Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
Ganthārambhakathāvaṇṇanā
๑-๕
1-5
. สุวิปุลามลสทฺธาปญฺญาทิคุณสมุทยาวหํ สกลชนหิเตกเหตุชินสาสนฎฺฐิติมูลภูตํ วินยปฺปกรณมิทมารภโนฺตยมาจริโย ปกรณารเมฺภ รตนตฺตยปฺปณามปกรณาภิธานาภิเธยฺยกรณปฺปการปโยชนนิมิตฺตกตฺตุปริมาณาทีนิ ทเสฺสตุมาห ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ รตนตฺตยํ นามฯ
. Suvipulāmalasaddhāpaññādiguṇasamudayāvahaṃ sakalajanahitekahetujinasāsanaṭṭhitimūlabhūtaṃ vinayappakaraṇamidamārabhantoyamācariyo pakaraṇārambhe ratanattayappaṇāmapakaraṇābhidhānābhidheyyakaraṇappakārapayojananimittakattuparimāṇādīni dassetumāha ‘‘vanditvā’’tiādi. Tattha ratanattayaṃ nāma.
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆญฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
‘‘Cittīkataṃ mahagghañca, atulaṃ dullabhadassanaṃ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๖.๓; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฎฺฐ. ๕๐) –
Anomasattaparibhogaṃ, ratanaṃ tena vuccatī’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 2.33; saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.223; khu. pā. aṭṭha. 6.3; su. ni. aṭṭha. 1.226; mahāni. aṭṭha. 50) –
นิทฺทิฎฺฐสภาวํ
Niddiṭṭhasabhāvaṃ
‘‘พุโทฺธ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, ธโมฺม โลกุตฺตโร นว;
‘‘Buddho sabbaññutaññāṇaṃ, dhammo lokuttaro nava;
สโงฺฆ มคฺคผลโฎฺฐ จ, อิเจฺจตํ รตนตฺตย’’นฺติฯ –
Saṅgho maggaphalaṭṭho ca, iccetaṃ ratanattaya’’nti. –
วิภาวิตปฺปเภทํ สกลภวทุกฺขวินิวารณํ ติภเวเนกปฎิสรณํ วตฺถุตฺตยํฯ
Vibhāvitappabhedaṃ sakalabhavadukkhavinivāraṇaṃ tibhavenekapaṭisaraṇaṃ vatthuttayaṃ.
ตสฺส ปณาโม นาม ปณามกิริยานิปฺผาทิกา เจตนาฯ สา ติวิธา กายปณาโม วจีปณาโม มโนปณาโมติฯ ตตฺถ กายปณาโม นาม รตนตฺตยคุณานุสฺสรณปุพฺพิกา อญฺชลิกมฺมาทิกายกิริยาวสปฺปวตฺติกา กายวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนาฯ วจีปณาโม นาม ตเถว ปวตฺตา นานาวิธคุณวิเสสวิภาวนสภาวโถมนากิริยาวสปฺปวตฺติกา วจีวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนาฯ มโนปณาโม นาม อุภยวิญฺญตฺติโย อสมุฎฺฐาเปตฺวา เกวลํ คุณานุสฺสรเณน จิตฺตสนฺตานสฺส ตนฺนินฺนตโปฺปณตปฺปพฺภารตาย คารวพหุมานนวสปฺปวตฺติสาธิกา เจตนาฯ
Tassa paṇāmo nāma paṇāmakiriyānipphādikā cetanā. Sā tividhā kāyapaṇāmo vacīpaṇāmo manopaṇāmoti. Tattha kāyapaṇāmo nāma ratanattayaguṇānussaraṇapubbikā añjalikammādikāyakiriyāvasappavattikā kāyaviññattisamuṭṭhāpikā cetanā. Vacīpaṇāmo nāma tatheva pavattā nānāvidhaguṇavisesavibhāvanasabhāvathomanākiriyāvasappavattikā vacīviññattisamuṭṭhāpikā cetanā. Manopaṇāmo nāma ubhayaviññattiyo asamuṭṭhāpetvā kevalaṃ guṇānussaraṇena cittasantānassa tanninnatappoṇatappabbhāratāya gāravabahumānanavasappavattisādhikā cetanā.
อิมสฺส ตาว รตนตฺตยปณามสฺส ทสฺสนํ ยถาธิเปฺปตตฺถสาธนตฺถํฯ คุณาติสยโยเคน หิ ปณามารเห รตนตฺตเย กโต ปณาโม ปุญฺญวิเสสภาวโต อิจฺฉิตตฺถาภินิปฺผตฺติวิพนฺธเกน อุปฆาตเกน, อุปปีฬเกน จ อปุญฺญกเมฺมน อุปนียมานสฺส อุปทฺทวชาลสฺส วินิวารเณน ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส ปุญฺญกมฺมสฺส อนุพลปฺปทาเนน จ ตพฺพิปากสนฺตติยา อายุสุขพลาทิวฑฺฒเนน จ จิรกาลปฺปวตฺติเหตุโกติ ยถาธิเปฺปตปกรณนิปฺผตฺตินิพนฺธนโก โหติฯ อถาปิ โสตูนญฺจ วนฺทนียวนฺทนาปุพฺพเกนารเมฺภน อนนฺตราเยน อุคฺคหณธารณาทิกฺกเมน ปกรณาวโพธปฺปโยชนสาธนตฺถํฯ อปิจ โสตูนเมว วิญฺญาตสตฺถุกานํ ภควโต ยถาภูตคุณวิเสสานุสฺสวเนน สมุปชาตปฺปสาทานํ ปกรเณ คารวุปฺปาทนตฺถํ, อวิญฺญาตสตฺถุกานํ ปน ปกรณสฺส สฺวาขฺยาตตาย ตปฺปภเว สตฺถริ คารวุปฺปาทนตฺถญฺจ โสตุชนานุคฺคหเมว ปธานํ กตฺวา อาจริเยหิ คนฺถารเมฺภ ถุติปฺปณามปริทีปกานํ คาถาวากฺยานํ นิเกฺขโป วิธียติฯ อิตรถา วินาปิ ตนฺนิเกฺขปํ กายมโนปณาเมนาปิ ยถาธิเปฺปตปฺปโยชนสิทฺธิโต กิเมเตน คนฺถคารวกเรนาติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน ปณามปฺปโยชนํ สารตฺถทีปนิยาทีสุ (สารตฺถ. ฎี. ๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; วิ. วิ. ฎี. ๒.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา) ทสฺสิตนเยเนว ญาตพฺพํฯ
Imassa tāva ratanattayapaṇāmassa dassanaṃ yathādhippetatthasādhanatthaṃ. Guṇātisayayogena hi paṇāmārahe ratanattaye kato paṇāmo puññavisesabhāvato icchitatthābhinipphattivibandhakena upaghātakena, upapīḷakena ca apuññakammena upanīyamānassa upaddavajālassa vinivāraṇena yathāladdhasampattinimittakassa puññakammassa anubalappadānena ca tabbipākasantatiyā āyusukhabalādivaḍḍhanena ca cirakālappavattihetukoti yathādhippetapakaraṇanipphattinibandhanako hoti. Athāpi sotūnañca vandanīyavandanāpubbakenārambhena anantarāyena uggahaṇadhāraṇādikkamena pakaraṇāvabodhappayojanasādhanatthaṃ. Apica sotūnameva viññātasatthukānaṃ bhagavato yathābhūtaguṇavisesānussavanena samupajātappasādānaṃ pakaraṇe gāravuppādanatthaṃ, aviññātasatthukānaṃ pana pakaraṇassa svākhyātatāya tappabhave satthari gāravuppādanatthañca sotujanānuggahameva padhānaṃ katvā ācariyehi ganthārambhe thutippaṇāmaparidīpakānaṃ gāthāvākyānaṃ nikkhepo vidhīyati. Itarathā vināpi tannikkhepaṃ kāyamanopaṇāmenāpi yathādhippetappayojanasiddhito kimetena ganthagāravakarenāti ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana paṇāmappayojanaṃ sāratthadīpaniyādīsu (sārattha. ṭī. 1.ganthārambhakathāvaṇṇanā; vi. vi. ṭī. 2.ganthārambhakathāvaṇṇanā) dassitanayeneva ñātabbaṃ.
อภิธานกถนํ ปน โวหารสุขตฺถํฯ อภิเธยฺยสฺส สมุทิเตน ปกรเณน ปฎิปาเทตพฺพสฺส กถนํ ปกรณสฺส อารภิตพฺพสภาวทสฺสนตฺถํฯ วิทิตานินฺทิตสาตฺถกสุกรานุฎฺฐานาภิ เธยฺยเมว หิ ปกรณํ ปริกฺขกชนา อารภิตพฺพํ มญฺญนฺตีติฯ กรณปฺปการสนฺทสฺสนํ โสตุชนสมุสฺสาหนตฺถํฯ อนากุลมสํกิณฺณตาทิปฺปกาเรน หิ วิรจิตํ ปกรณํ โสตาโร โสตุมุสฺสหนฺตีติฯ ปโยชนกถนํ ปน ปกรณชฺฌายเน โสตุชนสมุเตฺตชนตฺถํฯ อสติ หิ ปโยชนกถเน อวิญฺญาตปฺปโยชนา อชฺฌายเน พฺยาวฎา น โหนฺตีติฯ นิมิตฺตกถนํ สริกฺขกชนานํ ปกรเณ คารวุปฺปาทนตฺถํฯ ปสตฺถการณุปฺปเนฺนเยว หิ ปกรเณ สริกฺขกา คารวํ ชเนนฺตีติฯ
Abhidhānakathanaṃ pana vohārasukhatthaṃ. Abhidheyyassa samuditena pakaraṇena paṭipādetabbassa kathanaṃ pakaraṇassa ārabhitabbasabhāvadassanatthaṃ. Viditāninditasātthakasukarānuṭṭhānābhi dheyyameva hi pakaraṇaṃ parikkhakajanā ārabhitabbaṃ maññantīti. Karaṇappakārasandassanaṃ sotujanasamussāhanatthaṃ. Anākulamasaṃkiṇṇatādippakārena hi viracitaṃ pakaraṇaṃ sotāro sotumussahantīti. Payojanakathanaṃ pana pakaraṇajjhāyane sotujanasamuttejanatthaṃ. Asati hi payojanakathane aviññātappayojanā ajjhāyane byāvaṭā na hontīti. Nimittakathanaṃ sarikkhakajanānaṃ pakaraṇe gāravuppādanatthaṃ. Pasatthakāraṇuppanneyeva hi pakaraṇe sarikkhakā gāravaṃ janentīti.
กตฺตุกถนํ ปุคฺคลครุกสฺส ปกรเณ คารโว ปุคฺคลคารเวนปิ โหตูติฯ ปริมาณกถนํ อสชฺฌายนาทิปสุตานํ สมฺปหํสนตฺถํฯ ปกรณปริมาณสฺสวเนน หิ เต สมฺปหฎฺฐา ‘‘กิตฺตกมิทมปฺปกํ น จิเรเนว ปริสมาเปสฺสามา’’ติ สชฺฌายนาทีสุ วตฺตนฺตีติฯ อาทิ-สเทฺทน สกฺกจฺจสวนนิโยชนํ สงฺคหิตํ, ตํ สพฺพสมฺปตฺตินิทานสุตมยญาณนิปฺผาทนตฺถํฯ อสกฺกจฺจํ สุณมานสฺส จ สวนาภาวโต ตํเหตุกสฺส สุตมยญาณสฺสาปิ อภาโวติฯ ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิโตฺต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณิตพฺพ’’นฺติ ภณติฯ
Kattukathanaṃ puggalagarukassa pakaraṇe gāravo puggalagāravenapi hotūti. Parimāṇakathanaṃ asajjhāyanādipasutānaṃ sampahaṃsanatthaṃ. Pakaraṇaparimāṇassavanena hi te sampahaṭṭhā ‘‘kittakamidamappakaṃ na cireneva parisamāpessāmā’’ti sajjhāyanādīsu vattantīti. Ādi-saddena sakkaccasavananiyojanaṃ saṅgahitaṃ, taṃ sabbasampattinidānasutamayañāṇanipphādanatthaṃ. Asakkaccaṃ suṇamānassa ca savanābhāvato taṃhetukassa sutamayañāṇassāpi abhāvoti. Tathā hi vikkhittacitto puggalo sabbasampattiyā vuccamānopi ‘‘na mayā sutaṃ, puna bhaṇitabba’’nti bhaṇati.
ตตฺถ ปฐมคาถายํ ตาว ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ อิมินา ติวิโธปิ ปณาโม อวิเสสโต ทสฺสิโตฯ วิเสสโต ปน ‘‘เสฎฺฐํ, อปฺปฎิปุคฺคลํ, ภวาภาวกรํ, นิรงฺคณ’’นฺติ อิเมหิ จตูหิ ปเทหิ วจีปณาโม, ‘‘สิรสา’’ติ อิมินา กายปฺปณาโม, ‘‘พุทฺธํ, ธมฺมํ, คณญฺจา’’ติ อิเมหิ ปน ตีหิ ปเทหิ ปณามกิริยาย กมฺมภูตํ รตนตฺตยํ ทสฺสิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Tattha paṭhamagāthāyaṃ tāva ‘‘vanditvā’’ti iminā tividhopi paṇāmo avisesato dassito. Visesato pana ‘‘seṭṭhaṃ, appaṭipuggalaṃ, bhavābhāvakaraṃ, niraṅgaṇa’’nti imehi catūhi padehi vacīpaṇāmo, ‘‘sirasā’’ti iminā kāyappaṇāmo, ‘‘buddhaṃ, dhammaṃ, gaṇañcā’’ti imehi pana tīhi padehi paṇāmakiriyāya kammabhūtaṃ ratanattayaṃ dassitanti daṭṭhabbaṃ.
‘‘วินยสฺสวินิจฺฉย’’นฺติ อิมินา อภิธานํ ทสฺสิตํ อลุตฺตสมาเสน วินยวินิจฺฉยนามสฺส ทสฺสนโตฯ ตสฺส อนฺวตฺถภาเวน สทฺทปฺปวตฺตินิมิตฺตภูตํ สกเลนาเนน ปกรเณน ปฎิปาเทตพฺพมภิเธยฺยมฺปิ เตเนว ทสฺสิตํฯ ‘‘สมาเสนา’’ติ จ ‘‘อนากุลมสํกิณฺณํ, มธุรตฺถปทกฺกม’’นฺติ จ เอเตหิ กรณปฺปกาโร ทสฺสิโตฯ ‘‘หิตตฺถายา’’ติ จ ‘‘ปฎุภาวกรํ วินยกฺกเม’’ติ จ ‘‘อปารํ โอตรนฺตาน’’นฺติอาทินา จ ปโยชนํฯ ‘‘ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีน’’นฺติ อิมินา พาหิรนิมิตฺตํ ทสฺสิตํฯ อพฺภนฺตรนิมิตฺตํ ปน พาหิรนิมิตฺตภูตภิกฺขุภิกฺขุนิวิสยา กรุณา, สา อาจริยสฺส ปกรณารเมฺภเนว วิญฺญายตีติ วิสุํ น วุตฺตาฯ ‘‘ปวกฺขามี’’ติ อิมินา สมานาธิกรณภาเวน ลพฺภมาโน ‘‘อห’’นฺติ สุทฺธกตฺตา สามเญฺญน ทสฺสิโตฯ วิเสสโต ปน ปกรณาวสาเน –
‘‘Vinayassavinicchaya’’nti iminā abhidhānaṃ dassitaṃ aluttasamāsena vinayavinicchayanāmassa dassanato. Tassa anvatthabhāvena saddappavattinimittabhūtaṃ sakalenānena pakaraṇena paṭipādetabbamabhidheyyampi teneva dassitaṃ. ‘‘Samāsenā’’ti ca ‘‘anākulamasaṃkiṇṇaṃ, madhuratthapadakkama’’nti ca etehi karaṇappakāro dassito. ‘‘Hitatthāyā’’ti ca ‘‘paṭubhāvakaraṃ vinayakkame’’ti ca ‘‘apāraṃ otarantāna’’ntiādinā ca payojanaṃ. ‘‘Bhikkhūnaṃ bhikkhunīna’’nti iminā bāhiranimittaṃ dassitaṃ. Abbhantaranimittaṃ pana bāhiranimittabhūtabhikkhubhikkhunivisayā karuṇā, sā ācariyassa pakaraṇārambheneva viññāyatīti visuṃ na vuttā. ‘‘Pavakkhāmī’’ti iminā samānādhikaraṇabhāvena labbhamāno ‘‘aha’’nti suddhakattā sāmaññena dassito. Visesato pana pakaraṇāvasāne –
‘‘รจิโต พุทฺธทเตฺตน, สุทฺธจิเตฺตน ธีมตา;
‘‘Racito buddhadattena, suddhacittena dhīmatā;
สุจิรฎฺฐิติกาเมน, สาสนสฺส มเหสิโน’’ติฯ (อุ. วิ. ๙๖๑) –
Suciraṭṭhitikāmena, sāsanassa mahesino’’ti. (u. vi. 961) –
อิมาย คาถาย เจว ‘‘อิติ ตมฺพปณฺณิเยน ปรมเวยฺยากรเณน ติปิฎกนยวิธิกุสเลน ปรมกวิวรชน หทยปทุมวนวิกสนกเรน กวิวราสเภน ปรมรติกรวรมธุรวจนุคฺคาเรน อุรคปุเรน พุทฺธทเตฺตน รจิโตยํ วินยวินิจฺฉโย’’ติ (วิ. วิ. ๓๑๘๓) อิมินา วาเกฺยน จ ทสฺสิโต – ‘‘มาทิสาปิ กวี โหนฺติ, พุทฺธทเตฺต ทิวงฺคเต’’ติอาทินา ปจฺฉิมเกหิ จ ปสตฺถตเรหิ กวิวเรหิ อภิตฺถุตคุโณ ภทนฺตพุทฺธทตฺตาจริโย เวทิตโพฺพฯ เหตุกตฺตา จ ตเตฺถว วกฺขมาโน ปกรณเชฺฌสเน กตาธีโน พุทฺธสีหมหาเถโร, โส –
Imāya gāthāya ceva ‘‘iti tambapaṇṇiyena paramaveyyākaraṇena tipiṭakanayavidhikusalena paramakavivarajana hadayapadumavanavikasanakarena kavivarāsabhena paramaratikaravaramadhuravacanuggārena uragapurena buddhadattena racitoyaṃ vinayavinicchayo’’ti (vi. vi. 3183) iminā vākyena ca dassito – ‘‘mādisāpi kavī honti, buddhadatte divaṅgate’’tiādinā pacchimakehi ca pasatthatarehi kavivarehi abhitthutaguṇo bhadantabuddhadattācariyo veditabbo. Hetukattā ca tattheva vakkhamāno pakaraṇajjhesane katādhīno buddhasīhamahāthero, so –
‘‘วุตฺตสฺส พุทฺธสีเหน;
‘‘Vuttassa buddhasīhena;
วินยสฺส วินิจฺฉโย;
Vinayassa vinicchayo;
พุทฺธสีหํ สมุทฺทิสฺส;
Buddhasīhaṃ samuddissa;
มม สทฺธิวิหาริกํ;
Mama saddhivihārikaṃ;
กโตยํ ปน ภิกฺขูนํ;
Katoyaṃ pana bhikkhūnaṃ;
หิตตฺถาย สมาสโต’’ติฯ (วิ. วิ. ๓๑๗๗-๓๑๗๘) –
Hitatthāya samāsato’’ti. (vi. vi. 3177-3178) –
เอวํ ทสฺสิโตฯ
Evaṃ dassito.
อุตฺตรปฺปกรณสฺส เหตุกตฺตา ปน สงฺฆปาลมหาเถโร, โสปิ –
Uttarappakaraṇassa hetukattā pana saṅghapālamahāthero, sopi –
‘‘ขนฺติโสรจฺจโสสิลฺย-พุทฺธิสทฺธาทยาทโย;
‘‘Khantisoraccasosilya-buddhisaddhādayādayo;
ปติฎฺฐิตา คุณา ยสฺมิํ, รตนานีว สาคเรฯ
Patiṭṭhitā guṇā yasmiṃ, ratanānīva sāgare.
‘‘วินยาจารยุเตฺตน, เตน สกฺกจฺจ สาทรํ;
‘‘Vinayācārayuttena, tena sakkacca sādaraṃ;
ยาจิโต สงฺฆปาเลน, เถเรน ถิรเจตสาฯ
Yācito saṅghapālena, therena thiracetasā.
‘‘สุจิรฎฺฐิติกาเมน , วินยสฺส มเหสิโน;
‘‘Suciraṭṭhitikāmena , vinayassa mahesino;
ภิกฺขูนํ ปาฎวตฺถาย, วินยสฺสวินิจฺฉเย;
Bhikkhūnaṃ pāṭavatthāya, vinayassavinicchaye;
อกาสิํ ปรมํ เอตํ, อุตฺตรํ นาม นามโต’’ติฯ (อุ. วิ. ๙๖๕-๙๖๘) –
Akāsiṃ paramaṃ etaṃ, uttaraṃ nāma nāmato’’ti. (u. vi. 965-968) –
เอวํ ทสฺสิโตฯ น เกวลเมเต เทฺวเยว มหาเถรา เหตุกตฺตาโร, อถ โข มหาวํสาทีสุ –
Evaṃ dassito. Na kevalamete dveyeva mahātherā hetukattāro, atha kho mahāvaṃsādīsu –
‘‘พุทฺธสฺส วิย คมฺภีร-
‘‘Buddhassa viya gambhīra-
โฆสตฺตา ตํ วิยากรุํ;
Ghosattā taṃ viyākaruṃ;
‘พุทฺธโฆโส’ติ โย โส หิ;
‘Buddhaghoso’ti yo so hi;
พุโทฺธ วิย มหีตเล’’ติฯ –
Buddho viya mahītale’’ti. –
อาทินา นเยน อภิตฺถุตคุโณ ติปิฎกปริยตฺติยา อฎฺฐกถากาโร ภทนฺตพุทฺธโฆสาจริโย จ อนุสฺสุติวเสน ‘‘เหตุกตฺตา’’ติ เวทิตโพฺพฯ
Ādinā nayena abhitthutaguṇo tipiṭakapariyattiyā aṭṭhakathākāro bhadantabuddhaghosācariyo ca anussutivasena ‘‘hetukattā’’ti veditabbo.
กถํ? อยํ กิร ภทนฺตพุทฺธทตฺตาจริโย ลงฺกาทีปโต สชาติภูมิํ ชมฺพุทีปมาคจฺฉโนฺต ภทนฺตพุทฺธโฆสาจริยํ ชมฺพุทีปวาสิเกหิ ปฎิปตฺติปรายเนหิ ยุตฺตพฺยตฺตคุโณเปเตหิ มหาเถรวเรหิ กตาราธนํ สีหฬฎฺฐกถํ ปริวเตฺตตฺวา สกลชนสาธารณาย มูลภาสาย ติปิฎกปริยตฺติยา อฎฺฐกถํ ลิขิตุํ ลงฺกาทีปํ คจฺฉนฺตํ อนฺตรามเคฺค ทิสฺวา สากจฺฉาย สมุปปริกฺขิตฺวา สพฺพโลกาตีเตน อสทิเสน ปณฺฑิจฺจคุเณน รตนนิธิทสฺสเน ปรมทลิโทฺท วิย พลวปริโตสํ ปตฺวา อฎฺฐกถมสฺส กาตุกามตํ ญตฺวา ‘‘ตุเมฺห ยถาธิเปฺปตปริยนฺตลิขิตมฎฺฐกถํ อมฺหากํ เปเสถ, มยมสฺสา ปกรณํ ลิขามา’’ติ ตสฺส สมฺมุขา ปฎิชานิตฺวา เตน จ ‘‘สาธุ ตถา กาตพฺพ’’นฺติ อเชฺฌสิโต อภิธมฺมฎฺฐกถาย อภิธมฺมาวตารํ, วินยฎฺฐกถาย สอุตฺตรํ วินยวินิจฺฉยปกรณญฺจ อกาสีติ อนุสฺสุยฺยเตติฯ
Kathaṃ? Ayaṃ kira bhadantabuddhadattācariyo laṅkādīpato sajātibhūmiṃ jambudīpamāgacchanto bhadantabuddhaghosācariyaṃ jambudīpavāsikehi paṭipattiparāyanehi yuttabyattaguṇopetehi mahātheravarehi katārādhanaṃ sīhaḷaṭṭhakathaṃ parivattetvā sakalajanasādhāraṇāya mūlabhāsāya tipiṭakapariyattiyā aṭṭhakathaṃ likhituṃ laṅkādīpaṃ gacchantaṃ antarāmagge disvā sākacchāya samupaparikkhitvā sabbalokātītena asadisena paṇḍiccaguṇena ratananidhidassane paramadaliddo viya balavaparitosaṃ patvā aṭṭhakathamassa kātukāmataṃ ñatvā ‘‘tumhe yathādhippetapariyantalikhitamaṭṭhakathaṃ amhākaṃ pesetha, mayamassā pakaraṇaṃ likhāmā’’ti tassa sammukhā paṭijānitvā tena ca ‘‘sādhu tathā kātabba’’nti ajjhesito abhidhammaṭṭhakathāya abhidhammāvatāraṃ, vinayaṭṭhakathāya sauttaraṃ vinayavinicchayapakaraṇañca akāsīti anussuyyateti.
‘‘สมาเสนา’’ติ อิมินา จ ปริมาณมฺปิ สามเญฺญน ทสฺสิตํ วิตฺถารปริมาเณ ตสฺส ปริมาณสามญฺญสฺส วิญฺญายมานตฺตาฯ วิเสสโต ปน ปริเจฺฉทปริมาณํ คนฺถปริมาณนฺติ ทุวิธํฯ ตตฺถ ปริเจฺฉทปริมาณํ อิมสฺมิํ ปกรเณ กถาโวหาเรน วุจฺจติฯ
‘‘Samāsenā’’ti iminā ca parimāṇampi sāmaññena dassitaṃ vitthāraparimāṇe tassa parimāṇasāmaññassa viññāyamānattā. Visesato pana paricchedaparimāṇaṃ ganthaparimāṇanti duvidhaṃ. Tattha paricchedaparimāṇaṃ imasmiṃ pakaraṇe kathāvohārena vuccati.
เสยฺยถิทํ? – ปาราชิกกถา สงฺฆาทิเสสกถา อนิยตกถา นิสฺสคฺคิยกถา ปาจิตฺติยกถา ปาฎิเทสนียกถา เสขิยกถาติ ภิกฺขุวิภงฺคกถา สตฺตวิธา, ตโต อนิยตกถํ วเชฺชตฺวา ตเถว ภิกฺขุนิวิภงฺคกถา ฉพฺพิธา, มหาขนฺธกกถาทิกา ภิกฺขุนิกฺขนฺธกกถาวสานา วีสติวิธา ขนฺธกกถา, กมฺมกถา, กมฺมวิปตฺติกถา, ปกิณฺณกวินิจฺฉโย, กมฺมฎฺฐานภาวนาวิธานนฺติ วินยวินิจฺฉเย กถาปริเจฺฉโท สตฺตติํสฯ
Seyyathidaṃ? – Pārājikakathā saṅghādisesakathā aniyatakathā nissaggiyakathā pācittiyakathā pāṭidesanīyakathā sekhiyakathāti bhikkhuvibhaṅgakathā sattavidhā, tato aniyatakathaṃ vajjetvā tatheva bhikkhunivibhaṅgakathā chabbidhā, mahākhandhakakathādikā bhikkhunikkhandhakakathāvasānā vīsatividhā khandhakakathā, kammakathā, kammavipattikathā, pakiṇṇakavinicchayo, kammaṭṭhānabhāvanāvidhānanti vinayavinicchaye kathāparicchedo sattatiṃsa.
อุตฺตรปฺปกรเณ จ วุตฺตนเยน ภิกฺขุวิภเงฺค สตฺตวิธา กถา, ภิกฺขุนิวิภเงฺค ฉพฺพิธา, ตทนนฺตรา วิปตฺติกถา, อธิกรณปจฺจยกถา, ขนฺธกปญฺหากถา, สมุฎฺฐานสีสกถา, อาปตฺติสมุฎฺฐานกถา, เอกุตฺตรนยกถา, เสทโมจนกถา, วิภงฺคทฺวยนิทานาทิกถา, สพฺพงฺคลกฺขณกถา, ปริวารสงฺกลนกถาติ ฉตฺติํส กถาปริเจฺฉทาฯ
Uttarappakaraṇe ca vuttanayena bhikkhuvibhaṅge sattavidhā kathā, bhikkhunivibhaṅge chabbidhā, tadanantarā vipattikathā, adhikaraṇapaccayakathā, khandhakapañhākathā, samuṭṭhānasīsakathā, āpattisamuṭṭhānakathā, ekuttaranayakathā, sedamocanakathā, vibhaṅgadvayanidānādikathā, sabbaṅgalakkhaṇakathā, parivārasaṅkalanakathāti chattiṃsa kathāparicchedā.
นิสฺสเนฺทเห ปน ‘‘อฎฺฐติํส กถาปริเจฺฉทา’’ติ วุตฺตํ, ตํ เอกุตฺตรนเย อทสฺสิเตหิปิ ทฺวาทสกปนฺนรสกนเยหิ สห โสฬสปริเจฺฉเท คเหตฺวา อปฺปกํ อูนมธิกํ คณนูปคํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุภยตฺถ กถาปริเจฺฉทปริมาณํ เตสตฺตติวิธํ โหติฯ นิสฺสเนฺทเห ‘‘ปญฺจสตฺตติวิธา’’ติ วจเน ปริหาโร วุตฺตนโยวฯ คนฺถปริมาณํ ปน วินยวินิจฺฉเย อสีติคนฺถาธิกานิ จตฺตาริ คนฺถสหสฺสานิ , อุตฺตเร ปญฺญาสคนฺถาธิกานิ นว คนฺถสตานิ โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ อุตฺตราวสาเน –
Nissandehe pana ‘‘aṭṭhatiṃsa kathāparicchedā’’ti vuttaṃ, taṃ ekuttaranaye adassitehipi dvādasakapannarasakanayehi saha soḷasaparicchede gahetvā appakaṃ ūnamadhikaṃ gaṇanūpagaṃ na hotīti katvā vuttanti daṭṭhabbaṃ. Ubhayattha kathāparicchedaparimāṇaṃ tesattatividhaṃ hoti. Nissandehe ‘‘pañcasattatividhā’’ti vacane parihāro vuttanayova. Ganthaparimāṇaṃ pana vinayavinicchaye asītiganthādhikāni cattāri ganthasahassāni, uttare paññāsaganthādhikāni nava ganthasatāni honti. Tena vuttaṃ uttarāvasāne –
‘‘คาถา จตุสหสฺสานิ, สตญฺจ อูนวีสติ;
‘‘Gāthā catusahassāni, satañca ūnavīsati;
ปริมาณโตติ วิเญฺญโยฺย, วินยสฺสวินิจฺฉโยฯ
Parimāṇatoti viññeyyo, vinayassavinicchayo.
ปญฺญาสาธิกสงฺขานิ, นว คาถาสตานิ หิ;
Paññāsādhikasaṅkhāni, nava gāthāsatāni hi;
คณนา อุตฺตรสฺสายํ, ฉนฺทสานุฎฺฐุเภน ตู’’ติฯ (อุ. วิ. ๙๖๙-๙๗๐);
Gaṇanā uttarassāyaṃ, chandasānuṭṭhubhena tū’’ti. (u. vi. 969-970);
อิเจฺจวํ วินยวินิจฺฉโย อุตฺตโร จาติ เทฺว ปกรณานิ ติํสาธิกานิ ปญฺจคาถาสหสฺสานิฯ เอตฺถ จ วินยวินิจฺฉโย นาม อุภโตวิภงฺคขนฺธกาคตวินิจฺฉยสงฺคาหกปกรณํฯ ตโต ปรํ ปริวารตฺถสงฺคาหกปกรณํ อุตฺตโร นามฯ เตเนว วกฺขติ –
Iccevaṃ vinayavinicchayo uttaro cāti dve pakaraṇāni tiṃsādhikāni pañcagāthāsahassāni. Ettha ca vinayavinicchayo nāma ubhatovibhaṅgakhandhakāgatavinicchayasaṅgāhakapakaraṇaṃ. Tato paraṃ parivāratthasaṅgāhakapakaraṇaṃ uttaro nāma. Teneva vakkhati –
‘‘โย มยา รจิโต สาโร, วินยสฺสวินิจฺฉโย;
‘‘Yo mayā racito sāro, vinayassavinicchayo;
ตสฺส ทานิ กริสฺสามิ, สพฺพานุตฺตรมุตฺตร’’นฺติฯ (อุ. วิ. ๒)
Tassa dāni karissāmi, sabbānuttaramuttara’’nti. (u. vi. 2)
ตํ กสฺมา อุตฺตรนาเมน โวหริยตีติ? ปญฺหุตฺตรวเสน ฐิเต ปริวาเร ตเถว สงฺคเหตเพฺพปิ เตน ปกาเรน ปาราชิกกถามตฺตํ ทเสฺสตฺวา –
Taṃ kasmā uttaranāmena vohariyatīti? Pañhuttaravasena ṭhite parivāre tatheva saṅgahetabbepi tena pakārena pārājikakathāmattaṃ dassetvā –
‘‘อิโต ปฎฺฐาย มุญฺจิตฺวา, ปญฺหาปุจฺฉนมตฺตกํ;
‘‘Ito paṭṭhāya muñcitvā, pañhāpucchanamattakaṃ;
วิสฺสชฺชนวเสเนว, โหติ อตฺถวินิจฺฉโย’’ติฯ (อุ. วิ. ๑๔) –
Vissajjanavaseneva, hoti atthavinicchayo’’ti. (u. vi. 14) –
วตฺวา ปญฺหํ ปหาย ตโต ปฎฺฐาย อุตฺตรมตฺตเสฺสว ทสฺสิตตฺตา ตถา โวหรียนฺติฯ
Vatvā pañhaṃ pahāya tato paṭṭhāya uttaramattasseva dassitattā tathā voharīyanti.
‘‘ตสฺมา วินยนูปาย’’นฺติอาทินา ปน โสตุชนํ สกฺกจฺจสวเน นิโยเชติฯ สกฺกจฺจสวนปฎิพทฺธา หิ สพฺพาปิ โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺตีติ อยเมตฺถ สมุทายโตฺถฯ อยํ ปน อวยวโตฺถ – โส ยสฺมา อตฺถโยชนกฺกเมน ปทโยชนํ กตฺวา วณฺณิเต สุวิเญฺญโยฺย โหติ, ตสฺมา ตถา ปทโยชนํ กตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม –
‘‘Tasmā vinayanūpāya’’ntiādinā pana sotujanaṃ sakkaccasavane niyojeti. Sakkaccasavanapaṭibaddhā hi sabbāpi lokiyalokuttarasampattīti ayamettha samudāyattho. Ayaṃ pana avayavattho – so yasmā atthayojanakkamena padayojanaṃ katvā vaṇṇite suviññeyyo hoti, tasmā tathā padayojanaṃ katvā atthavaṇṇanaṃ karissāma –
เสฎฺฐํ อปฺปฎิปุคฺคลํ พุทฺธเญฺจว ภวาภาวกรํ ธมฺมเญฺจว นิรงฺคณํ คณเญฺจว สิรสา วนฺทิตฺวา ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนญฺจ หิตตฺถาย สมาเสน สมาหิโต วินยสฺสวินิจฺฉยํ วกฺขามีติ โยชนาฯ
Seṭṭhaṃ appaṭipuggalaṃ buddhañceva bhavābhāvakaraṃ dhammañceva niraṅgaṇaṃ gaṇañceva sirasā vanditvā bhikkhūnaṃ bhikkhunīnañca hitatthāya samāsena samāhito vinayassavinicchayaṃ vakkhāmīti yojanā.
ตตฺถ เสฎฺฐนฺติ สเพฺพ อิเม ปสตฺถา อยเมเตสํ อติสเยน ปสโตฺถติ เสโฎฺฐฯ ตถา หิ โส ภควา ‘‘อหญฺหิ พฺราหฺมณ เชโฎฺฐ เสโฎฺฐ โลกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๑) เวรญฺชพฺราหฺมณสฺส อตฺตโน เชฎฺฐเสฎฺฐภาวสฺส ปริชานนวินิจฺฉยเหตุภูตาหิ ฌานาทีหิ นิรติสยคุณสมฺปตฺตีหิ สมนฺนาคตตฺตา –
Tattha seṭṭhanti sabbe ime pasatthā ayametesaṃ atisayena pasatthoti seṭṭho. Tathā hi so bhagavā ‘‘ahañhi brāhmaṇa jeṭṭho seṭṭho lokassā’’ti (pārā. 11) verañjabrāhmaṇassa attano jeṭṭhaseṭṭhabhāvassa parijānanavinicchayahetubhūtāhi jhānādīhi niratisayaguṇasampattīhi samannāgatattā –
‘‘ตฺวเมว อสิ สมฺพุโทฺธ, ตุวํ สตฺถา อนุตฺตโร;
‘‘Tvameva asi sambuddho, tuvaṃ satthā anuttaro;
สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เต ปฎิปุคฺคโลฯ (ที. นิ. ๒.๓๗๐);
Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi te paṭipuggalo. (dī. ni. 2.370);
ตุวํ พุโทฺธ ตุวํ สตฺถา, ตุวํ มาราภิภู มุนิ;
Tuvaṃ buddho tuvaṃ satthā, tuvaṃ mārābhibhū muni;
ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา, ติโณฺณ ตาเรสิมํ ปชํฯ
Tuvaṃ anusaye chetvā, tiṇṇo tāresimaṃ pajaṃ.
อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา;
Upadhī te samatikkantā, āsavā te padālitā;
สีโหสิ อนุปาทาโน, ปหีนภยเภรโวฯ (ม. นิ. ๒.๔๐๐; สุ. นิ. ๕๕๐-๕๕๑; เถรคา. ๘๓๙-๙๔๐);
Sīhosi anupādāno, pahīnabhayabheravo. (ma. ni. 2.400; su. ni. 550-551; theragā. 839-940);
มหาวีร มหาปญฺญ, อิทฺธิยา ยสสา ชล;
Mahāvīra mahāpañña, iddhiyā yasasā jala;
สพฺพเวรภยาตีต, ปาเท วนฺทามิ จกฺขุมา’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.๕๖); –
Sabbaverabhayātīta, pāde vandāmi cakkhumā’’ti. (saṃ. ni. 1.159; dha. pa. aṭṭha. 1.56); –
อาทีหี นานานเยหิ สเทวเกน โลเกน อภิตฺถวิยตาย ปสตฺถตโม, ตเมว เสฎฺฐํ ปสตฺถตมนฺติ อโตฺถฯ
Ādīhī nānānayehi sadevakena lokena abhitthaviyatāya pasatthatamo, tameva seṭṭhaṃ pasatthatamanti attho.
อปฺปฎิปุคฺคลนฺติ นตฺถิ เอตสฺส ปฎิปุคฺคโล อธิโก, สทิโส วาติ อปฺปฎิปุคฺคโลฯ ตถา หิ คุณวเสน อนนฺตาปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อตฺตนา อธิกสฺส, สทิสสฺส วา ปุคฺคลสฺส อภาวโต –
Appaṭipuggalanti natthi etassa paṭipuggalo adhiko, sadiso vāti appaṭipuggalo. Tathā hi guṇavasena anantāparimāṇāsu lokadhātūsu attanā adhikassa, sadisassa vā puggalassa abhāvato –
‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
‘‘Na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati;
สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’’ติฯ (มหาว. ๑๑) –
Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’’ti. (mahāva. 11) –
อตฺตนาว อตฺตโน อวิปรีโต อปฺปฎิปุคฺคลภาโว ปฎิญฺญาโต, ตสฺมา ตํ อปฺปฎิปุคฺคลํ สพฺพโลกุตฺตมนฺติ อโตฺถฯ
Attanāva attano aviparīto appaṭipuggalabhāvo paṭiññāto, tasmā taṃ appaṭipuggalaṃ sabbalokuttamanti attho.
พุทฺธนฺติ อนนฺตมปริเมยฺยํ เญยฺยมณฺฑลมนวเสสํ พุทฺธวาติ พุโทฺธ, เอเตน อเนกกปฺปโกฎิสตสหสฺสํ สมฺภตปุญฺญญาณสมฺภารานุภาวสิทฺธิธมฺมรูปกายสิริวิลาสปฎิมณฺฑิโต สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺตี สมฺมาสมฺพุโทฺธ ทสฺสิโตฯ อถ วา จตฺตาริ สจฺจานิ สยํ วิจิโตปจิตปารมิตาปริปาจิเตน สวาสนานวเสสกิเลสปฺปหายเกน สยมฺภุญาเณน พุชฺฌีติ พุโทฺธฯ ยถาห –
Buddhanti anantamaparimeyyaṃ ñeyyamaṇḍalamanavasesaṃ buddhavāti buddho, etena anekakappakoṭisatasahassaṃ sambhatapuññañāṇasambhārānubhāvasiddhidhammarūpakāyasirivilāsapaṭimaṇḍito saddhammavaracakkavattī sammāsambuddho dassito. Atha vā cattāri saccāni sayaṃ vicitopacitapāramitāparipācitena savāsanānavasesakilesappahāyakena sayambhuñāṇena bujjhīti buddho. Yathāha –
‘‘อภิเญฺญยฺยํ อภิญฺญาตํ, ภาเวตพฺพญฺจ ภาวิตํ;
‘‘Abhiññeyyaṃ abhiññātaṃ, bhāvetabbañca bhāvitaṃ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุโทฺธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติฯ (ม. นิ. ๒.๓๙๒, ๓๙๙; สุ. นิ. ๕๖๓; เถรคา. ๘๒๘);
Pahātabbaṃ pahīnaṃ me, tasmā buddhosmi brāhmaṇā’’ti. (ma. ni. 2.392, 399; su. ni. 563; theragā. 828);
วิตฺถาโร ปนสฺส ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุโทฺธ, โพเธตา ปชายาติ พุโทฺธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๙๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๖๒) นิเทฺทสาทีสุ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ สทฺทสิทฺธิ สาสนิกานํ อวคมนเตฺถ วตฺตมานา พุธ-ธาตุโต ‘‘ภาวกเมฺมสุ ต’’ อิติ อิโต ตาติวตฺตมาเน ‘‘พุธคมาทิเตฺถ กตฺตรี’’ติ อิมินา กจฺจายนสุเตฺตน กตฺตริ ตปฺปจฺจยวิธานโต เวทิตพฺพาฯ โลกิยานํ ปน โพธนตฺถธาตูนมฺปิ คมนตฺถตาย วุตฺตตฺตา คตฺยตฺถากมฺมกาทิ สุตฺตโต กตฺตริ ต-ปฺปจฺจยกรเณน เวทิตพฺพาฯ
Vitthāro panassa ‘‘bujjhitā saccānīti buddho, bodhetā pajāyāti buddho’’tiādinā (mahāni. 192; cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 97; paṭi. ma. 1.162) niddesādīsu vuttanayena veditabbo. Saddasiddhi sāsanikānaṃ avagamanatthe vattamānā budha-dhātuto ‘‘bhāvakammesu ta’’ iti ito tātivattamāne ‘‘budhagamāditthe kattarī’’ti iminā kaccāyanasuttena kattari tappaccayavidhānato veditabbā. Lokiyānaṃ pana bodhanatthadhātūnampi gamanatthatāya vuttattā gatyatthākammakādi suttato kattari ta-ppaccayakaraṇena veditabbā.
อถ วา ธาตูนํ อเนกตฺถตาย พุธ-อิจฺจยํ ธาตุ ชาครณวิกสนเตฺถสุ วตฺตมาโน อกมฺมโกติ ‘‘ปพุโทฺธ ปุริโส, ปพุทฺธํ ปทุม’’นฺติอาทีสุ วิย พุทฺธวา อญฺญาณนิทฺทาวิคเมน ญาณจกฺขูนิ อุมฺมีลโนฺต ปพุโทฺธ, คุเณหิ วา วิกสิโตติ กตฺตริ สิเทฺธน พุทฺธ-สเทฺทน ‘‘พุโทฺธ’’ติ ติภวเนกจูฬามณิปาทปงฺกชราครตโน ภควา โลกนาโถ วุจฺจติ, อิมสฺมิํ ปเกฺขปิ คตฺยตฺถาทิสุเตฺต อกมฺมกคฺคหเณน ปจฺจยวิธานํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Atha vā dhātūnaṃ anekatthatāya budha-iccayaṃ dhātu jāgaraṇavikasanatthesu vattamāno akammakoti ‘‘pabuddho puriso, pabuddhaṃ paduma’’ntiādīsu viya buddhavā aññāṇaniddāvigamena ñāṇacakkhūni ummīlanto pabuddho, guṇehi vā vikasitoti kattari siddhena buddha-saddena ‘‘buddho’’ti tibhavanekacūḷāmaṇipādapaṅkajarāgaratano bhagavā lokanātho vuccati, imasmiṃ pakkhepi gatyatthādisutte akammakaggahaṇena paccayavidhānaṃ daṭṭhabbaṃ.
อถ วา สกมฺมกานํ ธาตูนํ กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเว อกมฺมกภาวโต ‘‘ผลํ สยเมว ปกฺก’’นฺติอาทีสุ วิย โพธนเตฺถเยว พุธ-ธาตุโต กตฺตริ วิธานํ สิชฺฌติฯ อถ วา นีลคุณโยเคน ปฎาทีสุ นีลโวหาโร วิย ภาวสาธนํ พุทฺธ-สทฺทํ คเหตฺวา พุทฺธคุณโยคโต ‘‘พุโทฺธ’’ติ โวหรียติฯ เอวมเนกธา สิเทฺธน พุทฺธ-สเทฺทน วุจฺจมานํ ตํ ภควนฺตํ ตํ ธมฺมราชนฺติ อโตฺถฯ
Atha vā sakammakānaṃ dhātūnaṃ kammavacanicchāya abhāve akammakabhāvato ‘‘phalaṃ sayameva pakka’’ntiādīsu viya bodhanattheyeva budha-dhātuto kattari vidhānaṃ sijjhati. Atha vā nīlaguṇayogena paṭādīsu nīlavohāro viya bhāvasādhanaṃ buddha-saddaṃ gahetvā buddhaguṇayogato ‘‘buddho’’ti voharīyati. Evamanekadhā siddhena buddha-saddena vuccamānaṃ taṃ bhagavantaṃ taṃ dhammarājanti attho.
‘‘เสฎฺฐํ อปฺปฎิปุคฺคล’’นฺติ ปททฺวยํ ‘‘พุทฺธ’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํฯ เอตฺถ จ ‘‘พุทฺธํ, เสฎฺฐํ, อปฺปฎิปุคฺคล’’นฺติ อิเมหิ ตีหิ ปเทหิ นยโต ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗; ๓.๖; ม. นิ. ๑.๑๔๗, ๑๔๔; ๓.๔๓๔; สํ. นิ. ๑.๒๔๙; ๕.๔๗๙; อ. นิ. ๕.๑๔, ๓๐; ๖.๒๕, ๒๖; เนตฺติ. ๙๓), ‘‘โย วทตํ ปวโร มนุเชสุ, สกฺยมุนี ภควา กตกิโจฺจ’’ติอาทีหิ (วิ. ว. ๘๘๖) จ อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ ทสฺสิตทูราวิทูรสนฺติกนิทานเหตุผลสโตฺตปการาวตฺถาธมฺมตฺถ- โลกุทฺธารตฺติกตฺตยสงฺคหิตํ สุปริสุทฺธํ พุทฺธคุณสมุทยํ นิรวเสสํ ทเสฺสติฯ อยเมว หิ พุทฺธคุณานํ นิรวเสสโต ทสฺสนูปาโย, ยทิทํ นยทสฺสนํฯ อิตรถา ปฎิปทวณฺณนาย อปริมิตานํ พุทฺธคุณานํ โก หิ นาม สมโตฺถ ปริยนฺตํ คนฺตุํฯ ยถาห –
‘‘Seṭṭhaṃ appaṭipuggala’’nti padadvayaṃ ‘‘buddha’’nti etassa visesanaṃ. Ettha ca ‘‘buddhaṃ, seṭṭhaṃ, appaṭipuggala’’nti imehi tīhi padehi nayato ‘‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho’’tiādinā (dī. ni. 1.157; 3.6; ma. ni. 1.147, 144; 3.434; saṃ. ni. 1.249; 5.479; a. ni. 5.14, 30; 6.25, 26; netti. 93), ‘‘yo vadataṃ pavaro manujesu, sakyamunī bhagavā katakicco’’tiādīhi (vi. va. 886) ca anekehi suttapadehi dassitadūrāvidūrasantikanidānahetuphalasattopakārāvatthādhammattha- lokuddhārattikattayasaṅgahitaṃ suparisuddhaṃ buddhaguṇasamudayaṃ niravasesaṃ dasseti. Ayameva hi buddhaguṇānaṃ niravasesato dassanūpāyo, yadidaṃ nayadassanaṃ. Itarathā paṭipadavaṇṇanāya aparimitānaṃ buddhaguṇānaṃ ko hi nāma samattho pariyantaṃ gantuṃ. Yathāha –
‘‘พุโทฺธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ;
‘‘Buddhopi buddhassa bhaṇeyya vaṇṇaṃ;
กปฺปมฺปิ เจ อญฺญมภาสมาโน;
Kappampi ce aññamabhāsamāno;
ขีเยถ กโปฺป จิรทีฆมนฺตเร;
Khīyetha kappo ciradīghamantare;
วโณฺณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฎฺฐ. ๕๓; อป. อฎฺฐ. ๒.๗.๒๐; พุ. วํ. อฎฺฐ. ๔.๔; จริยา. อฎฺฐ. นิทานกถา, ปกิณฺณกกถา; ที. นิ. ฎี. ๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; ม. นิ. ฎี. ๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; อ. นิ. ฎี. ๑.๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; วชิร. ฎี. คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฎี. ๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; เนตฺติ. ฎี. คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา);
Vaṇṇo na khīyetha tathāgatassā’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 3.141; ma. ni. aṭṭha. 2.425; udā. aṭṭha. 53; apa. aṭṭha. 2.7.20; bu. vaṃ. aṭṭha. 4.4; cariyā. aṭṭha. nidānakathā, pakiṇṇakakathā; dī. ni. ṭī. 1.ganthārambhakathāvaṇṇanā; ma. ni. ṭī. 1.ganthārambhakathāvaṇṇanā; saṃ. ni. ṭī. 1.1.ganthārambhakathāvaṇṇanā; a. ni. ṭī. 1.1.ganthārambhakathāvaṇṇanā; vajira. ṭī. ganthārambhakathāvaṇṇanā; sārattha. ṭī. 1.ganthārambhakathāvaṇṇanā; netti. ṭī. ganthārambhakathāvaṇṇanā);
เอวเมเตหิ ตีหิ ปเทหิ นิรวเสสคุณสํกิตฺตนถุติยา วเสน ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ อิมินา ปณามสฺส จ วุตฺตตฺตา อิมาย อฑฺฒคาถาย พุทฺธรตนสงฺขาตปฐมวนฺทนียวตฺถุวิสยา ถุติปณามสภาวา วนฺทนา ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Evametehi tīhi padehi niravasesaguṇasaṃkittanathutiyā vasena ‘‘vanditvā’’ti iminā paṇāmassa ca vuttattā imāya aḍḍhagāthāya buddharatanasaṅkhātapaṭhamavandanīyavatthuvisayā thutipaṇāmasabhāvā vandanā dassitāti daṭṭhabbaṃ.
ตทนนฺตรํ ธมฺมรตนสฺส ปณามํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ภวาภาวกรํ ธมฺม’’นฺติฯ เอตฺถ ภว-สเทฺทน เทฺว ภวา วุตฺตา กมฺมภโว, อุปปตฺติภโวติฯ ตตฺถ กมฺมภโว ภวติ เอตสฺมา ผลนฺติ ‘‘ภโว’’ติ วุจฺจติฯ วิปากกฺขนฺธกฎตฺตารูปสงฺขาโต ปน อุปปตฺติภโว อวิชฺชาตณฺหุปาทานสงฺขาราทิสหการิการณยุเตฺตน กุสลากุสลเจตนาสงฺขาตกมฺมภวปจฺจเยน ยถารหํ ภวตีติ ‘‘ภโว’’ติ วุจฺจติฯ โส ปน กามภวรูปภวอรูปภวสญฺญีภวอสญฺญีภวเนวสญฺญีนาสญฺญีภว- เอกโวการภวจตุโวการภวปญฺจโวการภววเสน นววิโธฯ เอวเมเตสุ นวสุ ภเวสุ ทสวิโธปิ ธโมฺม อตฺตานํ ธาเรนฺตสฺส ปุคฺคลสนฺตานสฺส อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยา ปรํ อปฺปฎิสนฺธิกตาสาธเนน ภเวสุ , ภวสฺส วา อภาวํ กโรตีติ ภวาภาวกโร, ตํ, อปราปรชาติปฺปพนฺธสฺส เหตุสมุคฺฆาเตน อปฺปวตฺติธมฺมตาปาทกนฺติ อโตฺถฯ
Tadanantaraṃ dhammaratanassa paṇāmaṃ dassetumāha ‘‘bhavābhāvakaraṃ dhamma’’nti. Ettha bhava-saddena dve bhavā vuttā kammabhavo, upapattibhavoti. Tattha kammabhavo bhavati etasmā phalanti ‘‘bhavo’’ti vuccati. Vipākakkhandhakaṭattārūpasaṅkhāto pana upapattibhavo avijjātaṇhupādānasaṅkhārādisahakārikāraṇayuttena kusalākusalacetanāsaṅkhātakammabhavapaccayena yathārahaṃ bhavatīti ‘‘bhavo’’ti vuccati. So pana kāmabhavarūpabhavaarūpabhavasaññībhavaasaññībhavanevasaññīnāsaññībhava- ekavokārabhavacatuvokārabhavapañcavokārabhavavasena navavidho. Evametesu navasu bhavesu dasavidhopi dhammo attānaṃ dhārentassa puggalasantānassa anupādisesanibbānadhātuyā paraṃ appaṭisandhikatāsādhanena bhavesu , bhavassa vā abhāvaṃ karotīti bhavābhāvakaro, taṃ, aparāparajātippabandhassa hetusamugghātena appavattidhammatāpādakanti attho.
ธมฺมนฺติ อตฺตานํ ธาเรเนฺต จตูสุ อปาเยสุ, สํสาเร จ อปตมาเน ธาเรตีติ ธโมฺม, โส จตุมคฺคผลนิพฺพานสงฺขาตนวโลกุตฺตรธโมฺม จ ตปฺปฎิปาทโก นวงฺคสาสนาปรนามเธยฺยจตุราสีติสหสฺสธมฺมกฺขนฺธปฺปเภทภิโนฺน ปริยตฺติธโมฺม จาติ ทสวิโธฯ โสปิ นิปฺปริยายธโมฺม, ปริยายธโมฺม จาติ ทุวิโธฯ ตตฺถ นิปฺปริยายธโมฺม นาม อปาเย, สํสาเร วา ปธานเหตุภูตานํ อุทฺธมฺภาคิยานํ, โอรมฺภาคิยานญฺจ ทสนฺนํ สํโยชนานํ สมุจฺฉินฺทเนน มคฺคธโมฺม, ตสฺส ตํกิจฺจนิปฺผตฺตินิมิตฺตภาเวน นิพฺพานธโมฺม จาติ ปญฺจวิโธปิ นิปฺปริยาเยน ปุคฺคลสนฺตานํ ธาเรตีติ กตฺวา ‘‘นิปฺปริยายธโมฺม’’ติ วุจฺจติฯ จตฺตาริ ปน สามญฺญผลานิ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปหาเนน มคฺคานุคุณปฺปวตฺติยา, ปริยตฺติ จ มคฺคนิพฺพานาธิคมสฺส มูลการณภาวโตติ ปญฺจวิโธปิ ปริยายธโมฺม นามฯ
Dhammanti attānaṃ dhārente catūsu apāyesu, saṃsāre ca apatamāne dhāretīti dhammo, so catumaggaphalanibbānasaṅkhātanavalokuttaradhammo ca tappaṭipādako navaṅgasāsanāparanāmadheyyacaturāsītisahassadhammakkhandhappabhedabhinno pariyattidhammo cāti dasavidho. Sopi nippariyāyadhammo, pariyāyadhammo cāti duvidho. Tattha nippariyāyadhammo nāma apāye, saṃsāre vā padhānahetubhūtānaṃ uddhambhāgiyānaṃ, orambhāgiyānañca dasannaṃ saṃyojanānaṃ samucchindanena maggadhammo, tassa taṃkiccanipphattinimittabhāvena nibbānadhammo cāti pañcavidhopi nippariyāyena puggalasantānaṃ dhāretīti katvā ‘‘nippariyāyadhammo’’ti vuccati. Cattāri pana sāmaññaphalāni paṭippassaddhipahānena maggānuguṇappavattiyā, pariyatti ca magganibbānādhigamassa mūlakāraṇabhāvatoti pañcavidhopi pariyāyadhammo nāma.
เอตฺตาวตา ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๙; อ. นิ. ๓.๗๖; ที. นิ. ๓.๖; อ. นิ. ๖.๑๐, ๒๕, ๒๖), ‘‘ราควิราคมเนชมโสก’’นฺติอาทีหิ (วิ. ว. ๘๘๗) จ สุตฺตเนฺตหิ วุตฺตสฺส, ตทฎฺฐกถาทีสุ จ วณฺณิตสฺส สรณานุสฺสรณวเสนาปิ สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติปฎิลาภการณสฺส อนวเสสสฺส ธมฺมรตนคุณสฺส นยโต อุทฺทิฎฺฐตฺตา จ ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ อิมินา ปณามสฺส ทสฺสิตตฺตา จ ธมฺมรตนสงฺขาตสฺส ทุติยสฺส วนฺทนียสฺส ถุติปณามสภาวา วนฺทนา ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Ettāvatā ‘‘svākkhāto bhagavatā dhammo’’tiādinā (saṃ. ni. 1.249; a. ni. 3.76; dī. ni. 3.6; a. ni. 6.10, 25, 26), ‘‘rāgavirāgamanejamasoka’’ntiādīhi (vi. va. 887) ca suttantehi vuttassa, tadaṭṭhakathādīsu ca vaṇṇitassa saraṇānussaraṇavasenāpi saggamokkhasampattipaṭilābhakāraṇassa anavasesassa dhammaratanaguṇassa nayato uddiṭṭhattā ca ‘‘vanditvā’’ti iminā paṇāmassa dassitattā ca dhammaratanasaṅkhātassa dutiyassa vandanīyassa thutipaṇāmasabhāvā vandanā dassitāti daṭṭhabbaṃ.
ตทนนฺตรํ สงฺฆรตนสฺส วนฺทนาสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ ‘‘คณเญฺจว นิรงฺคณ’’นฺติฯ เอตฺถ ‘‘ราโค องฺคณํ โทโส องฺคณํ โมโห องฺคณ’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) วุเตฺตหิ ราคาทิองฺคเณหิ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺติวเสน นิคฺคโต วิมุโตฺตติ นิรงฺคโณ, ตํ นิรงฺคณํฯ อริยวํเส สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนสงฺขาเตหิ คุณคเณหิ คณียตีติ คโณ, ตํฯ
Tadanantaraṃ saṅgharatanassa vandanāsandassanatthaṃ vuttaṃ ‘‘gaṇañceva niraṅgaṇa’’nti. Ettha ‘‘rāgo aṅgaṇaṃ doso aṅgaṇaṃ moho aṅgaṇa’’nti (vibha. 924) vuttehi rāgādiaṅgaṇehi tadaṅgavikkhambhanasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇavimuttivasena niggato vimuttoti niraṅgaṇo, taṃ niraṅgaṇaṃ. Ariyavaṃse sīlasamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanasaṅkhātehi guṇagaṇehi gaṇīyatīti gaṇo, taṃ.
เอตฺตาวตา ‘‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๙; อ. นิ. ๓.๗๖; ที. นิ. ๓.๖; อ. นิ. ๖.๑๐, ๒๕, ๒๖;), ‘‘ยตฺถ จ ทินฺนํ มหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสู’’ติอาทีหิ (วิ. ว. ๘๘๘) จ เตหิ เตหิ สุตฺตปเทหิ วุตฺตานํ, ตทฎฺฐกถาทีสุ จ วณฺณิตานํ วิมลาตุลนิขิลวิสาลเปสลสีลาทินานปฺปการานคฺฆสงฺฆรตนคุณานํ สํกิตฺตนสภาวาย ถุติยา จ ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ เอเตน ยถาวุตฺตสรูปปเภทปณามสฺส วุตฺตตฺตา จ สงฺฆรตนสงฺขาตตติยวนฺทนียวตฺถุวิสยา ถุติปฺปณามสงฺขาตา วนฺทนา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ สิรสาติ อตฺตปฺปสาทคารวาวหเนฺตน มุทฺธนาฯ วนฺทิตฺวาติ ปณมิตฺวา โถมิตฺวา วาฯ
Ettāvatā ‘‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho’’tiādinā (saṃ. ni. 1.249; a. ni. 3.76; dī. ni. 3.6; a. ni. 6.10, 25, 26;), ‘‘yattha ca dinnaṃ mahapphalamāhu, catūsu sucīsu purisayugesū’’tiādīhi (vi. va. 888) ca tehi tehi suttapadehi vuttānaṃ, tadaṭṭhakathādīsu ca vaṇṇitānaṃ vimalātulanikhilavisālapesalasīlādinānappakārānagghasaṅgharatanaguṇānaṃ saṃkittanasabhāvāya thutiyā ca ‘‘vanditvā’’ti etena yathāvuttasarūpapabhedapaṇāmassa vuttattā ca saṅgharatanasaṅkhātatatiyavandanīyavatthuvisayā thutippaṇāmasaṅkhātā vandanā dassitāti veditabbā. Sirasāti attappasādagāravāvahantena muddhanā. Vanditvāti paṇamitvā thomitvā vā.
เอวํ ปฐมคาถาย วนฺทนียสฺส รตนตฺตยสฺส ถุติปฺปณามสงฺขาตํ วนฺทนํ ทเสฺสตฺวา ตทนนฺตราย สนฺทเสฺสตพฺพปโยชนาทิปฎิปาทิกาย คาถาย ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ อิมินา กิญฺจาปิ สํสาเร ภยํ อิกฺขตีติ ‘‘ภิกฺขู’’ติ กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธิํ อฎฺฐ อริยปุคฺคลา วุจฺจนฺติ, ปาฬิยํ (ปารา. ๔๔-๔๕; วิภ. ๕๑๐) ปน ‘‘ภินฺนปฎํ ธาเรตีติ ภิกฺขุ, ภิกฺขนสีโลติ ภิกฺขู’’ติอาทินา ภิกฺขุสทฺทสฺส อตฺถุทฺธารวเสน นิพฺพจนนฺตรานิ ทเสฺสตฺวา ปาติโมกฺขสํวรสํวรณารหเสฺสว อธิเปฺปตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมเคฺคน สเงฺฆน ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อกุเปฺปน ฐานารเหน อุปสมฺปโนฺน, อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขู’’ติ ทสฺสิตา สิกฺขากามา สาสนาวจารา กุลปุตฺตา อิธาธิเปฺปตา, เตสํ ภิกฺขูนญฺจฯ ภิกฺขุนีนญฺจาติ อฎฺฐวาจิกอุปสมฺปทากเมฺมน อุภโตสเงฺฆ อุปสมฺปนฺนาตาทิสาเยว กุลธีตโร ทสฺสิตาฯ เอกโตปสมฺปนฺนาปิ สามเญฺญน คยฺหนฺติฯ เอกโตปสมฺปนฺนาติ จ ภิกฺขุนิสเงฺฆ อุปสมฺปชฺชิตฺวา ยาว ภิกฺขุสเงฺฆ น อุปสมฺปชฺชนฺติ, ตาว, ภิกฺขุนี จ ลิงฺคปริวตฺตเนน ภิกฺขุนิภาวปฺปตฺตา อธิเปฺปตา, ตาสํ ภิกฺขุนีนญฺจฯ
Evaṃ paṭhamagāthāya vandanīyassa ratanattayassa thutippaṇāmasaṅkhātaṃ vandanaṃ dassetvā tadanantarāya sandassetabbapayojanādipaṭipādikāya gāthāya ‘‘bhikkhūna’’nti iminā kiñcāpi saṃsāre bhayaṃ ikkhatīti ‘‘bhikkhū’’ti kalyāṇaputhujjanena saddhiṃ aṭṭha ariyapuggalā vuccanti, pāḷiyaṃ (pārā. 44-45; vibha. 510) pana ‘‘bhinnapaṭaṃ dhāretīti bhikkhu, bhikkhanasīloti bhikkhū’’tiādinā bhikkhusaddassa atthuddhāravasena nibbacanantarāni dassetvā pātimokkhasaṃvarasaṃvaraṇārahasseva adhippetabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘samaggena saṅghena ñatticatutthena kammena akuppena ṭhānārahena upasampanno, ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhū’’ti dassitā sikkhākāmā sāsanāvacārā kulaputtā idhādhippetā, tesaṃ bhikkhūnañca. Bhikkhunīnañcāti aṭṭhavācikaupasampadākammena ubhatosaṅghe upasampannātādisāyeva kuladhītaro dassitā. Ekatopasampannāpi sāmaññena gayhanti. Ekatopasampannāti ca bhikkhunisaṅghe upasampajjitvā yāva bhikkhusaṅghe na upasampajjanti, tāva, bhikkhunī ca liṅgaparivattanena bhikkhunibhāvappattā adhippetā, tāsaṃ bhikkhunīnañca.
หิตตฺถายาติ สพฺพสมฺปตฺตินิปฺผาทกรณตฺถาย หิโนติ คจฺฉติ ยถาธิเปฺปตผลสาธเน ปวตฺตตีติ หิตนฺติ อโรคตาทิการณํ อมโตสธาทิ วุจฺจติฯ อิธ ปน สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติสิทฺธิการณํ ปาติโมกฺขสํวรสีลรกฺขนํ วุจฺจติ, ตทตฺถายฯ
Hitatthāyāti sabbasampattinipphādakaraṇatthāya hinoti gacchati yathādhippetaphalasādhane pavattatīti hitanti arogatādikāraṇaṃ amatosadhādi vuccati. Idha pana saggamokkhasampattisiddhikāraṇaṃ pātimokkhasaṃvarasīlarakkhanaṃ vuccati, tadatthāya.
สมาหิโต สมฺมา อาหิโต ปวตฺติโต วินิจฺฉยมโคฺค เอเตนาติ ‘‘สมาหิโต’’ติ ปกรณการโก ทสฺสิโตฯ อถ วา สมฺมา อาหิตํ วินยวินิจฺฉเย ฐปิตํ ปวตฺติตํ จิตฺตเมตสฺสาติ ‘‘สมาหิตจิโตฺต’’ติ วตฺตเพฺพ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘สมาหิโต’’ติ วุโตฺตฯ ปรมคมฺภีรสุทุตฺตรวินยปิฎกตฺถวินิจฺฉเย ปวตฺตนารหสฺส อิมินา วิเสสเนน อตฺตนิ สมาหิตจิตฺตปฺปวตฺตินิมิตฺตภูโต อตฺตโน ญาณสฺส ปทฎฺฐานภูโต สมาธิ ทสฺสิโต เตน สมาธินา สมาหิโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ
Samāhito sammā āhito pavattito vinicchayamaggo etenāti ‘‘samāhito’’ti pakaraṇakārako dassito. Atha vā sammā āhitaṃ vinayavinicchaye ṭhapitaṃ pavattitaṃ cittametassāti ‘‘samāhitacitto’’ti vattabbe uttarapadalopena ‘‘samāhito’’ti vutto. Paramagambhīrasuduttaravinayapiṭakatthavinicchaye pavattanārahassa iminā visesanena attani samāhitacittappavattinimittabhūto attano ñāṇassa padaṭṭhānabhūto samādhi dassito tena samādhinā samāhito hutvāti attho.
ปวกฺขามีติ ปกาเรน วกฺขามิ, เยน ปกาเรน วินยวินิจฺฉเย วุเตฺต อชฺชตนา มนฺทสติมติวีริยา ปฎิปชฺชนกา คมฺภีรตรํ วินยปิฎกตฺถวินิจฺฉยํ สุเขน อุคฺคณฺหิตุํ, ธาเรตุญฺจ สโกฺกนฺติ, ตาทิเสน ปการวิเสเสน วกฺขามีติ อโตฺถฯ สมาเสนาติ สมสนํ สํขิปนํ สมาโส, เตน, สํขิตฺตรุจิกานมุคฺฆาฎิตญฺญูนํ กตาธิการานํ ญาณุตฺตรานํ ปุคฺคลานญฺจ ปปญฺจภีรุกานํ คหณธารเณ มนฺทยนฺตานํ มนฺทพุทฺธีนญฺจ อุปการเกน นาติวิตฺถารกฺกเมนาติ อโตฺถฯ วินยสฺสาติ วินยปิฎกสฺสฯ ตญฺหิ –
Pavakkhāmīti pakārena vakkhāmi, yena pakārena vinayavinicchaye vutte ajjatanā mandasatimativīriyā paṭipajjanakā gambhīrataraṃ vinayapiṭakatthavinicchayaṃ sukhena uggaṇhituṃ, dhāretuñca sakkonti, tādisena pakāravisesena vakkhāmīti attho. Samāsenāti samasanaṃ saṃkhipanaṃ samāso, tena, saṃkhittarucikānamugghāṭitaññūnaṃ katādhikārānaṃ ñāṇuttarānaṃ puggalānañca papañcabhīrukānaṃ gahaṇadhāraṇe mandayantānaṃ mandabuddhīnañca upakārakena nātivitthārakkamenāti attho. Vinayassāti vinayapiṭakassa. Tañhi –
‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา;
‘‘Vividhavisesanayattā;
วินยนโต เจว กายวาจานํ;
Vinayanato ceva kāyavācānaṃ;
วินยตฺถวิทูหิ อยํ;
Vinayatthavidūhi ayaṃ;
วินโย ‘วินโย’ติ อกฺขาโต’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.ปฐมสงฺคีติกถา; ปารา. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา) –
Vinayo ‘vinayo’ti akkhāto’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 1.paṭhamasaṅgītikathā; pārā. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathā; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā) –
วุเตฺตหิ อตฺถวิเสเสหิ ‘‘วินโย’’ติ วุจฺจติฯ ตสฺส เอวํ สนฺทสฺสิตสภาวสฺส ‘‘วินโย นาม สาสนสฺส อายู’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.ปฐมสงฺคีติกถา; ปารา. อฎฺฐ. ๑.ปฐมสงฺคีติกถา; ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๕.ปฐมมหาสงฺคีติกถา) สงฺคีติการเกหิ มหากสฺสปาทีหิ อภิตฺถุตคุณสฺส วินยปิฎกุตฺตมสฺสฯ วินิจฺฉยนฺติ วิเสเสน, วิวิเธน วา อากาเรน วิปฺปฎิปตฺตินีหรณวเสน จียติ วิภชียตีติ ‘‘วินิจฺฉโย’’ติ ลทฺธนามํ วิภชนํ, วินยวินิจฺฉยํ นาม ปกรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘วินยสฺสวินิจฺฉย’’นฺติ จ อลุตฺตสมาโสยํ ‘‘เทวานํปิยติโสฺส, กเณฺฐกาโฬ’’ติอาทีสุ วิยฯ
Vuttehi atthavisesehi ‘‘vinayo’’ti vuccati. Tassa evaṃ sandassitasabhāvassa ‘‘vinayo nāma sāsanassa āyū’’ti (dī. ni. aṭṭha. 1.paṭhamasaṅgītikathā; pārā. aṭṭha. 1.paṭhamasaṅgītikathā; khu. pā. aṭṭha. 5.paṭhamamahāsaṅgītikathā) saṅgītikārakehi mahākassapādīhi abhitthutaguṇassa vinayapiṭakuttamassa. Vinicchayanti visesena, vividhena vā ākārena vippaṭipattinīharaṇavasena cīyati vibhajīyatīti ‘‘vinicchayo’’ti laddhanāmaṃ vibhajanaṃ, vinayavinicchayaṃ nāma pakaraṇanti vuttaṃ hoti. ‘‘Vinayassavinicchaya’’nti ca aluttasamāsoyaṃ ‘‘devānaṃpiyatisso, kaṇṭhekāḷo’’tiādīsu viya.
เอวํ ทุติยคาถาย กตฺตุนิมิตฺตปโยชนาภิธานาภิเธยฺยปกรณปฺปกาเรกเทสํ ทเสฺสตฺวา สกฺกจฺจสวนการณนิทสฺสนมุเขนาปิ ปกรณปฺปการาทิํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อนากุล’’มิจฺจาทิฯ ตตฺถ อนากุลนฺติ นตฺถิ เอตฺถ สทฺทโต, อตฺถโต, วินิจฺฉยโต วา อากุลํ ปุพฺพาปรวิโรโธ, มิสฺสตา วาติ อนากุโล, วินยวินิจฺฉโย, ตํ วทโต เม นิโพธถาติ สมฺพโนฺธฯ อสํกิณฺณนฺติ นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสมฺมิสฺสํฯ
Evaṃ dutiyagāthāya kattunimittapayojanābhidhānābhidheyyapakaraṇappakārekadesaṃ dassetvā sakkaccasavanakāraṇanidassanamukhenāpi pakaraṇappakārādiṃ dassetumāha ‘‘anākula’’miccādi. Tattha anākulanti natthi ettha saddato, atthato, vinicchayato vā ākulaṃ pubbāparavirodho, missatā vāti anākulo, vinayavinicchayo, taṃ vadato me nibodhathāti sambandho. Asaṃkiṇṇanti nikāyantaraladdhīhi asammissaṃ.
มธุรตฺถปทกฺกมนฺติ ปทานํ กโม ปทกฺกโม, ปทคติ, สทฺทานมุจฺจารณนฺติ อโตฺถฯ มธุโร อโตฺถ จ ปทกฺกโม จ ยสฺส โส มธุรตฺถปทกฺกโม, ตํ –
Madhuratthapadakkamanti padānaṃ kamo padakkamo, padagati, saddānamuccāraṇanti attho. Madhuro attho ca padakkamo ca yassa so madhuratthapadakkamo, taṃ –
‘‘ปทาสตฺตํ ปทตฺถานํ, มธุรตฺถมุทีริตํ;
‘‘Padāsattaṃ padatthānaṃ, madhuratthamudīritaṃ;
เยน มชฺชนฺติ ธีมโนฺต, มธุเนว มธุพฺพตา’’ติฯ –
Yena majjanti dhīmanto, madhuneva madhubbatā’’ti. –
อิมินา ลกฺขเณน สทฺทานมตฺถานญฺจ วเสน ปทาสตฺตาปรนามเธยฺยมาธุริยาลงฺกาเรน สมลงฺกตตฺตา มธุรตฺถปทกฺกมํฯ
Iminā lakkhaṇena saddānamatthānañca vasena padāsattāparanāmadheyyamādhuriyālaṅkārena samalaṅkatattā madhuratthapadakkamaṃ.
ปฎุภาวกรนฺติ ปฎติ คจฺฉติ ปชานาตีติ ปฎุ, ปญฺญวา, ปฎุโน ภาโว, สทฺทปฺปวตฺตินิมิตฺตภูตา ปญฺญา, ตํ ปฎุภาวํ ปญฺญาวิเสสํ กโรติ ชเนตีติ ปฎุภาวกโร, ตํ, ปญฺญาวิเสสชนกนฺติ อโตฺถฯ เอตํ วินยสฺส วินิจฺฉยนฺติ โยชนาฯ ปรมนฺติ อุตฺตมํฯ วินยกฺกเมติ วินยปิฎเก, ตทเตฺถ จ, ปวตฺติกฺกเม ปฎุภาวกรนฺติ อโตฺถฯ
Paṭubhāvakaranti paṭati gacchati pajānātīti paṭu, paññavā, paṭuno bhāvo, saddappavattinimittabhūtā paññā, taṃ paṭubhāvaṃ paññāvisesaṃ karoti janetīti paṭubhāvakaro, taṃ, paññāvisesajanakanti attho. Etaṃ vinayassa vinicchayanti yojanā. Paramanti uttamaṃ. Vinayakkameti vinayapiṭake, tadatthe ca, pavattikkame paṭubhāvakaranti attho.
เอวํ ตติยคาถาย ปกรณคุณาปเทเสน โสตุชนํ สมุสฺสาเหตฺวา อิทานิ ‘‘อปาร’’นฺติอาทิจตุตฺถคาถาย ปกรณญฺจ ตนฺนิสฺสยํ วินยปิฎกญฺจ นาวาสาครภาเวน ทเสฺสตฺวา ติโรภูโตปเมโยฺยปมานเภเทน รูปกาลงฺกาเรน ปกรณคุณํ ปกาเสโนฺต โสตุชนํ สมุเตฺตเชติฯ ตตฺถ อปารนฺติ นตฺถิ ปารํ เอตสฺสาติ อปาโร, วินยสาคโรฯ โส หิ ปุริมพุทฺธุปฺปาเทสุ สาสนํ ปสีทิตฺวา วินยปิฎเก อุคฺคหณธารณปฎิปาทนปฎิปตฺติวเสน อกตาธิกาเรหิ ปุคฺคเลหิ ทุรธิคมนียธมฺมตฺถนิรุตฺติปฎิภานปริยนฺตตาย ‘‘อปาโร’’ติ วุจฺจติฯ
Evaṃ tatiyagāthāya pakaraṇaguṇāpadesena sotujanaṃ samussāhetvā idāni ‘‘apāra’’ntiādicatutthagāthāya pakaraṇañca tannissayaṃ vinayapiṭakañca nāvāsāgarabhāvena dassetvā tirobhūtopameyyopamānabhedena rūpakālaṅkārena pakaraṇaguṇaṃ pakāsento sotujanaṃ samuttejeti. Tattha apāranti natthi pāraṃ etassāti apāro, vinayasāgaro. So hi purimabuddhuppādesu sāsanaṃ pasīditvā vinayapiṭake uggahaṇadhāraṇapaṭipādanapaṭipattivasena akatādhikārehi puggalehi duradhigamanīyadhammatthaniruttipaṭibhānapariyantatāya ‘‘apāro’’ti vuccati.
โอตรนฺตานนฺติ สชฺฌายนสวนธารณาทิวเสน อโชฺฌคาหนฺตานํฯ สารนฺติ นิพฺพานสมฺปาปกภาเวน สารภูตาย อริยมคฺคสมฺภาราย ปุพฺพภาคปฎิปตฺติยา มูลภูตปาติโมกฺขสํวรสงฺขาตสีลสารปฺปกาสกตาย สารํฯ วินยสาครนฺติ วินยปิฎกสงฺขาตํ สาครํฯ วินโย หิ สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา กาลปฺปตฺตชานนสฺสาปิ ธมฺมเสนาปติอาทีนมฺปิ อวิสยตฺตา อติคมฺภีราติวิตฺถิณฺณภาเวน สาคโร วิยาติ สาคโร, วินโย จ โส สาคโร จาติ วินยสาคโร, ตํ, อคาธาปารคุณโยคโต สาคโรปมํ วินยปิฎกนฺติ อโตฺถฯ
Otarantānanti sajjhāyanasavanadhāraṇādivasena ajjhogāhantānaṃ. Sāranti nibbānasampāpakabhāvena sārabhūtāya ariyamaggasambhārāya pubbabhāgapaṭipattiyā mūlabhūtapātimokkhasaṃvarasaṅkhātasīlasārappakāsakatāya sāraṃ. Vinayasāgaranti vinayapiṭakasaṅkhātaṃ sāgaraṃ. Vinayo hi sikkhāpadapaññattiyā kālappattajānanassāpi dhammasenāpatiādīnampi avisayattā atigambhīrātivitthiṇṇabhāvena sāgaro viyāti sāgaro, vinayo ca so sāgaro cāti vinayasāgaro, taṃ, agādhāpāraguṇayogato sāgaropamaṃ vinayapiṭakanti attho.
ทุติยคาถาย ‘‘ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีน’’นฺติ วตฺวาปิ ‘‘หิตตฺถายา’’ติ อิมินา สมฺพนฺธตฺตา จ วากฺยนฺตเรหิ อนฺตริตภาเวน ทูรตฺตา จ ตํ อนาทิยิตฺวา เอตฺถ วินยสาครโชฺฌคาหนตทตฺถปฎิปชฺชนารหกตฺตุวิเสสสนฺทสฺสนตฺถาย ‘‘ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีน’’นฺติ ปุน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ นาวา วิย ภูโต นาวาภูโต, ตํ, นาวาฎฺฐานิยํ มหานาวาสทิสนฺติ อโตฺถฯ มโนรมนฺติ มโน รมติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา มโนรโม, ตํ, อชฺฌายนโวหารปสุตานํ ปฎิปตฺติปรายนานญฺจ สาธูนํ มโนรมนฺติ อโตฺถฯ
Dutiyagāthāya ‘‘bhikkhūnaṃ bhikkhunīna’’nti vatvāpi ‘‘hitatthāyā’’ti iminā sambandhattā ca vākyantarehi antaritabhāvena dūrattā ca taṃ anādiyitvā ettha vinayasāgarajjhogāhanatadatthapaṭipajjanārahakattuvisesasandassanatthāya ‘‘bhikkhūnaṃ bhikkhunīna’’nti puna vuttanti daṭṭhabbaṃ. Nāvā viya bhūto nāvābhūto, taṃ, nāvāṭṭhāniyaṃ mahānāvāsadisanti attho. Manoramanti mano ramati ettha, etenāti vā manoramo, taṃ, ajjhāyanavohārapasutānaṃ paṭipattiparāyanānañca sādhūnaṃ manoramanti attho.
เอตฺตาวตา ปกรณคุณสํกิตฺตเนน โสตุชนํ สมุเตฺตเชตฺวา อิทานิ สกฺกจฺจสวเน นิโยเชโนฺต ‘‘ตสฺมา วินยนูปาย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ยถาวุตฺตํ อนากุลตาทิวิวิธานคฺฆคุณาลงฺการปฎิมณฺฑิตํ, เตน เหตุนาติ อโตฺถฯ วินยนูปายนฺติ วิวิธากาเรน, วิเสสนยโต วา กายวาจานํ นยนํ ทมนํ อกตฺตพฺพโต นิวเตฺตตฺวา กตฺตเพฺพสุ นิโยชนํ วินยนํ, อุเปจฺจ ตํ ผลํ อายติ อุปฺปชฺชตีติ อุปาโย, เหตุ, วินยนสฺส อุปาโย วินยนูปาโย, ตํ, กายชีวิตานเปกฺขานํ สิกฺขากามานํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ กายวาจานํ อนนุโลมิกวิปฺผนฺทิตาปนยนสงฺขาตทมนสฺส การณภูตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Ettāvatā pakaraṇaguṇasaṃkittanena sotujanaṃ samuttejetvā idāni sakkaccasavane niyojento ‘‘tasmā vinayanūpāya’’ntiādimāha. Tattha tasmāti yasmā yathāvuttaṃ anākulatādivividhānagghaguṇālaṅkārapaṭimaṇḍitaṃ, tena hetunāti attho. Vinayanūpāyanti vividhākārena, visesanayato vā kāyavācānaṃ nayanaṃ damanaṃ akattabbato nivattetvā kattabbesu niyojanaṃ vinayanaṃ, upecca taṃ phalaṃ āyati uppajjatīti upāyo, hetu, vinayanassa upāyo vinayanūpāyo, taṃ, kāyajīvitānapekkhānaṃ sikkhākāmānaṃ pesalānaṃ bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ kāyavācānaṃ ananulomikavipphanditāpanayanasaṅkhātadamanassa kāraṇabhūtanti vuttaṃ hoti.
เอตฺตาวตา อตฺตนา กตฺตุมิจฺฉิเต ปกรเณ ปณฺฑิตานํ ปวตฺติเหตุภูตานํ อนากุลตาทิคุณานํ วิภาวนวเสน ‘‘อนากุล’’นฺติอาทิวิเสสนานิ วตฺวา อิทานิ สกฺกจฺจสวนาวโพเธ วิสยํ วิเสสิตพฺพํ ทเสฺสตุมาห ‘‘วินยสฺสวินิจฺฉย’’นฺติฯ เอตฺถ จ ทุติยคาถาย ‘‘วินยสฺสวินิจฺฉย’’นฺติ ‘‘ปวกฺขามี’’ติ กิริยาย กมฺมทสฺสนวเสน วุตฺตํ, ตํ อิธ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิยมานมฺปิ ทูรสมฺพนฺธํ โหตีติ ตมนาเนตฺวา ‘‘นิโพธถา’’ติ อิมิสฺสา กิริยาย กมฺมสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘วินยสฺสวินิจฺฉย’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปุนรุตฺติโทสาภาโวติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Ettāvatā attanā kattumicchite pakaraṇe paṇḍitānaṃ pavattihetubhūtānaṃ anākulatādiguṇānaṃ vibhāvanavasena ‘‘anākula’’ntiādivisesanāni vatvā idāni sakkaccasavanāvabodhe visayaṃ visesitabbaṃ dassetumāha ‘‘vinayassavinicchaya’’nti. Ettha ca dutiyagāthāya ‘‘vinayassavinicchaya’’nti ‘‘pavakkhāmī’’ti kiriyāya kammadassanavasena vuttaṃ, taṃ idha ānetvā sambandhiyamānampi dūrasambandhaṃ hotīti tamanānetvā ‘‘nibodhathā’’ti imissā kiriyāya kammasandassanatthaṃ ‘‘vinayassavinicchaya’’nti vuttattā punaruttidosābhāvoti daṭṭhabbaṃ.
อวิกฺขิเตฺตน จิเตฺตนาติ เอตฺถ วิวิเธ อารมฺมเณ ขิตฺตํ เปสิตํ วิกฺขิตฺตํ, อุทฺธจฺจวิจิกิจฺฉาทิปเรตํ อสมาหิตํ จิตฺตํ, น วิกฺขิตฺตํ อวิกฺขิตฺตํ, ตปฺปฎิปกฺขํ สมาหิตํ กุสลจิตฺตํ, เตน, เอตสฺส ปกรณุตฺตมสฺส สวนาทิพฺยาปารํ วินา นานารมฺมเณสุ ปวตฺติวเสน วิเกฺขปมนาปเนฺนน สมาหิเตน จิเตฺตนาติ อโตฺถฯ ‘‘อวิกฺขิเตฺตน…เป.… นิโพธถา’’ติ วทเนฺตน จ ‘‘อวิกฺขิตฺตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม วิกฺขิตฺตสฺสา’’ติ วจนโต วิกฺขิตฺตสฺส ธเมฺมสุ ทายาทาภาวโต อตฺตโน ปกรณตฺถภูตาย อธิสีลสิกฺขาย สมฺมาปฎิปชฺชนาปเทโส กโต โหติฯ
Avikkhittena cittenāti ettha vividhe ārammaṇe khittaṃ pesitaṃ vikkhittaṃ, uddhaccavicikicchādiparetaṃ asamāhitaṃ cittaṃ, na vikkhittaṃ avikkhittaṃ, tappaṭipakkhaṃ samāhitaṃ kusalacittaṃ, tena, etassa pakaraṇuttamassa savanādibyāpāraṃ vinā nānārammaṇesu pavattivasena vikkhepamanāpannena samāhitena cittenāti attho. ‘‘Avikkhittena…pe… nibodhathā’’ti vadantena ca ‘‘avikkhittassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo vikkhittassā’’ti vacanato vikkhittassa dhammesu dāyādābhāvato attano pakaraṇatthabhūtāya adhisīlasikkhāya sammāpaṭipajjanāpadeso kato hoti.
วทโต เมติ เอตฺถ ‘‘คารเวน จา’’ติ ปาฐเสโสฯ ตตฺถายมโตฺถ – ภาสมาเน มยิ คารเวน, ยถาวุเตฺตน การเณน จาติ สามิภุมฺมานมวิเสสตาย ‘‘เม’’ติ สามิวจนสฺส ‘‘มยี’’ติ อตฺถสมฺภวโต อยมโตฺถ วุโตฺตฯ ปกรณสฺส อนากุลตาทิคุณสมนฺนาคตตฺตา จ วตฺตริ มยิ คารเวน จ สมาหิเตน เจตสาติ อธิปฺปาโยฯ นิโพธถาติ วากฺยตฺถปทตฺถํ สนฺธายภาสิตตฺถภาวตฺถาทิวเสน นิเสสโต โพธถ, สกฺกจฺจํ สุตฺวา วินยวินิจฺฉยํ พุชฺฌถ วิชานาถาติ อโตฺถ, จินฺตาภาวนามยญาณานํ มูลภูตปกรณวิสยํ สุตมยญาณํ นิปฺผาเทถาติ อธิปฺปาโยฯ
Vadatometi ettha ‘‘gāravena cā’’ti pāṭhaseso. Tatthāyamattho – bhāsamāne mayi gāravena, yathāvuttena kāraṇena cāti sāmibhummānamavisesatāya ‘‘me’’ti sāmivacanassa ‘‘mayī’’ti atthasambhavato ayamattho vutto. Pakaraṇassa anākulatādiguṇasamannāgatattā ca vattari mayi gāravena ca samāhitena cetasāti adhippāyo. Nibodhathāti vākyatthapadatthaṃ sandhāyabhāsitatthabhāvatthādivasena nisesato bodhatha, sakkaccaṃ sutvā vinayavinicchayaṃ bujjhatha vijānāthāti attho, cintābhāvanāmayañāṇānaṃ mūlabhūtapakaraṇavisayaṃ sutamayañāṇaṃ nipphādethāti adhippāyo.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ganthārambhakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.