Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. คารวสุตฺตวณฺณนา
2. Gāravasuttavaṇṇanā
๑๗๓. อยํ วิตโกฺกติ อยํ ‘‘กินฺตาหํ วิหเรยฺย’’นฺติ เอวํ ปวตฺติตวิตโกฺกฯ อญฺญสฺมินฺติ ปรสฺมิํฯ อตฺตา น โหตีติ หิ อโญฺญ, ปโรฯ โส ปเนตฺถ น โย โกจิ อธิเปฺปโต, อถ โข ครุฎฺฐานีโยฯ เตนาห ‘‘กญฺจิ ครุฎฺฐาเน อฎฺฐเปตฺวา’’ติฯ ปติสฺสวติ ครุโน ‘‘อามา’’ติ สมฺปฎิจฺฉตีติ ปติโสฺส, น ปติโสฺสติ อปฺปติโสฺสฯ ปติสฺสยรหิโต ครุปสฺสยรหิโตติ อโตฺถฯ
173.Ayaṃvitakkoti ayaṃ ‘‘kintāhaṃ vihareyya’’nti evaṃ pavattitavitakko. Aññasminti parasmiṃ. Attā na hotīti hi añño, paro. So panettha na yo koci adhippeto, atha kho garuṭṭhānīyo. Tenāha ‘‘kañci garuṭṭhāne aṭṭhapetvā’’ti. Patissavati garuno ‘‘āmā’’ti sampaṭicchatīti patisso, na patissoti appatisso. Patissayarahito garupassayarahitoti attho.
สเทวเกติ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสโตฺถฯ สเทวกคฺคหเณน ปญฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสญาเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ สงฺคหิตตฺตา, สมารกคฺคหเณน ฉฎฺฐกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺติญาเยนฯ ตตฺถ หิ มาโร ชาโต ตนฺนิวาสี จ โหติฯ สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ ปจฺจาสตฺติญาเยเนวฯ ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชายา’’ติ สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกสมณพฺราหฺมณคฺคหณํฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ อปจฺจตฺถิกานํ อสมิตปาปานํ อพาหิตปาปานญฺจ สมณพฺราหฺมณานํ เตเนว วจเนน คหิตตฺตาฯ กามํ ‘‘สเทวเก’’ติอาทิวิเสสนานํ วเสน สตฺตวิสโย โลกสโทฺทติ วิญฺญายติ ตุลฺยโยควิสยตฺตา เตสํฯ ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน อตุลฺยโยเคปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต ปชาคหณนฺติ ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํฯ เทวภาวสามเญฺญน มารพฺรเหฺมสุ คหิเตสุปิ อิตเรหิ เตสํ ลพฺภมานวิเสสทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มาโร นามา’’ติอาทิมาหฯ มาโร พฺรหฺมานมฺปิ วิจกฺขุกมฺมาย ปโหตีติ อาห ‘‘สเพฺพส’’นฺติฯ อุปรีติ อุปริภาเวฯ พฺรหฺมาติ ทสสหสฺสิพฺรหฺมานํ สนฺธายาหฯ ตถา จาห ‘‘ทสหิ องฺคุลีหี’’ติอาทิฯ อิธ ทีฆนิกายาทโย วิย พาหิรกานมฺปิ คนฺถนิกาโย ลพฺภตีติ อาห ‘‘เอกนิกายาทิวเสนา’’ติฯ
Sadevaketi avayavena viggaho samudāyo samāsattho. Sadevakaggahaṇena pañcakāmāvacaradevaggahaṇaṃ pārisesañāyena itaresaṃ padantarehi saṅgahitattā, samārakaggahaṇena chaṭṭhakāmāvacaradevaggahaṇaṃ paccāsattiñāyena. Tattha hi māro jāto tannivāsī ca hoti. Sabrahmakavacanena brahmakāyikādibrahmaggahaṇaṃ paccāsattiñāyeneva. ‘‘Sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāyā’’ti sāsanassa paccatthikasamaṇabrāhmaṇaggahaṇaṃ. Nidassanamattañcetaṃ apaccatthikānaṃ asamitapāpānaṃ abāhitapāpānañca samaṇabrāhmaṇānaṃ teneva vacanena gahitattā. Kāmaṃ ‘‘sadevake’’tiādivisesanānaṃ vasena sattavisayo lokasaddoti viññāyati tulyayogavisayattā tesaṃ. ‘‘Salomako sapakkhako’’tiādīsu pana atulyayogepi ayaṃ samāso labbhatīti byabhicāradassanato pajāgahaṇanti pajāvacanena sattalokaggahaṇaṃ. Devabhāvasāmaññena mārabrahmesu gahitesupi itarehi tesaṃ labbhamānavisesadassanatthaṃ visuṃ gahaṇanti dassento ‘‘māro nāmā’’tiādimāha. Māro brahmānampi vicakkhukammāya pahotīti āha ‘‘sabbesa’’nti. Uparīti uparibhāve. Brahmāti dasasahassibrahmānaṃ sandhāyāha. Tathā cāha ‘‘dasahi aṅgulīhī’’tiādi. Idha dīghanikāyādayo viya bāhirakānampi ganthanikāyo labbhatīti āha ‘‘ekanikāyādivasenā’’ti.
วตฺถุวิชฺชาทีติ อาทิ-สเทฺทน วิชฺชาฎฺฐานานิ สงฺคหิตานิฯ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ ปชาตตฺตา นิพฺพตฺตตฺตา ปชา, สตฺตนิกาโยฯ ตสฺสา ปชายฯ สเทวมนุสฺสายาติ วา อิมินา สมฺมุติเทวคฺคหณํ ตทวสิฎฺฐมนุสฺสโลกคฺคหณญฺจ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวํ ภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โลกวเสน วุตฺตานิ ‘‘โลกียนฺติ เอตฺถ กมฺมกมฺมผลานี’’ติ กตฺวา, ปชาวเสน ‘‘เหตุปจฺจเยหิ ปชายตี’’ติ กตฺวาฯ สีลสมฺปนฺนตรนฺติ เอตฺถ ปริปุณฺณสมฺปนฺนตา อธิเปฺปตา ‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทาร’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๔.๑) วิยฯ เตนาห ‘‘อธิกตรนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ปริปุณฺณมฺปิ ‘‘อธิกตร’’นฺติ วตฺตพฺพตมรหติฯ เสเสสูติ ‘‘สมาธิสมฺปนฺนตร’’นฺติอาทีสุฯ
Vatthuvijjādīti ādi-saddena vijjāṭṭhānāni saṅgahitāni. Yathāsakaṃ kammakilesehi pajātattā nibbattattā pajā, sattanikāyo. Tassā pajāya. Sadevamanussāyāti vā iminā sammutidevaggahaṇaṃ tadavasiṭṭhamanussalokaggahaṇañca daṭṭhabbaṃ. Evaṃ bhāgaso lokaṃ gahetvā yojanaṃ dassetvā idāni abhāgaso lokaṃ gahetvā yojanaṃ dassetuṃ ‘‘apicetthā’’tiādi vuttaṃ. Lokavasena vuttāni ‘‘lokīyanti ettha kammakammaphalānī’’ti katvā, pajāvasena ‘‘hetupaccayehi pajāyatī’’ti katvā. Sīlasampannataranti ettha paripuṇṇasampannatā adhippetā ‘‘sampannaṃ sālikedāra’’ntiādīsu (jā. 1.14.1) viya. Tenāha ‘‘adhikataranti attho’’ti. Paripuṇṇampi ‘‘adhikatara’’nti vattabbatamarahati. Sesesūti ‘‘samādhisampannatara’’ntiādīsu.
การณนฺติอาทีสุ การณนฺติ ยุตฺติํฯ อตฺถนฺติ อวิปรีตตฺถํฯ วุฑฺฒินฺติ อภิวุฑฺฒินิมิตฺตํฯ
Kāraṇantiādīsu kāraṇanti yuttiṃ. Atthanti aviparītatthaṃ. Vuḍḍhinti abhivuḍḍhinimittaṃ.
อิมินา วจเนนาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต อนนฺตรํ วุตฺตวจเนนฯ น เกวลํ อิมินาว, สุตฺตนฺตรมฺปิ อาเนตฺวา ปฎิพาหิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เม อาจริโย อตฺถี’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๖๒) วุตฺตเมวฯ สรนฺติ กรเณ เอตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘สรเนฺตนา’’ติ, สรนฺติ วา สรณเหตูติ อโตฺถฯ
Iminā vacanenāti imasmiṃ sutte anantaraṃ vuttavacanena. Na kevalaṃ imināva, suttantarampi ānetvā paṭibāhitabboti dassento ‘‘na me ācariyo atthī’’tiādimāha. Ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya (dī. ni. aṭṭha. 3.162) vuttameva. Saranti karaṇe etaṃ paccattavacananti āha ‘‘sarantenā’’ti, saranti vā saraṇahetūti attho.
คารวสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gāravasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. คารวสุตฺตํ • 2. Gāravasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. คารวสุตฺตวณฺณนา • 2. Gāravasuttavaṇṇanā