Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    วินยปิฎเก

    Vinayapiṭake

    วชิรพุทฺธิ-ฎีกา

    Vajirabuddhi-ṭīkā

    คนฺถารมฺภกถา

    Ganthārambhakathā

    ปญฺญาวิสุทฺธาย ทยาย สเพฺพ;

    Paññāvisuddhāya dayāya sabbe;

    วิโมจิตา เยน วิเนยฺยสตฺตา;

    Vimocitā yena vineyyasattā;

    ตํ จกฺขุภูตํ สิรสา นมิตฺวา;

    Taṃ cakkhubhūtaṃ sirasā namitvā;

    โลกสฺส โลกนฺตคตสฺส ธมฺมํ

    Lokassa lokantagatassa dhammaṃ.

    สงฺฆญฺจ สีลาทิคุเณหิ ยุตฺต-

    Saṅghañca sīlādiguṇehi yutta-

    มาทาย สเพฺพสุ ปเทสุ สารํ;

    Mādāya sabbesu padesu sāraṃ;

    สเงฺขปกาเมน มมาสเยน;

    Saṅkhepakāmena mamāsayena;

    สโญฺจทิโต ภิกฺขุหิตญฺจ ทิสฺวาฯ

    Sañcodito bhikkhuhitañca disvā.

    สมนฺตปาสาทิกสญฺญิตาย ;

    Samantapāsādikasaññitāya ;

    สมฺพุทฺธโฆสาจริโยทิตาย;

    Sambuddhaghosācariyoditāya;

    สมาสโต ลีนปเท ลิขิสฺสํ;

    Samāsato līnapade likhissaṃ;

    สมาสโต ลีนปเท ลิขีตํฯ

    Samāsato līnapade likhītaṃ.

    สญฺญา นิมิตฺตํ กตฺตา จ, ปริมาณํ ปโยชนํ;

    Saññā nimittaṃ kattā ca, parimāṇaṃ payojanaṃ;

    สพฺพาคมสฺส ปุเพฺพว, วตฺตพฺพํ วตฺตุมิจฺฉตาติฯ –

    Sabbāgamassa pubbeva, vattabbaṃ vattumicchatāti. –

    วจนโต สมนฺตปาสาทิเกติ สญฺญาฯ ทีปนฺตเร ภิกฺขุชนสฺส อตฺถํ นาภิสมฺภุณาตีติ นิมิตฺตํฯ พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธเยฺยนาติ กตฺตาฯ สมธิกสตฺตวีสติสหสฺสมเตฺตน ตสฺส คเนฺถนาติ ปริมาณํฯ จิรฎฺฐิตตฺถํ ธมฺมสฺสาติ ปโยชนํฯ

    Vacanato samantapāsādiketi saññā. Dīpantare bhikkhujanassa atthaṃ nābhisambhuṇātīti nimittaṃ. Buddhaghosoti garūhi gahitanāmadheyyenāti kattā. Samadhikasattavīsatisahassamattena tassa ganthenāti parimāṇaṃ. Ciraṭṭhitatthaṃ dhammassāti payojanaṃ.

    ตตฺราห – ‘‘วตฺตพฺพํ วตฺตุมิจฺฉตาติ ยํ วุตฺตํ, ตตฺถ กถํวิโธ วตฺตา’’ติ? อุจฺจเต –

    Tatrāha – ‘‘vattabbaṃ vattumicchatāti yaṃ vuttaṃ, tattha kathaṃvidho vattā’’ti? Uccate –

    ปาฐตฺถวิทูสํหีโร, วตฺตา สุจิ อมจฺฉโร;

    Pāṭhatthavidūsaṃhīro, vattā suci amaccharo;

    จตุกฺกมปริจฺจาคี, เทสกสฺส หิตุสฺสุโกติฯ (มหานิ. อฎฺฐ. คนฺถารมฺภกถา);

    Catukkamapariccāgī, desakassa hitussukoti. (mahāni. aṭṭha. ganthārambhakathā);

    ตตฺร ปฐียเตติ ปาโฐฯ โส หิ อเนกปฺปกาโร อตฺถานุรูโป อตฺถานนุรูโป เจติฯ กถํ? สนฺธายภาสิโต พฺยญฺชนภาสิโต สาวเสสปาโฐ นิรวเสสปาโฐ นีโต เนโยฺยติฯ ตตฺร อเนกตฺถวตฺตา สนฺธายภาสิโต นาม ‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๒๙๔)ฯ เอกตฺถวตฺตา พฺยญฺชนภาสิโต นาม ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ตฺยาทิ (ธ. ป. ๑, ๒; เนตฺติ. ๙๐, ๙๒; เปฎโก. ๑๔)ฯ สาวเสโส นาม ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’มิตฺยาทิ (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘)ฯ วิปรีโต นิรวเสโส นาม ‘‘สเพฺพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต ญาณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ตฺยาทิ (มหานิ. ๑๕๖; ปฎิ. ม. ๓.๕)ฯ ยถา วจนํ, ตถา อวคนฺตโพฺพ นีโต นาม ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ตฺยาทิฯ ยุตฺติยา อนุสฺสริตโพฺพ เนโยฺย นาม ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิ (อ. นิ. ๑.๑๗๐)ฯ

    Tatra paṭhīyateti pāṭho. So hi anekappakāro atthānurūpo atthānanurūpo ceti. Kathaṃ? Sandhāyabhāsito byañjanabhāsito sāvasesapāṭho niravasesapāṭho nīto neyyoti. Tatra anekatthavattā sandhāyabhāsito nāma ‘‘mātaraṃ pitaraṃ hantvā’’tiādi (dha. pa. 294). Ekatthavattā byañjanabhāsito nāma ‘‘manopubbaṅgamā dhammā’’tyādi (dha. pa. 1, 2; netti. 90, 92; peṭako. 14). Sāvaseso nāma ‘‘sabbaṃ, bhikkhave, āditta’’mityādi (mahāva. 54; saṃ. ni. 4.28). Viparīto niravaseso nāma ‘‘sabbe dhammā sabbākārena buddhassa bhagavato ñāṇamukhe āpāthaṃ āgacchantī’’tyādi (mahāni. 156; paṭi. ma. 3.5). Yathā vacanaṃ, tathā avagantabbo nīto nāma ‘‘aniccaṃ dukkhamanattā’’tyādi. Yuttiyā anussaritabbo neyyo nāma ‘‘ekapuggalo, bhikkhave’’tyādi (a. ni. 1.170).

    อโตฺถปิ อเนกปฺปกาโร ปาฐโตฺถ สภาวโตฺถ เญยฺยโตฺถ ปาฐานุรูโป ปาฐานนุรูโป สาวเสสโตฺถ นิรวเสสโตฺถ นีตโตฺถ เนยฺยโตฺถตฺยาทิฯ ตตฺถ โย ตํตํสญฺญาปนตฺถมุจฺจารียเต ปาโฐ, ส ปาฐโตฺถ ‘‘สาตฺถํ สพฺยญฺชน’’มิตฺยาทีสุ (ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๑๙๐) วิยฯ รูปารูปธมฺมานํ ลกฺขณรสาทิ สภาวโตฺถ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิํ ภาเวตี’’ตฺยาทีสุ (วิภ. ๔๘๙; สํ. นิ. ๕.๓) วิยฯ โย ญายมาโน หิตาย ภวติ, ส ญาตุมรหตฺตา เญยฺยโตฺถ ‘‘อตฺถวาที ธมฺมวาที’’เตฺยวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔; ๓.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๔๑๑) วิยฯ ยถาปาฐํ ภาสิโต ปาฐานุรูโป ‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุราณกมฺม’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๔๖) ภควตา วุตฺตมโต จกฺขุมปิ กมฺมนฺติฯ พฺยญฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฎิพาหยมาเนน วุโตฺต ปาฐานนุรูโปฯ วเชฺชตพฺพํ กิญฺจิ อปริจฺจชิตฺวา ปริเสสํ กตฺวา วุโตฺต สาวเสสโตฺถ ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๖๐; มหานิ. ๑๐๗) จ, ‘‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’’ตฺยาทีสุ (ธ. ป. ๑๒๙) วิยฯ วิปรีโต นิรวเสสโตฺถ ‘‘สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจ (ที. นิ. ๒.๑๕๕; มหา. ๒๘๗; เนตฺติ. ๑๑๔)ฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, โก มนฺตา โก สทฺธาตา…เป.… อญฺญตฺร ทิฎฺฐปเทหี’’ตฺยาทิ (อ. นิ. ๗.๖๖)ฯ สทฺทวเสเนว เวทนีโย นีตโตฺถ ‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฎฺฐพฺพา จ มโนรมา’’ตฺยาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑, ๑๖๕; มหาว. ๓๓) วิยฯ สมฺมุติวเสน เวทิตโพฺพ เนยฺยโตฺถ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, วลาหกูปมาปุคฺคลา’’ตฺยาทีสุ วิย (อ. นิ. ๔.๑๐๑; ปุ. ป. ๑๕๗)ฯ อาห จ –

    Atthopi anekappakāro pāṭhattho sabhāvattho ñeyyattho pāṭhānurūpo pāṭhānanurūpo sāvasesattho niravasesattho nītattho neyyatthotyādi. Tattha yo taṃtaṃsaññāpanatthamuccārīyate pāṭho, sa pāṭhattho ‘‘sātthaṃ sabyañjana’’mityādīsu (pārā. 1; dī. ni. 1.190) viya. Rūpārūpadhammānaṃ lakkhaṇarasādi sabhāvattho ‘‘sammādiṭṭhiṃ bhāvetī’’tyādīsu (vibha. 489; saṃ. ni. 5.3) viya. Yo ñāyamāno hitāya bhavati, sa ñātumarahattā ñeyyattho ‘‘atthavādī dhammavādī’’tyevamādīsu (dī. ni. 1.9, 194; 3.238; ma. ni. 1.411) viya. Yathāpāṭhaṃ bhāsito pāṭhānurūpo ‘‘cakkhu, bhikkhave, purāṇakamma’’nti (saṃ. ni. 4.146) bhagavatā vuttamato cakkhumapi kammanti. Byañjanacchāyāya atthaṃ paṭibāhayamānena vutto pāṭhānanurūpo. Vajjetabbaṃ kiñci apariccajitvā parisesaṃ katvā vutto sāvasesattho ‘‘cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjatī’’ti (saṃ. ni. 4.60; mahāni. 107) ca, ‘‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’’tyādīsu (dha. pa. 129) viya. Viparīto niravasesattho ‘‘sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca (dī. ni. 2.155; mahā. 287; netti. 114). Tatra, bhikkhave, ko mantā ko saddhātā…pe… aññatra diṭṭhapadehī’’tyādi (a. ni. 7.66). Saddavaseneva vedanīyo nītattho ‘‘rūpā saddā rasā gandhā, phoṭṭhabbā ca manoramā’’tyādīsu (saṃ. ni. 1.151, 165; mahāva. 33) viya. Sammutivasena veditabbo neyyattho ‘‘cattārome, bhikkhave, valāhakūpamāpuggalā’’tyādīsu viya (a. ni. 4.101; pu. pa. 157). Āha ca –

    ‘‘โย อโตฺถ สทฺทโต เญโยฺย, นีตตฺถํ อิติ ตํ วิทู;

    ‘‘Yo attho saddato ñeyyo, nītatthaṃ iti taṃ vidū;

    อตฺถเสฺสวาภิสามคฺคี, เนยฺยโตฺถ อิติ กถฺยเต’’ติฯ

    Atthassevābhisāmaggī, neyyattho iti kathyate’’ti.

    เอวํ ปเภทคเต ปาฐเตฺถ วิชานาตีติ ปาฐตฺถวิทูฯ น สํหีรเต ปรปวาทีหิ ทีฆรตฺตํ ติตฺถวาเสเนตฺยสํหีโรฯ ภาวนายาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา วตฺตุํ สโกฺกตีติ วตฺตา, สเงฺขปวิตฺถารนเยน เหตุทาหรณาทีหิ อวโพธยิตุํ สมโตฺถตฺยโตฺถฯ โสจยตฺยตฺตานํ ปเร เจติ สุจิ, ทุสฺสีลฺยทุทฺทิฎฺฐิมลวิรหิโตตฺยโตฺถฯ ทุสฺสีโล หิ อตฺตานมุปหนฺตุนาเทยฺยวาโจ จ ภวตฺยปตฺตาหาราจาโร อิว นิจฺจาตุโร เวโชฺชฯ ทุทฺทิฎฺฐิ ปรํ อุปหนฺติ, นาวสฺสํ นิสฺสโย จ ภวตฺยหิวาฬคหากุโล อิว กมลสโณฺฑฯ อุภยวิปโนฺน สพฺพถาปฺยนุปาสนีโย ภวติ คูถคตมิว ฉวาลาตํ คูถคโต วิย จ กณฺหสโปฺปฯ อุภยสมฺปโนฺน ปน สุจิ สพฺพถาปฺยุปาสนีโย เสวิตโพฺพ จ วิญฺญูหิ, นิรุปทฺทโว อิว รตนากโรฯ นาสฺส มจฺฉโรตฺยมจฺฉโร, อหีนาจริยมุฎฺฐีตฺยโตฺถฯ สุตฺตสุตฺตานุโลมาจริยวาทอตฺตโนมติสงฺขาตสฺส จตุกฺกสฺสาปริจฺจาคี, ตทตฺถเสฺสว พฺยาขฺยาเตตฺยโตฺถฯ อถ วา ปจฺจกฺขานุมานสทฺทตฺถาปตฺติปฺปเภทสฺส ปมาณจตุกฺกสฺสาปริจฺจาคีฯ

    Evaṃ pabhedagate pāṭhatthe vijānātīti pāṭhatthavidū. Na saṃhīrate parapavādīhi dīgharattaṃ titthavāsenetyasaṃhīro. Bhāvanāyāgamādhigamasampannattā vattuṃ sakkotīti vattā, saṅkhepavitthāranayena hetudāharaṇādīhi avabodhayituṃ samatthotyattho. Socayatyattānaṃ pare ceti suci, dussīlyaduddiṭṭhimalavirahitotyattho. Dussīlo hi attānamupahantunādeyyavāco ca bhavatyapattāhārācāro iva niccāturo vejjo. Duddiṭṭhi paraṃ upahanti, nāvassaṃ nissayo ca bhavatyahivāḷagahākulo iva kamalasaṇḍo. Ubhayavipanno sabbathāpyanupāsanīyo bhavati gūthagatamiva chavālātaṃ gūthagato viya ca kaṇhasappo. Ubhayasampanno pana suci sabbathāpyupāsanīyo sevitabbo ca viññūhi, nirupaddavo iva ratanākaro. Nāssa maccharotyamaccharo, ahīnācariyamuṭṭhītyattho. Suttasuttānulomācariyavādaattanomatisaṅkhātassa catukkassāpariccāgī, tadatthasseva byākhyātetyattho. Atha vā paccakkhānumānasaddatthāpattippabhedassa pamāṇacatukkassāpariccāgī.

    ‘‘เอกํสวจนํ เอกํ, วิภชฺชวจนาปรํ;

    ‘‘Ekaṃsavacanaṃ ekaṃ, vibhajjavacanāparaṃ;

    ตติยํ ปฎิปุเจฺฉยฺย, จตุตฺถํ ปน ฐาปเย’’ติฯ –

    Tatiyaṃ paṭipuccheyya, catutthaṃ pana ṭhāpaye’’ti. –

    เอวํ วุตฺตจตุกฺกสฺส วา อปริจฺจาคี; หิตุสฺสุโก อิติ โสตูนํ หิตาโยสฺสุโก, เตสมวโพธนํ ปติ ปเตฺถตี ตฺยโตฺถ; โส เอโส สุจิตฺตา ปิโย; จตุกฺกสฺส อปริจฺจาคิตฺตา ครุ; อสํหีรตฺตา ภาวนีโย; เทสกตฺตา วตฺตา; หิตุสฺสุกตฺตา วจนกฺขโม; ปาฐตฺถวิทุตฺตา คมฺภีรกถํ กตฺตา; อมจฺฉรตฺตา โน จฎฺฐาเน นิโยชโกติ;

    Evaṃ vuttacatukkassa vā apariccāgī; Hitussuko iti sotūnaṃ hitāyossuko, tesamavabodhanaṃ pati patthetī tyattho; So eso sucittā piyo; Catukkassa apariccāgittā garu; Asaṃhīrattā bhāvanīyo; Desakattā vattā; Hitussukattā vacanakkhamo; Pāṭhatthaviduttā gambhīrakathaṃ kattā; Amaccharattā no caṭṭhāne niyojakoti;

    ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;

    ‘‘Piyo garu bhāvanīyo, vattā ca vacanakkhamo;

    คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฎฺฐาเน นิโยชโก’’ฯ (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) –

    Gambhīrañca kathaṃ kattā, no caṭṭhāne niyojako’’. (a. ni. 7.37; netti. 113) –

    อิติอภิหิโต เทสโก;

    Itiabhihito desako;

    โสตา อิทานิ อภิธียเต –

    Sotā idāni abhidhīyate –

    ธมฺมาจริยครุ สทฺธา-ปญฺญาทิคุณมณฺฑิโต;

    Dhammācariyagaru saddhā-paññādiguṇamaṇḍito;

    อสฐามาโย โสตาสฺส, สุเมโธ อมตามุโขฯ

    Asaṭhāmāyo sotāssa, sumedho amatāmukho.

    ตตฺถ ธมฺมครุตฺตา กถํ น ปริภวติ, อาจริยครุตฺตา กถิกํ น ปริภวติ, สทฺธาปญฺญาทิคุณปฎิมณฺฑิตตฺตา อตฺตานํ น ปริภวติ, อสฐามายตฺตา อมตาภิมุขตฺตา จ อวิกฺขิตฺตจิโตฺต ภวติ, สุเมธตฺตา โยนิโสมนสิกโรตีตฺยโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Tattha dhammagaruttā kathaṃ na paribhavati, ācariyagaruttā kathikaṃ na paribhavati, saddhāpaññādiguṇapaṭimaṇḍitattā attānaṃ na paribhavati, asaṭhāmāyattā amatābhimukhattā ca avikkhittacitto bhavati, sumedhattā yonisomanasikarotītyattho. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต สุณโนฺต สทฺธมฺมํ ภโพฺพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิโตฺต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิโตฺต, โยนิโส จ มนสิ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑)ฯ

    ‘‘Pañcahi, bhikkhave, dhammehi samannāgato suṇanto saddhammaṃ bhabbo niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammattaṃ. Katamehi pañcahi? Na kathaṃ paribhoti, na kathikaṃ paribhoti, na attānaṃ paribhoti, avikkhittacitto dhammaṃ suṇāti ekaggacitto, yoniso ca manasi karotī’’ti (a. ni. 5.151).

    ตํลกฺขณปฺปตฺตตฺตา ภาวนา ภวติ สวนเสฺสตฺยุโตฺต โสตาฯ

    Taṃlakkhaṇappattattā bhāvanā bhavati savanassetyutto sotā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact