Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๓๓] ๓. ฆตาสนชาตกวณฺณนา

    [133] 3. Ghatāsanajātakavaṇṇanā

    เขมํ ยหินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส หิ ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา เอกํ คามกํ อุปนิสฺสาย อรญฺญเสนาสเน วสฺสํ อุปคญฺฉิฯ ตสฺส ปฐมมาเสเยว ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐสฺส ปณฺณสาลา ฌายิตฺถฯ โส วสนฎฺฐานาภาเวน กิลมโนฺต อุปฎฺฐากานํ อาจิกฺขิฯ เต ‘‘โหตุ, ภเนฺต, ปณฺณสาลํ กริสฺสาม, กสาม ตาว, วปาม ตาวา’’ติอาทีนิ วทนฺตา เตมาสํ วีตินาเมสุํฯ โส เสนาสนสปฺปายาภาเวน กมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิฯ โส นิมิตฺตมตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา วุตฺถวโสฺส เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ สตฺถา เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กิํ นุ โข เต, ภิกฺขุ, กมฺมฎฺฐานํ สปฺปายํ ชาต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส อาทิโต ปฎฺฐาย อสปฺปายภาวํ กเถสิฯ สตฺถา ‘‘ปุเพฺพ โข, ภิกฺขุ, ติรจฺฉานาปิ อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ ญตฺวา สปฺปายกาเล วสิตฺวา อสปฺปายกาเล วสนฎฺฐานํ ปหาย อญฺญตฺถ อคมํสุ, ตฺวํ กสฺมา อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ น อญฺญาสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Khemaṃyahinti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So hi bhikkhu satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā paccantaṃ gantvā ekaṃ gāmakaṃ upanissāya araññasenāsane vassaṃ upagañchi. Tassa paṭhamamāseyeva piṇḍāya paviṭṭhassa paṇṇasālā jhāyittha. So vasanaṭṭhānābhāvena kilamanto upaṭṭhākānaṃ ācikkhi. Te ‘‘hotu, bhante, paṇṇasālaṃ karissāma, kasāma tāva, vapāma tāvā’’tiādīni vadantā temāsaṃ vītināmesuṃ. So senāsanasappāyābhāvena kammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpetuṃ nāsakkhi. So nimittamattampi anuppādetvā vutthavasso jetavanaṃ gantvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Satthā tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘kiṃ nu kho te, bhikkhu, kammaṭṭhānaṃ sappāyaṃ jāta’’nti pucchi. So ādito paṭṭhāya asappāyabhāvaṃ kathesi. Satthā ‘‘pubbe kho, bhikkhu, tiracchānāpi attano sappāyāsappāyaṃ ñatvā sappāyakāle vasitvā asappāyakāle vasanaṭṭhānaṃ pahāya aññattha agamaṃsu, tvaṃ kasmā attano sappāyāsappāyaṃ na aññāsī’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา โสภคฺคปฺปโตฺต สกุณราชา หุตฺวา เอกสฺมิํ อรญฺญายตเน ชาตสฺสรตีเร สาขาวิฎปสมฺปนฺนํ พหลปตฺตปลาสํ มหารุกฺขํ อุปนิสฺสาย สปริวาโร วาสํ กเปฺปสิฯ พหู สกุณา ตสฺส รุกฺขสฺส อุทกมตฺถเก ปตฺถฎสาขาสุ วสนฺตา สรีรวฬญฺชํ อุทเก ปาเตนฺติฯ ตสฺมิญฺจ ชาตสฺสเร จโณฺฑ นาคราชา วสติฯ ตสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิเม สกุณา มยฺหํ นิวาเส ชาตสฺสเร สรีรวฬญฺชํ ปาเตนฺติ, ยํนูนาหํ อุทกโต อคฺคิํ อุฎฺฐาเปตฺวา รุกฺขํ ฌาเปตฺวา เอเต ปลาเปยฺย’’นฺติฯ โส กุทฺธมานโส รตฺติภาเค สเพฺพสํ สกุณานํ สนฺนิปติตฺวา รุกฺขสาขาสุ นิปนฺนกาเล ปฐมํ ตาว อุทฺธนาโรปิตํ วิย อุทกํ ปกฺกุธาเปตฺวา ทุติยวาเร ธูมํ อุฎฺฐาเปตฺวา ตติยวาเร ตาลกฺขนฺธปฺปมาณํ ชาลํ อุฎฺฐาเปสิฯ โพธิสโตฺต อุทกโต ชาลํ อุฎฺฐหมานํ ทิสฺวา ‘‘โภ, สกุณา, อคฺคินา อาทิตฺตํ นาม อุทเกน นิพฺพาเปนฺติ, อิทานิ ปน อุทกเมว อาทิตฺตํฯ น สกฺกา อเมฺหหิ อิธ วสิตุํ, อญฺญตฺถ คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sakuṇayoniyaṃ nibbattitvā viññutaṃ patvā sobhaggappatto sakuṇarājā hutvā ekasmiṃ araññāyatane jātassaratīre sākhāviṭapasampannaṃ bahalapattapalāsaṃ mahārukkhaṃ upanissāya saparivāro vāsaṃ kappesi. Bahū sakuṇā tassa rukkhassa udakamatthake patthaṭasākhāsu vasantā sarīravaḷañjaṃ udake pātenti. Tasmiñca jātassare caṇḍo nāgarājā vasati. Tassa etadahosi ‘‘ime sakuṇā mayhaṃ nivāse jātassare sarīravaḷañjaṃ pātenti, yaṃnūnāhaṃ udakato aggiṃ uṭṭhāpetvā rukkhaṃ jhāpetvā ete palāpeyya’’nti. So kuddhamānaso rattibhāge sabbesaṃ sakuṇānaṃ sannipatitvā rukkhasākhāsu nipannakāle paṭhamaṃ tāva uddhanāropitaṃ viya udakaṃ pakkudhāpetvā dutiyavāre dhūmaṃ uṭṭhāpetvā tatiyavāre tālakkhandhappamāṇaṃ jālaṃ uṭṭhāpesi. Bodhisatto udakato jālaṃ uṭṭhahamānaṃ disvā ‘‘bho, sakuṇā, agginā ādittaṃ nāma udakena nibbāpenti, idāni pana udakameva ādittaṃ. Na sakkā amhehi idha vasituṃ, aññattha gamissāmā’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘เขมํ ยหิํ ตตฺถ อรี อุทีริโต, ทกสฺส มเชฺฌ ชลเต ฆตาสโน;

    ‘‘Khemaṃ yahiṃ tattha arī udīrito, dakassa majjhe jalate ghatāsano;

    น อชฺช วาโส มหิยา มหีรุเห, ทิสา ภชโวฺห สรณาชฺช โนภย’’นฺติฯ

    Na ajja vāso mahiyā mahīruhe, disā bhajavho saraṇājja nobhaya’’nti.

    ตตฺถ เขมํ ยหิํ ตตฺถ อรี อุทีริโตติ ยสฺมิํ อุทกปิเฎฺฐ เขมภาโว นิพฺภยภาโว, ตสฺมิํ อตฺตปจฺจตฺถิโก สปโตฺต อุฎฺฐิโตฯ ทกสฺสาติ อุทกสฺสฯ ฆตาสโนติ อคฺคิฯ โส หิ ฆตํ อสฺนาติ, ตสฺมา ‘‘ฆตาสโน’’ติ วุจฺจติฯ น อชฺช วาโสติ อชฺช โน วาโส นตฺถิฯ มหิยา มหีรุเหติ มหิรุโห วุจฺจติ รุโกฺข, ตสฺมิํ อิมิสฺสา มหิยา ชาเต รุเกฺขติ อโตฺถฯ ทิสา ภชโวฺหติ ทิสา ภชถ คจฺฉถฯ สรณาชฺช โน ภยนฺติ อชฺช อมฺหากํ สรณโต ภยํ ชาตํ, ปฎิสรณฎฺฐานโต ภยํ อุปฺปนฺนนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha khemaṃ yahiṃ tattha arī udīritoti yasmiṃ udakapiṭṭhe khemabhāvo nibbhayabhāvo, tasmiṃ attapaccatthiko sapatto uṭṭhito. Dakassāti udakassa. Ghatāsanoti aggi. So hi ghataṃ asnāti, tasmā ‘‘ghatāsano’’ti vuccati. Na ajja vāsoti ajja no vāso natthi. Mahiyā mahīruheti mahiruho vuccati rukkho, tasmiṃ imissā mahiyā jāte rukkheti attho. Disā bhajavhoti disā bhajatha gacchatha. Saraṇājja no bhayanti ajja amhākaṃ saraṇato bhayaṃ jātaṃ, paṭisaraṇaṭṭhānato bhayaṃ uppannanti attho.

    เอวํ วตฺวา โพธิสโตฺต อตฺตโน วจนกเร สกุเณ อาทาย อุปฺปติตฺวา อญฺญตฺถ คโตฯ โพธิสตฺตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ฐิตสกุณา ชีวิตกฺขยํ ปตฺตาฯ

    Evaṃ vatvā bodhisatto attano vacanakare sakuṇe ādāya uppatitvā aññattha gato. Bodhisattassa vacanaṃ aggahetvā ṭhitasakuṇā jīvitakkhayaṃ pattā.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so bhikkhu arahatte patiṭṭhāsi.

    ตทา โพธิสตฺตสฺส วจนกรา สกุณา พุทฺธปริสา อเหสุํ, สกุณราชา ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Tadā bodhisattassa vacanakarā sakuṇā buddhaparisā ahesuṃ, sakuṇarājā pana ahameva ahosinti.

    ฆตาสนชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Ghatāsanajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๓๓. ฆตาสนชาตกํ • 133. Ghatāsanajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact