Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
Ganthārambhakathāvaṇṇanā
ตตฺถาโท ตาว สพฺพสกฺกตสฺส สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส สตฺถุโน ปณามํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘นตฺวา นาถ’’นฺตฺยาทิฯ นาถํ จตูหิ นาถเงฺคหิ สมนฺนาคตํ ภควนฺตํ นตฺวา วนฺทิตฺวา อาโท อาทิมฺหิ อุปสมฺปนฺนโต ปฎฺฐาย นวเกน ภิกฺขุนา อธุนา ปพฺพชิเตน อุปสมฺปเนฺนน มูลภาสาย มาคธภาสาย สิกฺขิตุํ สมาสโต สเงฺขเปน มูลสิกฺขํ อหํ ปวกฺขามีติ ปิณฺฑโตฺถฯ
Tatthādo tāva sabbasakkatassa sabbasattuttamassa satthuno paṇāmaṃ dassento āha ‘‘natvā nātha’’ntyādi. Nāthaṃ catūhi nāthaṅgehi samannāgataṃ bhagavantaṃ natvā vanditvā ādo ādimhi upasampannato paṭṭhāya navakena bhikkhunā adhunā pabbajitena upasampannena mūlabhāsāya māgadhabhāsāya sikkhituṃ samāsato saṅkhepena mūlasikkhaṃ ahaṃ pavakkhāmīti piṇḍattho.
อยํ ปน อวยวโตฺถ – นตฺวาติ ตนฺนินฺนตโปฺปณตปฺปพฺภาโร หุตฺวา กายวจีมโนทฺวาเรหิ วนฺทิตฺวาติ อโตฺถฯ นาถตีติ นาโถ, เวเนยฺยานํ หิตสุขํ เมตฺตายนวเสน อาสีสติ ปเตฺถตีติ อโตฺถ, อถ วา นาถติ เวเนยฺยคเต กิเลเส อุปตาเปตีติ อโตฺถ, นาถติ วา ยาจตีติ อโตฺถฯ ภควา หิ ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตสมฺปตฺติํ ปจฺจเวเกฺขยฺยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๗) สตฺตานํ ตํ ตํ หิตปฺปฎิปตฺติํ ยาจิตฺวาปิ กรุณาย สมุสฺสาหิโต เต ตตฺถ นิโยเชติฯ ปรเมน วา จิตฺติสฺสริเยน สมนฺนาคโต สพฺพสเตฺต อีสติ อภิภวตีติ ปรมิสฺสโร ภควา ‘‘นาโถ’’ติ วุจฺจติฯ สโพฺพ จายมโตฺถ สทฺทสตฺถานุสารโต เวทิตโพฺพฯ ปวกฺขามีติ ปกาเรน กเถสฺสามิฯ มูลสิกฺขาติ อธิสีลอธิจิตฺตอธิปญฺญาวเสน ติโสฺสปิ สิกฺขา, อุปสมฺปนฺนสฺส สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนเฎฺฐน มูลา จ สา สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา จาติ มูลสิกฺขาฯ คนฺถวเสเนตฺถ สงฺขิปิตฺวา วุตฺตตฺตา ตทฺทีปโน คโนฺถ ‘‘มูลสิกฺขา’’ติ วุจฺจติฯ
Ayaṃ pana avayavattho – natvāti tanninnatappoṇatappabbhāro hutvā kāyavacīmanodvārehi vanditvāti attho. Nāthatīti nātho, veneyyānaṃ hitasukhaṃ mettāyanavasena āsīsati patthetīti attho, atha vā nāthati veneyyagate kilese upatāpetīti attho, nāthati vā yācatīti attho. Bhagavā hi ‘‘sādhu, bhikkhave, bhikkhu kālena kālaṃ attasampattiṃ paccavekkheyyā’’tiādinā (a. ni. 8.7) sattānaṃ taṃ taṃ hitappaṭipattiṃ yācitvāpi karuṇāya samussāhito te tattha niyojeti. Paramena vā cittissariyena samannāgato sabbasatte īsati abhibhavatīti paramissaro bhagavā ‘‘nātho’’ti vuccati. Sabbo cāyamattho saddasatthānusārato veditabbo. Pavakkhāmīti pakārena kathessāmi. Mūlasikkhāti adhisīlaadhicittaadhipaññāvasena tissopi sikkhā, upasampannassa suppatiṭṭhitabhāvasādhanaṭṭhena mūlā ca sā sikkhitabbato sikkhā cāti mūlasikkhā. Ganthavasenettha saṅkhipitvā vuttattā taddīpano gantho ‘‘mūlasikkhā’’ti vuccati.
ตตฺถ กตมํ สีลํ, กตมํ อธิสีลํ, กตมํ จิตฺตํ, กตมํ อธิจิตฺตํ, กตมา ปญฺญา, กตมา อธิปญฺญาติ? วุจฺจเต – ปญฺจงฺคอฎฺฐงฺคทสงฺคสีลํ ตาว สีลเมวฯ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปน ‘‘อธิสีล’’นฺติ วุจฺจติฯ ตญฺหิ สูริโย วิย ปโชฺชตานํ, สิเนรุ วิย ปพฺพตานํ สพฺพโลกิยสีลานํ อธิกเญฺจว อุตฺตมญฺจฯ ปาติโมกฺขสํวรโตปิ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ นาธิเปฺปตํฯ น หิ ตํ สิกฺขโนฺต เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวติฯ กามาวจรานิ ปน อฎฺฐ กุสลจิตฺตานิ, โลกิยอฎฺฐสมาปตฺติจิตฺตานิ จ เอกชฺฌํ กตฺวา จิตฺตเมวฯ วิปสฺสนาปาทกํ อฎฺฐสมาปตฺติจิตฺตํ ปน ‘‘อธิจิตฺต’’นฺติ วุจฺจติฯ ตญฺหิ สพฺพโลกิยจิตฺตานํ อธิกเญฺจว อุตฺตมญฺจฯ ตโตปิ จ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตํ ปน อิธ นาธิเปฺปตํฯ น หิ ตํ สิกฺขโนฺต เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวติฯ ‘‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฎฺฐ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ กมฺมสฺสกตาญาณํ ปญฺญา, ติลกฺขณาการปริเจฺฉทกํ ปน วิปสฺสนาญาณํ ‘‘อธิปญฺญา’’ติ วุจฺจติฯ สา หิ สพฺพโลกิยปญฺญานํ อธิกา เจว อุตฺตมา จฯ ตโตปิ จ มคฺคผลปญฺญาว อธิปญฺญา, สา ปน อิธ นาธิเปฺปตาฯ น หิ ตํ สิกฺขโนฺต เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวติฯ
Tattha katamaṃ sīlaṃ, katamaṃ adhisīlaṃ, katamaṃ cittaṃ, katamaṃ adhicittaṃ, katamā paññā, katamā adhipaññāti? Vuccate – pañcaṅgaaṭṭhaṅgadasaṅgasīlaṃ tāva sīlameva. Pātimokkhasaṃvarasīlaṃ pana ‘‘adhisīla’’nti vuccati. Tañhi sūriyo viya pajjotānaṃ, sineru viya pabbatānaṃ sabbalokiyasīlānaṃ adhikañceva uttamañca. Pātimokkhasaṃvaratopi ca maggaphalasampayuttameva sīlaṃ adhisīlaṃ, taṃ pana idha nādhippetaṃ. Na hi taṃ sikkhanto methunaṃ dhammaṃ paṭisevati. Kāmāvacarāni pana aṭṭha kusalacittāni, lokiyaaṭṭhasamāpatticittāni ca ekajjhaṃ katvā cittameva. Vipassanāpādakaṃ aṭṭhasamāpatticittaṃ pana ‘‘adhicitta’’nti vuccati. Tañhi sabbalokiyacittānaṃ adhikañceva uttamañca. Tatopi ca maggaphalacittameva adhicittaṃ, taṃ pana idha nādhippetaṃ. Na hi taṃ sikkhanto methunaṃ dhammaṃ paṭisevati. ‘‘Atthi dinnaṃ, atthi yiṭṭha’’ntiādinayappavattaṃ kammassakatāñāṇaṃ paññā, tilakkhaṇākāraparicchedakaṃ pana vipassanāñāṇaṃ ‘‘adhipaññā’’ti vuccati. Sā hi sabbalokiyapaññānaṃ adhikā ceva uttamā ca. Tatopi ca maggaphalapaññāva adhipaññā, sā pana idha nādhippetā. Na hi taṃ sikkhanto methunaṃ dhammaṃ paṭisevati.
ตาสุ ตีสุ อธิสีลสิกฺขา จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธมฺปิ สีลํ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเนน, ตปฺปฎิปเกฺข กิเลเส ตทงฺคปฺปหานวเสน ปชหเนฺตน สิกฺขิตพฺพาฯ อธิจิตฺตสิกฺขา ยถาวุเตฺตสุ อารมฺมเณสุ อภิโยควเสน ฌานปฺปฎิปกฺขานํ นีวรณคณานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กุรุมาเนน สิกฺขิตพฺพาฯ อธิปญฺญาสิกฺขา ปน ยถานุรูปํ ตทงฺคปฺปหานสมุเจฺฉทวเสน สานุสเย กิเลเส สมุจฺฉินฺทเนฺตน สิกฺขิตพฺพาฯ ตสฺมา สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนเฎฺฐน มูลา จ สา สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา จาติ มูลสิกฺขา, กมฺมวจนิจฺฉายํ ‘‘มูลสิกฺข’’นฺติ วุตฺตํฯ
Tāsu tīsu adhisīlasikkhā cārittavārittavasena duvidhampi sīlaṃ yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamānena, tappaṭipakkhe kilese tadaṅgappahānavasena pajahantena sikkhitabbā. Adhicittasikkhā yathāvuttesu ārammaṇesu abhiyogavasena jhānappaṭipakkhānaṃ nīvaraṇagaṇānaṃ vikkhambhanappahānaṃ kurumānena sikkhitabbā. Adhipaññāsikkhā pana yathānurūpaṃ tadaṅgappahānasamucchedavasena sānusaye kilese samucchindantena sikkhitabbā. Tasmā suppatiṭṭhitabhāvasādhanaṭṭhena mūlā ca sā sikkhitabbato sikkhā cāti mūlasikkhā, kammavacanicchāyaṃ ‘‘mūlasikkha’’nti vuttaṃ.
สมาสียเต สงฺขิปียเตติ สมาโส, ตโต สมาสโตฯ สมเคฺคน สเงฺฆน ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อกุเปฺปน ฐานารเหน อุปสมฺปโนฺนติ ภิกฺขุฯ ตตฺถ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ปญฺจวคฺคกรณีเย กเมฺม ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เตสํ อาคตตฺตา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺทสฺส อาหฎตฺตา, สมฺมุขีภูตานญฺจ อปฺปฎิโกฺกสนโต เอกสฺมิํ กเมฺม สมคฺคภาวํ อุปคเตน สเงฺฆน ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ เอกาย ญตฺติยา กาตพฺพกมฺมสงฺขาเตน ญตฺติจตุเตฺถน ธมฺมิเกน วินยกเมฺมน วตฺถุญตฺติอนุสฺสาวนสีมาปริสาสมฺปตฺติสมฺปนฺนตฺตา อโกเปตพฺพตํ, อปฺปฎิโกฺกสิตพฺพตํ อุปคเตน ฐานารเหน การณารเหน สตฺถุสาสนารเหน อุปสมฺปโนฺน นาม, อุปริภาวํ สมาปโนฺน ปโตฺตติ อโตฺถฯ ภิกฺขุภาโว หิ อุปริภาโวฯ ตเญฺจส ยถาวุเตฺตน กเมฺมน สมาปนฺนตฺตา ‘‘อุปสมฺปโนฺน’’ติ วุจฺจติ, เตน ภิกฺขุนาฯ อูนปญฺจวสฺสตาย นวโก, เตน นวเกน อธุนา ปพฺพชิเตน, อจิรปพฺพชิเตนาติ วุตฺตํ โหติฯ อาโทติ อาทิมฺหิเยวาติ อโตฺถ, อาทิโต ปฎฺฐายาติ วาฯ อปิ จ เถโร ‘‘อาโท’’ติ วจเนน สทฺธาปพฺพชิตานํ กุลปุตฺตานํ อาลสิยโทเสน, อปฺปฎิปชฺชนฺตานํ อญฺญาณโทเสน จ อญฺญถา ปฎิปชฺชนฺตานํ สํเวคํ ชเนติฯ กถํ? อติทุลฺลภํ ขณํ สมวายํ ปฎิลภิตฺวา ตงฺขณํ น กุสีเตน วา นิรตฺถกกถาปสุเตน วา วีตินาเมตพฺพํ, กิํ กาตพฺพํ? อาทิโต ปฎฺฐาย นิรนฺตรเมว ตีสุ สิกฺขาสุ อาทโร ชเนตโพฺพติฯ
Samāsīyate saṅkhipīyateti samāso, tato samāsato. Samaggena saṅghena ñatticatutthena kammena akuppena ṭhānārahena upasampannoti bhikkhu. Tattha sabbantimena pariyāyena pañcavaggakaraṇīye kamme yāvatikā bhikkhū kammappattā, tesaṃ āgatattā, chandārahānaṃ chandassa āhaṭattā, sammukhībhūtānañca appaṭikkosanato ekasmiṃ kamme samaggabhāvaṃ upagatena saṅghena tīhi anussāvanāhi ekāya ñattiyā kātabbakammasaṅkhātena ñatticatutthena dhammikena vinayakammena vatthuñattianussāvanasīmāparisāsampattisampannattā akopetabbataṃ, appaṭikkositabbataṃ upagatena ṭhānārahena kāraṇārahena satthusāsanārahena upasampanno nāma, uparibhāvaṃ samāpanno pattoti attho. Bhikkhubhāvo hi uparibhāvo. Tañcesa yathāvuttena kammena samāpannattā ‘‘upasampanno’’ti vuccati, tena bhikkhunā. Ūnapañcavassatāya navako, tena navakena adhunā pabbajitena, acirapabbajitenāti vuttaṃ hoti. Ādoti ādimhiyevāti attho, ādito paṭṭhāyāti vā. Api ca thero ‘‘ādo’’ti vacanena saddhāpabbajitānaṃ kulaputtānaṃ ālasiyadosena, appaṭipajjantānaṃ aññāṇadosena ca aññathā paṭipajjantānaṃ saṃvegaṃ janeti. Kathaṃ? Atidullabhaṃ khaṇaṃ samavāyaṃ paṭilabhitvā taṅkhaṇaṃ na kusītena vā niratthakakathāpasutena vā vītināmetabbaṃ, kiṃ kātabbaṃ? Ādito paṭṭhāya nirantarameva tīsu sikkhāsu ādaro janetabboti.
‘‘สา มาคธี มูลภาสา, นรา ยายาทิกปฺปิกา;
‘‘Sā māgadhī mūlabhāsā, narā yāyādikappikā;
พฺรหฺมาโน จสฺสุตาลาปา, สมฺพุทฺธา จาปิ ภาสเร’’ติฯ –
Brahmāno cassutālāpā, sambuddhā cāpi bhāsare’’ti. –
วจนโต มูลภาสายาติ มาคธมูลาย ภาสาย, สภาวนิรุตฺติยา ภาสายาติ วุตฺตํ โหติฯ สิกฺขิตุนฺติ อุคฺคณฺหิตุํฯ
Vacanato mūlabhāsāyāti māgadhamūlāya bhāsāya, sabhāvaniruttiyā bhāsāyāti vuttaṃ hoti. Sikkhitunti uggaṇhituṃ.