Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๘. คงฺคาสุตฺตํ
8. Gaṅgāsuttaṃ
๑๓๑. ราชคเห วิหรติ เวฬุวเนฯ อถ โข อญฺญตโร พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กีวพหุกา นุ โข, โภ โคตม, กปฺปา อพฺภตีตา อติกฺกนฺตา’’ติ? ‘‘พหุกา โข, พฺราหฺมณ, กปฺปา อพฺภตีตา อติกฺกนฺตาฯ เต น สุกรา สงฺขาตุํ – ‘เอตฺตกา กปฺปา อิติ วา, เอตฺตกานิ กปฺปสตานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ กปฺปสหสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ กปฺปสตสหสฺสานิ อิติ วา’’’ติฯ
131. Rājagahe viharati veḷuvane. Atha kho aññataro brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kīvabahukā nu kho, bho gotama, kappā abbhatītā atikkantā’’ti? ‘‘Bahukā kho, brāhmaṇa, kappā abbhatītā atikkantā. Te na sukarā saṅkhātuṃ – ‘ettakā kappā iti vā, ettakāni kappasatāni iti vā, ettakāni kappasahassāni iti vā, ettakāni kappasatasahassāni iti vā’’’ti.
‘‘สกฺกา ปน, โภ โคตม, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, พฺราหฺมณา’’ติ ภควา อโวจฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ยโต จายํ คงฺคา นที ปภวติ ยตฺถ จ มหาสมุทฺทํ อเปฺปติ, ยา เอตสฺมิํ อนฺตเร วาลิกา สา น สุกรา สงฺขาตุํ – ‘เอตฺตกา วาลิกา อิติ วา, เอตฺตกานิ วาลิกสตานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วาลิกสหสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วาลิกสตสหสฺสานิ อิติ วา’ติฯ ตโต พหุตรา โข, พฺราหฺมณ, กปฺปา อพฺภตีตา อติกฺกนฺตาฯ เต น สุกรา สงฺขาตุํ – ‘เอตฺตกา กปฺปา อิติ วา, เอตฺตกานิ กปฺปสตานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ กปฺปสหสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ กปฺปสตสหสฺสานิ อิติ วา’ติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อนมตโคฺคยํ, พฺราหฺมณ, สํสาโรฯ ปุพฺพา โกฎิ น ปญฺญายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรตํฯ เอวํ ทีฆรตฺตํ โข, พฺราหฺมณ, ทุกฺขํ ปจฺจนุภูตํ ติพฺพํ ปจฺจนุภูตํ พฺยสนํ ปจฺจนุภูตํ, กฎสี วฑฺฒิตาฯ ยาวญฺจิทํ , พฺราหฺมณ, อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ, อลํ วิรชฺชิตุํ, อลํ วิมุจฺจิตุ’’นฺติฯ
‘‘Sakkā pana, bho gotama, upamaṃ kātu’’nti? ‘‘Sakkā, brāhmaṇā’’ti bhagavā avoca. ‘‘Seyyathāpi, brāhmaṇa, yato cāyaṃ gaṅgā nadī pabhavati yattha ca mahāsamuddaṃ appeti, yā etasmiṃ antare vālikā sā na sukarā saṅkhātuṃ – ‘ettakā vālikā iti vā, ettakāni vālikasatāni iti vā, ettakāni vālikasahassāni iti vā, ettakāni vālikasatasahassāni iti vā’ti. Tato bahutarā kho, brāhmaṇa, kappā abbhatītā atikkantā. Te na sukarā saṅkhātuṃ – ‘ettakā kappā iti vā, ettakāni kappasatāni iti vā, ettakāni kappasahassāni iti vā, ettakāni kappasatasahassāni iti vā’ti. Taṃ kissa hetu? Anamataggoyaṃ, brāhmaṇa, saṃsāro. Pubbā koṭi na paññāyati avijjānīvaraṇānaṃ sattānaṃ taṇhāsaṃyojanānaṃ sandhāvataṃ saṃsarataṃ. Evaṃ dīgharattaṃ kho, brāhmaṇa, dukkhaṃ paccanubhūtaṃ tibbaṃ paccanubhūtaṃ byasanaṃ paccanubhūtaṃ, kaṭasī vaḍḍhitā. Yāvañcidaṃ , brāhmaṇa, alameva sabbasaṅkhāresu nibbindituṃ, alaṃ virajjituṃ, alaṃ vimuccitu’’nti.
เอวํ วุเตฺต, โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ อฎฺฐมํฯ
Evaṃ vutte, so brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Aṭṭhamaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๘-๙. คงฺคาสุตฺตาทิวณฺณนา • 8-9. Gaṅgāsuttādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. คงฺคาสุตฺตวณฺณนา • 8. Gaṅgāsuttavaṇṇanā