Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    ขุทฺทกนิกาเย

    Khuddakanikāye

    อุทาน-อฎฺฐกถา

    Udāna-aṭṭhakathā

    คนฺถารมฺภกถา

    Ganthārambhakathā

    มหาการุณิกํ นาถํ, เญยฺยสาครปารคุํ;

    Mahākāruṇikaṃ nāthaṃ, ñeyyasāgarapāraguṃ;

    วเนฺท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํฯ

    Vande nipuṇagambhīra-vicitranayadesanaṃ.

    วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นียนฺติ โลกโต;

    Vijjācaraṇasampannā, yena nīyanti lokato;

    วเนฺท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํฯ

    Vande tamuttamaṃ dhammaṃ, sammāsambuddhapūjitaṃ.

    สีลาทิคุณสมฺปโนฺน, ฐิโต มคฺคผเลสุ โย;

    Sīlādiguṇasampanno, ṭhito maggaphalesu yo;

    วเนฺท อริยสงฺฆํ ตํ, ปุญฺญเกฺขตฺตํ อนุตฺตรํฯ

    Vande ariyasaṅghaṃ taṃ, puññakkhettaṃ anuttaraṃ.

    วนฺทนาชนิตํ ปุญฺญํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;

    Vandanājanitaṃ puññaṃ, iti yaṃ ratanattaye;

    หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสาฯ

    Hatantarāyo sabbattha, hutvāhaṃ tassa tejasā.

    เตน เตน นิทาเนน, เทสิตานิ หิเตสินา;

    Tena tena nidānena, desitāni hitesinā;

    ยานิ สุทฺธาปทาเนน, อุทานานิ มเหสินาฯ

    Yāni suddhāpadānena, udānāni mahesinā.

    ตานิ สพฺพานิ เอกชฺฌํ, อาโรเปเนฺตหิ สงฺคหํ;

    Tāni sabbāni ekajjhaṃ, āropentehi saṅgahaṃ;

    อุทานํ นาม สงฺคีตํ, ธมฺมสงฺคาหเกหิ ยํฯ

    Udānaṃ nāma saṅgītaṃ, dhammasaṅgāhakehi yaṃ.

    ชินสฺส ธมฺมสํเวค-ปาโมชฺชปริทีปนํ;

    Jinassa dhammasaṃvega-pāmojjaparidīpanaṃ;

    โสมนสฺสสมุฎฺฐาน-คาถาหิ ปฎิมณฺฑิตํฯ

    Somanassasamuṭṭhāna-gāthāhi paṭimaṇḍitaṃ.

    ตสฺส คมฺภีรญาเณหิ, โอคาเหตพฺพภาวโต;

    Tassa gambhīrañāṇehi, ogāhetabbabhāvato;

    กิญฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยาฯ

    Kiñcāpi dukkarā kātuṃ, atthasaṃvaṇṇanā mayā.

    สหสํวณฺณนํ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุสาสนํ;

    Sahasaṃvaṇṇanaṃ yasmā, dharate satthusāsanaṃ;

    ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฎฺฐเตว วินิจฺฉโยฯ

    Pubbācariyasīhānaṃ, tiṭṭhateva vinicchayo.

    ตสฺมา ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาเหตฺวาน ปญฺจปิ;

    Tasmā taṃ avalambitvā, ogāhetvāna pañcapi;

    นิกาเย อุปนิสฺสาย, โปราณฎฺฐกถานยํฯ

    Nikāye upanissāya, porāṇaṭṭhakathānayaṃ.

    สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;

    Suvisuddhaṃ asaṃkiṇṇaṃ, nipuṇatthavinicchayaṃ;

    มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํฯ

    Mahāvihāravāsīnaṃ, samayaṃ avilomayaṃ.

