Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๙. นวกนิปาโต
9. Navakanipāto
[๔๒๗] ๑. คิชฺฌชาตกวณฺณนา
[427] 1. Gijjhajātakavaṇṇanā
ปริสงฺกุปโถ นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร เอโก กุลปุโตฺต นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ อตฺถกาเมหิ อาจริยุปชฺฌาเยหิ เจว สพฺรหฺมจารีหิ จ ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ ปฎิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ อาโลกิตพฺพํ, เอวํ วิโลกิตพฺพํ, เอวํ สมิญฺชิตพฺพํ, เอวํ ปสาริตพฺพํ, เอวํ นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพํ, เอวํ ปโตฺต คเหตโพฺพ, ยาปนมตฺตํ ภตฺตํ คเหตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวาว ปริภุญฺชิตพฺพํ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาเรน โภชเน มตฺตญฺญุนา ชาคริยมนุยุเตฺตน ภวิตพฺพํ, อิทํ อาคนฺตุกวตฺตํ นาม ชานิตพฺพํ, อิทํ คมิกวตฺตํ นาม, อิมานิ จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ, อสีติ มหาวตฺตานิฯ ตตฺถ เต สมฺมา วตฺติตพฺพํ, อิเม เตรส ธุตงฺคคุณา นาม, เอเต สมาทาย วตฺติตพฺพ’’นฺติ โอวทิยมาโน ทุพฺพโจ อโหสิ อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิํฯ ‘‘อหํ ตุเมฺห น วทามิ, ตุเมฺห ปน มํ กสฺมา วทถ, อหเมว อตฺตโน อตฺถํ วา อนตฺถํ วา ชานิสฺสามี’’ติ อตฺตานํ อวจนียํ อกาสิฯ อถสฺส ทุพฺพจภาวํ ญตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ อคุณกถํ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ตํ ภิกฺขุํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘กสฺมา ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺถกามานํ วจนํ น กโรสิ, ปุเพฺพปิ ตฺวํ ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา เวรมฺภวาตมุเข จุณฺณวิจุโณฺณ ชาโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Parisaṅkupathonāmāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ dubbacabhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira eko kulaputto niyyānikasāsane pabbajitvāpi atthakāmehi ācariyupajjhāyehi ceva sabrahmacārīhi ca ‘‘evaṃ te abhikkamitabbaṃ, evaṃ paṭikkamitabbaṃ, evaṃ ālokitabbaṃ, evaṃ vilokitabbaṃ, evaṃ samiñjitabbaṃ, evaṃ pasāritabbaṃ, evaṃ nivāsetabbaṃ, evaṃ pārupitabbaṃ, evaṃ patto gahetabbo, yāpanamattaṃ bhattaṃ gahetvā paccavekkhitvāva paribhuñjitabbaṃ, indriyesu guttadvārena bhojane mattaññunā jāgariyamanuyuttena bhavitabbaṃ, idaṃ āgantukavattaṃ nāma jānitabbaṃ, idaṃ gamikavattaṃ nāma, imāni cuddasa khandhakavattāni, asīti mahāvattāni. Tattha te sammā vattitabbaṃ, ime terasa dhutaṅgaguṇā nāma, ete samādāya vattitabba’’nti ovadiyamāno dubbaco ahosi akkhamo appadakkhiṇaggāhī anusāsaniṃ. ‘‘Ahaṃ tumhe na vadāmi, tumhe pana maṃ kasmā vadatha, ahameva attano atthaṃ vā anatthaṃ vā jānissāmī’’ti attānaṃ avacanīyaṃ akāsi. Athassa dubbacabhāvaṃ ñatvā bhikkhū dhammasabhāyaṃ aguṇakathaṃ kathentā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte taṃ bhikkhuṃ pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu dubbacosī’’ti pucchitvā ‘‘sacca’’nti vutte ‘‘kasmā bhikkhu evarūpe niyyānikasāsane pabbajitvā atthakāmānaṃ vacanaṃ na karosi, pubbepi tvaṃ paṇḍitānaṃ vacanaṃ akatvā verambhavātamukhe cuṇṇavicuṇṇo jāto’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต โพธิสโตฺต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ ปุโตฺต ปนสฺส สุปโตฺต นาม คิชฺฌราชา อเนกสหสฺสคิชฺฌปริวาโร ถามสมฺปโนฺน อโหสิฯ โส มาตาปิตโร โปเสสิ, ถามสมฺปนฺนตฺตา ปน อติทูรํ อุปฺปตติฯ อถ นํ ปิตา ‘‘ตาต, เอตฺตกํ นาม ฐานํ อติกฺกมิตฺวา น คนฺตพฺพ’’นฺติ โอวทิฯ โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวาปิ เอกทิวสํ ปน วุเฎฺฐ เทเว คิเชฺฌหิ สทฺธิํ อุปฺปติตฺวา เสเส โอหาย อติภูมิํ คนฺตฺวา เวรมฺภวาตมุขํ ปตฺวา จุณฺณวิจุณฺณภาวํ ปาปุณิฯ สตฺถา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
Atīte gijjhakūṭe pabbate bodhisatto gijjhayoniyaṃ nibbatti. Putto panassa supatto nāma gijjharājā anekasahassagijjhaparivāro thāmasampanno ahosi. So mātāpitaro posesi, thāmasampannattā pana atidūraṃ uppatati. Atha naṃ pitā ‘‘tāta, ettakaṃ nāma ṭhānaṃ atikkamitvā na gantabba’’nti ovadi. So ‘‘sādhū’’ti vatvāpi ekadivasaṃ pana vuṭṭhe deve gijjhehi saddhiṃ uppatitvā sese ohāya atibhūmiṃ gantvā verambhavātamukhaṃ patvā cuṇṇavicuṇṇabhāvaṃ pāpuṇi. Satthā tamatthaṃ dassento abhisambuddho hutvā imā gāthā abhāsi –
๑.
1.
‘‘ปริสงฺกุปโถ นาม, คิชฺฌปโนฺถ สนนฺตโน;
‘‘Parisaṅkupatho nāma, gijjhapantho sanantano;
ตตฺราสิ มาตาปิตโร, คิโชฺฌ โปเสสิ ชิณฺณเก;
Tatrāsi mātāpitaro, gijjho posesi jiṇṇake;
เตสํ อชครเมทํ, อจฺจหาสิ พหุตฺตโสฯ
Tesaṃ ajagaramedaṃ, accahāsi bahuttaso.
๒.
2.
‘‘ปิตา จ ปุตฺตํ อวจ, ชานํ อุจฺจํ ปปาตินํ;
‘‘Pitā ca puttaṃ avaca, jānaṃ uccaṃ papātinaṃ;
สุปตฺตํ ถามสมฺปนฺนํ, เตชสฺสิํ ทูรคามินํฯ
Supattaṃ thāmasampannaṃ, tejassiṃ dūragāminaṃ.
๓.
3.
‘‘ปริปฺลวนฺตํ ปถวิํ, ยทา ตาต วิชานหิ;
‘‘Pariplavantaṃ pathaviṃ, yadā tāta vijānahi;
สาคเรน ปริกฺขิตฺตํ, จกฺกํว ปริมณฺฑลํ;
Sāgarena parikkhittaṃ, cakkaṃva parimaṇḍalaṃ;
ตโต ตาต นิวตฺตสฺสุ, มาสฺสุ เอโตฺต ปรํ คมิฯ
Tato tāta nivattassu, māssu etto paraṃ gami.
๔.
4.
‘‘อุทปโตฺตสิ เวเคน, พลี ปกฺขี ทิชุตฺตโม;
‘‘Udapattosi vegena, balī pakkhī dijuttamo;
โอโลกยโนฺต วกฺกโงฺค, ปพฺพตานิ วนานิ จฯ
Olokayanto vakkaṅgo, pabbatāni vanāni ca.
๕.
5.
‘‘อทฺทสฺส ปถวิํ คิโชฺฌ, ยถาสาสิ ปิตุสฺสุตํ;
‘‘Addassa pathaviṃ gijjho, yathāsāsi pitussutaṃ;
สาคเรน ปริกฺขิตฺตํ, จกฺกํว ปริมณฺฑลํฯ
Sāgarena parikkhittaṃ, cakkaṃva parimaṇḍalaṃ.
๖.
6.
‘‘ตญฺจ โส สมติกฺกมฺม, ปรเมวจฺจวตฺตถ;
‘‘Tañca so samatikkamma, paramevaccavattatha;
ตญฺจ วาตสิขา ติกฺขา, อจฺจหาสิ พลิํ ทิชํฯ
Tañca vātasikhā tikkhā, accahāsi baliṃ dijaṃ.
๗.
7.
‘‘นาสกฺขาติคโต โปโส, ปุนเทว นิวตฺติตุํ;
‘‘Nāsakkhātigato poso, punadeva nivattituṃ;
ทิโช พฺยสนมาปาทิ, เวรมฺภานํ วสํ คโตฯ
Dijo byasanamāpādi, verambhānaṃ vasaṃ gato.
๘.
8.
‘‘ตสฺส ปุตฺตา จ ทารา จ, เย จเญฺญ อนุชีวิโน;
‘‘Tassa puttā ca dārā ca, ye caññe anujīvino;
สเพฺพ พฺยสนมาปาทุํ, อโนวาทกเร ทิเชฯ
Sabbe byasanamāpāduṃ, anovādakare dije.
๙.
9.
‘‘เอวมฺปิ อิธ วุฑฺฒานํ, โย วากฺยํ นาวพุชฺฌติ;
‘‘Evampi idha vuḍḍhānaṃ, yo vākyaṃ nāvabujjhati;
อติสีมจโร ทิโตฺต, คิโชฺฌวาตีตสาสโน;
Atisīmacaro ditto, gijjhovātītasāsano;
ส เว พฺยสนํ ปโปฺปติ, อกตฺวา วุฑฺฒสาสน’’นฺติฯ
Sa ve byasanaṃ pappoti, akatvā vuḍḍhasāsana’’nti.
ตตฺถ ปริสงฺกุปโถติ สงฺกุปโถฯ มนุสฺสา หิรญฺญสุวณฺณตฺถาย คจฺฉนฺตา ตสฺมิํ ปเทเส ขาณุเก โกเฎฺฎตฺวา เตสุ รชฺชุโย พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺติ, เตน โส คิชฺฌปพฺพเต ชงฺฆมโคฺค ‘‘สงฺกุปโถ’’ติ วุจฺจติฯ คิชฺฌปโนฺถติ คิชฺฌปพฺพตมตฺถเก มหามโคฺคฯ สนนฺตโนติ โปราโณฯ ตตฺราสีติ ตสฺมิํ คิชฺฌปพฺพตมตฺถเก สงฺกุปเถ เอโก คิโชฺฌ อาสิ, โส ชิณฺณเก มาตาปิตโร โปเสสิฯ อชครเมทนฺติ อชครานํ เมทํฯ อจฺจหาสีติ อติวิย อาหริฯ พหุตฺตโสติ พหุโสฯ ชานํ อุจฺจํ ปปาตินนฺติ ‘‘ปุโตฺต เต อติอุจฺจํ ฐานํ ลงฺฆตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อุเจฺจ ปปาตี อย’’นฺติ ชานโนฺตฯ เตชสฺสินฺติ ปุริสเตชสมฺปนฺนํฯ ทูรคามินนฺติ เตเนว เตเชน ทูรคามิํฯ ปริปฺลวนฺตนฺติ อุปฺปลปตฺตํ วิย อุทเก อุปฺลวมานํฯ วิชานหีติ วิชานาสิฯ จกฺกํว ปริมณฺฑลนฺติ ยสฺมิํ เต ปเทเส ฐิตสฺส สมุเทฺทน ปริจฺฉิโนฺน ชมฺพุทีโป จกฺกมณฺฑลํว ปญฺญายติ, ตโต ตาต นิวตฺตาหีติ โอวทโนฺต เอวมาหฯ
Tattha parisaṅkupathoti saṅkupatho. Manussā hiraññasuvaṇṇatthāya gacchantā tasmiṃ padese khāṇuke koṭṭetvā tesu rajjuyo bandhitvā gacchanti, tena so gijjhapabbate jaṅghamaggo ‘‘saṅkupatho’’ti vuccati. Gijjhapanthoti gijjhapabbatamatthake mahāmaggo. Sanantanoti porāṇo. Tatrāsīti tasmiṃ gijjhapabbatamatthake saṅkupathe eko gijjho āsi, so jiṇṇake mātāpitaro posesi. Ajagaramedanti ajagarānaṃ medaṃ. Accahāsīti ativiya āhari. Bahuttasoti bahuso. Jānaṃ uccaṃ papātinanti ‘‘putto te atiuccaṃ ṭhānaṃ laṅghatī’’ti sutvā ‘‘ucce papātī aya’’nti jānanto. Tejassinti purisatejasampannaṃ. Dūragāminanti teneva tejena dūragāmiṃ. Pariplavantanti uppalapattaṃ viya udake uplavamānaṃ. Vijānahīti vijānāsi. Cakkaṃva parimaṇḍalanti yasmiṃ te padese ṭhitassa samuddena paricchinno jambudīpo cakkamaṇḍalaṃva paññāyati, tato tāta nivattāhīti ovadanto evamāha.
อุทปโตฺตสีติ ปิตุ โอวาทํ อกตฺวา เอกทิวสํ คิเชฺฌหิ สทฺธิํ อุปฺปติโต เต โอหาย ปิตรา กถิตฎฺฐานํ อคมาสิฯ โอโลกยโนฺตติ ตํ ฐานํ ปตฺวา เหฎฺฐา โอโลเกโนฺตฯ วกฺกโงฺคติ วงฺกคีโวฯ ยถาสาสิ ปิตุสฺสุตนฺติ ยถาสฺส ปิตุ สนฺติกา สุตํ อาสิ, ตเถว อทฺทส, ‘‘ยถาสฺสาสี’’ติปิ ปาโฐฯ ปรเมวจฺจวตฺตถาติ ปิตรา อกฺขาตฎฺฐานโต ปรํ อติวโตฺตวฯ ตญฺจ วาตสิขา ติกฺขาติ ตํ อโนวาทกํ พลิมฺปิ สมานํ ทิชํ ติขิณเวรมฺภวาตสิขา อจฺจหาสิ อติหริ, จุณฺณวิจุณฺณํ อกาสิฯ นาสกฺขาติคโตติ นาสกฺขิ อติคโตฯ โปโสติ สโตฺตฯ อโนวาทกเรติ ตสฺมิํ ทิเช ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกโรเนฺต สเพฺพปิ เต มหาทุกฺขํ ปาปุณิํสุฯ อกตฺวา วุฑฺฒสาสนนฺติ วุฑฺฒานํ หิตกามานํ วจนํ อกตฺวา เอวเมว พฺยสนํ มหาทุกฺขํ ปาปุณาติฯ ตสฺมา ตฺวํ ภิกฺขุ มา คิชฺฌสทิโส ภว, อตฺถกามานํ วจนํ กโรหีติฯ โส สตฺถารา เอวํ โอวทิโต ตโต ปฎฺฐาย สุวโจ อโหสิฯ
Udapattosīti pitu ovādaṃ akatvā ekadivasaṃ gijjhehi saddhiṃ uppatito te ohāya pitarā kathitaṭṭhānaṃ agamāsi. Olokayantoti taṃ ṭhānaṃ patvā heṭṭhā olokento. Vakkaṅgoti vaṅkagīvo. Yathāsāsi pitussutanti yathāssa pitu santikā sutaṃ āsi, tatheva addasa, ‘‘yathāssāsī’’tipi pāṭho. Paramevaccavattathāti pitarā akkhātaṭṭhānato paraṃ ativattova. Tañca vātasikhā tikkhāti taṃ anovādakaṃ balimpi samānaṃ dijaṃ tikhiṇaverambhavātasikhā accahāsi atihari, cuṇṇavicuṇṇaṃ akāsi. Nāsakkhātigatoti nāsakkhi atigato. Posoti satto. Anovādakareti tasmiṃ dije paṇḍitānaṃ ovādaṃ akaronte sabbepi te mahādukkhaṃ pāpuṇiṃsu. Akatvā vuḍḍhasāsananti vuḍḍhānaṃ hitakāmānaṃ vacanaṃ akatvā evameva byasanaṃ mahādukkhaṃ pāpuṇāti. Tasmā tvaṃ bhikkhu mā gijjhasadiso bhava, atthakāmānaṃ vacanaṃ karohīti. So satthārā evaṃ ovadito tato paṭṭhāya suvaco ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺพจคิโชฺฌ เอตรหิ ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, คิชฺฌปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā dubbacagijjho etarahi dubbacabhikkhu ahosi, gijjhapitā pana ahameva ahosi’’nti.
คิชฺฌชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Gijjhajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๒๗. คิชฺฌชาตกํ • 427. Gijjhajātakaṃ