Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถา • Khuddakapāṭha-aṭṭhakathā |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
ขุทฺทกนิกาเย
Khuddakanikāye
ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถา
Khuddakapāṭha-aṭṭhakathā
คนฺถารมฺภกถา
Ganthārambhakathā
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ;
Buddhaṃsaraṇaṃ gacchāmi;
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ;
Dhammaṃ saraṇaṃ gacchāmi;
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามีติฯ
Saṅghaṃ saraṇaṃ gacchāmīti.
อยํ สรณคมนนิเทฺทโส ขุทฺทกานํ อาทิฯ
Ayaṃ saraṇagamananiddeso khuddakānaṃ ādi.
อิมสฺส ทานิ อตฺถํ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกฎฺฐกถาย วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุํ อิทํ วุจฺจติ –
Imassa dāni atthaṃ paramatthajotikāya khuddakaṭṭhakathāya vivarituṃ vibhajituṃ uttānīkātuṃ idaṃ vuccati –
อุตฺตมํ วนฺทเนยฺยานํ, วนฺทิตฺวา รตนตฺตยํ;
Uttamaṃ vandaneyyānaṃ, vanditvā ratanattayaṃ;
ขุทฺทกานํ กริสฺสามิ, เกสญฺจิ อตฺถวณฺณนํฯ
Khuddakānaṃ karissāmi, kesañci atthavaṇṇanaṃ.
ขุทฺทกานํ คมฺภีรตฺตา, กิญฺจาปิ อติทุกฺกรา;
Khuddakānaṃ gambhīrattā, kiñcāpi atidukkarā;
วณฺณนา มาทิเสเนสา, อโพธเนฺตน สาสนํฯ
Vaṇṇanā mādisenesā, abodhantena sāsanaṃ.
อชฺชาปิ ตุ อโพฺพจฺฉิโนฺน, ปุพฺพาจริยนิจฺฉโย;
Ajjāpi tu abbocchinno, pubbācariyanicchayo;
ตเถว จ ฐิตํ ยสฺมา, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํฯ
Tatheva ca ṭhitaṃ yasmā, navaṅgaṃ satthusāsanaṃ.
ตสฺมาหํ กาตุมิจฺฉามิ, อตฺถสํวณฺณนํ อิมํ;
Tasmāhaṃ kātumicchāmi, atthasaṃvaṇṇanaṃ imaṃ;
สาสนเญฺจว นิสฺสาย, โปราณญฺจ วินิจฺฉยํฯ
Sāsanañceva nissāya, porāṇañca vinicchayaṃ.
สทฺธมฺมพหุมาเนน, นาตฺตุกฺกํสนกมฺยตา;
Saddhammabahumānena, nāttukkaṃsanakamyatā;
นาเญฺญสํ วมฺภนตฺถาย, ตํ สุณาถ สมาหิตาติฯ
Nāññesaṃ vambhanatthāya, taṃ suṇātha samāhitāti.
ขุทฺทกววตฺถานํ
Khuddakavavatthānaṃ
ตตฺถ ‘‘ขุทฺทกานํ กริสฺสามิ, เกสญฺจิ อตฺถวณฺณน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ขุทฺทกานิ ตาว ววตฺถเปตฺวา ปจฺฉา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิฯ ขุทฺทกานิ นาม ขุทฺทกนิกายสฺส เอกเทโส, ขุทฺทกนิกาโย นาม ปญฺจนฺนํ นิกายานํ เอกเทโสฯ ปญฺจ นิกายา นาม –
Tattha ‘‘khuddakānaṃ karissāmi, kesañci atthavaṇṇana’’nti vuttattā khuddakāni tāva vavatthapetvā pacchā atthavaṇṇanaṃ karissāmi. Khuddakāni nāma khuddakanikāyassa ekadeso, khuddakanikāyo nāma pañcannaṃ nikāyānaṃ ekadeso. Pañca nikāyā nāma –
ทีฆมชฺฌิมสํยุตฺต, องฺคุตฺตริกขุทฺทกา;
Dīghamajjhimasaṃyutta, aṅguttarikakhuddakā;
นิกายา ปญฺจ คมฺภีรา, ธมฺมโต อตฺถโต จิเมฯ
Nikāyā pañca gambhīrā, dhammato atthato cime.
ตตฺถ พฺรหฺมชาลสุตฺตาทีนิ จตุตฺติํส สุตฺตานิ ทีฆนิกาโยฯ มูลปริยายสุตฺตาทีนิ ทิยฑฺฒสตํ เทฺว จ สุตฺตานิ มชฺฌิมนิกาโยฯ โอฆตรณสุตฺตาทีนิ สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ สุตฺตสตานิ ทฺวาสฎฺฐิ จ สุตฺตานิ สํยุตฺตนิกาโยฯ จิตฺตปริยาทานสุตฺตาทีนิ นว สุตฺตสหสฺสานิ ปญฺจ จ สุตฺตสตานิ สตฺตปญฺญาสญฺจ สุตฺตานิ องฺคุตฺตรนิกาโยฯ ขุทฺทกปาโฐ, ธมฺมปทํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, สุตฺตนิปาโต, วิมานวตฺถุ, เปตวตฺถุ, เถรคาถา, เถรีคาถา, ชาตกํ, นิเทฺทโส, ปฎิสมฺภิทา , อปทานํ, พุทฺธวํโส, จริยาปิฎกํ, วินยาภิธมฺมปิฎกานิ, ฐเปตฺวา วา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจนํ ขุทฺทกนิกาโยฯ
Tattha brahmajālasuttādīni catuttiṃsa suttāni dīghanikāyo. Mūlapariyāyasuttādīni diyaḍḍhasataṃ dve ca suttāni majjhimanikāyo. Oghataraṇasuttādīni satta suttasahassāni satta ca suttasatāni dvāsaṭṭhi ca suttāni saṃyuttanikāyo. Cittapariyādānasuttādīni nava suttasahassāni pañca ca suttasatāni sattapaññāsañca suttāni aṅguttaranikāyo. Khuddakapāṭho, dhammapadaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, suttanipāto, vimānavatthu, petavatthu, theragāthā, therīgāthā, jātakaṃ, niddeso, paṭisambhidā , apadānaṃ, buddhavaṃso, cariyāpiṭakaṃ, vinayābhidhammapiṭakāni, ṭhapetvā vā cattāro nikāye avasesaṃ buddhavacanaṃ khuddakanikāyo.
กสฺมา ปเนส ขุทฺทกนิกาโยติ วุจฺจติ? พหูนํ ขุทฺทกานํ ธมฺมกฺขนฺธานํ สมูหโต นิวาสโต จฯ สมูหนิวาสา หิ ‘‘นิกาโย’’ติ วุจฺจนฺติฯ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา (สํ. นิ. ๓.๑๐๐)ฯ โปณิกนิกาโย, จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต โลกโต จฯ อยมสฺส ขุทฺทกนิกายสฺส เอกเทโสฯ อิมานิ สุตฺตนฺตปิฎกปริยาปนฺนานิ อตฺถโต วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุญฺจ อธิเปฺปตานิ ขุทฺทกานิ, เตสมฺปิ ขุทฺทกานํ สรณสิกฺขาปททฺวตฺติํสาการกุมารปญฺหมงฺคลสุตฺต- รตนสุตฺตติโรกุฎฺฎนิธิกณฺฑเมตฺตสุตฺตานํ วเสน นวปฺปเภโท ขุทฺทกปาโฐ อาทิ อาจริยปรมฺปราย วาจนามคฺคํ อาโรปิตวเสน น ภควตา วุตฺตวเสนฯ ภควตา หิ วุตฺตวเสน –
Kasmā panesa khuddakanikāyoti vuccati? Bahūnaṃ khuddakānaṃ dhammakkhandhānaṃ samūhato nivāsato ca. Samūhanivāsā hi ‘‘nikāyo’’ti vuccanti. ‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekanikāyampi samanupassāmi evaṃ cittaṃ, yathayidaṃ, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā (saṃ. ni. 3.100). Poṇikanikāyo, cikkhallikanikāyo’’ti evamādīni cettha sādhakāni sāsanato lokato ca. Ayamassa khuddakanikāyassa ekadeso. Imāni suttantapiṭakapariyāpannāni atthato vivarituṃ vibhajituṃ uttānīkātuñca adhippetāni khuddakāni, tesampi khuddakānaṃ saraṇasikkhāpadadvattiṃsākārakumārapañhamaṅgalasutta- ratanasuttatirokuṭṭanidhikaṇḍamettasuttānaṃ vasena navappabhedo khuddakapāṭho ādi ācariyaparamparāya vācanāmaggaṃ āropitavasena na bhagavatā vuttavasena. Bhagavatā hi vuttavasena –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
‘‘Anekajātisaṃsāraṃ, sandhāvissaṃ anibbisaṃ;
คหการํ คเวสโนฺต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํฯ
Gahakāraṃ gavesanto, dukkhā jāti punappunaṃ.
‘‘คหการก ทิโฎฺฐสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
‘‘Gahakāraka diṭṭhosi, puna gehaṃ na kāhasi;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฎํ วิสงฺขตํ;
Sabbā te phāsukā bhaggā, gahakūṭaṃ visaṅkhataṃ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) –
Visaṅkhāragataṃ cittaṃ, taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti. (dha. pa. 153-154) –
อิทํ คาถาทฺวยํ สพฺพสฺสาปิ พุทฺธวจนสฺส อาทิฯ ตญฺจ มนสาว วุตฺตวเสน, น วจีเภทํ กตฺวา วุตฺตวเสนฯ วจีเภทํ ปน กตฺวา วุตฺตวเสน –
Idaṃ gāthādvayaṃ sabbassāpi buddhavacanassa ādi. Tañca manasāva vuttavasena, na vacībhedaṃ katvā vuttavasena. Vacībhedaṃ pana katvā vuttavasena –
‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา,
‘‘Yadā have pātubhavanti dhammā,
อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;
Ātāpino jhāyato brāhmaṇassa;
อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา,
Athassa kaṅkhā vapayanti sabbā,
ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติฯ (อุทา. ๑; มหาว. ๑) –
Yato pajānāti sahetudhamma’’nti. (udā. 1; mahāva. 1) –
อยํ คาถา อาทิฯ ตสฺมา ยฺวายํ นวปฺปเภโท ขุทฺทกปาโฐ อิเมสํ ขุทฺทกานํ อาทิ, ตสฺส อาทิโต ปภุติ อตฺถสํวณฺณนํ อารภิสฺสามิฯ
Ayaṃ gāthā ādi. Tasmā yvāyaṃ navappabhedo khuddakapāṭho imesaṃ khuddakānaṃ ādi, tassa ādito pabhuti atthasaṃvaṇṇanaṃ ārabhissāmi.
นิทานโสธนํ
Nidānasodhanaṃ
ตสฺส จายมาทิ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติฯ ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนาย มาติกา –
Tassa cāyamādi ‘‘buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmi, dhammaṃ saraṇaṃ gacchāmi, saṅghaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti. Tassāyaṃ atthavaṇṇanāya mātikā –
‘‘เกน กตฺถ กทา กสฺมา, ภาสิตํ สรณตฺตยํ;
‘‘Kena kattha kadā kasmā, bhāsitaṃ saraṇattayaṃ;
กสฺมา จิธาทิโต วุตฺต, มวุตฺตมปิ อาทิโตฯ
Kasmā cidhādito vutta, mavuttamapi ādito.
‘‘นิทานโสธนํ กตฺวา, เอวเมตฺถ ตโต ปรํ;
‘‘Nidānasodhanaṃ katvā, evamettha tato paraṃ;
พุทฺธํ สรณคมนํ, คมกญฺจ วิภาวเยฯ
Buddhaṃ saraṇagamanaṃ, gamakañca vibhāvaye.
‘‘เภทาเภทํ ผลญฺจาปิ, คมนียญฺจ ทีปเย;
‘‘Bhedābhedaṃ phalañcāpi, gamanīyañca dīpaye;
ธมฺมํ สรณมิจฺจาทิ, ทฺวเยเปส นโย มโตฯ
Dhammaṃ saraṇamiccādi, dvayepesa nayo mato.
