Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๒. ครุกาปตฺตินิเทฺทสวณฺณนา
2. Garukāpattiniddesavaṇṇanā
๑๐. อิทานิ สงฺฆาทิเสสํ ปกาเสตุํ ‘‘โมเจตุกามจิเตฺตนา’’ติอาทิมารทฺธํฯ ตตฺถ โมเจตุํ กาเมตีติ โมเจตุกามํ, โมเจตุกามญฺจ ตํ จิตฺตญฺจาติ โมเจตุกามจิตฺตํ , เตน, โมจนสฺสาทจิเตฺตนาติ อโตฺถฯ เอกาทสนฺนญฺหิ ราคานํ เอเกน โมจนสฺสาเทน อาปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ
10. Idāni saṅghādisesaṃ pakāsetuṃ ‘‘mocetukāmacittenā’’tiādimāraddhaṃ. Tattha mocetuṃ kāmetīti mocetukāmaṃ, mocetukāmañca taṃ cittañcāti mocetukāmacittaṃ, tena, mocanassādacittenāti attho. Ekādasannañhi rāgānaṃ ekena mocanassādena āpatti hotīti vuttaṃ hoti.
ตตฺริเม เอกาทส อสฺสาทา โมจนสฺสาโท มุจฺจนสฺสาโท มุตฺตสฺสาโท เมถุนสฺสาโท ผสฺสสฺสาโท กณฺฑูวนสฺสาโท ทสฺสนสฺสาโท นิสชฺชสฺสาโท วาจสฺสาโท เคหสิตเปมํ วนภงฺคิยนฺติฯ ตตฺถ โมจนสฺสาทเจตนาย เจเตโนฺต เจว อสฺสาเทโนฺต จ อุปกฺกมติ, มุจฺจติ, สงฺฆาทิเสโส , น มุจฺจติ เจ, ถุลฺลจฺจยํฯ สเจ ปน สยนกาเล ราคปริยุฎฺฐิโต หุตฺวา อูรุนา วา มุฎฺฐินา วา องฺคชาตํ คาฬฺหํ ปีเฬตฺวา โมจนตฺถาย สอุสฺสาโห สุปติ, สุปนฺตสฺส จสฺส อสุจิ มุจฺจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ มุจฺจนสฺสาเท อตฺตโน ธมฺมตาย มุจฺจมานํ อสฺสาเทติ, น อุปกฺกมติ, มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ มุตฺตสฺสาเท อตฺตโน ธมฺมตาย มุเตฺต ฐานา จุเต อสุจิมฺหิ ปจฺฉา อสฺสาเทนฺตสฺส วินา อุปกฺกเมน มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ เมถุนสฺสาเท เมถุนราเคน มาตุคามํ คณฺหาติ, เตน อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติ, ทุกฺกฎํ ปน อาปชฺชติฯ ผสฺสสฺสาโท ทุวิโธ อชฺฌตฺติโก พาหิโร จาติฯ ตตฺถ อตฺตโน นิมิตฺตํ ‘‘ถทฺธํ, มุทุกนฺติ ชานิสฺสามี’’ติ วา โลลภาเวน วา กีฬาปยโต อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ พาหิรผสฺสสฺสาเท ปน กายสํสคฺคราเคน อิตฺถิํ ผุสโต, อาลิงฺคโต จ อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติ, กายสํสคฺคสงฺฆาทิเสสํ ปน อาปชฺชติฯ
Tatrime ekādasa assādā mocanassādo muccanassādo muttassādo methunassādo phassassādo kaṇḍūvanassādo dassanassādo nisajjassādo vācassādo gehasitapemaṃ vanabhaṅgiyanti. Tattha mocanassādacetanāya cetento ceva assādento ca upakkamati, muccati, saṅghādiseso , na muccati ce, thullaccayaṃ. Sace pana sayanakāle rāgapariyuṭṭhito hutvā ūrunā vā muṭṭhinā vā aṅgajātaṃ gāḷhaṃ pīḷetvā mocanatthāya saussāho supati, supantassa cassa asuci muccati, saṅghādiseso. Muccanassāde attano dhammatāya muccamānaṃ assādeti, na upakkamati, muccati, anāpatti. Muttassāde attano dhammatāya mutte ṭhānā cute asucimhi pacchā assādentassa vinā upakkamena muccati, anāpatti. Methunassāde methunarāgena mātugāmaṃ gaṇhāti, tena asuci muccati, anāpatti, dukkaṭaṃ pana āpajjati. Phassassādo duvidho ajjhattiko bāhiro cāti. Tattha attano nimittaṃ ‘‘thaddhaṃ, mudukanti jānissāmī’’ti vā lolabhāvena vā kīḷāpayato asuci muccati, anāpatti. Bāhiraphassassāde pana kāyasaṃsaggarāgena itthiṃ phusato, āliṅgato ca asuci muccati, anāpatti, kāyasaṃsaggasaṅghādisesaṃ pana āpajjati.
กณฺฑูวนสฺสาเท ททฺทุกจฺฉุปิฬกปาณกาทีนํ อญฺญตเรน ขชฺชมานํ นิมิตฺตํ กณฺฑูวนสฺสาเทน กณฺฑูวโต อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ ทสฺสนสฺสาเท อิตฺถิยา อโนกาสํ อุปนิชฺฌายโต อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติ, ทุกฺกฎํ ปน โหติฯ นิสชฺชสฺสาเท มาตุคาเมน สทฺธิํ รโห นิสินฺนสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติ , รโหนิสชฺชาปตฺติ ปน โหติฯ วาจสฺสาเท มาตุคามํ เมถุนปฺปฎิสํยุตฺตาหิ วาจาหิ โอภาสนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติ, ทุฎฺฐุลฺลวาจาสงฺฆาทิเสสํ ปน อาปชฺชติฯ เคหสิตเปเม มาตาทีนํ มาตาทิเปเมน อาลิงฺคนาทิํ กโรนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ วนภงฺคํ สนฺถวกรณตฺถาย อิตฺถิยา เปสิตปุปฺผาทิวนภงฺคสญฺญิตํ ปณฺณาการํ ‘‘อิตฺถนฺนามาย อิมํ เปสิต’’นฺติ อสฺสาเทน อามสนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺตีติฯ เอวเมเตสุ โมจนสฺสาเทน อาปตฺติ โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘โมเจตุ…เป.… นา’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา โมเจตุกามํ จิตฺตํ ยสฺส โสยํ โมเจตุกามจิโตฺต, เตน, อิตฺถมฺภูเต กรณวจนํ, โมเจตุกามจิโตฺต หุตฺวาติ อโตฺถฯ
Kaṇḍūvanassāde daddukacchupiḷakapāṇakādīnaṃ aññatarena khajjamānaṃ nimittaṃ kaṇḍūvanassādena kaṇḍūvato asuci muccati, anāpatti. Dassanassāde itthiyā anokāsaṃ upanijjhāyato asuci muccati, anāpatti, dukkaṭaṃ pana hoti. Nisajjassāde mātugāmena saddhiṃ raho nisinnassa muttepi anāpatti , rahonisajjāpatti pana hoti. Vācassāde mātugāmaṃ methunappaṭisaṃyuttāhi vācāhi obhāsantassa muttepi anāpatti, duṭṭhullavācāsaṅghādisesaṃ pana āpajjati. Gehasitapeme mātādīnaṃ mātādipemena āliṅganādiṃ karontassa muttepi anāpatti. Vanabhaṅgaṃ santhavakaraṇatthāya itthiyā pesitapupphādivanabhaṅgasaññitaṃ paṇṇākāraṃ ‘‘itthannāmāya imaṃ pesita’’nti assādena āmasantassa muttepi anāpattīti. Evametesu mocanassādena āpatti hotīti dassetuṃ ‘‘mocetu…pe… nā’’ti vuttaṃ. Atha vā mocetukāmaṃ cittaṃ yassa soyaṃ mocetukāmacitto, tena, itthambhūte karaṇavacanaṃ, mocetukāmacitto hutvāti attho.
อุปกฺกมฺมาติ หตฺถาทีสุ เยน เกนจิ นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ วิโมจยนฺติ ยํ อนฺตมโส เอกา ขุทฺทกมกฺขิกา ปิเวยฺย, ตตฺตกมฺปิ วิโมเจโนฺตติ อโตฺถฯ สุกฺกนฺติ นีลปีตโลหิโตทาตตกฺกเตลทกขีรทธิสปฺปิวณฺณสงฺขาเตสุ ทสวิเธสุ สุเกฺกสุ ยํ กิญฺจิ สุกฺกํฯ อญฺญตฺร สุปินาติ ยา สุปินเนฺต สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ โหติ, ตํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ สมโณติ โย โกจิ อุปสมฺปโนฺนฯ ครุกนฺติ สงฺฆาทิเสสํฯ ผุเสติ อาปเชฺชยฺยาติ อโตฺถฯ เจตนา อุปกฺกโม มุจฺจนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานีติฯ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทํฯ
Upakkammāti hatthādīsu yena kenaci nimitte upakkamitvāti attho. Vimocayanti yaṃ antamaso ekā khuddakamakkhikā piveyya, tattakampi vimocentoti attho. Sukkanti nīlapītalohitodātatakkateladakakhīradadhisappivaṇṇasaṅkhātesu dasavidhesu sukkesu yaṃ kiñci sukkaṃ. Aññatra supināti yā supinante sukkavissaṭṭhi hoti, taṃ ṭhapetvāti attho. Samaṇoti yo koci upasampanno. Garukanti saṅghādisesaṃ. Phuseti āpajjeyyāti attho. Cetanā upakkamo muccananti imānettha tīṇi aṅgānīti. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadaṃ.
๑๑. อิทานิ กายสํสคฺคํ ทเสฺสตุํ ‘‘กายสํสคฺคราเคนา’’ติอาทิมารทฺธํฯ ภิกฺขุ มนุสฺสิตฺถิยา มนุสฺสิตฺถิสญฺญี หุตฺวา กายสํสคฺคราเคน อุปกฺกมิตฺวา มนุสฺสิตฺถิํ ปรามสโนฺต สงฺฆาทิเสสํ อาปเชฺชยฺยาติ โยชนาฯ ตตฺถ กายสํสคฺคราเคนาติ หตฺถคฺคหณาทิกายสมฺผเสฺสน ราเคน กายมิสฺสราเคนฯ มนุสฺสิตฺถินฺติ ตทหุชาตมฺปิ ชีวมานกมนุสฺสิตฺถิํฯ ปรามสนฺติ ปรามสโนฺต, อิตฺถีติ สญฺญา อิตฺถิสญฺญา , สา อสฺส อตฺถีติ อิตฺถิสญฺญี, อิตฺถิสญฺญี หุตฺวาติ อโตฺถฯ มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสญฺญิตา, กายสํสคฺคราโค, เตน ราเคน วายาโม, หตฺถคฺคาหาทิสมาปชฺชนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ กายสํสคฺคสิกฺขาปทํฯ
11. Idāni kāyasaṃsaggaṃ dassetuṃ ‘‘kāyasaṃsaggarāgenā’’tiādimāraddhaṃ. Bhikkhu manussitthiyā manussitthisaññī hutvā kāyasaṃsaggarāgena upakkamitvā manussitthiṃ parāmasanto saṅghādisesaṃ āpajjeyyāti yojanā. Tattha kāyasaṃsaggarāgenāti hatthaggahaṇādikāyasamphassena rāgena kāyamissarāgena. Manussitthinti tadahujātampi jīvamānakamanussitthiṃ. Parāmasanti parāmasanto, itthīti saññā itthisaññā , sā assa atthīti itthisaññī, itthisaññī hutvāti attho. Manussitthī, itthisaññitā, kāyasaṃsaggarāgo, tena rāgena vāyāmo, hatthaggāhādisamāpajjananti imānettha pañca aṅgāni. Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ.
๑๒. อิทานิ ทุฎฺฐุลฺลํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุฎฺฐุลฺลวาจสฺสาเทนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ทุฎฺฐุลฺลวาจสฺสาเทนาติ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคเมถุนธมฺมปฺปฎิสํยุตฺตวาจสฺสาทราเคนฯ มคฺคํ วารพฺภ เมถุนนฺติ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคานํ อญฺญตรํ มคฺคํ วา เมถุนํ วา อารพฺภาติ อโตฺถฯ โอภาสโนฺตติ อวภาสโนฺตฯ มนุสฺสิตฺถินฺติ วิญฺญุํ ปฎิพลํ สุภาสิตทุพฺภาสิตํ ทุฎฺฐุลฺลาทุฎฺฐุลฺลํ สลฺลกฺขณสมตฺถํ มนุสฺสิตฺถิํฯ สุณมานนฺติ สุณนฺติํฯ อิมินา ปฎิพลายปิ อิตฺถิยา อวิญฺญตฺติปเถ ฐิตาย ทูเตน วา ปเณฺณน วา อาโรเจนฺตสฺส ทุฎฺฐุลฺลวาจาปตฺติ น โหตีติ ทีปิตํ โหติฯ มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสญฺญิตา, ทุฎฺฐุลฺลวาจสฺสาทราโค, เตน ราเคน โอภาสนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ ทุฎฺฐุลฺลวาจสฺสาทสิกฺขาปทํฯ
12. Idāni duṭṭhullaṃ dassetuṃ ‘‘duṭṭhullavācassādenā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha duṭṭhullavācassādenāti vaccamaggapassāvamaggamethunadhammappaṭisaṃyuttavācassādarāgena. Maggaṃ vārabbha methunanti vaccamaggapassāvamaggānaṃ aññataraṃ maggaṃ vā methunaṃ vā ārabbhāti attho. Obhāsantoti avabhāsanto. Manussitthinti viññuṃ paṭibalaṃ subhāsitadubbhāsitaṃ duṭṭhullāduṭṭhullaṃ sallakkhaṇasamatthaṃ manussitthiṃ. Suṇamānanti suṇantiṃ. Iminā paṭibalāyapi itthiyā aviññattipathe ṭhitāya dūtena vā paṇṇena vā ārocentassa duṭṭhullavācāpatti na hotīti dīpitaṃ hoti. Manussitthī, itthisaññitā, duṭṭhullavācassādarāgo, tena rāgena obhāsanaṃ, taṅkhaṇavijānananti imānettha pañca aṅgāni. Duṭṭhullavācassādasikkhāpadaṃ.
๑๓. อิทานิ อตฺตกามปาริจริยํ ทเสฺสตุํ ‘‘วณฺณ’’นฺตฺยาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ อตฺตโน กามปาริจริยาย วณฺณํ วตฺวา เมถุนราเคน อิตฺถิํ เมถุนํ ยาจมาโน ครุํ ผุเสติ สมฺพโนฺธฯ วณฺณํ วตฺวาติ คุณํ อานิสํสํ ปกาเสตฺวาฯ อตฺตโนกามปาริจริยายาติ เมถุนธมฺมสงฺขาเตน กาเมน ปาริจริยา กามปาริจริยา, อตฺตโน อตฺถาย กามปาริจริยา อตฺตโนกามปาริจริยา, อลุตฺตสมาโสยํฯ อถ วา อตฺตโนติ กตฺวเตฺถ สามิวจนํ, อตฺตโน กามิตา อิจฺฉิตาติ อตฺตโนกามา, สยํ เมถุนราควเสน ปตฺถิตาติ อโตฺถ, อตฺตโนกามา จ สา ปาริจริยา จาติ อตฺตโนกามปาริจริยา , ตาย อตฺตโนกามปาริจริยาย, ‘‘เอตทคฺคํ, ภคินิ, ปาริจริยานํ, ยา มาทิสํ สีลวนฺตํ กลฺยาณธมฺมํ พฺรหฺมจาริํ เอเตน ธเมฺมน ปริจเรยฺยา’’ติ เอวํ วณฺณํ วตฺวาติ อโตฺถฯ ยาจธาตุโน ทฺวิกมฺมิกตฺตา ‘‘อิตฺถิํ เมถุนํ ยาจมาโน’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิตฺถินฺติ ทุฎฺฐุโลฺลภาสเน วุตฺตปฺปการํ อิตฺถิํฯ มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสญฺญิตา , อตฺตกามปาริจริยาย ราโค, เตน ราเคน วณฺณภณนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทํฯ
13. Idāni attakāmapāricariyaṃ dassetuṃ ‘‘vaṇṇa’’ntyādi vuttaṃ. Tattha yo bhikkhu attano kāmapāricariyāya vaṇṇaṃ vatvā methunarāgena itthiṃ methunaṃ yācamāno garuṃ phuseti sambandho. Vaṇṇaṃ vatvāti guṇaṃ ānisaṃsaṃ pakāsetvā. Attanokāmapāricariyāyāti methunadhammasaṅkhātena kāmena pāricariyā kāmapāricariyā, attano atthāya kāmapāricariyā attanokāmapāricariyā, aluttasamāsoyaṃ. Atha vā attanoti katvatthe sāmivacanaṃ, attano kāmitā icchitāti attanokāmā, sayaṃ methunarāgavasena patthitāti attho, attanokāmā ca sā pāricariyā cāti attanokāmapāricariyā , tāya attanokāmapāricariyāya, ‘‘etadaggaṃ, bhagini, pāricariyānaṃ, yā mādisaṃ sīlavantaṃ kalyāṇadhammaṃ brahmacāriṃ etena dhammena paricareyyā’’ti evaṃ vaṇṇaṃ vatvāti attho. Yācadhātuno dvikammikattā ‘‘itthiṃ methunaṃ yācamāno’’ti vuttaṃ. Tattha itthinti duṭṭhullobhāsane vuttappakāraṃ itthiṃ. Manussitthī, itthisaññitā , attakāmapāricariyāya rāgo, tena rāgena vaṇṇabhaṇanaṃ, taṅkhaṇavijānananti imānettha pañca aṅgāni. Attakāmapāricariyasikkhāpadaṃ.
๑๔. อิทานิ สญฺจริตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเนฺทส’’นฺตฺยาทิมารทฺธํฯ ตตฺถ ภิกฺขุ ปุริสสฺส วา สเนฺทสํ, อิตฺถิยา วา สเนฺทสํ ปฎิคฺคเหตฺวา วีมํสิตฺวา ปจฺจาหรโนฺต ครุกํ ผุเสติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ สเนฺทสนฺติ ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ มาตุรกฺขิตํ พฺรูหิ ‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ธนกฺกีตา’’ติ (ปารา. ๓๐๕) เอวํ วุตฺตํ ปุริสสฺส สาสนํ, ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ ปุริสํ พฺรูหิ ‘อหํ ตสฺส ภริยา ภวิสฺสามี’’ติ (ปารา. ๓๒๖-๓๒๗ โถกํ วิสทิสํ) เอวํ วุตฺตํ อิตฺถิยา สาสนํฯ ปฎิคฺคณฺหิตฺวาติ ‘‘สาธุ อุปาสกา’’ติ วา ‘‘โหตู’’ติ วา ‘‘อาโรเจสฺสามี’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน วจีเภทํ กตฺวา วา สีสกมฺปนาทีหิ วา ปฎิคฺคณฺหิตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตฺวาติ อโตฺถฯ วีมํสิตฺวาติ วุตฺตปฺปกาเรน สาสนํ คเหตฺวา ปุริสสฺส วา อิตฺถิยา วา เตสํ อวสฺสาโรจนกานํ มาตาปิตาภาตาภคินิอาทีนํ วา อาโรเจตฺวาติ อโตฺถฯ หรํปจฺจาติ เอตฺถ ‘‘ปจฺจาหร’’นฺติ วตฺตเพฺพ ฉนฺทหานิภยา หร-สทฺทํ ปุพฺพนิปาตํ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยตฺถ ปหิเตน ตตฺถ คนฺตฺวา เตน อาโรจิตา สา อิตฺถี ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉตุ วา ปฎิกฺขิปตุ วา ลชฺชาย วา ตุณฺหี โหตุ, ปุน อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส หรโนฺต เอตฺตาวตา อิมาย ปฎิคฺคหณาโรจนปฺปจฺจาหรณสงฺขาตาย ติวงฺคสมฺปตฺติยา โส ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อาปเชฺชยฺยาติ อโตฺถฯ เตสํ มนุสฺสชาติกตา, อลํวจนียตา, ปฎิคฺคณฺหนวีมํสนปฺปจฺจาหรณานีติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ สญฺจริตฺตสิกฺขาปทํฯ
14. Idāni sañcarittaṃ dassetuṃ ‘‘sandesa’’ntyādimāraddhaṃ. Tattha bhikkhu purisassa vā sandesaṃ, itthiyā vā sandesaṃ paṭiggahetvā vīmaṃsitvā paccāharanto garukaṃ phuseti sambandho. Tattha sandesanti ‘‘gaccha, bhante, itthannāmaṃ māturakkhitaṃ brūhi ‘hohi kira itthannāmassa bhariyā dhanakkītā’’ti (pārā. 305) evaṃ vuttaṃ purisassa sāsanaṃ, ‘‘gaccha, bhante, itthannāmaṃ purisaṃ brūhi ‘ahaṃ tassa bhariyā bhavissāmī’’ti (pārā. 326-327 thokaṃ visadisaṃ) evaṃ vuttaṃ itthiyā sāsanaṃ. Paṭiggaṇhitvāti ‘‘sādhu upāsakā’’ti vā ‘‘hotū’’ti vā ‘‘ārocessāmī’’ti vā yena kenaci ākārena vacībhedaṃ katvā vā sīsakampanādīhi vā paṭiggaṇhitvā sampaṭicchitvāti attho. Vīmaṃsitvāti vuttappakārena sāsanaṃ gahetvā purisassa vā itthiyā vā tesaṃ avassārocanakānaṃ mātāpitābhātābhaginiādīnaṃ vā ārocetvāti attho. Haraṃpaccāti ettha ‘‘paccāhara’’nti vattabbe chandahānibhayā hara-saddaṃ pubbanipātaṃ katvā vuttanti daṭṭhabbaṃ. Yattha pahitena tattha gantvā tena ārocitā sā itthī ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchatu vā paṭikkhipatu vā lajjāya vā tuṇhī hotu, puna āgantvā tassa purisassa haranto ettāvatā imāya paṭiggahaṇārocanappaccāharaṇasaṅkhātāya tivaṅgasampattiyā so bhikkhu saṅghādisesaṃ āpajjeyyāti attho. Tesaṃ manussajātikatā, alaṃvacanīyatā, paṭiggaṇhanavīmaṃsanappaccāharaṇānīti imānettha pañca aṅgāni. Sañcarittasikkhāpadaṃ.
๑๕. อิทานิ อมูลกํ ปกาเสตุํ ‘‘จาเวตุกาโม’’ติอาทิมารทฺธํฯ จาเวตุกาโม ภิกฺขุ อมูลนฺติมวตฺถุนา อญฺญํ สุณมานํ ภิกฺขุํ โจเทโนฺต วา โจทาเปโนฺต วา ครุํ ผุเสติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ จาเวตุกาโมติ พฺรหฺมจริยา จาเวตุกาโมฯ โจเทโนฺตติ ‘‘ตฺวํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปโนฺนสิ, อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติอาทีหิ วจเนหิ สยํ โจเทโนฺตติ อโตฺถฯ เอวํ โจเทนฺตสฺส วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสโสฯ อมูลนฺติมวตฺถุนาติ ยํ โจทเกน จุทิตกมฺหิ ปุคฺคเล อทิฎฺฐํ อสุตํ อปริสงฺกิตํ, อิทํ เอเตสํ ทสฺสนสวนปริสงฺกิตสงฺขาตานํ มูลานํ อภาวโต นาสฺส มูลนฺติ อมูลํ, อนฺติมํ วตฺถุ ยสฺส ปาราชิกสฺส ตทิทํ อนฺติมวตฺถุ, อมูลญฺจ ตํ อนฺติมวตฺถุ เจติ อมูลนฺติมวตฺถุ, เตน อมูลนฺติมวตฺถุนา, ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา ปาราชิเกสุ อญฺญตเรนาติ อโตฺถฯ โจทาปยนฺติ โจทาปยโนฺต, ตสฺส สมีเป ฐตฺวา อญฺญํ ภิกฺขุํ อาณาเปตฺวา โจทาเปโนฺต ตสฺส อาณตฺตสฺส วาจาย วาจาย ครุํ ผุเสติ อโตฺถฯ สุณมานนฺติ อิมินา ปรมฺมุขา ทูเตน วา ปเณฺณน วา โจเทนฺตสฺส น รุหตีติ ทีปิตํ โหติฯ ปรมฺมุขา ปน สตฺตหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ยํ โจเทติ, ตสฺส อุปสมฺปโนฺนติ สงฺขฺยูปคมนํ, ตสฺมิํ สุทฺธสญฺญิตา, เยน ปาราชิเกน โจเทติ, ตสฺส ทิฎฺฐาทิวเสน อมูลกตา, จาวนาธิปฺปาเยน สมฺมุขา โจทนา, ตสฺส ตงฺขณวิชานนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ อมูลกสิกฺขาปทํฯ
15. Idāni amūlakaṃ pakāsetuṃ ‘‘cāvetukāmo’’tiādimāraddhaṃ. Cāvetukāmo bhikkhu amūlantimavatthunā aññaṃ suṇamānaṃ bhikkhuṃ codento vā codāpento vā garuṃ phuseti sambandho. Tattha cāvetukāmoti brahmacariyā cāvetukāmo. Codentoti ‘‘tvaṃ pārājikaṃ dhammaṃ āpannosi, assamaṇosi, asakyaputtiyosī’’tiādīhi vacanehi sayaṃ codentoti attho. Evaṃ codentassa vācāya vācāya saṅghādiseso. Amūlantimavatthunāti yaṃ codakena cuditakamhi puggale adiṭṭhaṃ asutaṃ aparisaṅkitaṃ, idaṃ etesaṃ dassanasavanaparisaṅkitasaṅkhātānaṃ mūlānaṃ abhāvato nāssa mūlanti amūlaṃ, antimaṃ vatthu yassa pārājikassa tadidaṃ antimavatthu, amūlañca taṃ antimavatthu ceti amūlantimavatthu, tena amūlantimavatthunā, bhikkhuno anurūpesu ekūnavīsatiyā pārājikesu aññatarenāti attho. Codāpayanti codāpayanto, tassa samīpe ṭhatvā aññaṃ bhikkhuṃ āṇāpetvā codāpento tassa āṇattassa vācāya vācāya garuṃ phuseti attho. Suṇamānanti iminā parammukhā dūtena vā paṇṇena vā codentassa na ruhatīti dīpitaṃ hoti. Parammukhā pana sattahi āpattikkhandhehi vadantassa dukkaṭaṃ. Yaṃ codeti, tassa upasampannoti saṅkhyūpagamanaṃ, tasmiṃ suddhasaññitā, yena pārājikena codeti, tassa diṭṭhādivasena amūlakatā, cāvanādhippāyena sammukhā codanā, tassa taṅkhaṇavijānananti imānettha pañca aṅgāni. Amūlakasikkhāpadaṃ.
๑๖. อิทานิ อญฺญภาคิยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เลสมตฺต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เลสมตฺตมุปาทายาติ ชาตินามโคตฺตลิงฺคาปตฺติปตฺตจีวรูปชฺฌายาจริยเสนาสนเลสสงฺขาเตสุ ทสสุ เลเสสุ โย ตสฺมิํ ปุคฺคเล ทิสฺสติ, ตํ เลสมตฺตํ อุปาทาย นิสฺสาย ภิกฺขุํ พฺรหฺมจริยา จาเวตุกาโม อมูลนฺติมวตฺถุนา สุณมานํ ภิกฺขุํ โจเทโนฺต ครุํ ผุเสติ อโตฺถฯ กถํ? อโญฺญ ขตฺติยชาติโก อิมินา โจทเกน ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ โหติ, โส อญฺญํ อตฺตโน เวริํ ขตฺติยชาติกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ตํ ขตฺติยชาติเลสํ คเหตฺวา เอวํ ‘‘ขตฺติโย มยา ทิโฎฺฐ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต, ตฺวํ ขตฺติโย ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปโนฺนสี’’ติ วา ‘‘ตฺวํ โส ขตฺติโย, นาโญฺญ, ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺนสี’’ติ วา โจเทติ, เอวํ นามเลสาทโยปิ เวทิตพฺพาฯ องฺคานิ ปเนตฺถ อนนฺตรสทิสานิฯ อญฺญภาคิยสิกฺขาปทํฯ
16. Idāni aññabhāgiyaṃ dassetuṃ ‘‘lesamatta’’ntiādimāha. Tattha lesamattamupādāyāti jātināmagottaliṅgāpattipattacīvarūpajjhāyācariyasenāsanalesasaṅkhātesu dasasu lesesu yo tasmiṃ puggale dissati, taṃ lesamattaṃ upādāya nissāya bhikkhuṃ brahmacariyā cāvetukāmo amūlantimavatthunā suṇamānaṃ bhikkhuṃ codento garuṃ phuseti attho. Kathaṃ? Añño khattiyajātiko iminā codakena pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho hoti, so aññaṃ attano veriṃ khattiyajātikaṃ bhikkhuṃ passitvā taṃ khattiyajātilesaṃ gahetvā evaṃ ‘‘khattiyo mayā diṭṭho pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto, tvaṃ khattiyo pārājikaṃ dhammaṃ āpannosī’’ti vā ‘‘tvaṃ so khattiyo, nāñño, pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpannosī’’ti vā codeti, evaṃ nāmalesādayopi veditabbā. Aṅgāni panettha anantarasadisāni. Aññabhāgiyasikkhāpadaṃ.
ครุกาปตฺตินิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Garukāpattiniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.