Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๑๐. คเวสีสุตฺตํ
10. Gavesīsuttaṃ
๑๘๐. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํฯ อทฺทสา โข ภควา อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน อญฺญตรสฺมิํ ปเทเส มหนฺตํ สาลวนํ; ทิสฺวาน 1 มคฺคา โอกฺกมฺม 2 เยน ตํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ สาลวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมิํ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิฯ
180. Ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ carati mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ. Addasā kho bhagavā addhānamaggappaṭipanno aññatarasmiṃ padese mahantaṃ sālavanaṃ; disvāna 3 maggā okkamma 4 yena taṃ sālavanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ sālavanaṃ ajjhogāhetvā aññatarasmiṃ padese sitaṃ pātvākāsi.
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติฯ
Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘ko nu kho hetu ko paccayo bhagavato sitassa pātukammāya? Na akāraṇena tathāgatā sitaṃ pātukarontī’’ti. Atha kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo bhagavato sitassa pātukammāya? Na akāraṇena tathāgatā sitaṃ pātukarontī’’ti.
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมสฺมิํ ปเทเส นครํ อโหสิ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํฯ ตํ โข ปนานนฺท, นครํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุปนิสฺสาย วิหาสิฯ กสฺสปสฺส โข ปนานนฺท, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส คเวสี นาม อุปาสโก อโหสิ สีเลสุ อปริปูรการีฯ คเวสินา โข, อานนฺท, อุปาสเกน ปญฺจมตฺตานิ อุปาสกสตานิ ปฎิเทสิตานิ สมาทปิตานิ 5 อเหสุํ สีเลสุ อปริปูรการิโนฯ อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร 6 ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา 7, อหญฺจมฺหิ สีเลสุ อปริปูรการี, อิมานิ จ ปญฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ อปริปูรการิโนฯ อิเจฺจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิญฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, ānanda, imasmiṃ padese nagaraṃ ahosi iddhañceva phītañca bahujanaṃ ākiṇṇamanussaṃ. Taṃ kho panānanda, nagaraṃ kassapo bhagavā arahaṃ sammāsambuddho upanissāya vihāsi. Kassapassa kho panānanda, bhagavato arahato sammāsambuddhassa gavesī nāma upāsako ahosi sīlesu aparipūrakārī. Gavesinā kho, ānanda, upāsakena pañcamattāni upāsakasatāni paṭidesitāni samādapitāni 8 ahesuṃ sīlesu aparipūrakārino. Atha kho, ānanda, gavesissa upāsakassa etadahosi – ‘ahaṃ kho imesaṃ pañcannaṃ upāsakasatānaṃ bahūpakāro 9 pubbaṅgamo samādapetā 10, ahañcamhi sīlesu aparipūrakārī, imāni ca pañca upāsakasatāni sīlesu aparipūrakārino. Iccetaṃ samasamaṃ, natthi kiñci atirekaṃ; handāhaṃ atirekāyā’’’ti.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตเคฺค มํ อายสฺมโนฺต สีเลสุ ปริปูรการิํ ธาเรถา’ติ! อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อโยฺย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา ฯ อโยฺย หิ นาม คเวสี สีเลสุ ปริปูรการี ภวิสฺสติฯ กิมงฺคํ 11 ปน มย’นฺติ 12! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสิํ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘อชฺชตเคฺค อโยฺย คเวสี อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ธาเรตู’ติฯ อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา, อหญฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการี, อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ฯ อิเจฺจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิญฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ!
‘‘Atha kho, ānanda, gavesī upāsako yena tāni pañca upāsakasatāni tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā tāni pañca upāsakasatāni etadavoca – ‘ajjatagge maṃ āyasmanto sīlesu paripūrakāriṃ dhārethā’ti! Atha kho, ānanda, tesaṃ pañcannaṃ upāsakasatānaṃ etadahosi – ‘ayyo kho gavesī amhākaṃ bahūpakāro pubbaṅgamo samādapetā . Ayyo hi nāma gavesī sīlesu paripūrakārī bhavissati. Kimaṅgaṃ 13 pana maya’nti 14! Atha kho, ānanda, tāni pañca upāsakasatāni yena gavesī upāsako tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā gavesiṃ upāsakaṃ etadavocuṃ – ‘ajjatagge ayyo gavesī imānipi pañca upāsakasatāni sīlesu paripūrakārino dhāretū’ti. Atha kho, ānanda, gavesissa upāsakassa etadahosi – ‘ahaṃ kho imesaṃ pañcannaṃ upāsakasatānaṃ bahūpakāro pubbaṅgamo samādapetā, ahañcamhi sīlesu paripūrakārī, imānipi pañca upāsakasatāni sīlesu paripūrakārino . Iccetaṃ samasamaṃ, natthi kiñci atirekaṃ; handāhaṃ atirekāyā’’’ti!
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตเคฺค มํ อายสฺมโนฺต พฺรหฺมจาริํ ธาเรถ อาราจาริ 15 วิรตํ เมถุนา คามธมฺมา’ติฯ อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อโยฺย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตาฯ อโยฺย หิ นาม คเวสี พฺรหฺมจารี ภวิสฺสติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมาฯ กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสิํ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘อชฺชตเคฺค อโยฺย คเวสี อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน ธาเรตุ อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมา’ติฯ อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตาฯ อหญฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการีฯ อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโนฯ อหญฺจมฺหิ พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมาฯ อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมาฯ อิเจฺจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิญฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติฯ
‘‘Atha kho, ānanda, gavesī upāsako yena tāni pañca upāsakasatāni tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā tāni pañca upāsakasatāni etadavoca – ‘ajjatagge maṃ āyasmanto brahmacāriṃ dhāretha ārācāri 16 virataṃ methunā gāmadhammā’ti. Atha kho, ānanda, tesaṃ pañcannaṃ upāsakasatānaṃ etadahosi – ‘ayyo kho gavesī amhākaṃ bahūpakāro pubbaṅgamo samādapetā. Ayyo hi nāma gavesī brahmacārī bhavissati ārācārī virato methunā gāmadhammā. Kimaṅgaṃ pana maya’nti! Atha kho, ānanda, tāni pañca upāsakasatāni yena gavesī upāsako tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā gavesiṃ upāsakaṃ etadavocuṃ – ‘ajjatagge ayyo gavesī imānipi pañca upāsakasatāni brahmacārino dhāretu ārācārino viratā methunā gāmadhammā’ti. Atha kho, ānanda, gavesissa upāsakassa etadahosi – ‘ahaṃ kho imesaṃ pañcannaṃ upāsakasatānaṃ bahūpakāro pubbaṅgamo samādapetā. Ahañcamhi sīlesu paripūrakārī. Imānipi pañca upāsakasatāni sīlesu paripūrakārino. Ahañcamhi brahmacārī ārācārī virato methunā gāmadhammā. Imānipi pañca upāsakasatāni brahmacārino ārācārino viratā methunā gāmadhammā. Iccetaṃ samasamaṃ, natthi kiñci atirekaṃ; handāhaṃ atirekāyā’’’ti.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตเคฺค มํ อายสฺมโนฺต เอกภตฺติกํ ธาเรถ รตฺตูปรตํ วิรตํ วิกาลโภชนา’ติฯ อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อโยฺย โข คเวสี พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตาฯ อโยฺย หิ นาม คเวสี เอกภตฺติโก ภวิสฺสติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนาฯ กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสิํ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘อชฺชตเคฺค อโยฺย คเวสี อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เอกภตฺติเก ธาเรตุ รตฺตูปรเต วิรเต วิกาลโภชนา’ติฯ อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตาฯ อหญฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการีฯ อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโนฯ อหญฺจมฺหิ พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมาฯ อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมาฯ อหญฺจมฺหิ เอกภตฺติโก รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนาฯ อิมานิปิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เอกภตฺติกา รตฺตูปรตา วิรตา วิกาลโภชนาฯ อิเจฺจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิญฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติฯ
‘‘Atha kho, ānanda, gavesī upāsako yena tāni pañca upāsakasatāni tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā tāni pañca upāsakasatāni etadavoca – ‘ajjatagge maṃ āyasmanto ekabhattikaṃ dhāretha rattūparataṃ virataṃ vikālabhojanā’ti. Atha kho, ānanda, tesaṃ pañcannaṃ upāsakasatānaṃ etadahosi – ‘ayyo kho gavesī bahūpakāro pubbaṅgamo samādapetā. Ayyo hi nāma gavesī ekabhattiko bhavissati rattūparato virato vikālabhojanā. Kimaṅgaṃ pana maya’nti! Atha kho, ānanda, tāni pañca upāsakasatāni yena gavesī upāsako tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā gavesiṃ upāsakaṃ etadavocuṃ – ‘ajjatagge ayyo gavesī imānipi pañca upāsakasatāni ekabhattike dhāretu rattūparate virate vikālabhojanā’ti. Atha kho, ānanda, gavesissa upāsakassa etadahosi – ‘ahaṃ kho imesaṃ pañcannaṃ upāsakasatānaṃ bahūpakāro pubbaṅgamo samādapetā. Ahañcamhi sīlesu paripūrakārī. Imānipi pañca upāsakasatāni sīlesu paripūrakārino. Ahañcamhi brahmacārī ārācārī virato methunā gāmadhammā. Imānipi pañca upāsakasatāni brahmacārino ārācārino viratā methunā gāmadhammā. Ahañcamhi ekabhattiko rattūparato virato vikālabhojanā. Imānipi pañca upāsakasatāni ekabhattikā rattūparatā viratā vikālabhojanā. Iccetaṃ samasamaṃ, natthi kiñci atirekaṃ; handāhaṃ atirekāyā’’’ti.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’นฺติฯ อลตฺถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน โข ปนานนฺท, คเวสี ภิกฺขุ เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร จ ปนานนฺท, คเวสี ภิกฺขุ อรหตํ อโหสิฯ
‘‘Atha kho, ānanda, gavesī upāsako yena kassapo bhagavā arahaṃ sammāsambuddho tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā kassapaṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavoca – ‘labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ labheyyaṃ upasampada’nti. Alattha kho, ānanda, gavesī upāsako kassapassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno kho panānanda, gavesī bhikkhu eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro ca panānanda, gavesī bhikkhu arahataṃ ahosi.
‘‘อถ โข, อานนฺท, เตส ปญฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อโยฺย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตาฯ อโยฺย หิ นาม คเวสี เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติฯ กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เตนุปสงฺกมิํสุ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’นฺติฯ อลภิํสุ โข, อานนฺท, ตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลภิํสุ อุปสมฺปทํฯ
‘‘Atha kho, ānanda, tesa pañcannaṃ upāsakasatānaṃ etadahosi – ‘ayyo kho gavesī amhākaṃ bahūpakāro pubbaṅgamo samādapetā. Ayyo hi nāma gavesī kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajissati. Kimaṅgaṃ pana maya’nti! Atha kho, ānanda, tāni pañca upāsakasatāni yena kassapo bhagavā arahaṃ sammāsambuddho tenupasaṅkamiṃsu ; upasaṅkamitvā kassapaṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavocuṃ – ‘labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyāma upasampada’nti. Alabhiṃsu kho, ānanda, tāni pañca upāsakasatāni kassapassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa santike pabbajjaṃ, alabhiṃsu upasampadaṃ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส ภิกฺขุโน เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิมสฺส อนุตฺตรสฺส วิมุตฺติสุขสฺส นิกามลาภี โหมิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ อโห วติมานิปิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ อิมสฺส อนุตฺตรสฺส วิมุตฺติสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโน’ติฯ อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ วูปกฎฺฐา 17 อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริํสุฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญิํสุ’’ฯ
‘‘Atha kho, ānanda, gavesissa bhikkhuno etadahosi – ‘ahaṃ kho imassa anuttarassa vimuttisukhassa nikāmalābhī homi akicchalābhī akasiralābhī. Aho vatimānipi pañca bhikkhusatāni imassa anuttarassa vimuttisukhassa nikāmalābhino assu akicchalābhino akasiralābhino’ti. Atha kho, ānanda, tāni pañca bhikkhusatāni vūpakaṭṭhā 18 appamattā ātāpino pahitattā viharantā nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihariṃsu. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññiṃsu’’.
‘‘อิติ โข , อานนฺท, ตานิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ คเวสีปมุขานิ อุตฺตรุตฺตริ 19 ปณีตปณีตํ วายมมานา อนุตฺตรํ วิมุตฺติํ สจฺฉากํสุฯ ตสฺมาติห, อานนฺท, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตํ วายมมานา อนุตฺตรํ วิมุตฺติํ สจฺฉิกริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, อานนฺท, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ ทสมํฯ
‘‘Iti kho , ānanda, tāni pañca bhikkhusatāni gavesīpamukhāni uttaruttari 20 paṇītapaṇītaṃ vāyamamānā anuttaraṃ vimuttiṃ sacchākaṃsu. Tasmātiha, ānanda, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘uttaruttari paṇītapaṇītaṃ vāyamamānā anuttaraṃ vimuttiṃ sacchikarissāmā’ti. Evañhi vo, ānanda, sikkhitabba’’nti. Dasamaṃ.
อุปาสกวโคฺค ตติโยฯ
Upāsakavaggo tatiyo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
สารชฺชํ วิสารโท นิรยํ, เวรํ จณฺฑาลปญฺจมํ;
Sārajjaṃ visārado nirayaṃ, veraṃ caṇḍālapañcamaṃ;
ปีติ วณิชฺชา ราชาโน, คิหี เจว คเวสินาติฯ
Pīti vaṇijjā rājāno, gihī ceva gavesināti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. คเวสีสุตฺตวณฺณนา • 10. Gavesīsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. คเวสีสุตฺตวณฺณนา • 10. Gavesīsuttavaṇṇanā