Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

    Ganthārambhakathāvaṇṇanā

    (ก) เอตฺถาห – กิมตฺถมาทิโตวายํ คาถา นิกฺขิตฺตา, นนุ ยถาธิเปฺปตเมว ปกรณมารภนียนฺติ? วุจฺจเต – สปฺปโยชนตฺตา ฯ สปฺปโยชนญฺหิ ตํทสฺสนํ ตาย รตนตฺตยปฺปณามาภิเธยฺยกรณปฺปการปฺปโยชนาภิธานสนฺทสฺสนโตฯ ตานิ จ ปน สปฺปโยชนานิ อนนฺตราเยน คนฺถปริสมาปนาทิปฺปโยชนานมภินิปฺผาทนโตฯ ตถา หิ โสตูนมตฺตโน จ ยถาธิเปฺปตตฺถนิปฺผาทนํ รตนตฺตยปฺปณามกรณปฺปโยชนํฯ วิทิตาภิเธยฺยสฺส คนฺถสฺส วิญฺญูนมาทรณียตา อภิเธยฺยกถนปฺปโยชนํฯ โสตุชนสมุสฺสาหชนนํ กรณปฺปการปฺปโยชนกถนปฺปโยชนํฯ โวหารสุขตา ปน อภิธานกถนปฺปโยชนํฯ

    (Ka) etthāha – kimatthamāditovāyaṃ gāthā nikkhittā, nanu yathādhippetameva pakaraṇamārabhanīyanti? Vuccate – sappayojanattā . Sappayojanañhi taṃdassanaṃ tāya ratanattayappaṇāmābhidheyyakaraṇappakārappayojanābhidhānasandassanato. Tāni ca pana sappayojanāni anantarāyena ganthaparisamāpanādippayojanānamabhinipphādanato. Tathā hi sotūnamattano ca yathādhippetatthanipphādanaṃ ratanattayappaṇāmakaraṇappayojanaṃ. Viditābhidheyyassa ganthassa viññūnamādaraṇīyatā abhidheyyakathanappayojanaṃ. Sotujanasamussāhajananaṃ karaṇappakārappayojanakathanappayojanaṃ. Vohārasukhatā pana abhidhānakathanappayojanaṃ.

    ตตฺถ วนฺทิตฺวา รตนตฺตยนฺติ อิมินา รตนตฺตยปฺปณาโม ทสฺสิโต, ขุทฺทสิกฺขนฺติ อิมินา ขุทฺทภูตานํ สิกฺขานํ อิธ ปฎิปาเทตพฺพตาทีปเนน อภิเธยฺยํ, อภิเธโยฺย จ นาเมส สมุทิเตน สเตฺถน วจนียโตฺถติฯ อภิธานญฺจ ปน อิมินาว ทสฺสิตํ เตน อตฺถานุคตสมญฺญาปริทีปนโตฯ สมาติกนฺติ อิมินา กรณปฺปกาโร, ขุทฺทสิกฺขนฺติ อิมินา จ, เตน ขุทฺทภูตานํ สิกฺขานํ อิธ ทเสฺสตพฺพภาวปฺปกาสนโตฯ อาทิโต อุปสมฺปนฺน สิกฺขิตพฺพนฺติ อิมินา ปโยชนปโยชนํ ปน อิมินาว สามตฺถิยโต ทสฺสิตเมว, ตาสํ สิกฺขิตพฺพปฺปกาสเนน หิ สิกฺขเน สติ ตมฺมูลิกาย ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถนิปฺผตฺติยา สํสิชฺฌนโตฯ ปกรณปฺปโยชนานํ สาธนสาธิยลกฺขโณ สมฺพโนฺธ ตนฺนิสฺสยทสฺสเนเนว ทสฺสิโตเยวาติ อยเมตฺถ สมุทายโตฺถฯ

    Tattha vanditvā ratanattayanti iminā ratanattayappaṇāmo dassito, khuddasikkhanti iminā khuddabhūtānaṃ sikkhānaṃ idha paṭipādetabbatādīpanena abhidheyyaṃ, abhidheyyo ca nāmesa samuditena satthena vacanīyatthoti. Abhidhānañca pana imināva dassitaṃ tena atthānugatasamaññāparidīpanato. Samātikanti iminā karaṇappakāro, khuddasikkhanti iminā ca, tena khuddabhūtānaṃ sikkhānaṃ idha dassetabbabhāvappakāsanato. Ādito upasampanna sikkhitabbanti iminā payojanapayojanaṃ pana imināva sāmatthiyato dassitameva, tāsaṃ sikkhitabbappakāsanena hi sikkhane sati tammūlikāya diṭṭhadhammikasamparāyikatthanipphattiyā saṃsijjhanato. Pakaraṇappayojanānaṃ sādhanasādhiyalakkhaṇo sambandho tannissayadassaneneva dassitoyevāti ayamettha samudāyattho.

    อยํ ปเนตฺถาวยวโตฺถ – รตนตฺตยํ วนฺทิตฺวา ขุทฺทสิกฺขํ ปวกฺขามีติ สมฺพโนฺธฯ รติชนนเฎฺฐน รตนานิ, พุทฺธธมฺมสงฺฆานเมตํ อธิวจนํฯ อถ วา จิตฺตีกตาทินา การเณน รตนานิ, พุทฺธาทโยว รตนานิฯ ตถา จ วุตฺตํ –

    Ayaṃ panetthāvayavattho – ratanattayaṃ vanditvā khuddasikkhaṃ pavakkhāmīti sambandho. Ratijananaṭṭhena ratanāni, buddhadhammasaṅghānametaṃ adhivacanaṃ. Atha vā cittīkatādinā kāraṇena ratanāni, buddhādayova ratanāni. Tathā ca vuttaṃ –

    ‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆญฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

    ‘‘Cittīkataṃ mahagghañca, atulaṃ dullabhadassanaṃ;

    อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๓; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๒๖; อุทา. อฎฺฐ. ๔๕; มหานิ. อฎฺฐ. ๕๐);

    Anomasattaparibhogaṃ, ratanaṃ tena vuccatī’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 2.33; saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.223; khu. pā. aṭṭha. 3; su. ni. aṭṭha. 1.226; udā. aṭṭha. 45; mahāni. aṭṭha. 50);

    ตโย อวยวา อสฺสาติ ตยํ, สมุทายาเปกฺขํ เอกวจนํ, อวยววินิมุตฺตสฺส ปน สมุทายสฺส อภาวโต ตีณิ เอว รตนานิ วุจฺจนฺติฯ รตนานํ ตยํ รตนตฺตยํฯ วนฺทิตฺวาติ ตีหิ ทฺวาเรหิ นมสฺสิตฺวาฯ ‘‘ติโสฺส อิมา, ภิกฺขเว, วนฺทนา กาเยน วนฺทติ, วจสา วนฺทติ, มนสา วนฺทตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๕๕) หิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิญฺญตฺติํ อนุปฺปาเทตฺวา เกวลํ รตนตฺตยคุณานุสฺสรณวเสน มโนทฺวาเร พหุลปฺปวตฺตา กุสลเจตนา มโนทฺวารวนฺทนาฯ ตํ ตํ วิญฺญตฺติํ อุปฺปาเทตฺวา ปน ปวตฺตา กายวจีทฺวารวนฺทนาฯ สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, อธิสีลอธิจิตฺตอธิปญฺญาวเสน ติโสฺส สิกฺขาฯ สิกฺขนเญฺจตฺถ ยถากฺกมํ สีลาทิธมฺมานํ สํวรณวเสน, เอการมฺมเณ จิตฺตเจตสิกานํ สมาธานวเสน, อารมฺมณชานนลกฺขณปฺปฎิเวธมคฺคปาตุภาวปาปนวเสน จ อาเสวนํ ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญตฺถ พหุวิธา สิกฺขา, อิธ ตุ สเงฺขปนยตฺตา อปฺปกาทิอเนกตฺถสมฺภเวปิ ขุทฺท-สทฺทสฺส อปฺปกโตฺถเวตฺถ ยุตฺตตโรติ ขุทฺทา อปฺปกา สิกฺขาติ ขุทฺทสิกฺขาฯ อิธ ปน ขุทฺทสิกฺขาปฺปกาสโก คโนฺถ ตโพฺพหารูปจารโต อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘ขุทฺทสิกฺขา’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘วรุณานคร’’นฺติฯ ตํ ขุทฺทสิกฺขํฯ ปวกฺขามีติ กเถสฺสามิฯ

    Tayo avayavā assāti tayaṃ, samudāyāpekkhaṃ ekavacanaṃ, avayavavinimuttassa pana samudāyassa abhāvato tīṇi eva ratanāni vuccanti. Ratanānaṃ tayaṃ ratanattayaṃ. Vanditvāti tīhi dvārehi namassitvā. ‘‘Tisso imā, bhikkhave, vandanā kāyena vandati, vacasā vandati, manasā vandatī’’ti (a. ni. 3.155) hi vuttaṃ. Tattha viññattiṃ anuppādetvā kevalaṃ ratanattayaguṇānussaraṇavasena manodvāre bahulappavattā kusalacetanā manodvāravandanā. Taṃ taṃ viññattiṃ uppādetvā pana pavattā kāyavacīdvāravandanā. Sikkhitabbāti sikkhā, adhisīlaadhicittaadhipaññāvasena tisso sikkhā. Sikkhanañcettha yathākkamaṃ sīlādidhammānaṃ saṃvaraṇavasena, ekārammaṇe cittacetasikānaṃ samādhānavasena, ārammaṇajānanalakkhaṇappaṭivedhamaggapātubhāvapāpanavasena ca āsevanaṃ daṭṭhabbaṃ. Aññattha bahuvidhā sikkhā, idha tu saṅkhepanayattā appakādianekatthasambhavepi khudda-saddassa appakatthovettha yuttataroti khuddā appakā sikkhāti khuddasikkhā. Idha pana khuddasikkhāppakāsako gantho tabbohārūpacārato itthiliṅgavasena ‘‘khuddasikkhā’’ti vuccati yathā ‘‘varuṇānagara’’nti. Taṃ khuddasikkhaṃ. Pavakkhāmīti kathessāmi.

    กีทิสนฺติ อาห ‘‘อาทิโต อุปสมฺปนฺนสิกฺขิตพฺพ’’นฺติอาทิฯ อาทิ-สโทฺทยมตฺถิ อวยววจโน ยถา ‘‘สพฺพาทีนิ สพฺพนามานี’’ติฯ อตฺถิ อปาทานวจโน ยถา ‘‘ปพฺพตาทีนิ เขตฺตานี’’ติฯ ตตฺถาวยววาจี กมฺมสาธโน ‘‘อาทิยตีตฺยาที’’ติฯ อิตโร อปาทานสาธโน ‘‘อาทิยติ เอตสฺมาตฺยาที’’ติ ฯ ตตฺถ โย อวยววจโน, ตเสฺสทํ คหณํ, ตสฺมา อุปสมฺปนฺนกฺขณมฺปิ อโนฺต กตฺวา อาทิภูตา อุปสมฺปนฺนกฺขณโตเยว ปฎฺฐายาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอว-สโทฺท ปเนตฺถ สพฺพวากฺยานํ อวธารณผลตฺตา ลพฺภติฯ โต-ปจฺจโย อวธิมฺหิเยว , น อาธาเรฯ ตตฺถ หิ โตปจฺจเย อาธาเร วตฺตมาเน อาทิมฺหิเยว มชฺฌอนฺตานํ อวยวภูเต อุปสมฺปนฺนกฺขเณเยวาติ อโตฺถ ภเวยฺย, ตถา สติ อวธารณนิจฺฉโย นิยโมติ อตฺถนฺตรตฺตา อาทิกฺขณนิยเมน มชฺฌาทโย นิวตฺติเยยฺยุํฯ อปาทานวจนสฺสาปิ คหเณ อวธิภูโต อุปสมฺปนฺนกฺขโณ นิวตฺติเยยฺย ‘‘ปพฺพตาทีนิ เขตฺตานี’’ติ เอตฺถ อาทิภูตปพฺพตปริจฺจาเคน เขตฺตคฺคหณํ วิยาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ฎีกายํ ปน อาธารโตฺถปิ วุโตฺต, โส ยถาวุตฺตโทสํ นาติคจฺฉติฯ สพฺพตฺถ ‘‘ฎีกาย’’นฺติ จ วุเตฺต เอเตฺถว ปุราณฎีกายนฺติ คเหตพฺพํฯ อาทิโตติ อิมินา อิทํ ทีเปติ – อติทุลฺลภํ ขณสมวายํ ลภิตฺวา อาลสิยโทเสน อปฺปฎิปชฺชเนฺตหิ จ อญฺญาณโทเสน อญฺญถา ปฎิปชฺชเนฺตหิ จ อหุตฺวา อาทิโต ปฎฺฐาย นิรนฺตรเมว ตีสุ สิกฺขาสุ สมฺมาปฎิปชฺชนวเสน อาทโร ชเนตโพฺพติฯ

    Kīdisanti āha ‘‘ādito upasampannasikkhitabba’’ntiādi. Ādi-saddoyamatthi avayavavacano yathā ‘‘sabbādīni sabbanāmānī’’ti. Atthi apādānavacano yathā ‘‘pabbatādīni khettānī’’ti. Tatthāvayavavācī kammasādhano ‘‘ādiyatītyādī’’ti. Itaro apādānasādhano ‘‘ādiyati etasmātyādī’’ti . Tattha yo avayavavacano, tassedaṃ gahaṇaṃ, tasmā upasampannakkhaṇampi anto katvā ādibhūtā upasampannakkhaṇatoyeva paṭṭhāyāti evamettha attho daṭṭhabbo. Eva-saddo panettha sabbavākyānaṃ avadhāraṇaphalattā labbhati. To-paccayo avadhimhiyeva , na ādhāre. Tattha hi topaccaye ādhāre vattamāne ādimhiyeva majjhaantānaṃ avayavabhūte upasampannakkhaṇeyevāti attho bhaveyya, tathā sati avadhāraṇanicchayo niyamoti atthantarattā ādikkhaṇaniyamena majjhādayo nivattiyeyyuṃ. Apādānavacanassāpi gahaṇe avadhibhūto upasampannakkhaṇo nivattiyeyya ‘‘pabbatādīni khettānī’’ti ettha ādibhūtapabbatapariccāgena khettaggahaṇaṃ viyāti daṭṭhabbaṃ. Ṭīkāyaṃ pana ādhāratthopi vutto, so yathāvuttadosaṃ nātigacchati. Sabbattha ‘‘ṭīkāya’’nti ca vutte ettheva purāṇaṭīkāyanti gahetabbaṃ. Āditoti iminā idaṃ dīpeti – atidullabhaṃ khaṇasamavāyaṃ labhitvā ālasiyadosena appaṭipajjantehi ca aññāṇadosena aññathā paṭipajjantehi ca ahutvā ādito paṭṭhāya nirantarameva tīsu sikkhāsu sammāpaṭipajjanavasena ādaro janetabboti.

    อุปสมฺปเนฺนน อุปสมฺปนฺนาย จ สิกฺขิตพฺพํ อาเสวิตพฺพนฺติ อุปสมฺปนฺนสิกฺขิตพฺพํ, เอกเสสนเยน อุปสมฺปนฺนตาสามเญฺญน วา อุปสมฺปนฺนายปิ เอเตฺถวาวิโรโธติ อุปสมฺปเนฺนน สิกฺขิตพฺพนฺติ สมาโสฯ นนุ อธิสีลาทโยว สิกฺขิตพฺพา, เอวํ สติ กถํ ปกรณํ สิกฺขิตพฺพเตฺตน วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส, สิกฺขาย สิกฺขิตพฺพเตฺต สติ ตทฺทีปกคนฺถสฺสาปิ อาเสวิตพฺพตา อาปชฺชตีติฯ สุขคฺคหณตฺถํ วตฺตพฺพวินิจฺฉยํ สกลมฺปิ สงฺคเหตฺวา มาติกาย ฐปนโต สห มาติกายาติ สมาติกํฯ ตคฺคุณสํวิญฺญาโณยํ พหุพฺพีหิ ตสฺส ขุทฺทสิกฺขาสงฺขาตสฺส อญฺญปทตฺถสฺส โย คุโณ มาติกาสงฺขาตํ วิเสสนํ, ตสฺส อิธ วิญฺญายมานตฺตาฯ สุเขเนว หิ คหณํ สิยา มาติกานุสาเรน ตํ ตํ วินิจฺฉยํ โอโลเกนฺตานํ สํสยาปคมโตฯ

    Upasampannena upasampannāya ca sikkhitabbaṃ āsevitabbanti upasampannasikkhitabbaṃ, ekasesanayena upasampannatāsāmaññena vā upasampannāyapi etthevāvirodhoti upasampannena sikkhitabbanti samāso. Nanu adhisīlādayova sikkhitabbā, evaṃ sati kathaṃ pakaraṇaṃ sikkhitabbattena vuttanti? Nāyaṃ doso, sikkhāya sikkhitabbatte sati taddīpakaganthassāpi āsevitabbatā āpajjatīti. Sukhaggahaṇatthaṃ vattabbavinicchayaṃ sakalampi saṅgahetvā mātikāya ṭhapanato saha mātikāyāti samātikaṃ. Tagguṇasaṃviññāṇoyaṃ bahubbīhi tassa khuddasikkhāsaṅkhātassa aññapadatthassa yo guṇo mātikāsaṅkhātaṃ visesanaṃ, tassa idha viññāyamānattā. Sukheneva hi gahaṇaṃ siyā mātikānusārena taṃ taṃ vinicchayaṃ olokentānaṃ saṃsayāpagamato.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact