Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
อภิธมฺมปิฎเก
Abhidhammapiṭake
ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา
Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā
ธาตุกถาปกรณ-มูลฎีกา
Dhātukathāpakaraṇa-mūlaṭīkā
คนฺถารมฺภวณฺณนา
Ganthārambhavaṇṇanā
ธาตุกถาปกรณํ เทเสโนฺต ภควา ยสฺมิํ สมเย เทเสสิ, ตํ สมยํ ทเสฺสตุํ, วิภงฺคานนฺตรํ เทสิตสฺส ปกรณสฺส ธาตุกถาภาวํ ทเสฺสตุํ วา ‘‘อฎฺฐารสหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน เทวปุตฺตมารสฺส, อปฺปวตฺติกรณวเสน กิเลสาภิสงฺขารมารานํ, สมุทยปฺปหานปริญฺญาวเสน ขนฺธมารสฺส, มจฺจุมารสฺส จ โพธิมูเล เอว ภญฺชิตตฺตา ปรูปนิสฺสยรหิตํ นิรติสยํ ตํ ภญฺชนํ อุปาทาย ภควา เอว ‘‘มารภญฺชโน’’ติ โถมิโตฯ ตตฺถ มาเร อภเญฺชสิ, มารภญฺชนํ วา เอตสฺส, น ปรราชาทิภญฺชนนฺติ มารภญฺชโนฯ มหาวิกฺกโนฺต มหาวีริโยติ มหาวีโรฯ
Dhātukathāpakaraṇaṃ desento bhagavā yasmiṃ samaye desesi, taṃ samayaṃ dassetuṃ, vibhaṅgānantaraṃ desitassa pakaraṇassa dhātukathābhāvaṃ dassetuṃ vā ‘‘aṭṭhārasahī’’tiādimāha. Tattha balavidhamanavisayātikkamanavasena devaputtamārassa, appavattikaraṇavasena kilesābhisaṅkhāramārānaṃ, samudayappahānapariññāvasena khandhamārassa, maccumārassa ca bodhimūle eva bhañjitattā parūpanissayarahitaṃ niratisayaṃ taṃ bhañjanaṃ upādāya bhagavā eva ‘‘mārabhañjano’’ti thomito. Tattha māre abhañjesi, mārabhañjanaṃ vā etassa, na pararājādibhañjananti mārabhañjano. Mahāvikkanto mahāvīriyoti mahāvīro.
ขนฺธาทโย อรณนฺตา ธมฺมา สภาวเฎฺฐน ธาตุโย, อภิธมฺมกถาธิฎฺฐานเฎฺฐน วาติ กตฺวา เตสํ กถนโต อิมสฺส ปกรณสฺส ธาตุกถาติ อธิวจนํฯ ยทิปิ อเญฺญสุ จ ปกรเณสุ เต สภาวา กถิตา, เอตฺถ ปน เตสํ สเพฺพสํ สงฺคหาสงฺคหาทีสุ จุทฺทสสุ นเยสุ เอเกกสฺมิํ กถิตตฺตา สาติสยํ กถนนฺติ อิทเมว เอวํนามกํฯ เอกเทสกถนเมว หิ อญฺญตฺถ กตนฺติฯ ขนฺธายตนธาตูหิ วา ขนฺธาทีนํ อรณนฺตานํ สงฺคหาสงฺคหาทโย นยา วุตฺตาติ ตตฺถ มหาวิสยานํ ธาตูนํ วเสน ธาตูหิ กถา ธาตุกถาติ เอวํ อสฺส นามํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ทฺวิธา ติธา ฉธา อฎฺฐารสธาติ อเนกธา ธาตุเภทํ ปกาเสสีติ ธาตุเภทปฺปกาสโนติฯ ตสฺสตฺถนฺติ ตสฺสา ธาตุกถาย อตฺถํฯ อ-กาเร อา-การสฺส โลโป ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘ยํ ธาตุกถ’’นฺติ วา เอตฺถ ปกรณนฺติ วจนเสโส สตฺตนฺนํ ปกรณานํ กเมน วณฺณนาย ปวตฺตตฺตาติ เตน โยชนํ กตฺวา ตสฺส ปกรณสฺส อตฺถํ ตสฺสตฺถนฺติ อ-การโลโป วาฯ ตนฺติ ตํ ทีปนํ สุณาถ, ตํ วา อตฺถํ ตํทีปนวจนสวเนน อุปธาเรถาติ อโตฺถฯ สมาหิตาติ นานากิเจฺจหิ อวิกฺขิตฺตจิตฺตา, อตฺตโน จิเตฺต อาหิตาติ วา อโตฺถฯ
Khandhādayo araṇantā dhammā sabhāvaṭṭhena dhātuyo, abhidhammakathādhiṭṭhānaṭṭhena vāti katvā tesaṃ kathanato imassa pakaraṇassa dhātukathāti adhivacanaṃ. Yadipi aññesu ca pakaraṇesu te sabhāvā kathitā, ettha pana tesaṃ sabbesaṃ saṅgahāsaṅgahādīsu cuddasasu nayesu ekekasmiṃ kathitattā sātisayaṃ kathananti idameva evaṃnāmakaṃ. Ekadesakathanameva hi aññattha katanti. Khandhāyatanadhātūhi vā khandhādīnaṃ araṇantānaṃ saṅgahāsaṅgahādayo nayā vuttāti tattha mahāvisayānaṃ dhātūnaṃ vasena dhātūhi kathā dhātukathāti evaṃ assa nāmaṃ vuttanti veditabbaṃ. Dvidhā tidhā chadhā aṭṭhārasadhāti anekadhā dhātubhedaṃ pakāsesīti dhātubhedappakāsanoti. Tassatthanti tassā dhātukathāya atthaṃ. A-kāre ā-kārassa lopo daṭṭhabbo. ‘‘Yaṃ dhātukatha’’nti vā ettha pakaraṇanti vacanaseso sattannaṃ pakaraṇānaṃ kamena vaṇṇanāya pavattattāti tena yojanaṃ katvā tassa pakaraṇassa atthaṃ tassatthanti a-kāralopo vā. Tanti taṃ dīpanaṃ suṇātha, taṃ vā atthaṃ taṃdīpanavacanasavanena upadhārethāti attho. Samāhitāti nānākiccehi avikkhittacittā, attano citte āhitāti vā attho.
คนฺถารมฺภวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ganthārambhavaṇṇanā niṭṭhitā.