Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๘. ควมฺปติเตฺถรคาถาวณฺณนา
8. Gavampatittheragāthāvaṇṇanā
โย อิทฺธิยา สรภุนฺติ อายสฺมโต ควมฺปติเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกติํเส กเปฺป สิขิํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปุเปฺผหิ ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก อุปฺปโนฺน อปราปรํ ปุญฺญานิ กโรโนฺต โกณาคมนสฺส ภควโต เจติเย ฉตฺตญฺจ เวทิกญฺจ กาเรสิฯ กสฺสปสฺส ปน ภควโต กาเล อญฺญตรสฺมิํ กุลเคเห นิพฺพโตฺตฯ ตสฺมิญฺจ กุเล พหุํ โคมณฺฑลํ อโหสิฯ ตํ โคปาลกา รกฺขนฺติฯ อยํ ตตฺถ อนฺตรนฺตรา ยุตฺตปฺปยุตฺตํ วิจาเรโนฺต วิจรติฯ โส เอกํ ขีณาสวเตฺถรํ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา พหิคาเม เทวสิกํ เอกสฺมิํ ปเทเส ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโยฺย สูริยาตเปน กิลมิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา จตฺตาโร สิรีสทเณฺฑ อุสฺสาเปตฺวา เตสํ อุปริ สิรีสสาขาโย ฐเปตฺวา สาขามณฺฑปํ กตฺวา อทาสิฯ ‘‘มณฺฑปสฺส สมีเป สิรีสรุกฺขํ โรเปสี’’ติ จ วทนฺติฯ ตสฺส อนุกมฺปาย เทวสิกํ เถโร ตตฺถ นิสีทิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน ตโต จวิตฺวา จาตุมหาราชิเกสุ นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ปุริมกมฺมสํสูจกํ วิมานทฺวาเร มหนฺตํ สิรีสวนํ นิพฺพตฺติ วณฺณคนฺธสมฺปเนฺนหิ อเญฺญหิ ปุเปฺผหิ สพฺพกาเล อุปโสภยมานํ, เตน ตํ วิมานํ ‘‘เสรีสก’’นฺติ ปญฺญายิตฺถฯ โส เทวปุโตฺต เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ สํสริตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ยสเตฺถรสฺส จตูสุ คิหิสหาเยสุ ควมฺปติ นาม หุตฺวา อายสฺมโต ยสสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ สทฺธิํ ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ ฯ สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ โส เทสนาวสาเน สหาเยหิ สทฺธิํ อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๔๒-๔๗) –
Yoiddhiyā sarabhunti āyasmato gavampatittherassa gāthā. Kā uppatti? So kira purimabuddhesu katādhikāro ito ekatiṃse kappe sikhiṃ bhagavantaṃ passitvā pasannamānaso pupphehi pūjaṃ akāsi. So tena puññakammena devaloke uppanno aparāparaṃ puññāni karonto koṇāgamanassa bhagavato cetiye chattañca vedikañca kāresi. Kassapassa pana bhagavato kāle aññatarasmiṃ kulagehe nibbatto. Tasmiñca kule bahuṃ gomaṇḍalaṃ ahosi. Taṃ gopālakā rakkhanti. Ayaṃ tattha antarantarā yuttappayuttaṃ vicārento vicarati. So ekaṃ khīṇāsavattheraṃ gāme piṇḍāya caritvā bahigāme devasikaṃ ekasmiṃ padese bhattakiccaṃ karontaṃ disvā ‘‘ayyo sūriyātapena kilamissatī’’ti cintetvā cattāro sirīsadaṇḍe ussāpetvā tesaṃ upari sirīsasākhāyo ṭhapetvā sākhāmaṇḍapaṃ katvā adāsi. ‘‘Maṇḍapassa samīpe sirīsarukkhaṃ ropesī’’ti ca vadanti. Tassa anukampāya devasikaṃ thero tattha nisīdi. So tena puññakammena tato cavitvā cātumahārājikesu nibbatti. Tassa purimakammasaṃsūcakaṃ vimānadvāre mahantaṃ sirīsavanaṃ nibbatti vaṇṇagandhasampannehi aññehi pupphehi sabbakāle upasobhayamānaṃ, tena taṃ vimānaṃ ‘‘serīsaka’’nti paññāyittha. So devaputto ekaṃ buddhantaraṃ devesu ca manussesu ca saṃsaritvā imasmiṃ buddhuppāde yasattherassa catūsu gihisahāyesu gavampati nāma hutvā āyasmato yasassa pabbajitabhāvaṃ sutvā attano sahāyehi saddhiṃ bhagavato santikaṃ agamāsi . Satthā tassa dhammaṃ desesi. So desanāvasāne sahāyehi saddhiṃ arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.53.42-47) –
‘‘มิคลุโทฺท ปุเร อาสิํ, วิปิเน วิจรํ อหํ;
‘‘Migaluddo pure āsiṃ, vipine vicaraṃ ahaṃ;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํฯ
Addasaṃ virajaṃ buddhaṃ, sabbadhammāna pāraguṃ.
‘‘ตสฺมิํ มหาการุณิเก, สพฺพสตฺตหิเต รเต;
‘‘Tasmiṃ mahākāruṇike, sabbasattahite rate;
ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, เนลปุปฺผํ อปูชยิํฯ
Pasannacitto sumano, nelapupphaṃ apūjayiṃ.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยิํ;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ pupphamabhipūjayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวเทโนฺต สาเกเต วิหรติ อญฺชนวเนฯ เตน จ สมเยน ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ สาเกตํ คนฺตฺวา อญฺชนวเน วิหาสิฯ เสนาสนํ นปฺปโหสิฯ สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหารสามนฺตา สรภุยา นทิยา วาลิกาปุฬิเน สยิํสุฯ อถ อฑฺฒรตฺตสมเย นทิยา อุทโกเฆ อาคจฺฉเนฺต สามเณราทโย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํฯ ภควา ตํ ญตฺวา อายสฺมนฺตํ ควมฺปติํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ควมฺปติ, ชโลฆํ วิกฺขเมฺภตฺวา ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารํ กโรหี’’ติฯ เถโร ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ อิทฺธิพเลน นทีโสตํ วิกฺขมฺภิ, ตํ ทูรโตว ปพฺพตกูฎํ วิย อฎฺฐาสิฯ ตโต ปฎฺฐาย เถรสฺส อานุภาโว โลเก ปากโฎ อโหสิฯ อเถกทิวสํ สตฺถา มหติยา เทวปริสาย มเชฺฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตํ เถรํ ทิสฺวา โลกานุกมฺปาย ตสฺส คุณานํ วิภาวนตฺถํ ตํ ปสํสโนฺต ‘‘โย อิทฺธิยา สรภุ’’นฺติ คาถํ อภาสิฯ
Arahattaṃ pana patvā thero vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedento sākete viharati añjanavane. Tena ca samayena bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ sāketaṃ gantvā añjanavane vihāsi. Senāsanaṃ nappahosi. Sambahulā bhikkhū vihārasāmantā sarabhuyā nadiyā vālikāpuḷine sayiṃsu. Atha aḍḍharattasamaye nadiyā udakoghe āgacchante sāmaṇerādayo uccāsaddamahāsaddā ahesuṃ. Bhagavā taṃ ñatvā āyasmantaṃ gavampatiṃ āṇāpesi – ‘‘gaccha, gavampati, jaloghaṃ vikkhambhetvā bhikkhūnaṃ phāsuvihāraṃ karohī’’ti. Thero ‘‘sādhu, bhante’’ti iddhibalena nadīsotaṃ vikkhambhi, taṃ dūratova pabbatakūṭaṃ viya aṭṭhāsi. Tato paṭṭhāya therassa ānubhāvo loke pākaṭo ahosi. Athekadivasaṃ satthā mahatiyā devaparisāya majjhe nisīditvā dhammaṃ desentaṃ theraṃ disvā lokānukampāya tassa guṇānaṃ vibhāvanatthaṃ taṃ pasaṃsanto ‘‘yo iddhiyā sarabhu’’nti gāthaṃ abhāsi.
๓๘. ตตฺถ อิทฺธิยาติ อธิฎฺฐานิทฺธิยาฯ สรภุนฺติ เอวํนามิกํ นทิํ, ยํ โลเก ‘‘สรภุ’’นฺติ วทนฺติฯ อฎฺฐเปสีติ สนฺทิตุํ อเทโนฺต โสตํ นิวเตฺตตฺวา ปพฺพตกูฎํ วิย มหนฺตํ ชลราสิํ กตฺวา ฐเปสิฯ อสิโตติ นสิโต, ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสยรหิโต, พนฺธนสงฺขาตานํ วา สพฺพสํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา เกนจิปิ พนฺธเนน อพโทฺธ, ตโต เอว เอชานํ กิเลสานํ อภาวโต อเนโช โส, ควมฺปติ, ตํ สพฺพสงฺคาติคตํ ตาทิสํ สเพฺพปิ ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิสเงฺค อติกฺกมิตฺวา ฐิตตฺตา สพฺพสงฺคาติคตํ, อเสกฺขมุนิภาวโต มหามุนิํ, ตโต เอว กามกมฺมภวาทิเภทสฺส สกลสฺสปิ ภวสฺส ปารํ นิพฺพานํ คตตฺตา ภวสฺส ปารคุํฯ เทวา นมสฺสนฺตีติ เทวาปิ อิมสฺสนฺติ, ปเคว อิตรา ปชาติฯ
38. Tattha iddhiyāti adhiṭṭhāniddhiyā. Sarabhunti evaṃnāmikaṃ nadiṃ, yaṃ loke ‘‘sarabhu’’nti vadanti. Aṭṭhapesīti sandituṃ adento sotaṃ nivattetvā pabbatakūṭaṃ viya mahantaṃ jalarāsiṃ katvā ṭhapesi. Asitoti nasito, taṇhādiṭṭhinissayarahito, bandhanasaṅkhātānaṃ vā sabbasaṃyojanānaṃ samucchinnattā kenacipi bandhanena abaddho, tato eva ejānaṃ kilesānaṃ abhāvato anejo so, gavampati, taṃ sabbasaṅgātigataṃ tādisaṃ sabbepi rāgadosamohamānadiṭṭhisaṅge atikkamitvā ṭhitattā sabbasaṅgātigataṃ, asekkhamunibhāvato mahāmuniṃ, tato eva kāmakammabhavādibhedassa sakalassapi bhavassa pāraṃ nibbānaṃ gatattā bhavassa pāraguṃ. Devā namassantīti devāpi imassanti, pageva itarā pajāti.
คาถาปริโยสาเน มหโต ชนกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เถโร อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ‘‘สตฺถารํ ปูเชสฺสามี’’ติ อิมเมว คาถํ อภาสีติฯ
Gāthāpariyosāne mahato janakāyassa dhammābhisamayo ahosi. Thero aññaṃ byākaronto ‘‘satthāraṃ pūjessāmī’’ti imameva gāthaṃ abhāsīti.
ควมฺปติเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gavampatittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๘. ควมฺปติเตฺถรคาถา • 8. Gavampatittheragāthā