Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๙. คิหิสุตฺตํ
9. Gihisuttaṃ
๑๗๙. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปญฺจมเตฺตหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘ยํ กญฺจิ 1, สาริปุตฺต, ชาเนยฺยาถ คิหิํ โอทาตวสนํ ปญฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺตํ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภิํ อกิจฺฉลาภิํ อกสิรลาภิํ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’’ติฯ
179. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati pañcamattehi upāsakasatehi parivuto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ sāriputtaṃ āmantesi – ‘‘yaṃ kañci 2, sāriputta, jāneyyātha gihiṃ odātavasanaṃ pañcasu sikkhāpadesu saṃvutakammantaṃ catunnaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhiṃ akicchalābhiṃ akasiralābhiṃ, so ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya – ‘khīṇanirayomhi khīṇatiracchānayoni khīṇapettivisayo khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’’’ti.
‘‘กตเมสุ ปญฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมโนฺต โหติ? อิธ , สาริปุตฺต, อริยสาวโก ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรโต โหติฯ อิเมสุ ปญฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมโนฺต โหติฯ
‘‘Katamesu pañcasu sikkhāpadesu saṃvutakammanto hoti? Idha , sāriputta, ariyasāvako pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, musāvādā paṭivirato hoti, surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭivirato hoti. Imesu pañcasu sikkhāpadesu saṃvutakammanto hoti.
‘‘กตเมสํ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี? อิธ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ, สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ อยมสฺส ปฐโม อาภิเจตสิโก ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนายฯ
‘‘Katamesaṃ catunnaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī hoti akicchalābhī akasiralābhī? Idha, sāriputta, ariyasāvako buddhe aveccappasādena samannāgato hoti – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi, satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Ayamassa paṭhamo ābhicetasiko diṭṭhadhammasukhavihāro adhigato hoti avisuddhassa cittassa visuddhiyā apariyodātassa cittassa pariyodapanāya.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก ธเมฺม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’ติฯ อยมสฺส ทุติโย อาภิเจตสิโก ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนายฯ
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, ariyasāvako dhamme aveccappasādena samannāgato hoti – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’ti. Ayamassa dutiyo ābhicetasiko diṭṭhadhammasukhavihāro adhigato hoti avisuddhassa cittassa visuddhiyā apariyodātassa cittassa pariyodapanāya.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก สเงฺฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ อุชุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ ญายปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ สามีจิปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสโงฺฆ อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’ติฯ อยมสฺส ตติโย อาภิเจตสิโก ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนายฯ
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, ariyasāvako saṅghe aveccappasādena samannāgato hoti – ‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho ujuppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho ñāyappaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho sāmīcippaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, yadidaṃ cattāri purisayugāni aṭṭha purisapuggalā esa bhagavato sāvakasaṅgho āhuneyyo pāhuneyyo dakkhiṇeyyo añjalikaraṇīyo anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’ti. Ayamassa tatiyo ābhicetasiko diṭṭhadhammasukhavihāro adhigato hoti avisuddhassa cittassa visuddhiyā apariyodātassa cittassa pariyodapanāya.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก อริยกเนฺตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขเณฺฑหิ อจฺฉิเทฺทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิเสฺสหิ วิญฺญุปฺปสเตฺถหิ อปรามเฎฺฐหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิฯ อยมสฺส จตุโตฺถ อาภิเจตสิโก ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนายฯ อิเมสํ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, ariyasāvako ariyakantehi sīlehi samannāgato hoti akhaṇḍehi acchiddehi asabalehi akammāsehi bhujissehi viññuppasatthehi aparāmaṭṭhehi samādhisaṃvattanikehi. Ayamassa catuttho ābhicetasiko diṭṭhadhammasukhavihāro adhigato hoti avisuddhassa cittassa visuddhiyā apariyodātassa cittassa pariyodapanāya. Imesaṃ catunnaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī hoti akicchalābhī akasiralābhī.
‘‘ยํ กญฺจิ, สาริปุตฺต, ชาเนยฺยาถ คิหิํ โอทาตวสนํ – อิเมสุ ปญฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺตํ, อิเมสญฺจ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภิํ อกิจฺฉลาภิํ อกสิรลาภิํ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’’ติฯ
‘‘Yaṃ kañci, sāriputta, jāneyyātha gihiṃ odātavasanaṃ – imesu pañcasu sikkhāpadesu saṃvutakammantaṃ, imesañca catunnaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhiṃ akicchalābhiṃ akasiralābhiṃ, so ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya – ‘khīṇanirayomhi khīṇatiracchānayoni khīṇapettivisayo khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’’’ti.
‘‘นิรเยสุ ภยํ ทิสฺวา, ปาปานิ ปริวชฺชเย;
‘‘Nirayesu bhayaṃ disvā, pāpāni parivajjaye;
อริยธมฺมํ สมาทาย, ปณฺฑิโต ปริวชฺชเยฯ
Ariyadhammaṃ samādāya, paṇḍito parivajjaye.
‘‘น หิํเส ปาณภูตานิ, วิชฺชมาเน ปรกฺกเม;
‘‘Na hiṃse pāṇabhūtāni, vijjamāne parakkame;
มุสา จ น ภเณ ชานํ, อทินฺนํ น ปรามเสฯ
Musā ca na bhaṇe jānaṃ, adinnaṃ na parāmase.
เมรยํ วารุณิํ ชนฺตุ, น ปิเว จิตฺตโมหนิํฯ
Merayaṃ vāruṇiṃ jantu, na pive cittamohaniṃ.
‘‘อนุสฺสเรยฺย สมฺพุทฺธํ, ธมฺมญฺจานุวิตกฺกเย;
‘‘Anussareyya sambuddhaṃ, dhammañcānuvitakkaye;
สเนฺตสุ ปฐมํ ทินฺนา, วิปุลา โหติ ทกฺขิณาฯ
Santesu paṭhamaṃ dinnā, vipulā hoti dakkhiṇā.
‘‘สโนฺต หเว ปวกฺขามิ, สาริปุตฺต สุโณหิ เม;
‘‘Santo have pavakkhāmi, sāriputta suṇohi me;
อิติ กณฺหาสุ เสตาสุ, โรหิณีสุ หรีสุ วาฯ
Iti kaṇhāsu setāsu, rohiṇīsu harīsu vā.
‘‘กมฺมาสาสุ สรูปาสุ, โคสุ ปาเรวตาสุ วา;
‘‘Kammāsāsu sarūpāsu, gosu pārevatāsu vā;
ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทโนฺต ชายติ ปุงฺคโวฯ
Yāsu kāsuci etāsu, danto jāyati puṅgavo.
‘‘โธรโยฺห พลสมฺปโนฺน, กลฺยาณชวนิกฺกโม;
‘‘Dhorayho balasampanno, kalyāṇajavanikkamo;
ตเมว ภาเร ยุญฺชนฺติ, นาสฺส วณฺณํ ปริกฺขเรฯ
Tameva bhāre yuñjanti, nāssa vaṇṇaṃ parikkhare.
‘‘เอวเมวํ มนุเสฺสสุ, ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ ชาติเย;
‘‘Evamevaṃ manussesu, yasmiṃ kismiñci jātiye;
ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวเสฺส, สุเทฺท จณฺฑาลปุกฺกุเสฯ
Khattiye brāhmaṇe vesse, sudde caṇḍālapukkuse.
‘‘ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทโนฺต ชายติ สุพฺพโต;
‘‘Yāsu kāsuci etāsu, danto jāyati subbato;
ธมฺมโฎฺฐ สีลสมฺปโนฺน, สจฺจวาที หิรีมโนฯ
Dhammaṭṭho sīlasampanno, saccavādī hirīmano.
‘‘ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี;
‘‘Pahīnajātimaraṇo, brahmacariyassa kevalī;
ปนฺนภาโร วิสํยุโตฺต, กตกิโจฺจ อนาสโวฯ
Pannabhāro visaṃyutto, katakicco anāsavo.
‘‘ปารคู สพฺพธมฺมานํ, อนุปาทาย นิพฺพุโต;
‘‘Pāragū sabbadhammānaṃ, anupādāya nibbuto;
ตสฺมิญฺจ วิรเช เขเตฺต, วิปุลา โหติ ทกฺขิณาฯ
Tasmiñca viraje khette, vipulā hoti dakkhiṇā.
‘‘พาลา จ อวิชานนฺตา, ทุเมฺมธา อสฺสุตาวิโน;
‘‘Bālā ca avijānantā, dummedhā assutāvino;
พหิทฺธา ททนฺติ ทานานิ, น หิ สเนฺต อุปาสเรฯ
Bahiddhā dadanti dānāni, na hi sante upāsare.
‘‘เย จ สเนฺต อุปาสนฺติ, สปฺปเญฺญ ธีรสมฺมเต;
‘‘Ye ca sante upāsanti, sappaññe dhīrasammate;
สทฺธา จ เนสํ สุคเต, มูลชาตา ปติฎฺฐิตาฯ
Saddhā ca nesaṃ sugate, mūlajātā patiṭṭhitā.
‘‘เทวโลกญฺจ เต ยนฺติ, กุเล วา อิธ ชายเร;
‘‘Devalokañca te yanti, kule vā idha jāyare;
อนุปุเพฺพน นิพฺพานํ, อธิคจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา’’ติฯ นวมํ;
Anupubbena nibbānaṃ, adhigacchanti paṇḍitā’’ti. navamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. คิหิสุตฺตวณฺณนา • 9. Gihisuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. คิหิสุตฺตวณฺณนา • 9. Gihisuttavaṇṇanā