Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๙. คาถาภิคีตโภชนกถาปโญฺห

    9. Gāthābhigītabhojanakathāpañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา –

    9. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā –

    ‘‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ 1, สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺมา;

    ‘‘‘Gāthābhigītaṃ me abhojaneyyaṃ 2, sampassataṃ brāhmaṇa nesa dhammā;

    คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา, ธเมฺม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา’ติฯ

    Gāthābhigītaṃ panudanti buddhā, dhamme satī brāhmaṇa vuttiresā’ti.

    ‘‘ปุน จ ภควา ปริสาย ธมฺมํ เทเสโนฺต กเถโนฺต อนุปุพฺพิกถํ ปฐมํ ตาว ทานกถํ กเถติ, ปจฺฉา สีลกถํ, ตสฺส ภควโต สพฺพโลกิสฺสรสฺส ภาสิตํ สุตฺวา เทวมนุสฺสา อภิสงฺขริตฺวา ทานํ เทนฺติ, ตสฺส ตํ อุโยฺยชิตํ ทานํ สาวกา ปริภุญฺชนฺติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’นฺติ, เตน หิ ‘ภควา ทานกถํ ปฐมํ กเถตี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ทานกถํ ปฐมํ กเถติ, เตน หิ ‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ กิํ การณํ? โย โส, ภเนฺต, ทกฺขิเณโยฺย คิหีนํ ปิณฺฑปาตทานสฺส วิปากํ กเถติ, ตสฺส เต ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา อปราปรํ ทานํ เทนฺติ, เย ตํ ทานํ ปริภุญฺชนฺติ, สเพฺพ เต คาถาภิคีตํ ปริภุญฺชนฺติฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห นิปุโณ คมฺภีโร ตปานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ

    ‘‘Puna ca bhagavā parisāya dhammaṃ desento kathento anupubbikathaṃ paṭhamaṃ tāva dānakathaṃ katheti, pacchā sīlakathaṃ, tassa bhagavato sabbalokissarassa bhāsitaṃ sutvā devamanussā abhisaṅkharitvā dānaṃ denti, tassa taṃ uyyojitaṃ dānaṃ sāvakā paribhuñjanti. Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘gāthābhigītaṃ me abhojaneyya’nti, tena hi ‘bhagavā dānakathaṃ paṭhamaṃ kathetī’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi dānakathaṃ paṭhamaṃ katheti, tena hi ‘gāthābhigītaṃ me abhojaneyya’nti tampi vacanaṃ micchā. Kiṃ kāraṇaṃ? Yo so, bhante, dakkhiṇeyyo gihīnaṃ piṇḍapātadānassa vipākaṃ katheti, tassa te dhammakathaṃ sutvā pasannacittā aparāparaṃ dānaṃ denti, ye taṃ dānaṃ paribhuñjanti, sabbe te gāthābhigītaṃ paribhuñjanti. Ayampi ubhato koṭiko pañho nipuṇo gambhīro tapānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.

    ‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ, สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธโมฺมฯ คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา, ธเมฺม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา’ติ, กเถติ จ ภควา ปฐมํ ทานกถํ, ตญฺจ ปน กิริยํ สเพฺพสํ ตถาคตานํ ปฐมํ ทานกถาย, ตตฺถ จิตฺตํ อภิรมาเปตฺวา ปจฺฉา สีเล นิโยเชนฺติฯ ยถา, มหาราช, มนุสฺสา ตรุณทารกานํ ปฐมํ ตาว กีฬาภณฺฑกานิ เทนฺติฯ เสยฺยถิทํ, วงฺกกํ ฆฎิกํ จิงฺคุลกํ ปตฺตาฬฺหกํ รถกํ ธนุกํ, ปจฺฉา เต สเก สเก กเมฺม นิโยเชนฺติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปฐมํ ทานกถาย จิตฺตํ อภิรมาเปตฺวา ปจฺฉา สีเล นิโยเชติฯ

    ‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘gāthābhigītaṃ me abhojaneyyaṃ, sampassataṃ brāhmaṇa nesa dhammo. Gāthābhigītaṃ panudanti buddhā, dhamme satī brāhmaṇa vuttiresā’ti, katheti ca bhagavā paṭhamaṃ dānakathaṃ, tañca pana kiriyaṃ sabbesaṃ tathāgatānaṃ paṭhamaṃ dānakathāya, tattha cittaṃ abhiramāpetvā pacchā sīle niyojenti. Yathā, mahārāja, manussā taruṇadārakānaṃ paṭhamaṃ tāva kīḷābhaṇḍakāni denti. Seyyathidaṃ, vaṅkakaṃ ghaṭikaṃ ciṅgulakaṃ pattāḷhakaṃ rathakaṃ dhanukaṃ, pacchā te sake sake kamme niyojenti. Evameva kho, mahārāja, tathāgato paṭhamaṃ dānakathāya cittaṃ abhiramāpetvā pacchā sīle niyojeti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ภิสโกฺก นาม อาตุรานํ ปฐมํ ตาว จตูหปญฺจาหํ เตลํ ปาเยติ พลกรณาย สิเนหนาย, ปจฺฉา วิเรเจติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปฐมํ ตาว ทานกถาย จิตฺตํ อภิรมาเปตฺวา ปจฺฉา สีเล นิโยเชติฯ ทายกานํ, มหาราช, ทานปตีนํ จิตฺตํ มุทุกํ โหติ มทฺทวํ สินิทฺธํ, เตน เต ทานเสตุสงฺกเมน ทานนาวาย สํสารสาครปารมนุคจฺฉนฺติ, ตสฺมา เตสํ ปฐมํ กมฺมภูมิมนุสาสติ, น จ เกนจิ 3 วิญฺญตฺติมาปชฺชตี’’ติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, bhisakko nāma āturānaṃ paṭhamaṃ tāva catūhapañcāhaṃ telaṃ pāyeti balakaraṇāya sinehanāya, pacchā vireceti. Evameva kho, mahārāja, tathāgato paṭhamaṃ tāva dānakathāya cittaṃ abhiramāpetvā pacchā sīle niyojeti. Dāyakānaṃ, mahārāja, dānapatīnaṃ cittaṃ mudukaṃ hoti maddavaṃ siniddhaṃ, tena te dānasetusaṅkamena dānanāvāya saṃsārasāgarapāramanugacchanti, tasmā tesaṃ paṭhamaṃ kammabhūmimanusāsati, na ca kenaci 4 viññattimāpajjatī’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ‘วิญฺญตฺติ’นฺติ ยํ วเทสิ, กติ ปน ตา วิญฺญตฺติโย’’ติ? ‘‘เทฺวมา, มหาราช, วิญฺญตฺติโย กายวิญฺญตฺติ วจีวิญฺญตฺติ จาติฯ ตตฺถ อตฺถิ กายวิญฺญตฺติ สาวชฺชา, อตฺถิ อนวชฺชาฯ อตฺถิ วจีวิญฺญตฺติ สาวชฺชา, อตฺถิ อนวชฺชาฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, ‘viññatti’nti yaṃ vadesi, kati pana tā viññattiyo’’ti? ‘‘Dvemā, mahārāja, viññattiyo kāyaviññatti vacīviññatti cāti. Tattha atthi kāyaviññatti sāvajjā, atthi anavajjā. Atthi vacīviññatti sāvajjā, atthi anavajjā.

    ‘‘กตมา กายวิญฺญตฺติ สาวชฺชา? อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ กุลานิ อุปคนฺตฺวา อโนกาเส ฐิโต ฐานํ ภญฺชติ, อยํ กายวิญฺญตฺติ สาวชฺชาฯ ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา น ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอญฺญาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Katamā kāyaviññatti sāvajjā? Idhekacco bhikkhu kulāni upagantvā anokāse ṭhito ṭhānaṃ bhañjati, ayaṃ kāyaviññatti sāvajjā. Tāya ca viññāpitaṃ ariyā na paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye oññāto hoti hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato, bhinnājīvotveva saṅkhaṃ gacchati.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ กุลานิ อุปคนฺตฺวา อโนกาเส ฐิโต คลํ ปณาเมตฺวา โมรเปกฺขิตํ เปกฺขติ ‘เอวํ อิเม ปสฺสนฺตี’ติ, เตน จ เต ปสฺสนฺติฯ อยมฺปิ กายวิญฺญตฺติ สาวชฺชาฯ ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา น ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอญฺญาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, idhekacco bhikkhu kulāni upagantvā anokāse ṭhito galaṃ paṇāmetvā morapekkhitaṃ pekkhati ‘evaṃ ime passantī’ti, tena ca te passanti. Ayampi kāyaviññatti sāvajjā. Tāya ca viññāpitaṃ ariyā na paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye oññāto hoti hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato, bhinnājīvotveva saṅkhaṃ gacchati.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ หนุกาย วา ภมุกาย วา องฺคุเฎฺฐน วา วิญฺญาเปติ, อยมฺปิ กายวิญฺญตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา น ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอญฺญาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, idhekacco bhikkhu hanukāya vā bhamukāya vā aṅguṭṭhena vā viññāpeti, ayampi kāyaviññatti sāvajjā, tāya ca viññāpitaṃ ariyā na paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye oññāto hoti hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato, bhinnājīvotveva saṅkhaṃ gacchati.

    ‘‘กตมา กายวิญฺญตฺติ อนวชฺชา? อิธ ภิกฺขุ กุลานิ อุปคนฺตฺวา สโต สมาหิโต สมฺปชาโน ฐาเนปิ อฎฺฐาเนปิ ยถานุสิฎฺฐิํ คนฺตฺวา ฐาเน ติฎฺฐติ, ทาตุกาเมสุ ติฎฺฐติ, อทาตุกาเมสุ ปกฺกมติฯ อยํ กายวิญฺญตฺติ อนวชฺชา, ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย วณฺณิโต โหติ ถุโต ปสโตฺถ สเลฺลขิตาจาโร, ปริสุทฺธาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน –

    ‘‘Katamā kāyaviññatti anavajjā? Idha bhikkhu kulāni upagantvā sato samāhito sampajāno ṭhānepi aṭṭhānepi yathānusiṭṭhiṃ gantvā ṭhāne tiṭṭhati, dātukāmesu tiṭṭhati, adātukāmesu pakkamati. Ayaṃ kāyaviññatti anavajjā, tāya ca viññāpitaṃ ariyā paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye vaṇṇito hoti thuto pasattho sallekhitācāro, parisuddhājīvotveva saṅkhaṃ gacchati. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena –

    ‘น เว ยาจนฺติ สปฺปญฺญา, ธีโร จ เวทิตุมรหติ 5;

    ‘Na ve yācanti sappaññā, dhīro ca veditumarahati 6;

    อุทฺทิสฺส อริยา ติฎฺฐนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’ติฯ

    Uddissa ariyā tiṭṭhanti, esā ariyāna yācanā’ti.

    ‘‘กตมา วจีวิญฺญตฺติ สาวชฺชา? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ วาจาย พหุวิธํ วิญฺญาเปติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, อยํ วจีวิญฺญตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา น ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอญฺญาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Katamā vacīviññatti sāvajjā? Idha, mahārāja, bhikkhu vācāya bahuvidhaṃ viññāpeti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhāraṃ, ayaṃ vacīviññatti sāvajjā, tāya ca viññāpitaṃ ariyā na paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye oññāto hoti hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato, bhinnājīvotveva saṅkhaṃ gacchati.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ ปเรสํ สาเวโนฺต เอวํ ภณติ ‘อิมินา เม อโตฺถ’ติ, ตาย จ วาจาย ปเรสํ สาวิตาย ตสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ, อยมฺปิ วจีวิญฺญตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา น ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอญฺญาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, idhekacco bhikkhu paresaṃ sāvento evaṃ bhaṇati ‘iminā me attho’ti, tāya ca vācāya paresaṃ sāvitāya tassa lābho uppajjati, ayampi vacīviññatti sāvajjā, tāya ca viññāpitaṃ ariyā na paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye oññāto hoti hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato, bhinnājīvotveva saṅkhaṃ gacchati.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ วจีวิปฺผาเรน ปริสาย สาเวติ ‘เอวญฺจ เอวญฺจ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพ’นฺติ, ตญฺจ เต วจนํ สุตฺวา ปริกิตฺติตํ อภิหรนฺติ, อยมฺปิ วจีวิญฺญตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา น ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอญฺญาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, idhekacco bhikkhu vacīvipphārena parisāya sāveti ‘evañca evañca bhikkhūnaṃ dātabba’nti, tañca te vacanaṃ sutvā parikittitaṃ abhiharanti, ayampi vacīviññatti sāvajjā, tāya ca viññāpitaṃ ariyā na paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye oññāto hoti hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato, bhinnājīvotveva saṅkhaṃ gacchati.

    ‘‘นนุ, มหาราช, เถโรปิ สาริปุโตฺต อตฺถงฺคเต สูริเย รตฺติภาเค คิลาโน สมาโน เถเรน มหาโมคฺคลฺลาเนน เภสชฺชํ ปุจฺฉียมาโน วาจํ ภินฺทิ, ตสฺส เตน วจีเภเทน เภสชฺชํ อุปฺปชฺชิฯ อถ เถโร สาริปุโตฺต ‘วจีเภเทน เม อิมํ เภสชฺชํ อุปฺปนฺนํ, มา เม อาชีโว ภิชฺชี’ติ อาชีวเภทภยา ตํ เภสชฺชํ ปชหิ น อุปชีวิฯ เอวมฺปิ วจีวิญฺญตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา น ปริภุญฺชนฺติฯ โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอญฺญาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Nanu, mahārāja, theropi sāriputto atthaṅgate sūriye rattibhāge gilāno samāno therena mahāmoggallānena bhesajjaṃ pucchīyamāno vācaṃ bhindi, tassa tena vacībhedena bhesajjaṃ uppajji. Atha thero sāriputto ‘vacībhedena me imaṃ bhesajjaṃ uppannaṃ, mā me ājīvo bhijjī’ti ājīvabhedabhayā taṃ bhesajjaṃ pajahi na upajīvi. Evampi vacīviññatti sāvajjā, tāya ca viññāpitaṃ ariyā na paribhuñjanti. So ca puggalo ariyānaṃ samaye oññāto hoti hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato, bhinnājīvotveva saṅkhaṃ gacchati.

    ‘‘กตมา วจีวิญฺญตฺติ อนวชฺชา? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สติ ปจฺจเย เภสชฺชํ วิญฺญาเปติ ญาติปวาริเตสุ กุเลสุ, อยํ วจีวิญฺญตฺติ อนวชฺชา, ตาย จ วิญฺญาปิตํ อริยา ปริภุญฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย วณฺณิโต โหติ โถมิโต ปสโตฺถ, ปริสุทฺธาชีโวเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ, อนุมโต ตถาคเตหิ อรหเนฺตหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิฯ

    ‘‘Katamā vacīviññatti anavajjā? Idha, mahārāja, bhikkhu sati paccaye bhesajjaṃ viññāpeti ñātipavāritesu kulesu, ayaṃ vacīviññatti anavajjā, tāya ca viññāpitaṃ ariyā paribhuñjanti, so ca puggalo ariyānaṃ samaye vaṇṇito hoti thomito pasattho, parisuddhājīvotveva saṅkhaṃ gacchati, anumato tathāgatehi arahantehi sammāsambuddhehi.

    ‘‘ยํ ปน, มหาราช, ตถาคโต กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส โภชนํ ปชหิ 7, ตํ อาเวฐนวินิเวฐนกฑฺฒนนิคฺคหปฺปฎิกเมฺมน นิพฺพตฺติ, ตสฺมา ตถาคโต ตํ ปิณฺฑปาตํ ปฎิกฺขิปิ น อุปชีวี’’ติฯ

    ‘‘Yaṃ pana, mahārāja, tathāgato kasibhāradvājassa brāhmaṇassa bhojanaṃ pajahi 8, taṃ āveṭhanaviniveṭhanakaḍḍhananiggahappaṭikammena nibbatti, tasmā tathāgato taṃ piṇḍapātaṃ paṭikkhipi na upajīvī’’ti.

    ‘‘สพฺพกาลํ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคเต ภุญฺชมาเน เทวตา ทิพฺพํ โอชํ ปเตฺต อากิรนฺติ, อุทาหุ ‘สูกรมทฺทเว จ มธุปายาเส จา’ติ ทฺวีสุ เยว ปิณฺฑปาเตสุ อากิริํสู’’ติ? ‘‘สพฺพกาลํ, มหาราช, ตถาคเต ภุญฺชมาเน เทวตา ทิพฺพํ โอชํ คเหตฺวา อุปติฎฺฐิตฺวา อุทฺธฎุทฺธเฎ อาโลเป อากิรนฺติฯ

    ‘‘Sabbakālaṃ, bhante nāgasena, tathāgate bhuñjamāne devatā dibbaṃ ojaṃ patte ākiranti, udāhu ‘sūkaramaddave ca madhupāyāse cā’ti dvīsu yeva piṇḍapātesu ākiriṃsū’’ti? ‘‘Sabbakālaṃ, mahārāja, tathāgate bhuñjamāne devatā dibbaṃ ojaṃ gahetvā upatiṭṭhitvā uddhaṭuddhaṭe ālope ākiranti.

    ‘‘ยถา , มหาราช, รโญฺญ สูโท รโญฺญ ภุญฺชนฺตสฺส สูปํ คเหตฺวา อุปติฎฺฐิตฺวา กพเฬ กพเฬ สูปํ อากิรติ, เอวเมว โข, มหาราช, สพฺพกาลํ ตถาคเต ภุญฺชมาเน เทวตา ทิพฺพํ โอชํ คเหตฺวา อุปติฎฺฐิตฺวา อุทฺธฎุทฺธเฎ อาโลเป ทิพฺพํ โอชํ อากิรนฺติฯ เวรญฺชายมฺปิ, มหาราช , ตถาคตสฺส สุกฺขยวปุลเก 9 ภุญฺชมานสฺส เทวตา ทิเพฺพน โอเชน เตมยิตฺวา เตมยิตฺวา อุปสํหริํสุ, เตน ตถาคตสฺส กาโย อุปจิโต อโหสี’’ติฯ ‘‘ลาภา วต, ภเนฺต นาคเสน, ตาสํ เทวตานํ, ยา ตถาคตสฺส สรีรปฺปฎิชคฺคเน สตตํ สมิตํ อุสฺสุกฺกมาปนฺนาฯ สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Yathā , mahārāja, rañño sūdo rañño bhuñjantassa sūpaṃ gahetvā upatiṭṭhitvā kabaḷe kabaḷe sūpaṃ ākirati, evameva kho, mahārāja, sabbakālaṃ tathāgate bhuñjamāne devatā dibbaṃ ojaṃ gahetvā upatiṭṭhitvā uddhaṭuddhaṭe ālope dibbaṃ ojaṃ ākiranti. Verañjāyampi, mahārāja , tathāgatassa sukkhayavapulake 10 bhuñjamānassa devatā dibbena ojena temayitvā temayitvā upasaṃhariṃsu, tena tathāgatassa kāyo upacito ahosī’’ti. ‘‘Lābhā vata, bhante nāgasena, tāsaṃ devatānaṃ, yā tathāgatassa sarīrappaṭijaggane satataṃ samitaṃ ussukkamāpannā. Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    คาถาภิคีตโภชนกถาปโญฺห นวโมฯ

    Gāthābhigītabhojanakathāpañho navamo.







    Footnotes:
    1. อโภชนียํ (ก.) สุ. นิ. ๘๑ ปสฺสิตพฺพํ
    2. abhojanīyaṃ (ka.) su. ni. 81 passitabbaṃ
    3. เตน (สี. ปี.)
    4. tena (sī. pī.)
    5. อริยา ครหนฺติ ยาจนํ (สี. ปี.)
    6. ariyā garahanti yācanaṃ (sī. pī.)
    7. ปชหติ (ก.)
    8. pajahati (ka.)
    9. สุกฺขยวมูลเก (ก.)
    10. sukkhayavamūlake (ka.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact