Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๓. ฆฎสุตฺตํ
3. Ghaṭasuttaṃ
๒๓๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ สาริปุโตฺต อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน ราชคเห วิหรนฺติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป เอกวิหาเรฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ –
237. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā ca sāriputto āyasmā ca mahāmoggallāno rājagahe viharanti veḷuvane kalandakanivāpe ekavihāre. Atha kho āyasmā sāriputto sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā mahāmoggallāno tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā mahāmoggallānena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ etadavoca –
‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อินฺทฺริยานิ; ปริสุโทฺธ มุขวโณฺณ ปริโยทาโต สเนฺตน นูนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อชฺช วิหาเรน วิหาสี’’ติฯ ‘‘โอฬาริเกน ขฺวาหํ, อาวุโส, อชฺช วิหาเรน วิหาสิํฯ อปิ จ, เม อโหสิ ธมฺมี กถา’’ติฯ ‘‘เกน สทฺธิํ ปนายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อโหสิ ธมฺมี กถา’’ติ? ‘‘ภควตา โข เม, อาวุโส, สทฺธิํ อโหสิ ธมฺมี กถา’’ติฯ ‘‘ทูเร โข, อาวุโส, ภควา เอตรหิ สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ กิํ นุ โข, อายสฺมา, มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ อิทฺธิยา อุปสงฺกมิ; อุทาหุ ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อิทฺธิยา อุปสงฺกมี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, ภควนฺตํ อิทฺธิยา อุปสงฺกมิํ; นปิ มํ ภควา อิทฺธิยา อุปสงฺกมิฯ อปิ จ, เม ยาวตา ภควา เอตฺตาวตา ทิพฺพจกฺขุ วิสุชฺฌิ ทิพฺพา จ โสตธาตุฯ ภควโตปิ ยาวตาหํ เอตฺตาวตา ทิพฺพจกฺขุ วิสุชฺฌิ ทิพฺพา จ โสตธาตู’’ติฯ ‘‘ยถากถํ ปนายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภควตา สทฺธิํ อโหสิ ธมฺมี กถา’’ติ?
‘‘Vippasannāni kho te, āvuso moggallāna, indriyāni; parisuddho mukhavaṇṇo pariyodāto santena nūnāyasmā mahāmoggallāno ajja vihārena vihāsī’’ti. ‘‘Oḷārikena khvāhaṃ, āvuso, ajja vihārena vihāsiṃ. Api ca, me ahosi dhammī kathā’’ti. ‘‘Kena saddhiṃ panāyasmato mahāmoggallānassa ahosi dhammī kathā’’ti? ‘‘Bhagavatā kho me, āvuso, saddhiṃ ahosi dhammī kathā’’ti. ‘‘Dūre kho, āvuso, bhagavā etarahi sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Kiṃ nu kho, āyasmā, mahāmoggallāno bhagavantaṃ iddhiyā upasaṅkami; udāhu bhagavā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ iddhiyā upasaṅkamī’’ti? ‘‘Na khvāhaṃ, āvuso, bhagavantaṃ iddhiyā upasaṅkamiṃ; napi maṃ bhagavā iddhiyā upasaṅkami. Api ca, me yāvatā bhagavā ettāvatā dibbacakkhu visujjhi dibbā ca sotadhātu. Bhagavatopi yāvatāhaṃ ettāvatā dibbacakkhu visujjhi dibbā ca sotadhātū’’ti. ‘‘Yathākathaṃ panāyasmato mahāmoggallānassa bhagavatā saddhiṃ ahosi dhammī kathā’’ti?
‘‘อิธาหํ, อาวุโส, ภควนฺตํ เอตทโวจํ – ‘อารทฺธวีริโย อารทฺธวีริโยติ, ภเนฺต, วุจฺจติฯ กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, อารทฺธวีริโย โหตี’ติ? เอวํ วุเตฺต, มํ, อาวุโส, ภควา เอตทโวจ – ‘อิธ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ – กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฎฺฐี จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิตํ, ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺฐานํ ภวิสฺสตีติฯ เอวํ โข, โมคฺคลฺลาน, อารทฺธวีริโย โหตี’ติฯ เอวํ โข เม, อาวุโส, ภควตา สทฺธิํ อโหสิ ธมฺมี กถา’’ติฯ
‘‘Idhāhaṃ, āvuso, bhagavantaṃ etadavocaṃ – ‘āraddhavīriyo āraddhavīriyoti, bhante, vuccati. Kittāvatā nu kho, bhante, āraddhavīriyo hotī’ti? Evaṃ vutte, maṃ, āvuso, bhagavā etadavoca – ‘idha, moggallāna, bhikkhu āraddhavīriyo viharati – kāmaṃ taco ca nhāru ca aṭṭhī ca avasissatu, sarīre upasussatu maṃsalohitaṃ, yaṃ taṃ purisathāmena purisavīriyena purisaparakkamena pattabbaṃ na taṃ apāpuṇitvā vīriyassa saṇṭhānaṃ bhavissatīti. Evaṃ kho, moggallāna, āraddhavīriyo hotī’ti. Evaṃ kho me, āvuso, bhagavatā saddhiṃ ahosi dhammī kathā’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, หิมวโต ปพฺพตราชสฺส ปริตฺตา ปาสาณสกฺขรา ยาวเทว อุปนิเกฺขปนมตฺตาย ; เอวเมว โข มยํ อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ยาวเทว อุปนิเกฺขปนมตฺตายฯ อายสฺมา หิ มหาโมคฺคลฺลาโน มหิทฺธิโก มหานุภาโว อากงฺขมาโน กปฺปํ ติเฎฺฐยฺยา’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi, āvuso, himavato pabbatarājassa parittā pāsāṇasakkharā yāvadeva upanikkhepanamattāya ; evameva kho mayaṃ āyasmato mahāmoggallānassa yāvadeva upanikkhepanamattāya. Āyasmā hi mahāmoggallāno mahiddhiko mahānubhāvo ākaṅkhamāno kappaṃ tiṭṭheyyā’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ , อาวุโส, มหติยา โลณฆฎาย ปริตฺตา โลณสกฺขราย ยาวเทว อุปนิเกฺขปนมตฺตาย; เอวเมว โข มยํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ยาวเทว อุปนิเกฺขปนมตฺตายฯ อายสฺมา หิ สาริปุโตฺต ภควตา อเนกปริยาเยน โถมิโต วณฺณิโต ปสโตฺถ –
‘‘Seyyathāpi , āvuso, mahatiyā loṇaghaṭāya parittā loṇasakkharāya yāvadeva upanikkhepanamattāya; evameva kho mayaṃ āyasmato sāriputtassa yāvadeva upanikkhepanamattāya. Āyasmā hi sāriputto bhagavatā anekapariyāyena thomito vaṇṇito pasattho –
‘‘สาริปุโตฺตว ปญฺญาย, สีเลน อุปสเมน จ;
‘‘Sāriputtova paññāya, sīlena upasamena ca;
โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติฯ
Yopi pāraṅgato bhikkhu, etāvaparamo siyā’’ti.
อิติห เต อุโภ มหานาคา อญฺญมญฺญสฺส สุภาสิตํ สุลปิตํ สมนุโมทิํสูติฯ ตติยํฯ
Itiha te ubho mahānāgā aññamaññassa subhāsitaṃ sulapitaṃ samanumodiṃsūti. Tatiyaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ฆฎสุตฺตวณฺณนา • 3. Ghaṭasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. ฆฎสุตฺตวณฺณนา • 3. Ghaṭasuttavaṇṇanā