Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๖๔] ๔. คิชฺฌชาตกวณฺณนา
[164] 4. Gijjhajātakavaṇṇanā
ยํ นุ คิโชฺฌ โยชนสตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ สามชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) อาวิภวิสฺสติฯ สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, คิหี โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘กิํ ปน เต โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มาตาปิตโร เม, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘มา, ภิกฺขเว, อิมํ ภิกฺขุํ อุชฺฌายิตฺถ, โปราณกปณฺฑิตาปิ คุณวเสน อญฺญาตกานมฺปิ อุปการํ อกํสุ, อิมสฺส ปน มาตาปิตูนํ อุปการกรณํ ภาโรเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yaṃnu gijjho yojanasatanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ mātuposakabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu sāmajātake (jā. 2.22.296 ādayo) āvibhavissati. Satthā pana taṃ bhikkhuṃ ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, gihī posesī’’ti pucchitvā ‘‘sacca’’nti vutte ‘‘kiṃ pana te hontī’’ti pucchitvā ‘‘mātāpitaro me, bhante’’ti vutte ‘‘sādhu sādhū’’ti tassa sādhukāraṃ datvā ‘‘mā, bhikkhave, imaṃ bhikkhuṃ ujjhāyittha, porāṇakapaṇḍitāpi guṇavasena aññātakānampi upakāraṃ akaṃsu, imassa pana mātāpitūnaṃ upakārakaraṇaṃ bhāroyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต คิชฺฌกูฎปพฺพเต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มาตาปิตโร โปเสติฯ อเถกสฺมิํ กาเล มหตี วาตวุฎฺฐิ อโหสิฯ คิชฺฌา วาตวุฎฺฐิํ สหิตุํ อสโกฺกนฺตา สีตภเยน พาราณสิํ คนฺตฺวา ปาการสมีเป จ ปริขาสมีเป จ สีเตน กมฺปมานา นิสีทิํสุฯ ตทา พาราณสิเสฎฺฐิ นครา นิกฺขมิตฺวา นฺหายิตุํ คจฺฉโนฺต เต คิเชฺฌ กิลมเนฺต ทิสฺวา เอกสฺมิํ อโนวสฺสกฎฺฐาเน สนฺนิปาเตตฺวา อคฺคิํ การาเปตฺวา โคสุสานํ เปเสตฺวา โคมํสํ อาหราเปตฺวา เตสํ ทาเปตฺวา อารกฺขํ ฐเปสิฯ คิชฺฌา วูปสนฺตาย วาตวุฎฺฐิยา กลฺลสรีรา หุตฺวา ปพฺพตเมว อคมํสุฯ เต ตเตฺถว สนฺนิปติตฺวา เอวํ มนฺตยิํสุ – ‘‘พาราณสิเสฎฺฐินา อมฺหากํ อุปกาโร กโต, กตูปการสฺส จ นาม ปจฺจุปการํ กาตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา อิโต ปฎฺฐาย ตุเมฺหสุ โย ยํ วตฺถํ วา อาภรณํ วา ลภติ, เตน ตํ พาราณสิเสฎฺฐิสฺส เคเห อากาสงฺคเณ ปาเตตพฺพ’’นฺติฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto gijjhakūṭapabbate gijjhayoniyaṃ nibbattitvā mātāpitaro poseti. Athekasmiṃ kāle mahatī vātavuṭṭhi ahosi. Gijjhā vātavuṭṭhiṃ sahituṃ asakkontā sītabhayena bārāṇasiṃ gantvā pākārasamīpe ca parikhāsamīpe ca sītena kampamānā nisīdiṃsu. Tadā bārāṇasiseṭṭhi nagarā nikkhamitvā nhāyituṃ gacchanto te gijjhe kilamante disvā ekasmiṃ anovassakaṭṭhāne sannipātetvā aggiṃ kārāpetvā gosusānaṃ pesetvā gomaṃsaṃ āharāpetvā tesaṃ dāpetvā ārakkhaṃ ṭhapesi. Gijjhā vūpasantāya vātavuṭṭhiyā kallasarīrā hutvā pabbatameva agamaṃsu. Te tattheva sannipatitvā evaṃ mantayiṃsu – ‘‘bārāṇasiseṭṭhinā amhākaṃ upakāro kato, katūpakārassa ca nāma paccupakāraṃ kātuṃ vaṭṭati, tasmā ito paṭṭhāya tumhesu yo yaṃ vatthaṃ vā ābharaṇaṃ vā labhati, tena taṃ bārāṇasiseṭṭhissa gehe ākāsaṅgaṇe pātetabba’’nti.
ตโต ปฎฺฐาย คิชฺฌา มนุสฺสานํ วตฺถาภรณานิ อาตเป สุกฺขาเปนฺตานํ ปมาทํ โอโลเกตฺวา เสนา วิย มํสเปสิํ สหสา คเหตฺวา พาราณสิเสฎฺฐิสฺส เคเห อากาสงฺคเณ ปาเตนฺติฯ โส คิชฺฌานํ อาหรณภาวํ ญตฺวา สพฺพานิ ตานิ วิสุํเยว ฐเปสิฯ ‘‘คิชฺฌา นครํ วิลุมฺปนฺตี’’ติ รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา ‘‘เอกํ คิชฺฌมฺปิ ตาว คณฺหถ, สพฺพํ อาหราเปสฺสามี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปาเส เจว ชาลานิ จ โอฑฺฑาเปสิฯ มาตุโปสกคิโชฺฌ ปาเส พชฺฌิ, ตํ คเหตฺวา ‘‘รโญฺญ ทเสฺสสฺสามา’’ติ เนนฺติฯ พาราณสิเสฎฺฐิ ราชุปฎฺฐานํ คจฺฉโนฺต เต มนุเสฺส คิชฺฌํ คเหตฺวา คจฺฉเนฺต ทิสฺวา ‘‘มา อิมํ คิชฺฌํ พาธยิํสู’’ติ สทฺธิเญฺญว อคมาสิฯ คิชฺฌํ รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุเมฺห นครํ วิลุมฺปิตฺวา วตฺถาทีนิ คณฺหถา’’ติฯ ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กสฺส ตานิ ทินฺนานี’’ติ? ‘‘พาราณสิเสฎฺฐิสฺสา’’ติฯ ‘‘กิํการณา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ เตน ชีวิตํ ทฺวินฺนํ, อุปการสฺส นาม ปจฺจุปการํ กาตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา อทมฺหา’’ติฯ อถ นํ ราชา ‘‘คิชฺฌา กิร โยชนสตมตฺถเก ฐตฺวา กุณปํ ปสฺสนฺติ, กสฺมา ตฺวํ อตฺตโน โอฑฺฑิตํ ปาสํ น ปสฺสสี’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Tato paṭṭhāya gijjhā manussānaṃ vatthābharaṇāni ātape sukkhāpentānaṃ pamādaṃ oloketvā senā viya maṃsapesiṃ sahasā gahetvā bārāṇasiseṭṭhissa gehe ākāsaṅgaṇe pātenti. So gijjhānaṃ āharaṇabhāvaṃ ñatvā sabbāni tāni visuṃyeva ṭhapesi. ‘‘Gijjhā nagaraṃ vilumpantī’’ti rañño ārocesuṃ. Rājā ‘‘ekaṃ gijjhampi tāva gaṇhatha, sabbaṃ āharāpessāmī’’ti tattha tattha pāse ceva jālāni ca oḍḍāpesi. Mātuposakagijjho pāse bajjhi, taṃ gahetvā ‘‘rañño dassessāmā’’ti nenti. Bārāṇasiseṭṭhi rājupaṭṭhānaṃ gacchanto te manusse gijjhaṃ gahetvā gacchante disvā ‘‘mā imaṃ gijjhaṃ bādhayiṃsū’’ti saddhiññeva agamāsi. Gijjhaṃ rañño dassesuṃ. Atha naṃ rājā pucchi – ‘‘tumhe nagaraṃ vilumpitvā vatthādīni gaṇhathā’’ti. ‘‘Āma, mahārājā’’ti. ‘‘Kassa tāni dinnānī’’ti? ‘‘Bārāṇasiseṭṭhissā’’ti. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti? ‘‘Amhākaṃ tena jīvitaṃ dvinnaṃ, upakārassa nāma paccupakāraṃ kātuṃ vaṭṭati, tasmā adamhā’’ti. Atha naṃ rājā ‘‘gijjhā kira yojanasatamatthake ṭhatvā kuṇapaṃ passanti, kasmā tvaṃ attano oḍḍitaṃ pāsaṃ na passasī’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๒๗.
27.
‘‘ยํ นุ คิโชฺฌ โยชนสตํ, กุณปานิ อเวกฺขติ;
‘‘Yaṃ nu gijjho yojanasataṃ, kuṇapāni avekkhati;
กสฺมา ชาลญฺจ ปาสญฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌสี’’ติฯ
Kasmā jālañca pāsañca, āsajjāpi na bujjhasī’’ti.
ตตฺถ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, นูติ นามเตฺถ นิปาโตฯ คิโชฺฌ นาม โยชนสตํ อติกฺกมิตฺวา ฐิตานิ กุณปานิ อเวกฺขติ, ปสฺสตีติ อโตฺถฯ อาสชฺชาปีติ อาสาเทตฺวาปิ, สมฺปาปุณิตฺวาปีติ อโตฺถฯ ‘‘ตฺวํ อตฺตโน อตฺถาย โอฑฺฑิตํ ชาลญฺจ ปาสญฺจ ปตฺวาปิ กสฺมา น พุชฺฌสี’’ติ ปุจฺฉิฯ
Tattha yanti nipātamattaṃ, nūti nāmatthe nipāto. Gijjho nāma yojanasataṃ atikkamitvā ṭhitāni kuṇapāni avekkhati, passatīti attho. Āsajjāpīti āsādetvāpi, sampāpuṇitvāpīti attho. ‘‘Tvaṃ attano atthāya oḍḍitaṃ jālañca pāsañca patvāpi kasmā na bujjhasī’’ti pucchi.
คิโชฺฌ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Gijjho tassa vacanaṃ sutvā dutiyaṃ gāthamāha –
๒๘.
28.
‘‘ยทา ปราภโว โหติ, โปโส ชีวิตสงฺขเย;
‘‘Yadā parābhavo hoti, poso jīvitasaṅkhaye;
อถ ชาลญฺจ ปาสญฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌตี’’ติฯ
Atha jālañca pāsañca, āsajjāpi na bujjhatī’’ti.
ตตฺถ ปราภโวติ วินาโสฯ โปโสติ สโตฺตฯ
Tattha parābhavoti vināso. Posoti satto.
คิชฺฌสฺส วจนํ สุตฺวา ราชา เสฎฺฐิํ ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร, มหาเสฎฺฐิ, คิเชฺฌหิ ตุมฺหากํ เคเห วตฺถาทีนิ อาภตานี’’ติฯ ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติฯ ‘‘กหํ ตานี’’ติ? ‘‘เทว, มยา ตานิ สพฺพานิ วิสุํ ฐปิตานิ, ยํ เยสํ สนฺตกํ, ตํ เตสํ ทสฺสามิ, อิมํ คิชฺฌํ วิสฺสเชฺชถา’’ติ คิชฺฌํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา มหาเสฎฺฐิํ สเพฺพสํ สนฺตกานิ ทาเปสิฯ
Gijjhassa vacanaṃ sutvā rājā seṭṭhiṃ pucchi – ‘‘saccaṃ kira, mahāseṭṭhi, gijjhehi tumhākaṃ gehe vatthādīni ābhatānī’’ti. ‘‘Saccaṃ, devā’’ti. ‘‘Kahaṃ tānī’’ti? ‘‘Deva, mayā tāni sabbāni visuṃ ṭhapitāni, yaṃ yesaṃ santakaṃ, taṃ tesaṃ dassāmi, imaṃ gijjhaṃ vissajjethā’’ti gijjhaṃ vissajjāpetvā mahāseṭṭhiṃ sabbesaṃ santakāni dāpesi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิ ฯ ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, พาราณสิเสฎฺฐิ สาริปุโตฺต, มาตุโปสกคิโชฺฌ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne mātuposakabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi . ‘‘Tadā rājā ānando ahosi, bārāṇasiseṭṭhi sāriputto, mātuposakagijjho pana ahameva ahosi’’nti.
คิชฺฌชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Gijjhajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๖๔. คิชฺฌชาตกํ • 164. Gijjhajātakaṃ