‘‘อนุปุพฺพววตฺถาเน, การณญฺจ วินิทฺทิเส;
‘‘Anupubbavavatthāne, kāraṇañca viniddise;
สรณตฺตยเมตญฺจ, อุปมาหิ ปกาสเย’’ติฯ
Saraṇattayametañca, upamāhi pakāsaye’’ti.
ตตฺถ ปฐมคาถาย ตาว อิทํ สรณตฺตยํ เกน ภาสิตํ, กตฺถ ภาสิตํ, กทา ภาสิตํ, กสฺมา ภาสิตํ อวุตฺตมปิจาทิโต ตถาคเตน กสฺมา อิธาทิโต วุตฺตนฺติ ปญฺจ ปญฺหาฯ
Tattha paṭhamagāthāya tāva idaṃ saraṇattayaṃ kena bhāsitaṃ, kattha bhāsitaṃ, kadā bhāsitaṃ, kasmā bhāsitaṃ avuttamapicādito tathāgatena kasmā idhādito vuttanti pañca pañhā.
เตสํ วิสฺสชฺชนา เกน ภาสิตนฺติ ภควตา ภาสิตํ, น สาวเกหิ, น อิสีหิ, น เทวตาหิฯ กตฺถาติ พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเยฯ กทาติ อายสฺมเนฺต ยเส สทฺธิํ สหายเกหิ อรหตฺตํ ปเตฺต เอกสฎฺฐิยา อรหเนฺตสุ พหุชนหิตาย โลเก ธมฺมเทสนํ กโรเนฺตสุฯ กสฺมาติ ปพฺพชฺชตฺถญฺจ อุปสมฺปทตฺถญฺจฯ ยถาห –
Tesaṃ vissajjanā kena bhāsitanti bhagavatā bhāsitaṃ, na sāvakehi, na isīhi, na devatāhi. Katthāti bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye. Kadāti āyasmante yase saddhiṃ sahāyakehi arahattaṃ patte ekasaṭṭhiyā arahantesu bahujanahitāya loke dhammadesanaṃ karontesu. Kasmāti pabbajjatthañca upasampadatthañca. Yathāha –
‘‘เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตโพฺพ อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ ปฐมํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาทาเปตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ การาเปตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทาเปตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาเปตฺวา ‘เอวํ วเทหี’ติ วตฺตโพฺพ ‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’’ติ (มหาว. ๓๔)ฯ
‘‘Evañca pana, bhikkhave, pabbājetabbo upasampādetabbo. Paṭhamaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādāpetvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ kārāpetvā bhikkhūnaṃ pāde vandāpetvā ukkuṭikaṃ nisīdāpetvā añjaliṃ paggaṇhāpetvā ‘evaṃ vadehī’ti vattabbo ‘buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmi, dhammaṃ saraṇaṃ gacchāmi, saṅghaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’’ti (mahāva. 34).
กสฺมา จิธาทิโต วุตฺตนฺติ อิทญฺจ นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ ตีหิ ปิฎเกหิ สงฺคณฺหิตฺวา วาจนามคฺคํ อาโรเปเนฺตหิ ปุพฺพาจริเยหิ ยสฺมา อิมินา มเคฺคน เทวมนุสฺสา อุปาสกภาเวน วา ปพฺพชิตภาเวน วา สาสนํ โอตรนฺติ, ตสฺมา สาสโนตารสฺส มคฺคภูตตฺตา อิธ ขุทฺทกปาเฐ อาทิโต วุตฺตนฺติ ญาตพฺพํฯ
Kasmācidhādito vuttanti idañca navaṅgaṃ satthusāsanaṃ tīhi piṭakehi saṅgaṇhitvā vācanāmaggaṃ āropentehi pubbācariyehi yasmā iminā maggena devamanussā upāsakabhāvena vā pabbajitabhāvena vā sāsanaṃ otaranti, tasmā sāsanotārassa maggabhūtattā idha khuddakapāṭhe ādito vuttanti ñātabbaṃ.
กตํ นิทานโสธนํฯ
Kataṃ nidānasodhanaṃ.