Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
Ganthārambhakathāvaṇṇanā
สพฺพกุสลธมฺมปฺปมุขสฺส วิปุโลฬารคุณวิเสสาวหสฺส ปรมคมฺภีรสฺส ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนํ กตฺตุกาโมยมาจริโย ปฐมํ ตาว ‘‘พุทฺธํ ธมฺม’’นฺติอาทินา รตนตฺตยปฺปณามกรเณน อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ ปุนาติฯ วิสุทฺธจิตฺตสนฺตานนิสฺสยา หิ ปญฺญา ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา ยถาธิเปฺปตสํวณฺณนาย ปริโยสานคมนสมตฺถา โหตีติ ฯ อปิจ รตนตฺตยปฺปณาเมน วิธุตสพฺพกิพฺพิเส จิตฺตสนฺตาเน ภวนฺตรูปจิตานิปิ อนฺตรายิกกมฺมานิ ปจฺจยเวกลฺลโต ยถาธิเปฺปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นาลมนฺตรายกรณายาติปิ อาจริยสฺส รตนตฺตยวนฺทนาฯ
Sabbakusaladhammappamukhassa vipuloḷāraguṇavisesāvahassa paramagambhīrassa pātimokkhassa atthasaṃvaṇṇanaṃ kattukāmoyamācariyo paṭhamaṃ tāva ‘‘buddhaṃ dhamma’’ntiādinā ratanattayappaṇāmakaraṇena attano cittasantānaṃ punāti. Visuddhacittasantānanissayā hi paññā tikkhavisadabhāvappattiyā yathādhippetasaṃvaṇṇanāya pariyosānagamanasamatthā hotīti . Apica ratanattayappaṇāmena vidhutasabbakibbise cittasantāne bhavantarūpacitānipi antarāyikakammāni paccayavekallato yathādhippetāya atthasaṃvaṇṇanāya nālamantarāyakaraṇāyātipi ācariyassa ratanattayavandanā.
ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุโทฺธ, โพเธตา ปชายาติ พุโทฺธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๙๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๖๒) นิเทฺทสนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อถ วา สวาสนาย อญฺญาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุโทฺธ ชาครณวิกสนตฺถวเสนฯ อถ วา กสฺสจิปิ เญยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน, เญยฺยวิเสสสฺส จ กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิเทฺทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุโทฺธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติฯ อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิเตน สยมฺภุญาเณน สหวาสนาย วิคตวิทฺธสฺตนิรวเสสุปกฺกิเลโส มหากรุณาสพฺพญฺญุตญฺญาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโรว ขนฺธสนฺตาโน พุโทฺธฯ ยถาห –
Tattha buddhasaddassa tāva ‘‘bujjhitā saccānīti buddho, bodhetā pajāyāti buddho’’tiādinā (mahāni. 192; cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 97; paṭi. ma. 1.162) niddesanayena attho veditabbo. Atha vā savāsanāya aññāṇaniddāya accantavigamato, buddhiyā vā vikasitabhāvato buddhavāti buddho jāgaraṇavikasanatthavasena. Atha vā kassacipi ñeyyadhammassa anavabuddhassa abhāvena, ñeyyavisesassa ca kammabhāvena aggahaṇato kammavacanicchāya abhāvena avagamanatthavaseneva kattuniddeso labbhatīti buddhavāti buddho yathā ‘‘dikkhito na dadātī’’ti. Atthato pana pāramitāparibhāvitena sayambhuñāṇena sahavāsanāya vigataviddhastaniravasesupakkileso mahākaruṇāsabbaññutaññāṇādiaparimeyyaguṇagaṇādhārova khandhasantāno buddho. Yathāha –
‘‘พุโทฺธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๙๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๖๑),
‘‘Buddhoti yo so bhagavā sayambhū anācariyako pubbe ananussutesu dhammesu sāmaṃ saccāni abhisambujjhi, tattha ca sabbaññutaṃ patto, balesu ca vasībhāva’’nti (mahāni. 192; cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 97; paṭi. ma. 1.161),
ตํ พุทฺธํฯ
Taṃ buddhaṃ.