    ปุนปฺปุนาคตํ อตฺถํ, วชฺชยิตฺวาน สาธุกํ;

    Punappunāgataṃ atthaṃ, vajjayitvāna sādhukaṃ;

    ยถาพลํ กริสฺสามิ, อุทานสฺสตฺถวณฺณนํ

    Yathābalaṃ karissāmi, udānassatthavaṇṇanaṃ.

    อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฎฺฐิติํ;

    Iti ākaṅkhamānassa, saddhammassa ciraṭṭhitiṃ;

    วิภชนฺตสฺส ตสฺสตฺถํ, สาธุ คณฺหนฺตุ สาธโวติฯ

    Vibhajantassa tassatthaṃ, sādhu gaṇhantu sādhavoti.

    ตตฺถ อุทานนฺติ เกนเฎฺฐน อุทานํ? อุทานนเฎฺฐนฯ กิมิทํ อุทานํ นาม? ปีติเวคสมุฎฺฐาปิโต อุทาหาโรฯ ยถา หิ ยํ เตลาทิ มินิตพฺพวตฺถุ มานํ คเหตุํ น สโกฺกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘อวเสโก’’ติ วุจฺจติฯ ยญฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สโกฺกติ, อโชฺฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘โอโฆ’’ติ วุจฺจติฯ เอวเมว ยํ ปีติเวคสมุฎฺฐาปิตํ วิตกฺกวิปฺผารํ อโนฺตหทยํ สนฺธาเรตุํ น สโกฺกติ, โส อธิโก หุตฺวา อโนฺต อสณฺฐหิตฺวา พหิ วจีทฺวาเรน นิกฺขโนฺต ปฎิคฺคาหกนิรเปโกฺข อุทาหารวิเสโส ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติฯ ธมฺมสํเวควเสนปิ อยมากาโร ลพฺภเตวฯ

    Tattha udānanti kenaṭṭhena udānaṃ? Udānanaṭṭhena. Kimidaṃ udānaṃ nāma? Pītivegasamuṭṭhāpito udāhāro. Yathā hi yaṃ telādi minitabbavatthu mānaṃ gahetuṃ na sakkoti, vissanditvā gacchati, taṃ ‘‘avaseko’’ti vuccati. Yañca jalaṃ taḷākaṃ gahetuṃ na sakkoti, ajjhottharitvā gacchati, taṃ ‘‘ogho’’ti vuccati. Evameva yaṃ pītivegasamuṭṭhāpitaṃ vitakkavipphāraṃ antohadayaṃ sandhāretuṃ na sakkoti, so adhiko hutvā anto asaṇṭhahitvā bahi vacīdvārena nikkhanto paṭiggāhakanirapekkho udāhāraviseso ‘‘udāna’’nti vuccati. Dhammasaṃvegavasenapi ayamākāro labbhateva.

    ตยิทํ กตฺถจิ คาถาพนฺธวเสน กตฺถจิ วากฺยวเสน ปวตฺตํฯ ยํ ปน อฎฺฐกถาสุ ‘‘โสมนสฺสญาณมยิกคาถาปฎิสํยุตฺตา’’ติ อุทานลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํฯ เยภุเยฺยน หิ อุทานํ คาถาพนฺธวเสน ภาสิตํ ปีติโสมนสฺสสมุฎฺฐาปิตญฺจฯ อิตรมฺปิ ปน ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป’’ติอาทีสุ (อุทา. ๗๑) ‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทเณฺฑน วิหิํสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๓๑), ‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺส, สเจ โว ทุกฺขมปฺปิย’’นฺติ เอวมาทีสุ (อุทา. ๔๔; เนตฺติ. ๙๑) จ ลพฺภติฯ

    Tayidaṃ katthaci gāthābandhavasena katthaci vākyavasena pavattaṃ. Yaṃ pana aṭṭhakathāsu ‘‘somanassañāṇamayikagāthāpaṭisaṃyuttā’’ti udānalakkhaṇaṃ vuttaṃ, taṃ yebhuyyavasena vuttaṃ. Yebhuyyena hi udānaṃ gāthābandhavasena bhāsitaṃ pītisomanassasamuṭṭhāpitañca. Itarampi pana ‘‘atthi, bhikkhave, tadāyatanaṃ, yattha neva pathavī na āpo’’tiādīsu (udā. 71) ‘‘sukhakāmāni bhūtāni, yo daṇḍena vihiṃsatī’’ti (dha. pa. 131), ‘‘sace bhāyatha dukkhassa, sace vo dukkhamappiya’’nti evamādīsu (udā. 44; netti. 91) ca labbhati.

    เอวํ ตยิทํ สพฺพญฺญุพุทฺธภาสิตํ, ปเจฺจกพุทฺธภาสิตํ, สาวกภาสิตนฺติ ติวิธํ โหติฯ ตตฺถ ปเจฺจกพุทฺธภาสิตํ – ‘‘สเพฺพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, อวิเหฐยํ อญฺญตรมฺปิ เตส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๓๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทส ๑๒๑) ขคฺควิสาณสุเตฺต อาคตเมวฯ สาวกภาสิตานิปิ –

    Evaṃ tayidaṃ sabbaññubuddhabhāsitaṃ, paccekabuddhabhāsitaṃ, sāvakabhāsitanti tividhaṃ hoti. Tattha paccekabuddhabhāsitaṃ – ‘‘sabbesu bhūtesu nidhāya daṇḍaṃ, aviheṭhayaṃ aññatarampi tesa’’ntiādinā (su. ni. 35; cūḷani. khaggavisāṇasuttaniddesa 121) khaggavisāṇasutte āgatameva. Sāvakabhāsitānipi –

    ‘‘สโพฺพ ราโค ปหีโน เม, สโพฺพ โทโส สมูหโต;

    ‘‘Sabbo rāgo pahīno me, sabbo doso samūhato;

    สโพฺพ เม วิหโต โมโห, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติฯ (เถรคา. ๗๙) –

    Sabbo me vihato moho, sītibhūtosmi nibbuto’’ti. (theragā. 79) –

    อาทินา เถรคาถาสุ –

    Ādinā theragāthāsu –

    ‘‘กาเยน สํวุตา อาสิํ, วาจาย อุท เจตสา;

    ‘‘Kāyena saṃvutā āsiṃ, vācāya uda cetasā;

    สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, สีติภูตาสฺมิ นิพฺพุตา’’ติฯ (เถรีคา. ๑๕) –

    Samūlaṃ taṇhamabbuyha, sītibhūtāsmi nibbutā’’ti. (therīgā. 15) –

    อาทินา เถรีคาถาสุ จ อาคตานิฯ ตานิ ปน เตสํ เถรานํ เถรีนญฺจ น เกวลํ อุทานานิ เอว, อถ โข สีหนาทาปิ โหนฺติฯ สกฺกาทีหิ เทเวหิ ภาสิตานิ ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, กสฺสเป สุปฺปติฎฺฐิต’’นฺติอาทีนิ (อุทา. ๒๗), อารามทณฺฑพฺราหฺมณาทีหิ มนุเสฺสหิ จ ภาสิตานิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต’’ติอาทีนิ (อ. นิ. ๒.๓๘) ติโสฺส สงฺคีติโย อารูฬฺหานิ อุทานานิ สนฺติ เอว, น ตานิ อิธ อธิเปฺปตานิฯ ยานิ ปน สมฺมาสมฺพุเทฺธน สามํ อาหจฺจ ภาสิตานิ ชินวจนภูตานิ, ยานิ สนฺธาย ภควตา ปริยตฺติธมฺมํ นวธา วิภชิตฺวา อุทฺทิสเนฺตน อุทานนฺติ วุตฺตานิ, ตาเนว ธมฺมสงฺคาหเกหิ ‘‘อุทาน’’นฺติ สงฺคีตนฺติ ตเทเวตฺถ สํวเณฺณตพฺพภาเวน คหิตํฯ

    Ādinā therīgāthāsu ca āgatāni. Tāni pana tesaṃ therānaṃ therīnañca na kevalaṃ udānāni eva, atha kho sīhanādāpi honti. Sakkādīhi devehi bhāsitāni ‘‘aho dānaṃ paramadānaṃ, kassape suppatiṭṭhita’’ntiādīni (udā. 27), ārāmadaṇḍabrāhmaṇādīhi manussehi ca bhāsitāni ‘‘namo tassa bhagavato’’tiādīni (a. ni. 2.38) tisso saṅgītiyo ārūḷhāni udānāni santi eva, na tāni idha adhippetāni. Yāni pana sammāsambuddhena sāmaṃ āhacca bhāsitāni jinavacanabhūtāni, yāni sandhāya bhagavatā pariyattidhammaṃ navadhā vibhajitvā uddisantena udānanti vuttāni, tāneva dhammasaṅgāhakehi ‘‘udāna’’nti saṅgītanti tadevettha saṃvaṇṇetabbabhāvena gahitaṃ.

    ยา ปน ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิคาถาย ทีปิตา ภควตา โพธิมูเล อุทานวเสน ปวตฺติตา อเนกสตสหสฺสานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อวิชหิตอุทานคาถา จ, เอตา อปรภาเค ปน ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ภควตา เทสิตตฺตา ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคหํ อนาโรเปตฺวา ธมฺมปเท สงฺคีตาฯ ยญฺจ ‘‘อญฺญาสิ วต, โภ โกณฺฑโญฺญ, อญฺญาสิ วต, โภ โกณฺฑโญฺญ’’ติ (มหาว. ๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฎิ. ม. ๒.๓๐) อุทานวจนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ ปเวทนสมตฺถนิโคฺฆสวิปฺผารํ ภควตา ภาสิตํ, ตทปิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาปริโยสาเน อตฺตนา อธิคตธเมฺมกเทสสฺส ยถาเทสิตสฺส อริยมคฺคสฺส สาวเกสุ สพฺพปฐมํ เถเรน อธิคตตฺตา อตฺตโน ปริสฺสมสฺส สผลภาวปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ปฐมโพธิยํ สเพฺพสํ เอว ภิกฺขูนํ สมฺมาปฎิปตฺติปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ‘‘อาราธยิํสุ วต มํ ภิกฺขู เอกํ สมย’’นฺติอาทิวจนํ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิย ปีติโสมนสฺสชนิตํ อุทาหารมตฺตํ, ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๑-๓; อุทา. ๑-๓) วิย ปวตฺติยา นิวตฺติยา วา น ปกาสนนฺติ, น ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคีตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Yā pana ‘‘anekajātisaṃsāra’’ntiādigāthāya dīpitā bhagavatā bodhimūle udānavasena pavattitā anekasatasahassānaṃ sammāsambuddhānaṃ avijahitaudānagāthā ca, etā aparabhāge pana dhammabhaṇḍāgārikassa bhagavatā desitattā dhammasaṅgāhakehi udānapāḷiyaṃ saṅgahaṃ anāropetvā dhammapade saṅgītā. Yañca ‘‘aññāsi vata, bho koṇḍañño, aññāsi vata, bho koṇḍañño’’ti (mahāva. 17; saṃ. ni. 5.1081; paṭi. ma. 2.30) udānavacanaṃ dasasahassilokadhātuyā devamanussānaṃ pavedanasamatthanigghosavipphāraṃ bhagavatā bhāsitaṃ, tadapi dhammacakkappavattanasuttantadesanāpariyosāne attanā adhigatadhammekadesassa yathādesitassa ariyamaggassa sāvakesu sabbapaṭhamaṃ therena adhigatattā attano parissamassa saphalabhāvapaccavekkhaṇahetukaṃ paṭhamabodhiyaṃ sabbesaṃ eva bhikkhūnaṃ sammāpaṭipattipaccavekkhaṇahetukaṃ ‘‘ārādhayiṃsu vata maṃ bhikkhū ekaṃ samaya’’ntiādivacanaṃ (ma. ni. 1.225) viya pītisomanassajanitaṃ udāhāramattaṃ, ‘‘yadā have pātubhavanti dhammā’’tiādivacanaṃ (mahāva. 1-3; udā. 1-3) viya pavattiyā nivattiyā vā na pakāsananti, na dhammasaṅgāhakehi udānapāḷiyaṃ saṅgītanti daṭṭhabbaṃ.

    ตํ ปเนตํ อุทานํ วินยปิฎกํ, สุตฺตนฺตปิฎกํ, อภิธมฺมปิฎกนฺติ ตีสุ ปิฎเกสุ สุตฺตนฺตปิฎกปริยาปนฺนํ, ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปญฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนเงฺคสุ อุทานสงฺคหํฯ

    Taṃ panetaṃ udānaṃ vinayapiṭakaṃ, suttantapiṭakaṃ, abhidhammapiṭakanti tīsu piṭakesu suttantapiṭakapariyāpannaṃ, dīghanikāyo, majjhimanikāyo, saṃyuttanikāyo, aṅguttaranikāyo, khuddakanikāyoti pañcasu nikāyesu khuddakanikāyapariyāpannaṃ, suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthā, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallanti navasu sāsanaṅgesu udānasaṅgahaṃ.

    ‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหิํ, เทฺว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

    ‘‘Dvāsīti buddhato gaṇhiṃ, dve sahassāni bhikkhuto;

    จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติฯ (เถรคา. ๑๐๒๗) –

    Caturāsīti sahassāni, ye me dhammā pavattino’’ti. (theragā. 1027) –

    เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฎิญฺญาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหเสฺสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํฯ โพธิวโคฺค, มุจลินฺทวโคฺค, นนฺทวโคฺค, เมฆิยวโคฺค, โสณวโคฺค, ชจฺจนฺธวโคฺค, จูฬวโคฺค, ปาฎลิคามิยวโคฺคติ วคฺคโต อฎฺฐวคฺคํ; สุตฺตโต อสีติสุตฺตสงฺคหํ, คาถาโต ปญฺจนวุติอุทานคาถาสงฺคหํฯ ภาณวารโต อฑฺฒูนนวมตฺตา ภาณวาราฯ อนุสนฺธิโต โพธิสุเตฺต ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน เอกานุสนฺธิ, สุปฺปวาสาสุเตฺต ปุจฺฉานุสนฺธิยถานุสนฺธิวเสน เทฺว อนุสนฺธี, เสเสสุ ยถานุสนฺธิวเสน เอเกโกว อนุสนฺธิ, อชฺฌาสยานุสนฺธิ ปเนตฺถ นตฺถิฯ เอวํ สพฺพถาปิ เอกาสีติอนุสนฺธิสงฺคหํฯ ปทโต สตาธิกานิ เอกวีส ปทสหสฺสานิ, คาถาปาทโต เตวีสติ จตุสฺสตาธิกานิ อฎฺฐ สหสฺสานิ , อกฺขรโต สตฺตสหสฺสาธิกานิ สฎฺฐิ สหสฺสานิ ตีณิ จ สตานิ ทฺวาสีติ จ อกฺขรานิฯ เตเนตํ วุจฺจติ –

    Evaṃ dhammabhaṇḍāgārikena paṭiññātesu caturāsītiyā dhammakkhandhasahassesu katipayadhammakkhandhasaṅgahaṃ. Bodhivaggo, mucalindavaggo, nandavaggo, meghiyavaggo, soṇavaggo, jaccandhavaggo, cūḷavaggo, pāṭaligāmiyavaggoti vaggato aṭṭhavaggaṃ; suttato asītisuttasaṅgahaṃ, gāthāto pañcanavutiudānagāthāsaṅgahaṃ. Bhāṇavārato aḍḍhūnanavamattā bhāṇavārā. Anusandhito bodhisutte pucchānusandhivasena ekānusandhi, suppavāsāsutte pucchānusandhiyathānusandhivasena dve anusandhī, sesesu yathānusandhivasena ekekova anusandhi, ajjhāsayānusandhi panettha natthi. Evaṃ sabbathāpi ekāsītianusandhisaṅgahaṃ. Padato satādhikāni ekavīsa padasahassāni, gāthāpādato tevīsati catussatādhikāni aṭṭha sahassāni , akkharato sattasahassādhikāni saṭṭhi sahassāni tīṇi ca satāni dvāsīti ca akkharāni. Tenetaṃ vuccati –

    ‘‘อสีติ เอว สุตฺตนฺตา, วคฺคา อฎฺฐ สมาสโต;

    ‘‘Asīti eva suttantā, vaggā aṭṭha samāsato;

    คาถา จ ปญฺจนวุติ, อุทานสฺส ปกาสิตาฯ

    Gāthā ca pañcanavuti, udānassa pakāsitā.

    ‘‘อฑฺฒูนนวมตฺตา จ, ภาณวารา ปมาณโต;

    ‘‘Aḍḍhūnanavamattā ca, bhāṇavārā pamāṇato;

    เอกาธิกา ตถาสีติ, อุทานสฺสานุสนฺธิโยฯ

    Ekādhikā tathāsīti, udānassānusandhiyo.

    ‘‘เอกวีสสหสฺสานิ, สตเญฺจว วิจกฺขโณ;

    ‘‘Ekavīsasahassāni, satañceva vicakkhaṇo;

    ปทาเนตานุทานสฺส, คณิตานิ วินิทฺทิเส’’ฯ

    Padānetānudānassa, gaṇitāni viniddise’’.

    คาถาปาทโต ปน –

    Gāthāpādato pana –

    ‘‘อฎฺฐสหสฺสมตฺตานิ, จตฺตาเรว สตานิ จ;

    ‘‘Aṭṭhasahassamattāni, cattāreva satāni ca;

    ปาทาเนตานุทานสฺส, เตวีสติ จ นิทฺทิเสฯ

    Pādānetānudānassa, tevīsati ca niddise.

    ‘‘อกฺขรานํ สหสฺสานิ, สฎฺฐิ สตฺต สตานิ จ;

    ‘‘Akkharānaṃ sahassāni, saṭṭhi satta satāni ca;

    ตีณิ ทฺวาสีติ จ ตถา, อุทานสฺส ปเวทิตา’’ติฯ

    Tīṇi dvāsīti ca tathā, udānassa paveditā’’ti.

    ตสฺส อฎฺฐสุ วเคฺคสุ โพธิวโคฺค อาทิ, สุเตฺตสุ ปฐมํ โพธิสุตฺตํ, ตสฺสาปิ เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานเนฺทน ปฐมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตนิทานมาทิฯ สา ปนายํ ปฐมมหาสงฺคีติ วินยปิฎเก (จูฬว. ๔๓๗) ตนฺติมารูฬฺหา เอวฯ โย ปเนตฺถ นิทานโกสลฺลตฺถํ วตฺตโพฺพ กถามโคฺค โสปิ สุมงฺคลวิลาสินิยํ ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.นิทานกถา) วุโตฺต เอวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    Tassa aṭṭhasu vaggesu bodhivaggo ādi, suttesu paṭhamaṃ bodhisuttaṃ, tassāpi evaṃ me sutantiādikaṃ āyasmatā ānandena paṭhamamahāsaṅgītikāle vuttanidānamādi. Sā panāyaṃ paṭhamamahāsaṅgīti vinayapiṭake (cūḷava. 437) tantimārūḷhā eva. Yo panettha nidānakosallatthaṃ vattabbo kathāmaggo sopi sumaṅgalavilāsiniyaṃ dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.nidānakathā) vutto evāti tattha vuttanayeneva veditabbo.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact