Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā

    ๓๐. ครุภณฺฑวินิจฺฉยกถา

    30. Garubhaṇḍavinicchayakathā

    ๒๒๗. ครุภณฺฑานีติ เอตฺถ ‘‘ปญฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อวิสฺสชฺชิยานิ น วิสฺสเชฺชตพฺพานิ สเงฺฆน วา คเณน วา ปุคฺคเลน วา, วิสฺสชฺชิตานิปิ อวิสฺสชฺชิตานิ โหนฺติ, โย วิสฺสเชฺชยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทินา (จูฬว. ๓๒๑) นเยน ทสฺสิตานิ อาราโม อารามวตฺถุ, วิหาโร วิหารวตฺถุ, มโญฺจ ปีฐํ ภิสิ พิโมฺพหนํ, โลหกุมฺภี โลหภาณกํ โลหวารโก โลหกฎาหํ วาสิ ผรสุ กุฐารี กุทาโล นิขาทนํ, วลฺลิ เวฬุ มุญฺชํ ปพฺพชํ ติณํ มตฺติกา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑนฺติ อิมานิ ปญฺจ ครุภณฺฑานิ นามฯ

    227.Garubhaṇḍānīti ettha ‘‘pañcimāni, bhikkhave, avissajjiyāni na vissajjetabbāni saṅghena vā gaṇena vā puggalena vā, vissajjitānipi avissajjitāni honti, yo vissajjeyya, āpatti thullaccayassā’’tiādinā (cūḷava. 321) nayena dassitāni ārāmo ārāmavatthu, vihāro vihāravatthu, mañco pīṭhaṃ bhisi bimbohanaṃ, lohakumbhī lohabhāṇakaṃ lohavārako lohakaṭāhaṃ vāsi pharasu kuṭhārī kudālo nikhādanaṃ, valli veḷu muñjaṃ pabbajaṃ tiṇaṃ mattikā dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍanti imāni pañca garubhaṇḍāni nāma.

    ตตฺถ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อาราโม นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วาฯ อารามวตฺถุ นาม เตสํเยว อารามานํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ฐปิโตกาโส, เตสุ วา อาราเมสุ วินเฎฺฐสุ เตสํ โปราณกภูมิภาโคฯ วิหาโร นาม ยํ กิญฺจิ ปาสาทาทิ เสนาสนํฯ วิหารวตฺถุ นาม ตสฺส ปติฎฺฐาโนกาโสฯ มโญฺจ นาม มสารโก พุนฺทิกาพโทฺธ กุฬีรปาทโก อาหจฺจปาทโกติ อิเมสํ จตุนฺนํ มญฺจานํ อญฺญตโรฯ ปีฐํ นาม มสารกาทีนํเยว จตุนฺนํ ปีฐานํ อญฺญตรํฯ ภิสิ นาม อุณฺณภิสิอาทีนํ ปญฺจนฺนํ อญฺญตราฯ พิโมฺพหนํ นาม รุกฺขตูลลตาตูลโปฎกีตูลานํ อญฺญตรํฯ โลหกุมฺภี นาม กาฬโลเหน วา ตมฺพโลเหน วา เยน เกนจิ โลเหน กตกุมฺภีฯ โลหภาณกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน ภาณกนฺติ อรญฺชโร วุจฺจติฯ วารโกติ ฆโฎฯ กฎาหํ กฎาหเมวฯ วาสิอาทีสุ วลฺลิอาทีสุ จ ทุวิเญฺญยฺยํ นาม นตฺถิฯ ปญฺจาติ จ ราสิวเสน วุตฺตํ, สรูปวเสน ปเนตานิ ปญฺจวีสติวิธานิ โหนฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Tattha (cūḷava. aṭṭha. 321) ārāmo nāma pupphārāmo vā phalārāmo vā. Ārāmavatthu nāma tesaṃyeva ārāmānaṃ atthāya paricchinditvā ṭhapitokāso, tesu vā ārāmesu vinaṭṭhesu tesaṃ porāṇakabhūmibhāgo. Vihāro nāma yaṃ kiñci pāsādādi senāsanaṃ. Vihāravatthu nāma tassa patiṭṭhānokāso. Mañco nāma masārako bundikābaddho kuḷīrapādako āhaccapādakoti imesaṃ catunnaṃ mañcānaṃ aññataro. Pīṭhaṃ nāma masārakādīnaṃyeva catunnaṃ pīṭhānaṃ aññataraṃ. Bhisi nāma uṇṇabhisiādīnaṃ pañcannaṃ aññatarā. Bimbohanaṃ nāma rukkhatūlalatātūlapoṭakītūlānaṃ aññataraṃ. Lohakumbhī nāma kāḷalohena vā tambalohena vā yena kenaci lohena katakumbhī. Lohabhāṇakādīsupi eseva nayo. Ettha pana bhāṇakanti arañjaro vuccati. Vārakoti ghaṭo. Kaṭāhaṃ kaṭāhameva. Vāsiādīsu valliādīsu ca duviññeyyaṃ nāma natthi. Pañcāti ca rāsivasena vuttaṃ, sarūpavasena panetāni pañcavīsatividhāni honti. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ทฺวิสงฺคหานิ เทฺว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;

    ‘‘Dvisaṅgahāni dve honti, tatiyaṃ catusaṅgahaṃ;

    จตุตฺถํ นวโกฎฺฐาสํ, ปญฺจมํ อฎฺฐเภทนํฯ

    Catutthaṃ navakoṭṭhāsaṃ, pañcamaṃ aṭṭhabhedanaṃ.

    ‘‘อิติ ปญฺจหิ ราสีหิ, ปญฺจนิมฺมลโลจโน;

    ‘‘Iti pañcahi rāsīhi, pañcanimmalalocano;

    ปญฺจวีสวิธํ นาโถ, ครุภณฺฑํ ปกาสยี’’ติฯ

    Pañcavīsavidhaṃ nātho, garubhaṇḍaṃ pakāsayī’’ti.

    ตตฺรายํ วินิจฺฉยกถา – อิทญฺหิ สพฺพมฺปิ ครุภณฺฑํ เสนาสนกฺขนฺธเก ‘‘อวิสฺสชฺชิย’’นฺติ วุตฺตํ, กีฎาคิริวตฺถุสฺมิํ ‘‘อเวภงฺคิย’’นฺติ ทสฺสิตํ, ปริวาเร ปน –

    Tatrāyaṃ vinicchayakathā – idañhi sabbampi garubhaṇḍaṃ senāsanakkhandhake ‘‘avissajjiya’’nti vuttaṃ, kīṭāgirivatthusmiṃ ‘‘avebhaṅgiya’’nti dassitaṃ, parivāre pana –

    ‘‘อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิยํ,

    ‘‘Avissajjiyaṃ avebhaṅgiyaṃ,

    ปญฺจ วุตฺตา มเหสินา;

    Pañca vuttā mahesinā;

    วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติ,

    Vissajjentassa paribhuñjantassa anāpatti,

    ปญฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๗๙) –

    Pañhāmesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 479) –

    อาคตํฯ ตสฺมา มูลเจฺฉชฺชวเสน อวิสฺสชฺชิยญฺจ อเวภงฺคิยญฺจ, ปริวตฺตนวเสน ปน วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ปริภุญฺชนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ

    Āgataṃ. Tasmā mūlacchejjavasena avissajjiyañca avebhaṅgiyañca, parivattanavasena pana vissajjentassa paribhuñjantassa ca anāpattīti evamettha adhippāyo veditabbo.

    ๒๒๘. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อิทํ ตาว ปญฺจวิธมฺปิ จีวรปิณฺฑปาตเภสชฺชตฺถาย อุปเนตุํ น วฎฺฎติ, ถาวเรน จ ถาวรํ, ครุภเณฺฑน จ ครุภณฺฑํ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ ถาวเร ปน เขตฺตํ วตฺถุ ตฬากํ มาติกาติ เอวรูปํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิจาเรตุํ วา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วา อธิวาเสตุํ วา น วฎฺฎติ, กปฺปิยการเกเหว วิจาริตโต กปฺปิยภณฺฑํ วฎฺฎติฯ อาราเมน ปน อารามํ อารามวตฺถุํ วิหารํ วิหารวตฺถุนฺติ อิมานิ จตฺตาริปิ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ

    228. Tatrāyaṃ anupubbikathā – idaṃ tāva pañcavidhampi cīvarapiṇḍapātabhesajjatthāya upanetuṃ na vaṭṭati, thāvarena ca thāvaraṃ, garubhaṇḍena ca garubhaṇḍaṃ parivattetuṃ vaṭṭati. Thāvare pana khettaṃ vatthu taḷākaṃ mātikāti evarūpaṃ bhikkhusaṅghassa vicāretuṃ vā sampaṭicchituṃ vā adhivāsetuṃ vā na vaṭṭati, kappiyakārakeheva vicāritato kappiyabhaṇḍaṃ vaṭṭati. Ārāmena pana ārāmaṃ ārāmavatthuṃ vihāraṃ vihāravatthunti imāni cattāripi parivattetuṃ vaṭṭati.

    ตตฺรายํ ปริวตฺตนนโย – สงฺฆสฺส นาฬิเกราราโม ทูเร โหติ, กปฺปิยการกา พหุตรํ ขาทนฺติ, ยมฺปิ น ขาทนฺติ, ตโต สกฎเวตนํ ทตฺวา อปฺปเมว อาหรนฺติ, อเญฺญสํ ปน ตสฺส อารามสฺส อวิทูเร คามวาสีนํ มนุสฺสานํ วิหารสฺส สมีเป อาราโม โหติ, เต สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา สเกน อาราเมน ตํ อารามํ ยาจนฺติ, สเงฺฆน ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ อปโลเกตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ สเจปิ ภิกฺขูนํ รุกฺขสหสฺสํ โหติ, มนุสฺสานํ ปญฺจ สตานิ, ‘‘ตุมฺหากํ อาราโม ขุทฺทโก’’ติ น วตฺตพฺพํฯ กิญฺจาปิ หิ อยํ ขุทฺทโก, อถ โข อิตรโต พหุตรํ อายํ เทติฯ สเจปิ สมกเมว เทติ, เอวมฺปิ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ปริภุญฺชิตุํ สกฺกาติ คเหตพฺพเมวฯ สเจ ปน มนุสฺสานํ พหุตรา รุกฺขา โหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ พหุตรา รุกฺขา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘อติเรกํ อมฺหากํ ปุญฺญํ โหตุ, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ รุกฺขา ผลธาริโน, มนุสฺสานํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติ, กิญฺจาปิ น คณฺหนฺติ, ‘‘น จิเรน คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพเมวฯ มนุสฺสานํ รุกฺขา ผลธาริโน, ภิกฺขูนํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ รุกฺขา ผลธาริโน’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสตี’’ติ เทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ อาราเมน อาราโม ปริวเตฺตตโพฺพฯ เอเตเนว นเยน อารามวตฺถุปิ วิหาโรปิ วิหารวตฺถุปิ อาราเมน ปริวเตฺตตพฺพํ, อารามวตฺถุนา จ มหเนฺตน วา ขุทฺทเกน วา อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถูนิฯ

    Tatrāyaṃ parivattananayo – saṅghassa nāḷikerārāmo dūre hoti, kappiyakārakā bahutaraṃ khādanti, yampi na khādanti, tato sakaṭavetanaṃ datvā appameva āharanti, aññesaṃ pana tassa ārāmassa avidūre gāmavāsīnaṃ manussānaṃ vihārassa samīpe ārāmo hoti, te saṅghaṃ upasaṅkamitvā sakena ārāmena taṃ ārāmaṃ yācanti, saṅghena ‘‘ruccati saṅghassā’’ti apaloketvā sampaṭicchitabbo. Sacepi bhikkhūnaṃ rukkhasahassaṃ hoti, manussānaṃ pañca satāni, ‘‘tumhākaṃ ārāmo khuddako’’ti na vattabbaṃ. Kiñcāpi hi ayaṃ khuddako, atha kho itarato bahutaraṃ āyaṃ deti. Sacepi samakameva deti, evampi icchiticchitakkhaṇe paribhuñjituṃ sakkāti gahetabbameva. Sace pana manussānaṃ bahutarā rukkhā honti, ‘‘nanu tumhākaṃ bahutarā rukkhā’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘atirekaṃ amhākaṃ puññaṃ hotu, saṅghassa demā’’ti vadanti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ rukkhā phaladhārino, manussānaṃ rukkhā na tāva phalaṃ gaṇhanti, kiñcāpi na gaṇhanti, ‘‘na cirena gaṇhissantī’’ti sampaṭicchitabbameva. Manussānaṃ rukkhā phaladhārino, bhikkhūnaṃ rukkhā na tāva phalaṃ gaṇhanti, ‘‘nanu tumhākaṃ rukkhā phaladhārino’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘gaṇhatha, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissatī’’ti denti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Evaṃ ārāmena ārāmo parivattetabbo. Eteneva nayena ārāmavatthupi vihāropi vihāravatthupi ārāmena parivattetabbaṃ, ārāmavatthunā ca mahantena vā khuddakena vā ārāmaārāmavatthuvihāravihāravatthūni.

    กถํ วิหาเรน วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพ? สงฺฆสฺส อโนฺตคาเม เคหํ โหติ, มนุสฺสานํ วิหารมเชฺฌ ปาสาโท โหติ, อุโภปิ อเคฺฆน สมกา, สเจ มนุสฺสา เตน ปาสาเทน ตํ เคหํ ยาจนฺติ, สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ เจ มหคฺฆตรํ เคหํ โหติ, ‘‘มหคฺฆตรํ อมฺหากํ เคห’’นฺติ วุเตฺต จ ‘‘กิญฺจาปิ มหคฺฆตรํ ปพฺพชิตานํ อสารุปฺปํ, น สกฺกา ตตฺถ ปพฺพชิเตหิ วสิตุํ, อิทํ ปน สารุปฺปํ, คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, เอวมฺปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน มนุสฺสานํ มหคฺฆํ โหติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ เคหํ มหคฺฆ’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘โหตุ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสติ, คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ปน สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เอวมฺปิ วิหาเรน วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพฯ เอเตเนว นเยน วิหารวตฺถุปิ อาราโมปิ อารามวตฺถุปิ วิหาเรน ปริวเตฺตตพฺพํ, วิหารวตฺถุนา จ มหเคฺฆน วา อปฺปเคฺฆน วา วิหารวิหารวตฺถุอารามอารามวตฺถูนิฯ เอวํ ถาวเรน ถาวรปริวตฺตนํ เวทิตพฺพํฯ

    Kathaṃ vihārena vihāro parivattetabbo? Saṅghassa antogāme gehaṃ hoti, manussānaṃ vihāramajjhe pāsādo hoti, ubhopi agghena samakā, sace manussā tena pāsādena taṃ gehaṃ yācanti, sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ ce mahagghataraṃ gehaṃ hoti, ‘‘mahagghataraṃ amhākaṃ geha’’nti vutte ca ‘‘kiñcāpi mahagghataraṃ pabbajitānaṃ asāruppaṃ, na sakkā tattha pabbajitehi vasituṃ, idaṃ pana sāruppaṃ, gaṇhathā’’ti vadanti, evampi sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Sace pana manussānaṃ mahagghaṃ hoti, ‘‘nanu tumhākaṃ gehaṃ mahaggha’’nti vattabbaṃ. ‘‘Hotu, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissati, gaṇhathā’’ti vutte pana sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Evampi vihārena vihāro parivattetabbo. Eteneva nayena vihāravatthupi ārāmopi ārāmavatthupi vihārena parivattetabbaṃ, vihāravatthunā ca mahagghena vā appagghena vā vihāravihāravatthuārāmaārāmavatthūni. Evaṃ thāvarena thāvaraparivattanaṃ veditabbaṃ.

    ครุภเณฺฑน ครุภณฺฑปริวตฺตเน ปน มญฺจปีฐํ มหนฺตํ วา โหตุ ขุทฺทกํ วา, อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬเนฺตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํ โหติฯ สเจปิ ราชราชมหามตฺตาทโย เอกปฺปหาเรเนว มญฺจสตํ วา มญฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สเพฺพ กปฺปิยมญฺจา สมฺปฎิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘วุฑฺฒปฎิปาฎิยา สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตพฺพา, ปุคฺคลิกวเสน น ทาตพฺพาฯ อติเรกมเญฺจ ภณฺฑาคาราทีสุ ปญฺญเปตฺวา ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ พหิสีมาย ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนมโญฺจ สงฺฆเตฺถรสฺส วสนฎฺฐาเน ทาตโพฺพฯ ตตฺถ เจ พหู มญฺจา โหนฺติ, มเญฺจน กมฺมํ นตฺถิฯ ยสฺส วสนฎฺฐาเน กมฺมํ อตฺถิ, ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตโพฺพฯ มหเคฺฆน สตคฺฆนเกน วา สหสฺสคฺฆนเกน วา มเญฺจน อญฺญํ มญฺจสตํ ลภติ, ปริวเตฺตตฺวา คเหตพฺพํฯ น เกวลํ มเญฺจน มโญฺจเยว, อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุปีฐภิสิพิโมฺพหนานิปิ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎนฺติฯ เอส นโย ปีฐภิสิพิโมฺพหเนสุปิฯ เอเตสุ ปน อกปฺปิยํ น ปริภุญฺชิตพฺพํ, กปฺปิยํ สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อกปฺปิยํ วา มหคฺฆํ กปฺปิยํ วา ปริวเตฺตตฺวา วุตฺตวตฺถูนิ คเหตพฺพานิฯ อครุภณฺฑุปคํ ปน ภิสิพิโมฺพหนํ นาม นตฺถิฯ

    Garubhaṇḍena garubhaṇḍaparivattane pana mañcapīṭhaṃ mahantaṃ vā hotu khuddakaṃ vā, antamaso caturaṅgulapādakaṃ gāmadārakehi paṃsvāgārakesu kīḷantehi katampi saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ hoti. Sacepi rājarājamahāmattādayo ekappahāreneva mañcasataṃ vā mañcasahassaṃ vā denti, sabbe kappiyamañcā sampaṭicchitabbā, sampaṭicchitvā ‘‘vuḍḍhapaṭipāṭiyā saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbā, puggalikavasena na dātabbā. Atirekamañce bhaṇḍāgārādīsu paññapetvā pattacīvaraṃ nikkhipitumpi vaṭṭati. Bahisīmāya ‘‘saṅghassa demā’’ti dinnamañco saṅghattherassa vasanaṭṭhāne dātabbo. Tattha ce bahū mañcā honti, mañcena kammaṃ natthi. Yassa vasanaṭṭhāne kammaṃ atthi, tattha ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbo. Mahagghena satagghanakena vā sahassagghanakena vā mañcena aññaṃ mañcasataṃ labhati, parivattetvā gahetabbaṃ. Na kevalaṃ mañcena mañcoyeva, ārāmaārāmavatthuvihāravihāravatthupīṭhabhisibimbohanānipi parivattetuṃ vaṭṭanti. Esa nayo pīṭhabhisibimbohanesupi. Etesu pana akappiyaṃ na paribhuñjitabbaṃ, kappiyaṃ saṅghikaparibhogena paribhuñjitabbaṃ. Akappiyaṃ vā mahagghaṃ kappiyaṃ vā parivattetvā vuttavatthūni gahetabbāni. Agarubhaṇḍupagaṃ pana bhisibimbohanaṃ nāma natthi.

    ๒๒๙. โลหกุมฺภี โลหภาณกํ โลหกฎาหนฺติ อิมานิ ตีณิ มหนฺตานิ วา โหนฺตุ ขุทฺทกานิ วา, อนฺตมโส ปสตมตฺตอุทกคณฺหนกานิปิ ครุภณฺฑานิเยวฯ โลหวารโก ปน กาฬโลหตมฺพโลหวฎฺฎโลหกํสโลหานํ เยน เกนจิ กโต สีหฬทีเป ปาทคณฺหนโก ภาเชตโพฺพฯ ปาโท จ นาม มคธนาฬิยา ปญฺจนาฬิมตฺตํ คณฺหาติ , ตโต อติเรกคณฺหนโก ครุภณฺฑํฯ อิมานิ ตาว ปาฬิยํ อาคตานิ โลหภาชนานิฯ ปาฬิยํ ปน อนาคตานิ ภิงฺคารปฎิคฺคหอุฬอุงฺกทพฺพิกฎจฺฉุปาติตฎฺฎกสรกสมุคฺคองฺคารกปลฺลธูมกฎจฺฉุอาทีนิ ขุทฺทกานิ วา มหนฺตานิ วา สพฺพานิ ครุภณฺฑานิฯ ปโตฺต อยถาลกํ ตมฺพโลหถาลกนฺติ อิมานิ ปน ภาชนียานิฯ กํสโลหวฎฺฎโลหภาชนวิกติ สงฺฆิกปริโภเคน วา คิหิวิกฎา วา วฎฺฎติ, ปุคฺคลิกปริโภเคน น วฎฺฎติฯ กํสโลหาทิภาชนํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ หิ ปาริหาริยํ น วฎฺฎติ, คิหิวิกฎนีหาเรเนว ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ

    229.Lohakumbhī lohabhāṇakaṃ lohakaṭāhanti imāni tīṇi mahantāni vā hontu khuddakāni vā, antamaso pasatamattaudakagaṇhanakānipi garubhaṇḍāniyeva. Lohavārako pana kāḷalohatambalohavaṭṭalohakaṃsalohānaṃ yena kenaci kato sīhaḷadīpe pādagaṇhanako bhājetabbo. Pādo ca nāma magadhanāḷiyā pañcanāḷimattaṃ gaṇhāti , tato atirekagaṇhanako garubhaṇḍaṃ. Imāni tāva pāḷiyaṃ āgatāni lohabhājanāni. Pāḷiyaṃ pana anāgatāni bhiṅgārapaṭiggahauḷauṅkadabbikaṭacchupātitaṭṭakasarakasamuggaaṅgārakapalladhūmakaṭacchuādīni khuddakāni vā mahantāni vā sabbāni garubhaṇḍāni. Patto ayathālakaṃ tambalohathālakanti imāni pana bhājanīyāni. Kaṃsalohavaṭṭalohabhājanavikati saṅghikaparibhogena vā gihivikaṭā vā vaṭṭati, puggalikaparibhogena na vaṭṭati. Kaṃsalohādibhājanaṃ saṅghassa dinnampi hi pārihāriyaṃ na vaṭṭati, gihivikaṭanīhāreneva paribhuñjitabbanti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ.

    ฐเปตฺวา ปน ภาชนวิกติํ อญฺญสฺมิมฺปิ กปฺปิยโลหภเณฺฑ อญฺชนี อญฺชนิสลากา กณฺณมลหรณี สูจิ ปณฺณสูจิ ขุทฺทโก ปิปฺผลโก ขุทฺทกํ อารกณฺฎกํ กุญฺจิกา ตาฬํ กตฺตรยฎฺฐิ เวธโก นตฺถุทานํ ภิณฺฑิวาโล โลหกูโฎ โลหกุตฺติ โลหคุโฬ โลหปิณฺฑิ โลหจกฺกลิกํ อญฺญมฺปิ วิปฺปกตโลหภณฺฑํ ภาชนียํฯ ธูมเนตฺตผาลทีปรุกฺขทีปกปลฺลกโอลมฺพกทีปอิตฺถิปุริสติรจฺฉานคตรูปกานิ ปน อญฺญานิ วา ภิตฺติจฺฉทนกวาฎาทีสุ อุปเนตพฺพานิ อนฺตมโส โลหขิลกํ อุปาทาย สพฺพานิ โลหภณฺฑานิ ครุภณฺฑานิเยว โหนฺติ, อตฺตนา ลทฺธานิปิ ปริหริตฺวา ปุคฺคลิกปริโภเคน น ปริภุญฺชิตพฺพานิ, สงฺฆิกปริโภเคน วา คิหิวิกฎานิ วา วฎฺฎนฺติฯ ติปุภเณฺฑปิ เอเสว นโยฯ ขีรปาสาณมยานิ ตฎฺฎกสรกาทีนิ ครุภณฺฑานิเยวฯ

    Ṭhapetvā pana bhājanavikatiṃ aññasmimpi kappiyalohabhaṇḍe añjanī añjanisalākā kaṇṇamalaharaṇī sūci paṇṇasūci khuddako pipphalako khuddakaṃ ārakaṇṭakaṃ kuñcikā tāḷaṃ kattarayaṭṭhi vedhako natthudānaṃ bhiṇḍivālo lohakūṭo lohakutti lohaguḷo lohapiṇḍi lohacakkalikaṃ aññampi vippakatalohabhaṇḍaṃ bhājanīyaṃ. Dhūmanettaphāladīparukkhadīpakapallakaolambakadīpaitthipurisatiracchānagatarūpakāni pana aññāni vā bhitticchadanakavāṭādīsu upanetabbāni antamaso lohakhilakaṃ upādāya sabbāni lohabhaṇḍāni garubhaṇḍāniyeva honti, attanā laddhānipi pariharitvā puggalikaparibhogena na paribhuñjitabbāni, saṅghikaparibhogena vā gihivikaṭāni vā vaṭṭanti. Tipubhaṇḍepi eseva nayo. Khīrapāsāṇamayāni taṭṭakasarakādīni garubhaṇḍāniyeva.

    ฆฎโก ปน เตลภาชนํ วา ปาทคณฺหนกโต อติเรกเมว ครุภณฺฑํฯ สุวณฺณรชตหารกูฎชาติผลิกภาชนานิ คิหิวิกฎานิปิ น วฎฺฎนฺติ, ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วาฯ เสนาสนปริโภเค ปน อามาสมฺปิ อนามาสมฺปิ สพฺพํ วฎฺฎติฯ

    Ghaṭako pana telabhājanaṃ vā pādagaṇhanakato atirekameva garubhaṇḍaṃ. Suvaṇṇarajatahārakūṭajātiphalikabhājanāni gihivikaṭānipi na vaṭṭanti, pageva saṅghikaparibhogena vā puggalikaparibhogena vā. Senāsanaparibhoge pana āmāsampi anāmāsampi sabbaṃ vaṭṭati.

    วาสิอาทีสุ ยาย วาสิยา ฐเปตฺวา ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนํ วา อุจฺฉุตจฺฉนํ วา อญฺญํ มหากมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, อยํ ภาชนียาฯ ตโต มหนฺตตรา เยน เกนจิ อากาเรน กตา วาสิ ครุภณฺฑเมวฯ ผรสุ ปน อนฺตมโส เวชฺชานํ สิราเวธนผรสุปิ ครุภณฺฑเมวฯ กุฐาริยํ ผรสุสทิโสเยว วินิจฺฉโยฯ ยา ปน อาวุธสเงฺขเปน กตา, อยํ อนามาสาฯ กุทาโล อนฺตมโส จตุรงฺคุลมโตฺตปิ ครุภณฺฑเมวฯ นิขาทนํ จตุรสฺสมุขํ วา โหตุ โทณิมุขํ วา วงฺกํ วา อุชุกํ วา, อนฺตมโส สมฺมุญฺชนีทณฺฑกเวธนมฺปิ ทณฺฑพทฺธํ เจ, ครุภณฺฑเมวฯ สมฺมุญฺชนีทณฺฑขณนกํ ปน อทณฺฑกํ ผลมตฺตเมวฯ ยํ สกฺกา สิปาฎิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุํ, ตํ ภาชนียํฯ สิขรมฺปิ นิขาทเนเนว สงฺคหิตํฯ เยหิ มนุเสฺสหิ วิหาเร วาสิอาทีนิ ทินฺนานิ โหนฺติ, เต เจ ฆเร ทเฑฺฒ วา โจเรหิ วา วิลุเตฺต ‘‘เทถ โน, ภเนฺต, อุปกรเณ, ปุน ปากติเก กริสฺสามา’’ติ วทนฺติ, ทาตพฺพาฯ สเจ อาหรนฺติ, น วาเรตพฺพา, อนาหรนฺตาปิ น โจเทตพฺพาฯ

    Vāsiādīsu yāya vāsiyā ṭhapetvā dantakaṭṭhacchedanaṃ vā ucchutacchanaṃ vā aññaṃ mahākammaṃ kātuṃ na sakkā, ayaṃ bhājanīyā. Tato mahantatarā yena kenaci ākārena katā vāsi garubhaṇḍameva. Pharasu pana antamaso vejjānaṃ sirāvedhanapharasupi garubhaṇḍameva. Kuṭhāriyaṃ pharasusadisoyeva vinicchayo. Yā pana āvudhasaṅkhepena katā, ayaṃ anāmāsā. Kudālo antamaso caturaṅgulamattopi garubhaṇḍameva. Nikhādanaṃ caturassamukhaṃ vā hotu doṇimukhaṃ vā vaṅkaṃ vā ujukaṃ vā, antamaso sammuñjanīdaṇḍakavedhanampi daṇḍabaddhaṃ ce, garubhaṇḍameva. Sammuñjanīdaṇḍakhaṇanakaṃ pana adaṇḍakaṃ phalamattameva. Yaṃ sakkā sipāṭikāya pakkhipitvā pariharituṃ, taṃ bhājanīyaṃ. Sikharampi nikhādaneneva saṅgahitaṃ. Yehi manussehi vihāre vāsiādīni dinnāni honti, te ce ghare daḍḍhe vā corehi vā vilutte ‘‘detha no, bhante, upakaraṇe, puna pākatike karissāmā’’ti vadanti, dātabbā. Sace āharanti, na vāretabbā, anāharantāpi na codetabbā.

    กมฺมารตจฺฉการจุนฺทการนฬการมณิการปตฺตพนฺธกานํ อธิกรณิมุฎฺฐิกสณฺฑาสตุลาทีนิ สพฺพานิ โลหมยอุปกรณานิ สเงฺฆ ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑานิฯ ติปุโกฎฺฎกสุวณฺณการจมฺมการอุปกรเณสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – ติปุโกฎฺฎกอุปกรเณสุปิ ติปุเจฺฉทนกสตฺถกํ, สุวณฺณการอุปกรเณสุ สุวณฺณเจฺฉทนกสตฺถกํ, จมฺมการอุปกรเณสุ กตปริกมฺมจมฺมเจฺฉทนกขุทฺทกสตฺถกนฺติ อิมานิ ภาชนียภณฺฑานิฯ นหาปิตตุนฺนการอุปกรเณสุปิ ฐเปตฺวา มหากตฺตริํ มหาสณฺฑาสํ มหาปิปฺผลิกญฺจ สพฺพํ ภาชนียํ, มหากตฺตริอาทีนิ ครุภณฺฑานิฯ

    Kammāratacchakāracundakāranaḷakāramaṇikārapattabandhakānaṃ adhikaraṇimuṭṭhikasaṇḍāsatulādīni sabbāni lohamayaupakaraṇāni saṅghe dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍāni. Tipukoṭṭakasuvaṇṇakāracammakāraupakaraṇesupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – tipukoṭṭakaupakaraṇesupi tipucchedanakasatthakaṃ, suvaṇṇakāraupakaraṇesu suvaṇṇacchedanakasatthakaṃ, cammakāraupakaraṇesu kataparikammacammacchedanakakhuddakasatthakanti imāni bhājanīyabhaṇḍāni. Nahāpitatunnakāraupakaraṇesupi ṭhapetvā mahākattariṃ mahāsaṇḍāsaṃ mahāpipphalikañca sabbaṃ bhājanīyaṃ, mahākattariādīni garubhaṇḍāni.

    วลฺลิอาทีสุ เวตฺตวลฺลิอาทิกา ยา กาจิ อฑฺฒพาหุปฺปมาณา วลฺลิ สงฺฆสฺส ทินฺนา วา ตตฺถชาตกา วา รกฺขิตโคปิตา ครุภณฺฑํ โหติ, สา สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต สเจ อติเรกา โหติ, ปุคฺคลิกกเมฺมปิ อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ อรกฺขิตา ปน ครุภณฺฑเมว น โหติฯ สุตฺตมกจิวากนาฬิเกรหีรจมฺมมยา รชฺชุกา วา โยตฺตานิ วา วาเก จ นาฬิเกรหีเร จ วเฎฺฎตฺวา กตา เอกวฎฺฎา วา ทฺวิวฎฺฎา วา สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํฯ สุตฺตํ ปน อวเฎฺฎตฺวา ทินฺนํ มกจิวากนาฬิเกรหีรา จ ภาชนียาฯ เยหิ ปเนตานิ รชฺชุกโยตฺตาทีนิ ทินฺนานิ โหนฺติ, เต อตฺตโน กรณีเยน หรนฺตา น วาเรตพฺพาฯ

    Valliādīsu vettavalliādikā yā kāci aḍḍhabāhuppamāṇā valli saṅghassa dinnā vā tatthajātakā vā rakkhitagopitā garubhaṇḍaṃ hoti, sā saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate sace atirekā hoti, puggalikakammepi upanetuṃ vaṭṭati. Arakkhitā pana garubhaṇḍameva na hoti. Suttamakacivākanāḷikerahīracammamayā rajjukā vā yottāni vā vāke ca nāḷikerahīre ca vaṭṭetvā katā ekavaṭṭā vā dvivaṭṭā vā saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ. Suttaṃ pana avaṭṭetvā dinnaṃ makacivākanāḷikerahīrā ca bhājanīyā. Yehi panetāni rajjukayottādīni dinnāni honti, te attano karaṇīyena harantā na vāretabbā.

    โย โกจิ อนฺตมโส อฎฺฐงฺคุลสูจิทณฺฑกมโตฺตปิ เวฬุ สงฺฆสฺส ทิโนฺน วา ตตฺถชาตโก วา รกฺขิตโคปิโต ครุภณฺฑํ, โสปิ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต อติเรโก ปุคฺคลิกกเมฺม จ ทาตุํ วฎฺฎติฯ ปาทคณฺหนกเตลนาฬิ ปน กตฺตรยฎฺฐิ อุปาหนทณฺฑโก ฉตฺตทณฺฑโก ฉตฺตสลากาติ อิทเมตฺถ ภาชนียภณฺฑํฯ ทฑฺฒเคหมนุสฺสา คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺตา น วาเรตพฺพาฯ รกฺขิตโคปิตํ เวฬุํ คณฺหเนฺตน สมกํ วา อติเรกํ วา ถาวรํ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกวลฺลิกายปิ ผาติกมฺมํ กตฺวา คเหตโพฺพ, ผาติกมฺมํ อกตฺวา คณฺหเนฺตน ตเตฺถว วฬเญฺชตโพฺพฯ คมนกาเล สงฺฆิเก อาวาเส ฐเปตฺวา คนฺตพฺพํ, อสติยา คเหตฺวา คเตน ปหิณิตฺวา ทาตโพฺพฯ เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาโร สงฺฆิกาวาเส ฐเปตโพฺพฯ

    Yo koci antamaso aṭṭhaṅgulasūcidaṇḍakamattopi veḷu saṅghassa dinno vā tatthajātako vā rakkhitagopito garubhaṇḍaṃ, sopi saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate atireko puggalikakamme ca dātuṃ vaṭṭati. Pādagaṇhanakatelanāḷi pana kattarayaṭṭhi upāhanadaṇḍako chattadaṇḍako chattasalākāti idamettha bhājanīyabhaṇḍaṃ. Daḍḍhagehamanussā gaṇhitvā gacchantā na vāretabbā. Rakkhitagopitaṃ veḷuṃ gaṇhantena samakaṃ vā atirekaṃ vā thāvaraṃ antamaso taṃagghanakavallikāyapi phātikammaṃ katvā gahetabbo, phātikammaṃ akatvā gaṇhantena tattheva vaḷañjetabbo. Gamanakāle saṅghike āvāse ṭhapetvā gantabbaṃ, asatiyā gahetvā gatena pahiṇitvā dātabbo. Desantaragatena sampattavihāro saṅghikāvāse ṭhapetabbo.

    ติณนฺติ มุญฺชญฺจ ปพฺพชญฺจ ฐเปตฺวา อวเสสํ ยํ กิญฺจิ ติณํฯ ยตฺถ ปน ติณํ นตฺถิ, ตตฺถ ปเณฺณหิ ฉาเทนฺติ, ตสฺมา ปณฺณมฺปิ ติเณเนว สงฺคหิตํฯ อิติ มุญฺชาทีสุ ยํ กิญฺจิ มุฎฺฐิปฺปมาณํ ติณํ ตาลปณฺณาทีสุ จ เอกปณฺณมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนํ วา ตตฺถชาตกํ วา พหาราเม สงฺฆสฺส ติณวตฺถุโต ชาตติณํ วา รกฺขิตโคปิตํ ครุภณฺฑํ โหติ, ตมฺปิ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต อติเรกํ ปุคฺคลิกกเมฺม ทาตุํ วฎฺฎติ, ทฑฺฒเคหมนุสฺสา คเหตฺวา คจฺฉนฺตา น วาเรตพฺพาฯ อฎฺฐงฺคุลปฺปมาโณปิ ริตฺตโปตฺถโก ครุภณฺฑเมวฯ

    Tiṇanti muñjañca pabbajañca ṭhapetvā avasesaṃ yaṃ kiñci tiṇaṃ. Yattha pana tiṇaṃ natthi, tattha paṇṇehi chādenti, tasmā paṇṇampi tiṇeneva saṅgahitaṃ. Iti muñjādīsu yaṃ kiñci muṭṭhippamāṇaṃ tiṇaṃ tālapaṇṇādīsu ca ekapaṇṇampi saṅghassa dinnaṃ vā tatthajātakaṃ vā bahārāme saṅghassa tiṇavatthuto jātatiṇaṃ vā rakkhitagopitaṃ garubhaṇḍaṃ hoti, tampi saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate atirekaṃ puggalikakamme dātuṃ vaṭṭati, daḍḍhagehamanussā gahetvā gacchantā na vāretabbā. Aṭṭhaṅgulappamāṇopi rittapotthako garubhaṇḍameva.

    มตฺติกา ปกติมตฺติกา วา โหตุ ปญฺจวณฺณา วา สุธา วา สชฺชุรสกงฺคุฎฺฐสิเลสาทีสุ วา ยํ กิญฺจิ ทุลฺลภฎฺฐาเน อาเนตฺวา ทินฺนํ ตตฺถชาตกํ วา, รกฺขิตโคปิตํ ตาลผลปกฺกมตฺตํ ครุภณฺฑํ โหติ, ตมฺปิ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ นิฎฺฐิเต อติเรกํ ปุคฺคลิกกเมฺม จ ทาตุํ วฎฺฎติ, หิงฺคุหิงฺคุลกหริตาลมโนสิลญฺชนานิ ปน ภาชนียภณฺฑานิฯ

    Mattikā pakatimattikā vā hotu pañcavaṇṇā vā sudhā vā sajjurasakaṅguṭṭhasilesādīsu vā yaṃ kiñci dullabhaṭṭhāne ānetvā dinnaṃ tatthajātakaṃ vā, rakkhitagopitaṃ tālaphalapakkamattaṃ garubhaṇḍaṃ hoti, tampi saṅghakamme ca cetiyakamme ca niṭṭhite atirekaṃ puggalikakamme ca dātuṃ vaṭṭati, hiṅguhiṅgulakaharitālamanosilañjanāni pana bhājanīyabhaṇḍāni.

    ทารุภเณฺฑ ‘‘โย โกจิ อฎฺฐงฺคุลสูจิทณฺฑมโตฺตปิ ทารุภณฺฑโก ทารุทุลฺลภฎฺฐาเน สงฺฆสฺส ทิโนฺน วา ตตฺถชาตโก วา รกฺขิตโคปิโต, อยํ ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน สพฺพมฺปิ ทารุเวฬุจมฺมปาสาณาทิวิกติํ ทารุภเณฺฑน สงฺคณฺหิตฺวา อาสนฺทิกโต ปฎฺฐาย ทารุภเณฺฑ วินิจฺฉโย วุโตฺตฯ ตตฺรายํ นโย – อาสนฺทิโก สตฺตโงฺค ภทฺทปีฐํ ปีฐิกา เอกปาทกปีฐํ อามณฺฑกวณฺฎกปีฐํ ผลกํ โกจฺฉํ ปลาลปีฐนฺติ อิเมสุ ตาว ยํ กิญฺจิ ขุทฺทกํ วา โหตุ มหนฺตํ วา, สงฺฆสฺส ทินฺนํ ครุภณฺฑํ โหติฯ ปลาลปีเฐน เจตฺถ กทลิปตฺตาทิปีฐานิปิ สงฺคหิตานิฯ พฺยคฺฆจมฺมโอนทฺธมฺปิ วาฬรูปปริกฺขิตฺตํ รตนปริสิพฺพิตํ โกจฺฉํ ครุภณฺฑเมว, วงฺกผลกํ ทีฆผลกํ จีวรโธวนผลกํ ฆฎฺฎนผลกํ ฆฎฺฎนมุคฺคโร ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนคณฺฐิกา ทณฺฑมุคฺคโร อมฺพณํ รชนโทณิ อุทกปฎิจฺฉโก ทารุมโย วา ทนฺตมโย วา เวฬุมโย วา สปาทโกปิ อปาทโกปิ สมุโคฺค มญฺชูสา ปาทคณฺหนกโต อติเรกปฺปมาโณ กรโณฺฑ อุทกโทณิ อุทกกฎาหํ อุฬุโงฺก กฎจฺฉุ ปานียสราวํ ปานียสโงฺขติ เอเตสุปิ ยํ กิญฺจิ สเงฺฆ ทินฺนํ ครุภณฺฑํฯ สงฺขถาลกํ ปน ภาชนียํ, ตถา ทารุมโย อุทกตุโมฺพฯ

    Dārubhaṇḍe ‘‘yo koci aṭṭhaṅgulasūcidaṇḍamattopi dārubhaṇḍako dārudullabhaṭṭhāne saṅghassa dinno vā tatthajātako vā rakkhitagopito, ayaṃ garubhaṇḍaṃ hotī’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana sabbampi dāruveḷucammapāsāṇādivikatiṃ dārubhaṇḍena saṅgaṇhitvā āsandikato paṭṭhāya dārubhaṇḍe vinicchayo vutto. Tatrāyaṃ nayo – āsandiko sattaṅgo bhaddapīṭhaṃ pīṭhikā ekapādakapīṭhaṃ āmaṇḍakavaṇṭakapīṭhaṃ phalakaṃ kocchaṃ palālapīṭhanti imesu tāva yaṃ kiñci khuddakaṃ vā hotu mahantaṃ vā, saṅghassa dinnaṃ garubhaṇḍaṃ hoti. Palālapīṭhena cettha kadalipattādipīṭhānipi saṅgahitāni. Byagghacammaonaddhampi vāḷarūpaparikkhittaṃ ratanaparisibbitaṃ kocchaṃ garubhaṇḍameva, vaṅkaphalakaṃ dīghaphalakaṃ cīvaradhovanaphalakaṃ ghaṭṭanaphalakaṃ ghaṭṭanamuggaro dantakaṭṭhacchedanagaṇṭhikā daṇḍamuggaro ambaṇaṃ rajanadoṇi udakapaṭicchako dārumayo vā dantamayo vā veḷumayo vā sapādakopi apādakopi samuggo mañjūsā pādagaṇhanakato atirekappamāṇo karaṇḍo udakadoṇi udakakaṭāhaṃ uḷuṅko kaṭacchu pānīyasarāvaṃ pānīyasaṅkhoti etesupi yaṃ kiñci saṅghe dinnaṃ garubhaṇḍaṃ. Saṅkhathālakaṃ pana bhājanīyaṃ, tathā dārumayo udakatumbo.

    ปาทกถลิกมณฺฑลํ ทารุมยํ วา โหตุ โจฬปณฺณาทิมยํ วา, สพฺพํ ครุภณฺฑํฯ อาธารโก ปตฺตปิธานํ ตาลวณฺฎํ พีชนี จโงฺกฎกํ ปจฺฉิ ยฎฺฐิสมฺมุญฺชนี มุฎฺฐิสมฺมุญฺชนีติ เอเตสุปิ ยํ กิญฺจิ ขุทฺทกํ วา โหตุ มหนฺตํ วา, ทารุเวฬุปณฺณจมฺมาทีสุ เยน เกนจิ กตํ ครุภณฺฑเมวฯ ถมฺภตุลาโสปานผลกาทีสุ ทารุมยํ วา ปาสาณมยํ วา ยํ กิญฺจิ เคหสมฺภารรูปํ โย โกจิ กฎสารโก ยํ กิญฺจิ ภูมตฺถรณํ ยํ กิญฺจิ อกปฺปิยจมฺมํ, สพฺพํ สเงฺฆ ทินฺนํ ครุภณฺฑํ, ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฎฺฎติฯ เอฬกจมฺมํ ปน ปจฺจตฺถรณคติกํ โหติ, ตมฺปิ ครุภณฺฑเมวฯ กปฺปิยจมฺมานิ ภาชนียานิฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘สพฺพํ มญฺจปฺปมาณํ จมฺมํ ครุภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Pādakathalikamaṇḍalaṃ dārumayaṃ vā hotu coḷapaṇṇādimayaṃ vā, sabbaṃ garubhaṇḍaṃ. Ādhārako pattapidhānaṃ tālavaṇṭaṃ bījanī caṅkoṭakaṃ pacchi yaṭṭhisammuñjanī muṭṭhisammuñjanīti etesupi yaṃ kiñci khuddakaṃ vā hotu mahantaṃ vā, dāruveḷupaṇṇacammādīsu yena kenaci kataṃ garubhaṇḍameva. Thambhatulāsopānaphalakādīsu dārumayaṃ vā pāsāṇamayaṃ vā yaṃ kiñci gehasambhārarūpaṃ yo koci kaṭasārako yaṃ kiñci bhūmattharaṇaṃ yaṃ kiñci akappiyacammaṃ, sabbaṃ saṅghe dinnaṃ garubhaṇḍaṃ, bhūmattharaṇaṃ kātuṃ vaṭṭati. Eḷakacammaṃ pana paccattharaṇagatikaṃ hoti, tampi garubhaṇḍameva. Kappiyacammāni bhājanīyāni. Kurundiyaṃ pana ‘‘sabbaṃ mañcappamāṇaṃ cammaṃ garubhaṇḍa’’nti vuttaṃ.

    อุทุกฺขลํ มุสลํ สุปฺปํ นิสทํ นิสทโปโต ปาสาณโทณิ ปาสาณกฎาหํ ตุริเวมภสฺตาทิ สพฺพํ เปสการาทิภณฺฑํ สพฺพํ กสิภณฺฑํ สพฺพํ จกฺกยุตฺตกํ ยานํ ครุภณฺฑเมวฯ มญฺจปาโท มญฺจอฎนี ปีฐปาโท ปีฐอฎนี วาสิผรสุอาทีนํ ทณฺฑาติ เอเตสุ ยํ กิญฺจิ วิปฺปกตตจฺฉนกมฺมํ อนิฎฺฐิตเมว ภาชนียํ, ตจฺฉิตมฎฺฐํ ปน ครุภณฺฑํ โหติฯ อนุญฺญาตวาสิยา ปน ทโณฺฑ ฉตฺตมุฎฺฐิปณฺณํ กตฺตรยฎฺฐิ อุปาหนา อรณิสหิตํ ธมฺมกรโณ ปาทคณฺหนกโต อนติริตฺตํ อามลกตุมฺพํ อามลกฆโฎ ลาพุกตุมฺพํ ลาพุฆโฎ วิสาณกตุมฺพนฺติ สพฺพเมเวตํ ภาชนียํ, ตโต มหนฺตตรํ ครุภณฺฑํฯ หตฺถิทโนฺต วา ยํ กิญฺจิ วิสาณํ วา อตจฺฉิตํ ยถาคตเมว ภาชนียํฯ เตหิ กตมญฺจปาทาทีสุ ปุริมสทิโสเยว วินิจฺฉโยฯ ตจฺฉิตนิฎฺฐิโตปิ หิงฺคุกรณฺฑโก คณฺฐิกา วิโธ อญฺชนี อญฺชนีสลากา อุทกปุญฺฉนีติ อิทํ สพฺพํ ภาชนียเมวฯ

    Udukkhalaṃ musalaṃ suppaṃ nisadaṃ nisadapoto pāsāṇadoṇi pāsāṇakaṭāhaṃ turivemabhastādi sabbaṃ pesakārādibhaṇḍaṃ sabbaṃ kasibhaṇḍaṃ sabbaṃ cakkayuttakaṃ yānaṃ garubhaṇḍameva. Mañcapādo mañcaaṭanī pīṭhapādo pīṭhaaṭanī vāsipharasuādīnaṃ daṇḍāti etesu yaṃ kiñci vippakatatacchanakammaṃ aniṭṭhitameva bhājanīyaṃ, tacchitamaṭṭhaṃ pana garubhaṇḍaṃ hoti. Anuññātavāsiyā pana daṇḍo chattamuṭṭhipaṇṇaṃ kattarayaṭṭhi upāhanā araṇisahitaṃ dhammakaraṇo pādagaṇhanakato anatirittaṃ āmalakatumbaṃ āmalakaghaṭo lābukatumbaṃ lābughaṭo visāṇakatumbanti sabbamevetaṃ bhājanīyaṃ, tato mahantataraṃ garubhaṇḍaṃ. Hatthidanto vā yaṃ kiñci visāṇaṃ vā atacchitaṃ yathāgatameva bhājanīyaṃ. Tehi katamañcapādādīsu purimasadisoyeva vinicchayo. Tacchitaniṭṭhitopi hiṅgukaraṇḍako gaṇṭhikā vidho añjanī añjanīsalākā udakapuñchanīti idaṃ sabbaṃ bhājanīyameva.

    มตฺติกาภเณฺฑ สพฺพํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ ฆฎปีฐราทิกุลาลภาชนํ ปตฺตกฎาหํ องฺคารกฎาหํ ธูมทานํ ทีปรุกฺขโก ทีปกปลฺลิกา จยนิฎฺฐกา ฉทนิฎฺฐกา ถูปิกาติ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํ, ปาทคณฺหนกโต อนติริตฺตปฺปมาโณ ปน ฆฎโก ปตฺตํ ถาลกํ กญฺจนโก กุณฺฑิกาติ อิทเมตฺถ ภาชนียภณฺฑํฯ ยถา จ มตฺติกาภเณฺฑ, เอวํ โลหภเณฺฑปิ กุณฺฑิกา ภาชนียโกฎฺฐาสเมว ภชตีติ อยเมตฺถ อนุปุพฺพิกถาฯ

    Mattikābhaṇḍe sabbaṃ manussānaṃ upabhogaparibhogaṃ ghaṭapīṭharādikulālabhājanaṃ pattakaṭāhaṃ aṅgārakaṭāhaṃ dhūmadānaṃ dīparukkhako dīpakapallikā cayaniṭṭhakā chadaniṭṭhakā thūpikāti saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ, pādagaṇhanakato anatirittappamāṇo pana ghaṭako pattaṃ thālakaṃ kañcanako kuṇḍikāti idamettha bhājanīyabhaṇḍaṃ. Yathā ca mattikābhaṇḍe, evaṃ lohabhaṇḍepi kuṇḍikā bhājanīyakoṭṭhāsameva bhajatīti ayamettha anupubbikathā.

    อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

    Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe

    ครุภณฺฑวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ

    Garubhaṇḍavinicchayakathā samattā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact