราชา อยํ เธนุ วิย ปริเทวตูติ ราชานํ อโกฺกสิํสุเยวฯ

    Tattha mahābrahmeti mahābrāhmaṇa. Rājinoti rañño. Kathaṃ noti kathaṃ nu kena nāma kāraṇena. Khīrapā haññate pajāti pāparājassa sevakehi khīrapako vacchako haññati, idāni sā dhenu puttasokena paridevati, sopi rājā ayaṃ dhenu viya paridevatūti rājānaṃ akkosiṃsuyeva.

    เต ‘‘สาธุ โว การณํ วทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อถนฺตรามเคฺค เอกิสฺสา สุกฺขโปกฺขรณิยา กากา ตุเณฺฑหิ วิชฺฌิตฺวา มณฺฑูเก ขาทนฺติฯ โพธิสโตฺต เตสุ ตํ ฐานํ สมฺปเตฺตสุ อตฺตโน อานุภาเวน มณฺฑูเกน –

    Te ‘‘sādhu vo kāraṇaṃ vadathā’’ti vatvā pakkamiṃsu. Athantarāmagge ekissā sukkhapokkharaṇiyā kākā tuṇḍehi vijjhitvā maṇḍūke khādanti. Bodhisatto tesu taṃ ṭhānaṃ sampattesu attano ānubhāvena maṇḍūkena –

    ๓๖๖.

    366.

    ‘‘เอวํ ขชฺชตุ ปญฺจาโล, หโต ยุเทฺธ สปุตฺตโก;

    ‘‘Evaṃ khajjatu pañcālo, hato yuddhe saputtako;

    ยถาหมชฺช ขชฺชามิ, คามิเกหิ อรญฺญโช’’ติฯ –

    Yathāhamajja khajjāmi, gāmikehi araññajo’’ti. –

    ราชานํ อโกฺกสาเปสิฯ

    Rājānaṃ akkosāpesi.

    ตตฺถ คามิเกหีติ คามวาสีหิฯ

    Tattha gāmikehīti gāmavāsīhi.

    ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต มณฺฑูเกน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต คาถมาห –

    Taṃ sutvā purohito maṇḍūkena saddhiṃ sallapanto gāthamāha –

    ๓๖๗.

    367.

    ‘‘น สพฺพภูเตสุ วิเธนฺติ รกฺขํ, ราชาโน มณฺฑูก มนุสฺสโลเก;

    ‘‘Na sabbabhūtesu vidhenti rakkhaṃ, rājāno maṇḍūka manussaloke;

    เนตฺตาวตา ราชา อธมฺมจารี, ยํ ตาทิสํ ชีวมเทยฺยุ ธงฺกา’’ติฯ

    Nettāvatā rājā adhammacārī, yaṃ tādisaṃ jīvamadeyyu dhaṅkā’’ti.

    ตตฺถ ชีวนฺติ ชีวนฺตํฯ อเทยฺยุนฺติ ขาเทยฺยุํฯ ธงฺกาติ กากาฯ เอตฺตาวตา ราชา อธมฺมิโก นาม น โหติ, กิํ สกฺกา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา รญฺญา ตํ รกฺขเนฺตน จริตุนฺติฯ

    Tattha jīvanti jīvantaṃ. Adeyyunti khādeyyuṃ. Dhaṅkāti kākā. Ettāvatā rājā adhammiko nāma na hoti, kiṃ sakkā araññaṃ pavisitvā raññā taṃ rakkhantena caritunti.

    ตํ สุตฺวา มณฺฑูโก เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā maṇḍūko dve gāthā abhāsi –

    ๓๖๘.

    368.

    ‘‘อธมฺมรูโป วต พฺรหฺมจารี, อนุปฺปิยํ ภาสสิ ขตฺติยสฺส;

    ‘‘Adhammarūpo vata brahmacārī, anuppiyaṃ bhāsasi khattiyassa;

    วิลุปฺปมานาย ปุถุปฺปชาย, ปูเชสิ ราชํ ปรมปฺปมาทํฯ

    Viluppamānāya puthuppajāya, pūjesi rājaṃ paramappamādaṃ.

    ๓๖๙.

    369.

    ‘‘สเจ อิทํ พฺรเหฺม สุรชฺชกํ สิยา, ผีตํ รฎฺฐํ มุทิตํ วิปฺปสนฺนํ;

    ‘‘Sace idaṃ brahme surajjakaṃ siyā, phītaṃ raṭṭhaṃ muditaṃ vippasannaṃ;

    ภุตฺวา พลิํ อคฺคปิณฺฑญฺจ กากา, น มาทิสํ ชีวมเทยฺยุ ธงฺกา’’ติฯ

    Bhutvā baliṃ aggapiṇḍañca kākā, na mādisaṃ jīvamadeyyu dhaṅkā’’ti.

    ตตฺถ พฺรหฺมจารีติ ปุโรหิตํ ครหโนฺต อาหฯ ขตฺติยสฺสาติ เอวรูปสฺส ปาปรโญฺญฯ วิลุปฺปมานายาติ วิลุมฺปมานาย, อยเมว วา ปาโฐฯ ปุถุปฺปชายาติ วิปุลาย ปชาย วินาสิยมานายฯ ปูเชสีติ ปสํสิฯ สุรชฺชกนฺติ ฉนฺทาทิวเสน อคนฺตฺวา ทส ราชธเมฺม อโกเปเนฺตน อปฺปมเตฺตน รญฺญา รกฺขิยมานํ สเจ อิทํ สุรชฺชกํ ภเวยฺยฯ ผีตนฺติ เทเวสุ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺฉเนฺตสุ สมฺปนฺนสสฺสํฯ น มาทิสนฺติ เอวํ สเนฺต มาทิสํ ชีวมานเญฺญว กากา น ขาเทยฺยุํฯ

    Tattha brahmacārīti purohitaṃ garahanto āha. Khattiyassāti evarūpassa pāparañño. Viluppamānāyāti vilumpamānāya, ayameva vā pāṭho. Puthuppajāyāti vipulāya pajāya vināsiyamānāya. Pūjesīti pasaṃsi. Surajjakanti chandādivasena agantvā dasa rājadhamme akopentena appamattena raññā rakkhiyamānaṃ sace idaṃ surajjakaṃ bhaveyya. Phītanti devesu sammādhāraṃ anuppavecchantesu sampannasassaṃ. Na mādisanti evaṃ sante mādisaṃ jīvamānaññeva kākā na khādeyyuṃ.

    เอวํ ฉสุปิ ฐาเนสุ อโกฺกสนํ โพธิสตฺตเสฺสว อานุภาเวน อโหสิ;

    Evaṃ chasupi ṭhānesu akkosanaṃ bodhisattasseva ānubhāvena ahosi;

    ตํ สุตฺวา ราชา จ ปุโรหิโต จ ‘‘อรญฺญวาสิํ ติรจฺฉานคตํ มณฺฑูกํ อุปาทาย สเพฺพ อเมฺหเยว อโกฺกสนฺตี’’ติ วตฺวา ตโต นครํ คนฺตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา มหาสตฺตโสฺสวาเท ฐิตา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กริํสุฯ

    Taṃ sutvā rājā ca purohito ca ‘‘araññavāsiṃ tiracchānagataṃ maṇḍūkaṃ upādāya sabbe amheyeva akkosantī’’ti vatvā tato nagaraṃ gantvā dhammena rajjaṃ kāretvā mahāsattassovāde ṭhitā dānādīni puññāni kariṃsu.

    สตฺถา โกสลรโญฺญ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘มหาราช, รญฺญา นาม อคติคมนํ ปหาย ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา คนฺธตินฺทุกเทวตา อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā kosalarañño imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā, ‘‘mahārāja, raññā nāma agatigamanaṃ pahāya dhammena rajjaṃ kāretabba’’nti vatvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā gandhatindukadevatā ahameva ahosi’’nti.

    คนฺธตินฺทุกชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Gandhatindukajātakavaṇṇanā dasamā.

    ชาตกุทฺทานํ

    Jātakuddānaṃ

    กิํฉนฺท กุมฺภ ชยทฺทิส ฉทฺทนฺต, อถ ปณฺฑิตสมฺภว สิรกปิ;

    Kiṃchanda kumbha jayaddisa chaddanta, atha paṇḍitasambhava sirakapi;

    ทกรกฺขส ปณฺฑรนาควโร, อถ สมฺพุล ตินฺทุกเทวสุโตติฯ

    Dakarakkhasa paṇḍaranāgavaro, atha sambula tindukadevasutoti.

    ติํสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tiṃsanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๒๐. คนฺธตินฺทุกชาตกํ • 520. Gandhatindukajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact