Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
Ganthārambhakathāvaṇṇanā
วินยสํวณฺณนารเมฺภ รตนตฺตยํ นมสฺสิตุกาโม ตสฺส วิสิฎฺฐคุณโยคสนฺทสฺสนตฺถํ โย กปฺปโกฎีหิปีติอาทิมาหฯ วิสิฎฺฐคุณโยเคน หิ วนฺทนารหภาโว, วนฺทนารเห จ กตา วนฺทนา ยถาธิเปฺปตมตฺถํ สาเธติ ฯ เอตฺถ จ สํวณฺณนารเมฺภ รตนตฺตยปณามกรณปฺปโยชนํ ตตฺถ ตตฺถ พหุธา ปปเญฺจนฺติ อาจริยา, มยํ ปน อิธาธิเปฺปตเมว ปโยชนํ ทสฺสยิสฺสามฯ ตสฺมา สํวณฺณนารเมฺภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถาปฎิญฺญาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตสฺสานุภาเวน หตนฺตราโย’’ติฯ รตนตฺตยปณามกรเณน หิ ราคาทิโทสวิคมโต ปญฺญาทิคุณปาฎวโต อายุอาทิวฑฺฒนโต ปุญฺญาติสยภาวาทิโต จ โหเตว ยถาปฎิญฺญาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนํฯ
Vinayasaṃvaṇṇanārambhe ratanattayaṃ namassitukāmo tassa visiṭṭhaguṇayogasandassanatthaṃ yo kappakoṭīhipītiādimāha. Visiṭṭhaguṇayogena hi vandanārahabhāvo, vandanārahe ca katā vandanā yathādhippetamatthaṃ sādheti . Ettha ca saṃvaṇṇanārambhe ratanattayapaṇāmakaraṇappayojanaṃ tattha tattha bahudhā papañcenti ācariyā, mayaṃ pana idhādhippetameva payojanaṃ dassayissāma. Tasmā saṃvaṇṇanārambhe ratanattayapaṇāmakaraṇaṃ yathāpaṭiññātasaṃvaṇṇanāya anantarāyena parisamāpanatthanti veditabbaṃ. Tathā hi vuttaṃ ‘‘tassānubhāvena hatantarāyo’’ti. Ratanattayapaṇāmakaraṇena hi rāgādidosavigamato paññādiguṇapāṭavato āyuādivaḍḍhanato puññātisayabhāvādito ca hoteva yathāpaṭiññātasaṃvaṇṇanāya anantarāyena parisamāpanaṃ.
ตตฺถ ปฐมํ ตาว ภควโต วนฺทนํ กตฺตุกาโม ‘‘โย กปฺปโกฎีหิปิ…เป.… ตสฺสา’’ติ อาหฯ อิมิสฺสา ปน วินยเทสนาย กรุณาปฺปธานญาณสมุฎฺฐิตตาย กรุณาปฺปธานเมว โถมนํ อารทฺธํฯ เอสา หิ อาจริยสฺส ปกติ, ยทิทํ อารมฺภานุรูปโถมนาฯ กรุณาคฺคหเณน เจตฺถ อปริเมยฺยปฺปภาวา สเพฺพปิ พุทฺธคุณา นยโต สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพา ตํมูลกตฺตา เสสพุทฺธคุณานํฯ ตตฺถ โยติ อิมสฺส อนิยมวจนสฺส นาโถติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ กปฺปโกฎีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาลนฺติ กปฺปโกฎิคณนาวเสนปิ ‘‘เอตฺตกา กปฺปโกฎิโย’’ติ ปเมตุํ อสกฺกุเณยฺยํ กาลํฯ อปิ-สเทฺทน ปเคว วสฺสคณนายาติ ทเสฺสติฯ อปฺปเมยฺยํ กาลนฺติ จ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ, เตน กปฺปโกฎิคณนาวเสน ปริจฺฉินฺทิตุมสกฺกุเณยฺยมปิ, อสเงฺขฺยยฺยวเสน ปน ปริจฺฉินฺทิตพฺพโต สลกฺขํ จตุรสเงฺขฺยยฺยกปฺปกาลํ อจฺจนฺตเมว นิรนฺตรํ ปญฺจมหาปอจฺจาคาทิอติทุกฺกรานิ กโรโนฺต เขทํ กายิกํ ปริสฺสมํ ปโตฺตติ ทเสฺสติฯ
Tattha paṭhamaṃ tāva bhagavato vandanaṃ kattukāmo ‘‘yo kappakoṭīhipi…pe… tassā’’ti āha. Imissā pana vinayadesanāya karuṇāppadhānañāṇasamuṭṭhitatāya karuṇāppadhānameva thomanaṃ āraddhaṃ. Esā hi ācariyassa pakati, yadidaṃ ārambhānurūpathomanā. Karuṇāggahaṇena cettha aparimeyyappabhāvā sabbepi buddhaguṇā nayato saṅgahitāti daṭṭhabbā taṃmūlakattā sesabuddhaguṇānaṃ. Tattha yoti imassa aniyamavacanassa nāthoti iminā sambandho. Kappakoṭīhipi appameyyaṃ kālanti kappakoṭigaṇanāvasenapi ‘‘ettakā kappakoṭiyo’’ti pametuṃ asakkuṇeyyaṃ kālaṃ. Api-saddena pageva vassagaṇanāyāti dasseti. Appameyyaṃ kālanti ca accantasaṃyoge upayogavacanaṃ, tena kappakoṭigaṇanāvasena paricchinditumasakkuṇeyyamapi, asaṅkhyeyyavasena pana paricchinditabbato salakkhaṃ caturasaṅkhyeyyakappakālaṃ accantameva nirantaraṃ pañcamahāpaaccāgādiatidukkarāni karonto khedaṃ kāyikaṃ parissamaṃ pattoti dasseti.
โลกหิตายาติ สตฺตโลกสฺส หิตายฯ นาถตีติ นาโถ, เวเนยฺยานํ หิตสุขํ อาสีสตีติ อโตฺถฯ อถ วา นาถติ เวเนยฺยคเต กิเลเส อุปตาเปติ, นาถติ วา ยาจติ เวเนเยฺย อตฺตโน หิตกรเณ ยาจิตฺวาปิ นิโยเชตีติ นาโถ, โลกปฎิสรโณ โลกสามี โลกนายโกติ วุตฺตํ โหติฯ มหาการุณิกสฺสาติ โย กรุณาย กมฺปิตหทยตฺตา โลกหิตตฺถํ อติทุกฺกรกิริยาย อเนกปฺปการํ ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อาคโต, ตสฺส มหาการุณิกสฺสาติ อโตฺถฯ ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อโตฺถฯ ทุกฺขิเตสุ วา กิริยติ ปสาริยตีติ กรุณาฯ อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุเกฺข สติ การุณิกํ หิํสติ วิพาเธติ, วินาเสติ วา ปรสฺส ทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ ปรทุเกฺข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณาฯ อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณาฯ เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพาเธติฯ กรุณาย นิยุโตฺต การุณิโก, มหโนฺต การุณิโก มหาการุณิโก, ตสฺส นโม อตฺถูติ ปาฐเสโสฯ
Lokahitāyāti sattalokassa hitāya. Nāthatīti nātho, veneyyānaṃ hitasukhaṃ āsīsatīti attho. Atha vā nāthati veneyyagate kilese upatāpeti, nāthati vā yācati veneyye attano hitakaraṇe yācitvāpi niyojetīti nātho, lokapaṭisaraṇo lokasāmī lokanāyakoti vuttaṃ hoti. Mahākāruṇikassāti yo karuṇāya kampitahadayattā lokahitatthaṃ atidukkarakiriyāya anekappakāraṃ tādisaṃ dukkhaṃ anubhavitvā āgato, tassa mahākāruṇikassāti attho. Tattha kiratīti karuṇā, paradukkhaṃ vikkhipati apanetīti attho. Dukkhitesu vā kiriyati pasāriyatīti karuṇā. Atha vā kiṇātīti karuṇā, paradukkhe sati kāruṇikaṃ hiṃsati vibādheti, vināseti vā parassa dukkhanti attho. Paradukkhe sati sādhūnaṃ kampanaṃ hadayakhedaṃ karotīti vā karuṇā. Atha vā kamiti sukhaṃ, taṃ rundhatīti karuṇā. Esā hi paradukkhāpanayanakāmatālakkhaṇā attasukhanirapekkhatāya kāruṇikānaṃ sukhaṃ rundhati vibādheti. Karuṇāya niyutto kāruṇiko, mahanto kāruṇiko mahākāruṇiko, tassa namo atthūti pāṭhaseso.
เอวํ กรุณามุเขน สเงฺขปโต สกลสพฺพญฺญุคุเณหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมํ โถเมตุํ อสมฺพุธนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ พุทฺธนิเสวิตํ ยํ อสมฺพุธํ ชีวโลโก ภวา ภวํ คจฺฉติ, ตสฺส ธมฺมวรสฺส นโมติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อสมฺพุธนฺติ อสมฺพุชฺฌโนฺต, ยถาสภาวํ อปฺปฎิวิชฺฌนโตติ วุตฺตํ โหติฯ เหตุอโตฺถ เหตฺถ อนฺตปจฺจโยฯ ยนฺติ อนิยมโต สปริยตฺติโก นวโลกุตฺตรธโมฺม กมฺมภาเวน นิทฺทิโฎฺฐฯ พุทฺธนิเสวิตนฺติ ตเสฺสว วิเสสนํ, สมฺมาสมฺพุเทฺธน, ปเจฺจกพุทฺธสาวกพุเทฺธหิปิ วา โคจราเสวนภาวนาเสวนาหิ ยถารหํ นิเสวิตํ, อชหิตนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ ปริยตฺติผลนิพฺพานานิ โคจราเสวนวเสเนว นิเสวิตานิ, มโคฺค ปน ภาวนาเสวนวเสนาปิ ปจฺจเวกฺขณญาณาทิวเสน โคจราเสวนวเสนาปิ นิเสวิโตฯ ภวาภวนฺติ ภวโต ภวํฯ อถ วา หีนปณีตาทิวเสน ขุทฺทกํ มหนฺตญฺจ ภวนฺติ อโตฺถฯ วุฑฺฒโตฺถปิ หิ อ-กาโร ทิสฺสติ อเสกฺขา ธมฺมาติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑) วิยฯ อถ วา ภโวติ วุฑฺฒิ, อภโวติ หานิฯ ภโวติ วา สสฺสตทิฎฺฐิ, อภโวติ อุเจฺฉททิฎฺฐิ ฯ วุตฺตปฺปกาโร ภโว จ อภโว จ ภวาภโว, ตํ ภวาภวํฯ คจฺฉตีติ อุปคจฺฉติฯ ชีวโลโกติ สตฺตโลโกฯ อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโนติ ธมฺมวิเสสนํฯ ตตฺถ น วิทติ ธมฺมานํ ยถาสภาวํ น วิชานาตีติ อวิชฺชา, อญฺญาณํฯ สา อาทิ เยสํ ตณฺหาทีนํ, เตเยว กิลิสฺสนฺติ เอเตหิ สตฺตาติ กิเลสา, เตเยว จ สตฺตานํ วิพาธนเฎฺฐน ชาลสทิสาติ ชาลํ, ตํ วิทฺธํเสติ สพฺพโส วินาเสติ สีเลนาติ อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี, ตสฺสฯ
Evaṃ karuṇāmukhena saṅkhepato sakalasabbaññuguṇehi bhagavantaṃ thometvā idāni saddhammaṃ thometuṃ asambudhantiādimāha. Tattha buddhanisevitaṃ yaṃ asambudhaṃ jīvaloko bhavā bhavaṃ gacchati, tassa dhammavarassa namoti sambandho. Tattha asambudhanti asambujjhanto, yathāsabhāvaṃ appaṭivijjhanatoti vuttaṃ hoti. Hetuattho hettha antapaccayo. Yanti aniyamato sapariyattiko navalokuttaradhammo kammabhāvena niddiṭṭho. Buddhanisevitanti tasseva visesanaṃ, sammāsambuddhena, paccekabuddhasāvakabuddhehipi vā gocarāsevanabhāvanāsevanāhi yathārahaṃ nisevitaṃ, ajahitanti attho. Tattha pariyattiphalanibbānāni gocarāsevanavaseneva nisevitāni, maggo pana bhāvanāsevanavasenāpi paccavekkhaṇañāṇādivasena gocarāsevanavasenāpi nisevito. Bhavābhavanti bhavato bhavaṃ. Atha vā hīnapaṇītādivasena khuddakaṃ mahantañca bhavanti attho. Vuḍḍhatthopi hi a-kāro dissati asekkhā dhammātiādīsu (dha. sa. tikamātikā 11) viya. Atha vā bhavoti vuḍḍhi, abhavoti hāni. Bhavoti vā sassatadiṭṭhi, abhavoti ucchedadiṭṭhi . Vuttappakāro bhavo ca abhavo ca bhavābhavo, taṃ bhavābhavaṃ. Gacchatīti upagacchati. Jīvalokoti sattaloko. Avijjādikilesajālaviddhaṃsinoti dhammavisesanaṃ. Tattha na vidati dhammānaṃ yathāsabhāvaṃ na vijānātīti avijjā, aññāṇaṃ. Sā ādi yesaṃ taṇhādīnaṃ, teyeva kilissanti etehi sattāti kilesā, teyeva ca sattānaṃ vibādhanaṭṭhena jālasadisāti jālaṃ, taṃ viddhaṃseti sabbaso vināseti sīlenāti avijjādikilesajālaviddhaṃsī, tassa.
นนุ เจตฺถ สปริยตฺติโก นวโลกุตฺตรธโมฺม อธิเปฺปโต, ตตฺถ จ มโคฺคเยว กิเลเส วิทฺธํเสติ, เนตเรติ เจ? วุจฺจเต – มคฺคสฺสาปิ นิพฺพานมาคมฺม กิเลสวิทฺธํสนโต นิพฺพานมฺปิ กิเลเส วิทฺธํเสติ นาม, มคฺคสฺส กิเลสวิทฺธํสนกิจฺจํ ผเลน นิฎฺฐิตนฺติ ผลมฺปิ ‘‘กิเลสวิทฺธํสี’’ติ วุจฺจติ, ปริยตฺติธโมฺมปิ กิเลสวิทฺธํสนสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตา ‘‘กิเลสวิทฺธํสี’’ติ วตฺตุํ อรหตีติ น โกจิ โทโสฯ ธมฺมวรสฺส ตสฺสาติ ปุเพฺพ อนิยมิตสฺส นิยามกวจนํฯ ตตฺถ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ สํสารทุเกฺข จ อปตมาเน ธาเรตีติ ธโมฺมฯ วุตฺตปฺปกาโร ธโมฺม เอว อตฺตโน อุตฺตริตราภาเวน วโร ปวโร อนุตฺตโรติ ธมฺมวโร, ตสฺส ธมฺมวรสฺส นโม อตฺถูติ อโตฺถฯ
Nanu cettha sapariyattiko navalokuttaradhammo adhippeto, tattha ca maggoyeva kilese viddhaṃseti, netareti ce? Vuccate – maggassāpi nibbānamāgamma kilesaviddhaṃsanato nibbānampi kilese viddhaṃseti nāma, maggassa kilesaviddhaṃsanakiccaṃ phalena niṭṭhitanti phalampi ‘‘kilesaviddhaṃsī’’ti vuccati, pariyattidhammopi kilesaviddhaṃsanassa upanissayapaccayattā ‘‘kilesaviddhaṃsī’’ti vattuṃ arahatīti na koci doso. Dhammavarassa tassāti pubbe aniyamitassa niyāmakavacanaṃ. Tattha yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne catūsu apāyesu saṃsāradukkhe ca apatamāne dhāretīti dhammo. Vuttappakāro dhammo eva attano uttaritarābhāvena varo pavaro anuttaroti dhammavaro, tassa dhammavarassa namo atthūti attho.
เอวํ สเงฺขปนเยเนว สพฺพธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมํ โถเมตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆํ โถเมตุํ คุเณหีติอาทิมาหฯ ตตฺถ คุเณหิ โย ยุโตฺต, ตมริยสงฺฆํ นมามีติ สมฺพโนฺธฯ สีลาทโย คุณา เจตฺถ โลกิยโลกุตฺตรา อธิเปฺปตาฯ ‘‘วิมุตฺติวิมุตฺติญาณ’’นฺติ วตฺตเพฺพ เอกเทสสรูเปกเสสนเยน ‘‘วิมุตฺติญาณ’’นฺติ วุตฺตํ, อาทิสทฺทปริยาเยน ปภุติสเทฺทน วา วิมุตฺติคฺคหณํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ วิมุตฺตีติ ผลํฯ วิมุตฺติญาณนฺติ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ ปภุติ-สเทฺทน ฉฬภิญฺญาจตุปฎิสมฺภิทาทโย คุณา สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ กุสลตฺถิกานํ ชนานํ ปุญฺญาติสยวุฑฺฒิยา เขตฺตสทิสตฺตา เขตฺตนฺติ อาห ‘‘เขตฺตํ ชนานํ กุสลตฺถิกาน’’นฺติฯ ขิตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายตีติ หิ เขตฺตํฯ อริยสงฺฆนฺติ เอตฺถ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต, สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานญฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, อฎฺฐ อริยปุคฺคลา, อริยานํ สโงฺฆ สมูโหติ อริยสโงฺฆ, ตํ อริยสงฺฆํฯ
Evaṃ saṅkhepanayeneva sabbadhammaguṇehi saddhammaṃ thometvā idāni ariyasaṅghaṃ thometuṃ guṇehītiādimāha. Tattha guṇehi yo yutto, tamariyasaṅghaṃ namāmīti sambandho. Sīlādayo guṇā cettha lokiyalokuttarā adhippetā. ‘‘Vimuttivimuttiñāṇa’’nti vattabbe ekadesasarūpekasesanayena ‘‘vimuttiñāṇa’’nti vuttaṃ, ādisaddapariyāyena pabhutisaddena vā vimuttiggahaṇaṃ veditabbaṃ. Tattha vimuttīti phalaṃ. Vimuttiñāṇanti paccavekkhaṇañāṇaṃ. Pabhuti-saddena chaḷabhiññācatupaṭisambhidādayo guṇā saṅgahitāti daṭṭhabbā. Kusalatthikānaṃ janānaṃ puññātisayavuḍḍhiyā khettasadisattā khettanti āha ‘‘khettaṃ janānaṃ kusalatthikāna’’nti. Khittaṃ bījaṃ mahapphalabhāvakaraṇena tāyatīti hi khettaṃ. Ariyasaṅghanti ettha ārakattā kilesehi, anaye na iriyanato, aye ca iriyanato, sadevakena lokena ‘‘saraṇa’’nti araṇīyato upagantabbato, upagatānañca tadatthasiddhito ariyā, aṭṭha ariyapuggalā, ariyānaṃ saṅgho samūhoti ariyasaṅgho, taṃ ariyasaṅghaṃ.
อิทานิ รตนตฺตยปณามชนิตํ กุสลาภิสนฺทํ ยถาธิเปฺปเต ปโยชเน นิโยเชตฺวา อตฺตนา สํวณฺณิยมานสฺส วินยสฺส สกลสาสนมูลภาวทสฺสนมุเขน สํวณฺณนากรณสฺสาปิ สาสนมูลตํ ทเสฺสตุํ อิเจฺจวมิจฺจาทิคาถาทฺวยมาหฯ ปุญฺญาภิสนฺทนฺติ ปุโญฺญฆํ, ปุญฺญปฺปวาหํ ปุญฺญราสินฺติ อโตฺถฯ ตสฺสานุภาเวนาติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส ปุญฺญปฺปวาหสฺส อานุภาเวน พเลน หตนฺตราโย วินยํ วณฺณยิสฺสนฺติ สมฺพโนฺธฯ
Idāni ratanattayapaṇāmajanitaṃ kusalābhisandaṃ yathādhippete payojane niyojetvā attanā saṃvaṇṇiyamānassa vinayassa sakalasāsanamūlabhāvadassanamukhena saṃvaṇṇanākaraṇassāpi sāsanamūlataṃ dassetuṃ iccevamiccādigāthādvayamāha. Puññābhisandanti puññoghaṃ, puññappavāhaṃ puññarāsinti attho. Tassānubhāvenāti tassa yathāvuttassa puññappavāhassa ānubhāvena balena hatantarāyo vinayaṃ vaṇṇayissanti sambandho.
อฎฺฐิตสฺส สุสณฺฐิตสฺส ภควโต สาสนํ ยสฺมิํ ฐิเต ปติฎฺฐิตํ โหตีติ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ ยสฺมินฺติ ยสฺมิํ วินยปิฎเกฯ ฐิเตติ ปาฬิโต จ อตฺถโต จ อนูนํ หุตฺวา ลชฺชีปุคฺคเลสุ ปวตฺตนเฎฺฐน ฐิเตฯ สาสนนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สาสนํฯ อฎฺฐิตสฺสาติ กามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาเต อนฺตทฺวเย อฎฺฐิตสฺส, ‘‘ปรินิพฺพุตสฺสปิ ภควโต’’ติปิ วทนฺติฯ สุสณฺฐิตสฺสาติ อนฺตทฺวยวิรหิตาย มชฺฌิมาย ปฎิปทาย สุฎฺฐุ ฐิตสฺสฯ อมิสฺสนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส, นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสมฺมิสฺสํ กตฺวา อนากุลํ กตฺวา วณฺณยิสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นิสฺสาย ปุพฺพาจริยานุภาวนฺติ ปุพฺพาจริเยหิ สํวณฺณิตํ อฎฺฐกถํ นิสฺสาย, น อตฺตโน พเลนาติ อธิปฺปาโยฯ
Aṭṭhitassa susaṇṭhitassa bhagavato sāsanaṃ yasmiṃ ṭhite patiṭṭhitaṃ hotīti yojetabbaṃ. Tattha yasminti yasmiṃ vinayapiṭake. Ṭhiteti pāḷito ca atthato ca anūnaṃ hutvā lajjīpuggalesu pavattanaṭṭhena ṭhite. Sāsananti sikkhattayasaṅgahitaṃ sāsanaṃ. Aṭṭhitassāti kāmasukhallikattakilamathānuyogasaṅkhāte antadvaye aṭṭhitassa, ‘‘parinibbutassapi bhagavato’’tipi vadanti. Susaṇṭhitassāti antadvayavirahitāya majjhimāya paṭipadāya suṭṭhu ṭhitassa. Amissanti bhāvanapuṃsakaniddeso, nikāyantaraladdhīhi asammissaṃ katvā anākulaṃ katvā vaṇṇayissanti vuttaṃ hoti. Nissāya pubbācariyānubhāvanti pubbācariyehi saṃvaṇṇitaṃ aṭṭhakathaṃ nissāya, na attano balenāti adhippāyo.
อถ โปราณฎฺฐกถาสุ วิชฺชมานาสุ ปุน วินยสํวณฺณนา กิํปโยชนาติ? อาห กามญฺจาติอาทิฯ ตตฺถ กามนฺติ เอกเนฺตน, ยถิจฺฉกํ วา, สพฺพโสติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺส สํวณฺณิโตยํ วินโยติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ปุพฺพาจริยาสเภหีติ มหากสฺสปเตฺถราทโย ปุพฺพาจริยา เอว อกมฺปิยเฎฺฐน อุตฺตมเฎฺฐน จ อาสภา, เตหิ ปุพฺพาจริยวเรหีติ วุตฺตํ โหติฯ กีทิสา ปน เต ปุพฺพาจริยาติ? อาห ญาณมฺพูติอาทิฯ อคฺคมคฺคญาณสงฺขาเตน อมฺพุนา สลิเลน นิโทฺธตานิ นิเสฺสสโต อายติํ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน โธตานิ วิโสธิตานิ ราคาทีนิ ตีณิ มลานิ กามาสวาทโย จ จตฺตาโร อาสวา เยหิ เต ญาณมฺพุนิโทฺธตมลาสวา, เตหิ ขีณาสเวหีติ อโตฺถฯ ขีณาสวภาเวปิ น เอเต สุกฺขวิปสฺสกาติ อาห ‘‘วิสุทฺธวิชฺชาปฎิสมฺภิเทหี’’ติฯ ตตฺถ วิชฺชาติ ติโสฺส วิชฺชา, อฎฺฐ วิชฺชา วาฯ ปฎิสมฺภิทาปฺปเตฺตสุปิ มหากสฺสปเตฺถราทีนํ อุจฺจินิตฺวา คหิตตาย เตสํ สทฺธมฺมสํวณฺณเน สามตฺถิยํ สาติสยนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหี’’ติฯ
Atha porāṇaṭṭhakathāsu vijjamānāsu puna vinayasaṃvaṇṇanā kiṃpayojanāti? Āha kāmañcātiādi. Tattha kāmanti ekantena, yathicchakaṃ vā, sabbasoti vuttaṃ hoti, tassa saṃvaṇṇitoyaṃ vinayoti iminā sambandho. Pubbācariyāsabhehīti mahākassapattherādayo pubbācariyā eva akampiyaṭṭhena uttamaṭṭhena ca āsabhā, tehi pubbācariyavarehīti vuttaṃ hoti. Kīdisā pana te pubbācariyāti? Āha ñāṇambūtiādi. Aggamaggañāṇasaṅkhātena ambunā salilena niddhotāni nissesato āyatiṃ anuppattidhammatāpādanena dhotāni visodhitāni rāgādīni tīṇi malāni kāmāsavādayo ca cattāro āsavā yehi te ñāṇambuniddhotamalāsavā, tehi khīṇāsavehīti attho. Khīṇāsavabhāvepi na ete sukkhavipassakāti āha ‘‘visuddhavijjāpaṭisambhidehī’’ti. Tattha vijjāti tisso vijjā, aṭṭha vijjā vā. Paṭisambhidāppattesupi mahākassapattherādīnaṃ uccinitvā gahitatāya tesaṃ saddhammasaṃvaṇṇane sāmatthiyaṃ sātisayanti dassento āha ‘‘saddhammasaṃvaṇṇanakovidehī’’ti.
กิเลสชาตํ, ปริกฺขารพาหุลฺลํ วา สลฺลิขติ ตนุํ กโรตีติ สเลฺลโข, อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมูโห, อิธ ปน ขีณาสวาธิการตฺตา ปริกฺขารพาหุลฺลสฺส สลฺลิขนวเสเนว อโตฺถ คเหตโพฺพฯ สเลฺลเขน นิพฺพตฺตํ สเลฺลขิยํ, ตสฺมิํ สเลฺลขิเย, ธุตงฺคปริหรณาทิสเลฺลขปอปตฺติยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ โนสุลภูปเมหีติ สเลฺลขปฎิปตฺติยา ‘‘อสุกสทิสา’’ติ นตฺถิ สุลภา อุปมา เอเตสนฺติ โนสุลภูปมา, เตหิฯ มหาวิหารสฺสาติ อิมินา นิกายนฺตรํ ปฎิกฺขิปติ ฯ วิหารสีเสน เหตฺถ ตตฺถ นิวาสีนเญฺจว เตหิ สมลทฺธิกานญฺจ สเพฺพสํ ภิกฺขูนํ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตสฺมา เตสํ มหาวิหารวาสีนํ ทิฎฺฐิสีลวิสุทฺธิยา ปภวเตฺตน สญฺญาณภูตตฺตา ธมฺมสงฺคาหกา มหากสฺสปเตฺถราทโย ‘‘มหาวิหารสฺส ธชูปมา’’ติ วุตฺตา, เตหิ อยํ วินโย สํวณฺณิโต สมฺมา อนูนํ กตฺวา วณฺณิโตฯ กถนฺติ อาห ‘‘จิเตฺตหิ นเยหี’’ติฯ วิจิเตฺตหิ นเยหิ สมฺพุทฺธวรนฺวเยหิ สพฺพญฺญุพุทฺธวรํ อนุคเตหิ, ภควโต อธิปฺปายานุคเตหิ นเยหีติ วุตฺตํ โหติฯ
Kilesajātaṃ, parikkhārabāhullaṃ vā sallikhati tanuṃ karotīti sallekho, appicchatādiguṇasamūho, idha pana khīṇāsavādhikārattā parikkhārabāhullassa sallikhanavaseneva attho gahetabbo. Sallekhena nibbattaṃ sallekhiyaṃ, tasmiṃ sallekhiye, dhutaṅgapariharaṇādisallekhapaapattiyanti vuttaṃ hoti. Nosulabhūpamehīti sallekhapaṭipattiyā ‘‘asukasadisā’’ti natthi sulabhā upamā etesanti nosulabhūpamā, tehi. Mahāvihārassāti iminā nikāyantaraṃ paṭikkhipati . Vihārasīsena hettha tattha nivāsīnañceva tehi samaladdhikānañca sabbesaṃ bhikkhūnaṃ gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Tasmā tesaṃ mahāvihāravāsīnaṃ diṭṭhisīlavisuddhiyā pabhavattena saññāṇabhūtattā dhammasaṅgāhakā mahākassapattherādayo ‘‘mahāvihārassa dhajūpamā’’ti vuttā, tehi ayaṃ vinayo saṃvaṇṇito sammā anūnaṃ katvā vaṇṇito. Kathanti āha ‘‘cittehi nayehī’’ti. Vicittehi nayehi sambuddhavaranvayehi sabbaññubuddhavaraṃ anugatehi, bhagavato adhippāyānugatehi nayehīti vuttaṃ hoti.
เอวํ โปราณฎฺฐกถาย อนูนภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺตโน สํวณฺณนาย ปโยชนวิเสสํ อเชฺฌสกญฺจ ทเสฺสตุํ สํวณฺณนาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สงฺขตตฺตาติ รจิตตฺตาฯ น กญฺจิ อตฺถํ อภิสมฺภุณาตีติ น กญฺจิ อตฺถํ สาเธติฯ
Evaṃ porāṇaṭṭhakathāya anūnabhāvaṃ dassetvā idāni attano saṃvaṇṇanāya payojanavisesaṃ ajjhesakañca dassetuṃ saṃvaṇṇanātiādimāha. Tattha saṅkhatattāti racitattā. Na kañci atthaṃ abhisambhuṇātīti na kañci atthaṃ sādheti.
สํวณฺณนํ ตญฺจาติอาทินา อตฺตโน สํวณฺณนาย กรณปฺปการํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ตญฺจ อิทานิ วุจฺจมานํ สํวณฺณนํ สมารภโนฺต สกลายปิ มหาอฎฺฐกถาย อิธ คเหตพฺพโต มหาอฎฺฐกถํ ตสฺสา อิทานิ วุจฺจมานาย สํวณฺณนาย สรีรํ กตฺวา มหาปจฺจริยํ โย วินิจฺฉโย วุโตฺต, ตเถว กุรุนฺทีนามาทีสุ วิสฺสุตาสุ อฎฺฐกถาสุ โย วินิจฺฉโย วุโตฺต, ตโตปิ วินิจฺฉยโต ยุตฺตมตฺถํ อปริจฺจชโนฺต อโนฺตคธเตฺถรวาทํ กตฺวา สํวณฺณนํ สมฺมา สมารภิสฺสนฺติ ปทตฺถสมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ อโตฺถ กถียติ เอตายาติ อฎฺฐกถา ตฺถ-การสฺส ฎฺฐ-การํ กตฺวาฯ มหาปจฺจริยนฺติ มหาปจฺจรีนามิกํฯ เอตฺถ จ ปจฺจรีติ อุฬุมฺปํ วุจฺจติ, ตสฺมิํ นิสีทิตฺวา กตตฺตา ตเมว นามํ ชาตํฯ ‘‘กุรุนฺทีวลฺลิวิหาโร นาม อตฺถิ, ตตฺถ กตตฺตา ‘กุรุนฺที’ติ นามํ ชาต’’นฺติ วทนฺติฯ อาทิสเทฺทน อนฺธกฎฺฐกถํ สเงฺขปฎฺฐกถญฺจ สงฺคณฺหาติฯ
Saṃvaṇṇanaṃ tañcātiādinā attano saṃvaṇṇanāya karaṇappakāraṃ dasseti. Tattha tañca idāni vuccamānaṃ saṃvaṇṇanaṃ samārabhanto sakalāyapi mahāaṭṭhakathāya idha gahetabbato mahāaṭṭhakathaṃ tassā idāni vuccamānāya saṃvaṇṇanāya sarīraṃ katvā mahāpaccariyaṃ yo vinicchayo vutto, tatheva kurundīnāmādīsu vissutāsu aṭṭhakathāsu yo vinicchayo vutto, tatopi vinicchayato yuttamatthaṃ apariccajanto antogadhattheravādaṃ katvā saṃvaṇṇanaṃ sammā samārabhissanti padatthasambandho veditabbo. Ettha ca attho kathīyati etāyāti aṭṭhakathā ttha-kārassa ṭṭha-kāraṃ katvā. Mahāpaccariyanti mahāpaccarīnāmikaṃ. Ettha ca paccarīti uḷumpaṃ vuccati, tasmiṃ nisīditvā katattā tameva nāmaṃ jātaṃ. ‘‘Kurundīvallivihāro nāma atthi, tattha katattā ‘kurundī’ti nāmaṃ jāta’’nti vadanti. Ādisaddena andhakaṭṭhakathaṃ saṅkhepaṭṭhakathañca saṅgaṇhāti.
ยุตฺตมตฺถนฺติ มหาอฎฺฐกถานเยน, จตุพฺพิธวินยยุตฺติยา วา ยุตฺตมตฺถํฯ ‘‘อฎฺฐกถํเยว คเหตฺวา สํวณฺณนํ กริสฺสามี’’ติ วุเตฺต อฎฺฐกถาสุ วุตฺตเตฺถรวาทานํ พาหิรภาโว สิยาติ เตปิ อโนฺตกตฺตุกาโม ‘‘อโนฺตคธเถรวาท’’นฺติ อาห, เถรวาเทปิ อโนฺตกตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ
Yuttamatthanti mahāaṭṭhakathānayena, catubbidhavinayayuttiyā vā yuttamatthaṃ. ‘‘Aṭṭhakathaṃyeva gahetvā saṃvaṇṇanaṃ karissāmī’’ti vutte aṭṭhakathāsu vuttattheravādānaṃ bāhirabhāvo siyāti tepi antokattukāmo ‘‘antogadhatheravāda’’nti āha, theravādepi antokatvāti vuttaṃ hoti.
ตํ เมติ คาถาย โสตูหิ ปฎิปชฺชิตพฺพวิธิํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ธมฺมปฺปทีปสฺสาติ ธโมฺม เอว โมหนฺธการวิทฺธํสนโต ปทีปสทิสตฺตา ปทีโป อสฺสาติ ธมฺมปฺปทีโป, ภควา, ตสฺสฯ ปติมานยนฺตาติ ปูเชนฺตา มนสา ครุํ กโรนฺตา นิสาเมนฺตุ สุณนฺตุฯ
Taṃ meti gāthāya sotūhi paṭipajjitabbavidhiṃ dasseti. Tattha dhammappadīpassāti dhammo eva mohandhakāraviddhaṃsanato padīpasadisattā padīpo assāti dhammappadīpo, bhagavā, tassa. Patimānayantāti pūjentā manasā garuṃ karontā nisāmentu suṇantu.
พุเทฺธนาติอาทินา อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนสุทฺธิทสฺสนมุเขน ปมาณภาวํ ทเสฺสตฺวา อนุสิกฺขิตพฺพตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ยเถว พุเทฺธน โย ธโมฺม วินโย จ วุโตฺต, โส ตสฺส พุทฺธสฺส เยหิ ปุเตฺตหิ มหากสฺสปเตฺถราทีหิ ตเถว ญาโต, เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ มติมจฺจชนฺตา สีหฬฎฺฐกถาจริยา ยสฺมา ปุเร อฎฺฐกถา อกํสูติ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ธโมฺมติ สุตฺตาภิธเมฺม สงฺคณฺหาติฯ วินโยติ สกลํ วินยปิฎกํฯ วุโตฺตติ ปาฬิโต จ อตฺถโต จ พุเทฺธน ภควตา วุโตฺตฯ น หิ ภควตา อพฺยากตํ นาม ตนฺติปทํ อตฺถิ, ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตปกิณฺณกเทสนาเยว หิ อฎฺฐกถาฯ ตเถว ญาโตติ ยเถว พุเทฺธน วุโตฺต, ตเถว เอกปทมฺปิ เอกกฺขรมฺปิ อวินาเสตฺวา อธิปฺปายญฺจ อวิโกเปตฺวา ญาโต วิทิโตติ อโตฺถฯ เตสํ มติมจฺจชนฺตาติ เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ มติสงฺขาตํ เถรปรมฺปราย อุคฺคเหตฺวา อาภตํ อโพฺพจฺฉินฺนํ ปาฬิวณฺณนาวเสน เจว ปาฬิมุตฺตกวเสน จ ปวตฺตํ สพฺพํ อฎฺฐกถาวินิจฺฉยํ อปริจฺจชนฺตาฯ อฎฺฐกถา อกํสูติ มหาอฎฺฐกถามหาปจฺจริอาทิกา สีหฬฎฺฐกถาโย อกํสุฯ ‘‘อฎฺฐกถามกํสู’’ติปิ ปาโฐ, ตตฺถาปิ โสเยวโตฺถฯ
Buddhenātiādinā attano saṃvaṇṇanāya āgamanasuddhidassanamukhena pamāṇabhāvaṃ dassetvā anusikkhitabbataṃ dasseti. Tattha yatheva buddhena yo dhammo vinayo ca vutto, so tassa buddhassa yehi puttehi mahākassapattherādīhi tatheva ñāto, tesaṃ buddhaputtānaṃ matimaccajantā sīhaḷaṭṭhakathācariyā yasmā pure aṭṭhakathā akaṃsūti sambandho veditabbo. Tattha dhammoti suttābhidhamme saṅgaṇhāti. Vinayoti sakalaṃ vinayapiṭakaṃ. Vuttoti pāḷito ca atthato ca buddhena bhagavatā vutto. Na hi bhagavatā abyākataṃ nāma tantipadaṃ atthi, tattha tattha bhagavatā pavattitapakiṇṇakadesanāyeva hi aṭṭhakathā. Tatheva ñātoti yatheva buddhena vutto, tatheva ekapadampi ekakkharampi avināsetvā adhippāyañca avikopetvā ñāto viditoti attho. Tesaṃ matimaccajantāti tesaṃ buddhaputtānaṃ matisaṅkhātaṃ theraparamparāya uggahetvā ābhataṃ abbocchinnaṃ pāḷivaṇṇanāvasena ceva pāḷimuttakavasena ca pavattaṃ sabbaṃ aṭṭhakathāvinicchayaṃ apariccajantā. Aṭṭhakathā akaṃsūti mahāaṭṭhakathāmahāpaccariādikā sīhaḷaṭṭhakathāyo akaṃsu. ‘‘Aṭṭhakathāmakaṃsū’’tipi pāṭho, tatthāpi soyevattho.
ตสฺมาติ ยสฺมา เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ อธิปฺปายํ อวิโกเปตฺวา ปุเร อฎฺฐกถา อกํสุ, ตสฺมาฯ ยํ อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํ, ตํ สพฺพมฺปิ ปมาณนฺติ โยชนาฯ หีติ นิปาตมตฺตํ เหตุอตฺถสฺส ตสฺมาติ อิมินาเยว ปกาสิตตฺตา, อวธารณโตฺถ วา, ปมาณเมวาติฯ ยทิ อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ปมาณํ, เอวํ สติ ตตฺถ ปมาทเลขาปิ ปมาณํ สิยาติ อาห ‘‘วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลข’’นฺติ, อปราปรํ ลิขเนฺตหิ ปมาเทน สติํ อปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา อญฺญตฺถ ลิขิตพฺพํ อญฺญตฺถ ลิขนาทิวเสน ปวตฺติตา ปมาทเลขา นาม, สา จ สมนฺตปาสาทิกายํ ตตฺถ ตตฺถ สยเมว อาวิภวิสฺสติฯ ปุน ยสฺมาติ ปทสฺส สมฺพนฺธทสฺสนวเสน อยํ อตฺถโยชนา – ยสฺมา อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํ อิธ อิมสฺมิํ สาสเน สิกฺขาสุ สคารวานํ ปณฺฑิตานํ ปมาณเมว, ยสฺมา จ อยํ วณฺณนาปิ ภาสนฺตรปริจฺจาคาทิมตฺตวิสิฎฺฐตาย อตฺถโต อภินฺนา, ตโต เอว ปมาณภูตาว เหสฺสติ, ตสฺมา อนุสิกฺขิตพฺพาติฯ
Tasmāti yasmā tesaṃ buddhaputtānaṃ adhippāyaṃ avikopetvā pure aṭṭhakathā akaṃsu, tasmā. Yaṃ aṭṭhakathāsu vuttaṃ, taṃ sabbampi pamāṇanti yojanā. Hīti nipātamattaṃ hetuatthassa tasmāti imināyeva pakāsitattā, avadhāraṇattho vā, pamāṇamevāti. Yadi aṭṭhakathāsu vuttaṃ sabbampi pamāṇaṃ, evaṃ sati tattha pamādalekhāpi pamāṇaṃ siyāti āha ‘‘vajjayitvāna pamādalekha’’nti, aparāparaṃ likhantehi pamādena satiṃ apaccupaṭṭhapetvā aññattha likhitabbaṃ aññattha likhanādivasena pavattitā pamādalekhā nāma, sā ca samantapāsādikāyaṃ tattha tattha sayameva āvibhavissati. Puna yasmāti padassa sambandhadassanavasena ayaṃ atthayojanā – yasmā aṭṭhakathāsu vuttaṃ idha imasmiṃ sāsane sikkhāsu sagāravānaṃ paṇḍitānaṃ pamāṇameva, yasmā ca ayaṃ vaṇṇanāpi bhāsantarapariccāgādimattavisiṭṭhatāya atthato abhinnā, tato eva pamāṇabhūtāva hessati, tasmā anusikkhitabbāti.
ตโตติ ตาหิ อฎฺฐกถาหิฯ ภาสนฺตรเมว หิตฺวาติ สีหฬภาสํเยว อปเนตฺวาฯ วิตฺถารมคฺคญฺจ สมาสยิตฺวาติ โปราณฎฺฐกถาสุ ยถาฐาเน วตฺตพฺพมฺปิ ปทตฺถวินิจฺฉยาทิกํ อติวิตฺถิเณฺณน วจนกฺกเมน เจว วุตฺตเมว อตฺถนยํ อปฺปมตฺตกวิเสเสน ปุนปฺปุนํ กถเนน จ ตตฺถ ตตฺถ ปปญฺจิตํ ตาทิสํ วิตฺถารมคฺคํ ปหาย สลฺลหุเกน อตฺถวิญฺญาปเกน ปทกฺกเมน เจว วุตฺตนยสทิสํ วตฺตพฺพํ อติทิสิตฺวา จ สเงฺขปนเยเนว วณฺณยิสฺสามาติ อธิปฺปาโยฯ สารตฺถทีปนิยํ ปน วินยฎีกายํ ‘‘โปราณฎฺฐกถาสุ อุปริ วุจฺจมานมฺปิ อาเนตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปปญฺจิตํ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน…เป.… อุปสมฺปโนฺนติ ภิกฺขูติ เอตฺถ อปโลกนาทีนํ จตุนฺนมฺปิ กมฺมานํ วิตฺถารกถา วิย ตาทิสํ วิตฺถารมคฺคํ สงฺขิปิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตนฺติกฺกมํ กญฺจิ อโวกฺกมิตฺวาติ เอเตฺถว วตฺตุํ ยุตฺตํฯ อญฺญตฺถ ปาฬิยา วตฺตพฺพํ อญฺญตฺถ กถนญฺหิ ตนฺติกฺกมํ โวกฺกมิตฺวา กถนํ นามฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตเถว วณฺณิตุํ ยุตฺตรูปํ หุตฺวา อนุกฺกเมน อาคตํ ปาฬิํ ปริจฺจชิตฺวา สํวณฺณนโต สีหฬฎฺฐกถาสุ อยุตฺตฎฺฐาเน วณฺณิตํ ยถาฐาเนเยว วณฺณนโต จ วุตฺตํ ‘ตนฺติกฺกมํ กญฺจิ อโวกฺกมิตฺวา’’’ติฯ ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยเนว อโตฺถ คเหตโพฺพฯ กถํ ปน วิตฺถารมคฺคสฺส สงฺขิปเน วินิจฺฉโย น หียตีติ? อาห ‘‘วินิจฺฉยํ สพฺพมเสสยิตฺวา’’ติฯ สงฺขิปโนฺตปิ ปุนปฺปุนํ วจนาทิเมว สงฺขิปโนฺต, วินิจฺฉยํ ปน อฎฺฐกถาสุ สพฺพาสุปิ วุตฺตํ สพฺพมฺปิ อเสสยิตฺวา, กิญฺจิมตฺตมฺปิ อปริหาเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ ตนฺติกฺกมํ กญฺจิ อโวกฺกมิตฺวาติ กญฺจิ ปาฬิกฺกมํ อนติกฺกมิตฺวา, อนุกฺกเมเนว ปาฬิํ วณฺณยิสฺสามาติ อโตฺถฯ
Tatoti tāhi aṭṭhakathāhi. Bhāsantarameva hitvāti sīhaḷabhāsaṃyeva apanetvā. Vitthāramaggañca samāsayitvāti porāṇaṭṭhakathāsu yathāṭhāne vattabbampi padatthavinicchayādikaṃ ativitthiṇṇena vacanakkamena ceva vuttameva atthanayaṃ appamattakavisesena punappunaṃ kathanena ca tattha tattha papañcitaṃ tādisaṃ vitthāramaggaṃ pahāya sallahukena atthaviññāpakena padakkamena ceva vuttanayasadisaṃ vattabbaṃ atidisitvā ca saṅkhepanayeneva vaṇṇayissāmāti adhippāyo. Sāratthadīpaniyaṃ pana vinayaṭīkāyaṃ ‘‘porāṇaṭṭhakathāsu upari vuccamānampi ānetvā tattha tattha papañcitaṃ ñatticatutthena kammena…pe… upasampannoti bhikkhūti ettha apalokanādīnaṃ catunnampi kammānaṃ vitthārakathā viya tādisaṃ vitthāramaggaṃ saṅkhipitvā’’ti vuttaṃ, taṃ tantikkamaṃ kañci avokkamitvāti ettheva vattuṃ yuttaṃ. Aññattha pāḷiyā vattabbaṃ aññattha kathanañhi tantikkamaṃ vokkamitvā kathanaṃ nāma. Tathā hi vuttaṃ ‘‘tatheva vaṇṇituṃ yuttarūpaṃ hutvā anukkamena āgataṃ pāḷiṃ pariccajitvā saṃvaṇṇanato sīhaḷaṭṭhakathāsu ayuttaṭṭhāne vaṇṇitaṃ yathāṭhāneyeva vaṇṇanato ca vuttaṃ ‘tantikkamaṃ kañci avokkamitvā’’’ti. Tasmā yathāvuttanayeneva attho gahetabbo. Kathaṃ pana vitthāramaggassa saṅkhipane vinicchayo na hīyatīti? Āha ‘‘vinicchayaṃ sabbamasesayitvā’’ti. Saṅkhipantopi punappunaṃ vacanādimeva saṅkhipanto, vinicchayaṃ pana aṭṭhakathāsu sabbāsupi vuttaṃ sabbampi asesayitvā, kiñcimattampi aparihāpetvāti vuttaṃ hoti. Tantikkamaṃ kañci avokkamitvāti kañci pāḷikkamaṃ anatikkamitvā, anukkameneva pāḷiṃ vaṇṇayissāmāti attho.
สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถนฺติ เวรญฺชกณฺฑาทีสุ อาคตานํ ฌานกถาทีนํ สุตฺตนฺตวจนานํ สีหฬฎฺฐกถาสุ ‘‘สุตฺตนฺติกานํ ภาโร’’ติ วตฺวา อวณฺณิตพฺพฎฺฐานํ อตฺถํ ตํตํสุตฺตานุรูปํ สพฺพโส ปริทีปยิสฺสามาติ อธิปฺปาโยฯ เหสฺสตีติ ภวิสฺสติ, กรียิสฺสตีติ วา อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปฐมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป ‘‘ภาสนฺตรปริจฺจาคาทิกํ จตุพฺพิธํ กิจฺจํ นิปฺผาเทตฺวา สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ ปริทีปยนฺตี อยํ วณฺณนา ภวิสฺสตี’’ติ วณฺณนาวเสน สมานกตฺตุกตา เวทิตพฺพาฯ ปจฺฉิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป ปน ‘‘เหฎฺฐา วุตฺตภาสนฺตรปริจฺจาคาทิกํ กตฺวา สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ ปริทีปยนฺตี อยํ วณฺณนา อเมฺหหิ กรียิสฺสตี’’ติ เอวํ อาจริยวเสน สมานกตฺตุกตา เวทิตพฺพาฯ
Suttantikānaṃ vacanānamatthanti verañjakaṇḍādīsu āgatānaṃ jhānakathādīnaṃ suttantavacanānaṃ sīhaḷaṭṭhakathāsu ‘‘suttantikānaṃ bhāro’’ti vatvā avaṇṇitabbaṭṭhānaṃ atthaṃ taṃtaṃsuttānurūpaṃ sabbaso paridīpayissāmāti adhippāyo. Hessatīti bhavissati, karīyissatīti vā attho. Ettha ca paṭhamasmiṃ atthavikappe ‘‘bhāsantarapariccāgādikaṃ catubbidhaṃ kiccaṃ nipphādetvā suttantikānaṃ vacanānamatthaṃ paridīpayantī ayaṃ vaṇṇanā bhavissatī’’ti vaṇṇanāvasena samānakattukatā veditabbā. Pacchimasmiṃ atthavikappe pana ‘‘heṭṭhā vuttabhāsantarapariccāgādikaṃ katvā suttantikānaṃ vacanānamatthaṃ paridīpayantī ayaṃ vaṇṇanā amhehi karīyissatī’’ti evaṃ ācariyavasena samānakattukatā veditabbā.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ
Ganthārambhakathāvaṇṇanānayo niṭṭhito.