ธาเรตีติ ธโมฺมฯ อยญฺหิ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน อปายทุเกฺข, สํสารทุเกฺข จ อปตมาเน ธาเรตีติ, ตนฺนิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนเญฺจตฺถ ธารณํฯ เอวญฺจ กตฺวา อริยมโคฺค, ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตาย นิพฺพานญฺจาติ อุภยเมว นิปฺปริยายโต ธาเรติฯ อริยผลญฺจ ปน ตํสมุจฺฉินฺนกิเลสปฎิปฺปสฺสมฺภเนน ตทนุกูลตาย, ปริยตฺติธโมฺม จ ตทธิคมเหตุตายาติ อุภยมฺปิ ปริยายโต ธาเรตีติ เวทิตพฺพํ, ตํ ธมฺมํฯ จ-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ เตน ยถาวุตฺตํ พุทฺธํ, อิมญฺจ ธมฺมํ วนฺทิตฺวาติ พุทฺธรตเนน สห วนฺทนกิริยาย ธมฺมรตนํ สมุจฺจิโนติฯ
Dhāretīti dhammo. Ayañhi yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne apāyadukkhe, saṃsāradukkhe ca apatamāne dhāretīti, tannibbattakakilesaviddhaṃsanañcettha dhāraṇaṃ. Evañca katvā ariyamaggo, tassa tadatthasiddhihetutāya nibbānañcāti ubhayameva nippariyāyato dhāreti. Ariyaphalañca pana taṃsamucchinnakilesapaṭippassambhanena tadanukūlatāya, pariyattidhammo ca tadadhigamahetutāyāti ubhayampi pariyāyato dhāretīti veditabbaṃ, taṃ dhammaṃ. Ca-saddo samuccayattho. Tena yathāvuttaṃ buddhaṃ, imañca dhammaṃ vanditvāti buddharatanena saha vandanakiriyāya dhammaratanaṃ samuccinoti.
น เกวลํ อิทํ ทฺวยเมวาติ อาห ‘‘สงฺฆญฺจา’’ติฯ อริเยน ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหโต ฆฎิโตติ สโงฺฆ, อฎฺฐอริยปุคฺคลสมูโหฯ เตหิ เตหิ วา มคฺคผเลหิ กิเลสทรถานํ สมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน สมฺมเทว ฆาติตตฺตา สโงฺฆ, โปถุชฺชนิกสงฺฆสฺสาปิ ปุพฺพภาคปฺปฎิปทาย ฐิตตฺตา ปุริมเจตนาย วิย ทาเน เอเตฺถว สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ โสปิ หิ กิญฺจาปิ อริเยน ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน อสํหโต, นิยฺยานิกปกฺขิเยน ปน โปถุชฺชนิเกน สํหตตฺตา ทกฺขิเณยฺยปณิปาตารโห สโงฺฆเยวาติ, ตํ สงฺฆํฯ จ-สทฺทสฺสโตฺถ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Na kevalaṃ idaṃ dvayamevāti āha ‘‘saṅghañcā’’ti. Ariyena diṭṭhisīlasāmaññena saṃhato ghaṭitoti saṅgho, aṭṭhaariyapuggalasamūho. Tehi tehi vā maggaphalehi kilesadarathānaṃ samucchedapaṭippassambhanavasena sammadeva ghātitattā saṅgho, pothujjanikasaṅghassāpi pubbabhāgappaṭipadāya ṭhitattā purimacetanāya viya dāne ettheva saṅgaho daṭṭhabbo. Sopi hi kiñcāpi ariyena diṭṭhisīlasāmaññena asaṃhato, niyyānikapakkhiyena pana pothujjanikena saṃhatattā dakkhiṇeyyapaṇipātāraho saṅghoyevāti, taṃ saṅghaṃ. Ca-saddassattho etthāpi vuttanayeneva veditabbo.
กิํวิสิฎฺฐํ พุทฺธํ, ธมฺมํ, สงฺฆญฺจาติ อาห ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชน’’นฺติฯ อิทญฺจ วิเสสนํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํ ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํฯ พุทฺธํ…เป.… วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ สงฺฆญฺจา’’ติฯ ตตฺถ สเทวเกน โลเกน อรหตาทีหิ คุเณหิ เสฎฺฐภาเวน กริยมาโน ปณาโม วนฺทนา, สมฺมาโน มาโน, คนฺธปุปฺผาทีหิ อุปหาโร ปูชา, อภิสงฺขตปจฺจยทานํ สกฺกาโร, วนฺทนา จ มาโน จ ปูชา จ สกฺกาโร จ วนฺทนามานปูชาสกฺการา, เตสํ มหปฺผลภาวกรเณน ภาชนตฺตา อาธารตฺตา วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํฯ อิมินา รตนตฺตยสฺส อรหตาทีหิ คุเณหิ อสมภาวํ ทเสฺสติฯ ตนฺทสฺสนมฺปิ ตกฺกตสฺส นิปจฺจการสฺส สสนฺตานปวนาทิวเสน ยถาธิเปฺปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นิปฺผาทนสมตฺถภาวทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Kiṃvisiṭṭhaṃ buddhaṃ, dhammaṃ, saṅghañcāti āha ‘‘vandanāmānapūjāsakkārabhājana’’nti. Idañca visesanaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ ‘‘vandanāmānapūjāsakkārabhājanaṃ. Buddhaṃ…pe… vandanāmānapūjāsakkārabhājanaṃ saṅghañcā’’ti. Tattha sadevakena lokena arahatādīhi guṇehi seṭṭhabhāvena kariyamāno paṇāmo vandanā, sammāno māno, gandhapupphādīhi upahāro pūjā, abhisaṅkhatapaccayadānaṃ sakkāro, vandanā ca māno ca pūjā ca sakkāro ca vandanāmānapūjāsakkārā, tesaṃ mahapphalabhāvakaraṇena bhājanattā ādhārattā vandanāmānapūjāsakkārabhājanaṃ. Iminā ratanattayassa arahatādīhi guṇehi asamabhāvaṃ dasseti. Tandassanampi takkatassa nipaccakārassa sasantānapavanādivasena yathādhippetāya atthasaṃvaṇṇanāya nipphādanasamatthabhāvadīpanatthanti veditabbaṃ.
วิปฺปสเนฺนน เจตสา วนฺทิตฺวาติ อรหตาทิอเนกปฺปการคุณวิเสสานุสฺสรณวเสน วิวิเธน, วิเสเสน วา ปสเนฺนน มนสา สทฺธิํ กายวาจาหิ กรณภูตาหิ อภิวนฺทิยาติ อโตฺถ, ตีหิ ทฺวาเรหิ นมสฺสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ ติวิธา จายํ วนฺทนา กายวจีมโนวนฺทนานํ วเสนฯ ตตฺถ พุทฺธาทิคุณารมฺมณา กามาวจรกุสลกิริยานํ อญฺญตรเจตนา กายวจีวิญฺญตฺติโย สมุฎฺฐาเปตฺวา กายวจีทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา กายวจีวนฺทนาติ วุจฺจติ, อุภยวิญฺญตฺติโย ปน อสมุฎฺฐาเปตฺวา มโนทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา มโนวนฺทนาติฯ อิมสฺส ปทสฺส ‘‘วณฺณนํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ
Vippasannena cetasā vanditvāti arahatādianekappakāraguṇavisesānussaraṇavasena vividhena, visesena vā pasannena manasā saddhiṃ kāyavācāhi karaṇabhūtāhi abhivandiyāti attho, tīhi dvārehi namassitvāti vuttaṃ hoti. Tividhā cāyaṃ vandanā kāyavacīmanovandanānaṃ vasena. Tattha buddhādiguṇārammaṇā kāmāvacarakusalakiriyānaṃ aññataracetanā kāyavacīviññattiyo samuṭṭhāpetvā kāyavacīdvāravasena uppannā kāyavacīvandanāti vuccati, ubhayaviññattiyo pana asamuṭṭhāpetvā manodvāravasena uppannā manovandanāti. Imassa padassa ‘‘vaṇṇanaṃ vaṇṇayissāmī’’ti iminā sambandho.
เอวํ รตนตฺตยสฺส ปณามํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺตโน นิสฺสยภูตานํ อฎฺฐกถาจริยานญฺจ ปณามํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ กตญฺชลี ปุพฺพาจริยสีหานํ นโม กตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ กโต อญฺชลิ กรปุโฎ เอเตนาติ กตญฺชลีฯ ฉนฺทานุรกฺขณตฺถเญฺหตฺถ ทีโฆ , กตญฺชลี หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ ปุพฺพาจริยา โปราณฎฺฐกถาการา ตมฺพปณฺณิยา มหาเถรา, เต เอว ปริสฺสยสหนโต, ปฎิปกฺขภูตกิเลสหนนโต, ปรวาทิมิเคหิ อปธํสนียโต จ สีหสทิสตฺตา สีหาติ ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ ปุพฺพาจริยสีหานํฯ กีทิสา เต ปุพฺพาจริยสีหา, เยสํ ตยา นโม กรียตีติ อาห ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ เถรวํสปฺปทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตาติ เถรา, มหากสฺสปาทโย, เตสํ วํโส อนฺวโยติ เถรวํโสฯ เอเตน ภินฺนลทฺธิกานํ สตฺตรสเภทานํ มหาสงฺฆิกาทีนํ วํสํ ปฎิกฺขิปติ, เถรวํสปริยาปนฺนา หุตฺวา ปน อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปญฺญาปโชฺชเตน ตสฺส เถรวํสสฺส ทีปนโต เถรวํสปฺปทีปา, ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ เถรวํสปฺปทีปานํฯ อสํหีรตฺตา ถิรานํฯ วินยกฺกเมติ อารมฺภานุรูปวจนเมตํ, เต ปน สุตฺตาภิธเมฺมสุปิ ถิรา เอวฯ
Evaṃ ratanattayassa paṇāmaṃ dassetvā idāni attano nissayabhūtānaṃ aṭṭhakathācariyānañca paṇāmaṃ dassento ‘‘theravaṃsappadīpāna’’ntiādimāha. Tattha katañjalī pubbācariyasīhānaṃ namo katvāti sambandho. Kato añjali karapuṭo etenāti katañjalī. Chandānurakkhaṇatthañhettha dīgho , katañjalī hutvāti vuttaṃ hoti. Pubbācariyā porāṇaṭṭhakathākārā tambapaṇṇiyā mahātherā, te eva parissayasahanato, paṭipakkhabhūtakilesahananato, paravādimigehi apadhaṃsanīyato ca sīhasadisattā sīhāti pubbācariyasīhā, tesaṃ pubbācariyasīhānaṃ. Kīdisā te pubbācariyasīhā, yesaṃ tayā namo karīyatīti āha ‘‘theravaṃsappadīpāna’’ntiādi. Tattha theravaṃsappadīpānanti thirehi sīlakkhandhādīhi samannāgatāti therā, mahākassapādayo, tesaṃ vaṃso anvayoti theravaṃso. Etena bhinnaladdhikānaṃ sattarasabhedānaṃ mahāsaṅghikādīnaṃ vaṃsaṃ paṭikkhipati, theravaṃsapariyāpannā hutvā pana āgamādhigamasampannattā paññāpajjotena tassa theravaṃsassa dīpanato theravaṃsappadīpā, pubbācariyasīhā, tesaṃ theravaṃsappadīpānaṃ. Asaṃhīrattā thirānaṃ. Vinayakkameti ārambhānurūpavacanametaṃ, te pana suttābhidhammesupi thirā eva.
เอวํ อฎฺฐกถาจริยานมฺปิ ปณามํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สํวเณฺณตพฺพธมฺมวิเสสสฺส อภิธานานิสํสํ, เทสกสมฺปตฺติโย จ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ มเหสินา ยํ ปาติโมกฺขํ ปกาสิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ มเหสินาติ มหเนฺต สีลาทิเก ปญฺจ ธมฺมกฺขเนฺธ เอสี คเวสีติ มเหสิฯ มหเนฺตหิ เอสิโตติ วา ปุถุชฺชนเสขาเสขอิสีหิ วิสิฎฺฐตฺตา มหโนฺต อิสีติ วา มเหสิ, สมฺมาสมฺพุโทฺธ, เตน มเหสินาฯ ปาติโมกฺขนฺติ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธสํวรภูตํ สิกฺขาปทสีลํ, ตทฺทีปนโต อุภโตวิภงฺคสุตฺตสงฺขาตํ คนฺถปาติโมกฺขเมว วาฯ กิมฺภูตนฺติ อาห ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิฯ ปมุเข สาธูติ ปโมกฺขํ, ปโมกฺขเมว ปาโมกฺขํ, วชฺชปฎิปกฺขตฺตา อนวชฺชานํ สมาธิปญฺญาสงฺขาตานํ ปริตฺตมหคฺคตโลกุตฺตรานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาทิ ปติฎฺฐาภูตนฺติ อโตฺถฯ ‘‘สีเล ปติฎฺฐาย นโร สปโญฺญ, จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฎโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) หิ วุตฺตํฯ มุขมิวาติ มุขํ, ทฺวารํฯ ยถา หิ สตฺตานํ ขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยวเสน จตุพฺพิโธปิ อาหาโร มุเขน ปวิสิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จาตุภูมกกุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธิํ สมฺปาเทติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มุขมิวาติ มุข’’นฺติฯ อถ วา มุขํ ทฺวารํ โมกฺขปฺปเวสาย นิพฺพานสจฺฉิกิริยายาติ อโตฺถฯ วุตฺตญฺหิ –
Evaṃ aṭṭhakathācariyānampi paṇāmaṃ dassetvā idāni saṃvaṇṇetabbadhammavisesassa abhidhānānisaṃsaṃ, desakasampattiyo ca dassento ‘‘pāmokkha’’ntiādimāha. Tattha mahesinā yaṃ pātimokkhaṃ pakāsitanti sambandho. Tattha mahesināti mahante sīlādike pañca dhammakkhandhe esī gavesīti mahesi. Mahantehi esitoti vā puthujjanasekhāsekhaisīhi visiṭṭhattā mahanto isīti vā mahesi, sammāsambuddho, tena mahesinā. Pātimokkhanti sattāpattikkhandhasaṃvarabhūtaṃ sikkhāpadasīlaṃ, taddīpanato ubhatovibhaṅgasuttasaṅkhātaṃ ganthapātimokkhameva vā. Kimbhūtanti āha ‘‘pāmokkha’’ntiādi. Pamukhe sādhūti pamokkhaṃ, pamokkhameva pāmokkhaṃ, vajjapaṭipakkhattā anavajjānaṃ samādhipaññāsaṅkhātānaṃ parittamahaggatalokuttarānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ ādi patiṭṭhābhūtanti attho. ‘‘Sīle patiṭṭhāya naro sapañño, cittaṃ paññañca bhāvaya’’nti (saṃ. ni. 1.23, 192; peṭako. 22; mi. pa. 2.1.9) hi vuttaṃ. Mukhamivāti mukhaṃ, dvāraṃ. Yathā hi sattānaṃ khajjabhojjaleyyapeyyavasena catubbidhopi āhāro mukhena pavisitvā aṅgapaccaṅgāni pharati, evaṃ yoginopi cātubhūmakakusalaṃ sīlamukhena pavisitvā atthasiddhiṃ sampādeti. Tena vuttaṃ ‘‘mukhamivāti mukha’’nti. Atha vā mukhaṃ dvāraṃ mokkhappavesāya nibbānasacchikiriyāyāti attho. Vuttañhi –
‘‘อวิปฺปฎิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑)ฯ
‘‘Avippaṭisāratthāni kho, ānanda, kusalāni sīlānī’’ti (a. ni. 11.1).
ตถา –
Tathā –
‘‘อวิปฺปฎิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตญาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตญาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย, วิมุตฺติ วิมุตฺติญาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติญาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จฯ
‘‘Avippaṭisāro pāmojjatthāya, pāmojjaṃ pītatthāya, pīti passaddhatthāya, passaddhi sukhatthāya, sukhaṃ samādhatthāya, samādhi yathābhūtañāṇadassanatthāya, yathābhūtañāṇadassanaṃ nibbidatthāya, nibbidā virāgatthāya, virāgo vimuttatthāya, vimutti vimuttiñāṇadassanatthāya, vimuttiñāṇadassanaṃ anupādāparinibbānatthāyā’’ti (pari. 366) ca.
เอวํ สํวเณฺณตพฺพธมฺมสฺส อภิธานาทิํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สูรเตนา’’ติอาทินา จตุตฺถคาถมาหฯ ตตฺถ สูรเตนาติ โสภเน รโตติ สูรโต อุ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, เตน สูรเตน, โสภเน กายิกวาจสิกกเมฺม รเตนาติ อโตฺถ, วินีเตนาติ วุตฺตํ โหติฯ นิวาเตนาติ นีจวุตฺตินาฯ สุจิสเลฺลขวุตฺตินาติ สุจิภูตา กิเลสสลฺลิขนสมตฺถา วุตฺติ ปฎิปตฺติ เอตสฺสาติ สุจิสเลฺลขวุตฺติ, เตน สุจิสเลฺลขวุตฺตินา, ปริสุทฺธาย อปฺปิจฺฉวุตฺติยา สมนฺนาคเตนาติ อโตฺถฯ วินยาจารยุเตฺตนาติ วาริตฺตจาริตฺตสีลสมฺปเนฺนนฯ อถ วา วินโยติ เจตฺถ ปาติโมกฺขสํวราทิเภโท สํวรวินโยฯ อาจาโรติ อาจารโคจรนิเทฺทเส อาคตสมณสารุปฺปาจาโร ฯ โสณเตฺถเรนาติ เอตฺถ โสโณติ ตสฺส นามํฯ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโรฯ ยาจิโตติ อภิยาจิโตฯ เถโร หิ ปาติโมกฺขสฺส คมฺภีรตาย ทุรวคาหตํ, อาจริยสฺส จ ตํสํวณฺณนาย สามตฺถิยํ ญตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสฺส ตยา อตฺถสํวณฺณนา กาตพฺพาฯ เอวญฺหิ สาสนสฺส สุจิรฎฺฐิติกตา โหตี’’ติ สานิสํสคารเวน ยาจนํ อกาสิฯ ตทสฺส ยาจนํ อตฺตโน สํวณฺณนาย นิทานภูตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยาจิโต’’ติ อาหฯ
Evaṃ saṃvaṇṇetabbadhammassa abhidhānādiṃ dassetvā idāni saṃvaṇṇanāya nimittaṃ dassetuṃ ‘‘sūratenā’’tiādinā catutthagāthamāha. Tattha sūratenāti sobhane ratoti sūrato u-kārassa dīghaṃ katvā, tena sūratena, sobhane kāyikavācasikakamme ratenāti attho, vinītenāti vuttaṃ hoti. Nivātenāti nīcavuttinā. Sucisallekhavuttināti sucibhūtā kilesasallikhanasamatthā vutti paṭipatti etassāti sucisallekhavutti, tena sucisallekhavuttinā, parisuddhāya appicchavuttiyā samannāgatenāti attho. Vinayācārayuttenāti vārittacārittasīlasampannena. Atha vā vinayoti cettha pātimokkhasaṃvarādibhedo saṃvaravinayo. Ācāroti ācāragocaraniddese āgatasamaṇasāruppācāro . Soṇattherenāti ettha soṇoti tassa nāmaṃ. Thirehi sīlakkhandhādīhi samannāgatattā thero. Yācitoti abhiyācito. Thero hi pātimokkhassa gambhīratāya duravagāhataṃ, ācariyassa ca taṃsaṃvaṇṇanāya sāmatthiyaṃ ñatvā ‘‘pātimokkhassa tayā atthasaṃvaṇṇanā kātabbā. Evañhi sāsanassa suciraṭṭhitikatā hotī’’ti sānisaṃsagāravena yācanaṃ akāsi. Tadassa yācanaṃ attano saṃvaṇṇanāya nidānabhūtaṃ dassento ‘‘yācito’’ti āha.
เอตฺถ จ ‘‘สูรเตนา’’ติ อิมินาสฺส โสรจฺจํ วุจฺจติฯ ‘‘นิวาเตนา’’ติ อิมินา นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย นิวาตวุตฺติตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน, นิหตทโปฺป, ปาทปุญฺฉนโจฬกสโม, ภินฺนวิสาณูสภสโม, อุทฺธฎทาฐสปฺปสโม จ หุตฺวา สโณฺห สขิโล สุขสมฺภาโส โหติฯ ‘‘สุจิสเลฺลขวุตฺตินา’’ติ อิมินา อินฺทฺริยสํวรปจฺจยสนฺนิสฺสิตอาชีวปาริสุทฺธิสีลํฯ ‘‘วินยาจารยุเตฺตนา’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวมเนกคุเณหิ ตสฺส อภิตฺถวนํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตสฺส สพฺรหฺมจาริโน อเชฺฌสนํ น สกฺกา ปฎิพาหิตุนฺติ ปรมคมฺภีรสฺสาปิ ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนายํ ปวตฺตาติ ทสฺสนตฺถํฯ กิญฺจ – ตาทิสสฺส อเชฺฌสนํ นิสฺสาย กริยมานา อตฺถสํวณฺณนา ตสฺส อเชฺฌสนาธิปเจฺจน, มมญฺจ อุสฺสาหสมฺปตฺติยา น จิเรน ปริโยสานํ คจฺฉตีติ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Ettha ca ‘‘sūratenā’’ti imināssa soraccaṃ vuccati. ‘‘Nivātenā’’ti iminā nīcamanatā nivātavuttitā, yāya nivātavuttitāya samannāgato puggalo nihatamāno, nihatadappo, pādapuñchanacoḷakasamo, bhinnavisāṇūsabhasamo, uddhaṭadāṭhasappasamo ca hutvā saṇho sakhilo sukhasambhāso hoti. ‘‘Sucisallekhavuttinā’’ti iminā indriyasaṃvarapaccayasannissitaājīvapārisuddhisīlaṃ. ‘‘Vinayācārayuttenā’’ti iminā pātimokkhasaṃvarasīlaṃ vuttanti veditabbaṃ. Evamanekaguṇehi tassa abhitthavanaṃ yathāvuttaguṇasamannāgatassa sabrahmacārino ajjhesanaṃ na sakkā paṭibāhitunti paramagambhīrassāpi pātimokkhassa atthasaṃvaṇṇanāyaṃ pavattāti dassanatthaṃ. Kiñca – tādisassa ajjhesanaṃ nissāya kariyamānā atthasaṃvaṇṇanā tassa ajjhesanādhipaccena, mamañca ussāhasampattiyā na cirena pariyosānaṃ gacchatīti katanti veditabbaṃ.
เอวํ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺสวเน โสตุชนสฺสาทรํ ชเนตุํ ตปฺปโยชนกรณปฺปการนิสฺสยาภิธานาทิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิคาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ยํ มเหสินา ปาติโมกฺขํ ปกาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมิํ ปาติโมเกฺขฯ สญฺชาตกงฺขานนฺติ ปทปทตฺถวินิจฺฉยวเสน สญฺชาตกงฺขานํ, สมุปฺปนฺนสํสยานนฺติ อโตฺถฯ กงฺขาวิตรณตฺถายาติ ยถาวุตฺตสํสยสฺส อติกฺกมนตฺถายฯ ตสฺสาติ ปาติโมกฺขสฺสฯ วณฺณียติ อโตฺถ กถียติ เอตายาติ วณฺณนา, อฎฺฐกถา, ตํ วณฺณนํฯ อิมสฺส จ ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ กิํภูตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติอาทิฯ ปริปุณฺณวินิจฺฉยนฺติ ขนฺธกปริวารปทภาชนาทิวเสน อสาธารณวินิจฺฉยสฺส จ นิทานาทิวเสน สตฺตรสปฺปเภทสฺส จ สพฺพสิกฺขาปทสาธารณวินิจฺฉยสฺส ปกาสนโต สมฺปุณฺณวินิจฺฉยํฯ
Evaṃ saṃvaṇṇanāya nimittaṃ dassetvā idāni tassavane sotujanassādaraṃ janetuṃ tappayojanakaraṇappakāranissayābhidhānādiṃ dassento ‘‘tatthā’’tiādigāthādvayamāha. Tattha tatthāti ‘‘yaṃ mahesinā pātimokkhaṃ pakāsita’’nti vuttaṃ, tasmiṃ pātimokkhe. Sañjātakaṅkhānanti padapadatthavinicchayavasena sañjātakaṅkhānaṃ, samuppannasaṃsayānanti attho. Kaṅkhāvitaraṇatthāyāti yathāvuttasaṃsayassa atikkamanatthāya. Tassāti pātimokkhassa. Vaṇṇīyati attho kathīyati etāyāti vaṇṇanā, aṭṭhakathā, taṃ vaṇṇanaṃ. Imassa ca ‘‘vaṇṇayissāmī’’ti iminā sambandho. Kiṃbhūtanti āha ‘‘paripuṇṇavinicchaya’’ntiādi. Paripuṇṇavinicchayanti khandhakaparivārapadabhājanādivasena asādhāraṇavinicchayassa ca nidānādivasena sattarasappabhedassa ca sabbasikkhāpadasādhāraṇavinicchayassa pakāsanato sampuṇṇavinicchayaṃ.
มหาวิหารวาสีนนฺติ มหาเมฆวนุยฺยานภูมิภาเค ปติฎฺฐิโต วิหาโร มหาวิหาโร, โย สตฺถุโน มหาโพธินา วิภูสิโต, ตตฺถ วสนฺติ สีเลนาติ มหาวิหารวาสิโน, เตสํ มหาวิหารวาสีนํ ฯ วาจนามคฺคนิสฺสิตนฺติ กถามคฺคนิสฺสิตํ, อฎฺฐกถานิสฺสิตนฺติ อโตฺถ, มหาวิหารวาสีนํ สีหฬฎฺฐกถานยํ อิธ นิสฺสายาติ วุตฺตํ โหติฯ วณฺณยิสฺสามีติ ปวตฺตยิสฺสามิฯ นาเมนาติ อตฺตโน คุณนาเมนฯ กงฺขาวิตรนฺติ เอตายาติ กงฺขาวิตรณี, ตํ กงฺขาวิตรณิํฯ สุภนฺติ อตฺถพฺยญฺชนสมฺปนฺนตฺตา สุนฺทรํ, สทฺทลกฺขณสุภโต, วินิจฺฉยสุภโต, วิเญฺญยฺยสุภโต จ สุภํ ปริสุทฺธํฯ เอตฺถ จ ‘‘กงฺขาวิตรณตฺถายา’’ติ อิมินา ปโยชนํ ทเสฺสติ, ปุริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติ อิมินา สํวณฺณนาปฺปการํ, ‘‘มหาวิหารวาสีนํ วาจนามคฺคนิสฺสิต’’นฺติ อิมินา สํวณฺณนาย นิสฺสยวิสุทฺธิํ นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรโทสวิวชฺชนโต, ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘วตฺตยิสฺสามี’’ติปิ ปาโฐฯ
Mahāvihāravāsīnanti mahāmeghavanuyyānabhūmibhāge patiṭṭhito vihāro mahāvihāro, yo satthuno mahābodhinā vibhūsito, tattha vasanti sīlenāti mahāvihāravāsino, tesaṃ mahāvihāravāsīnaṃ . Vācanāmagganissitanti kathāmagganissitaṃ, aṭṭhakathānissitanti attho, mahāvihāravāsīnaṃ sīhaḷaṭṭhakathānayaṃ idha nissāyāti vuttaṃ hoti. Vaṇṇayissāmīti pavattayissāmi. Nāmenāti attano guṇanāmena. Kaṅkhāvitaranti etāyāti kaṅkhāvitaraṇī, taṃ kaṅkhāvitaraṇiṃ. Subhanti atthabyañjanasampannattā sundaraṃ, saddalakkhaṇasubhato, vinicchayasubhato, viññeyyasubhato ca subhaṃ parisuddhaṃ. Ettha ca ‘‘kaṅkhāvitaraṇatthāyā’’ti iminā payojanaṃ dasseti, puripuṇṇavinicchaya’’nti iminā saṃvaṇṇanāppakāraṃ, ‘‘mahāvihāravāsīnaṃ vācanāmagganissita’’nti iminā saṃvaṇṇanāya nissayavisuddhiṃ nikāyantaraladdhisaṅkaradosavivajjanato, ‘‘vaṇṇayissāmī’’ti iminā attano ajjhāsayaṃ dassetīti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Vattayissāmī’’tipi pāṭho.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ganthārambhakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.