Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. คิลานสุตฺตวณฺณนา

    2. Gilānasuttavaṇṇanā

    ๒๒. ทุติเย สปฺปายานีติ หิตานิ วุทฺธิกรานิฯ ปติรูปนฺติ อนุจฺฉวิกํฯ เนว วุฎฺฐาติ ตมฺหา อาพาธาติ อิมินา อเตกิเจฺฉน วาตาปมาราทินา โรเคน สมนฺนาคโต นิฎฺฐาปตฺตคิลาโน กถิโตฯ วุฎฺฐาติ ตมฺหา อาพาธาติ อิมินา ขิปิตกกจฺฉุติณปุปฺผกชราทิเภโท อปฺปมตฺตอาพาโธ กถิโตฯ ลภโนฺต สปฺปายานิ โภชนานิ โน อลภโนฺตติ อิมินา ปน เยสํ ปฎิชคฺคเนน ผาสุกํ โหติ, สเพฺพปิ เต อาพาธา กถิตาฯ เอตฺถ จ ปติรูโป อุปฎฺฐาโก นาม คิลานุปฎฺฐากอเงฺคหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต ทโกฺข อนลโส เวทิตโพฺพฯ คิลานุปฎฺฐาโก อนุญฺญาโตติ ภิกฺขุสเงฺฆน ทาตโพฺพติ อนุญฺญาโตฯ ตสฺมิญฺหิ คิลาเน อตฺตโน ธมฺมตาย ยาเปตุํ อสโกฺกเนฺต ภิกฺขุสเงฺฆน ตสฺส ภิกฺขุโน เอโก ภิกฺขุ จ สามเณโร จ ‘‘อิมํ ปฎิชคฺคถา’’ติ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพาฯ ยาว ปน เต ตํ ปฎิชคฺคนฺติ, ตาว คิลานสฺส จ เตสญฺจ ทฺวินฺนํ เยนโตฺถ, สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆเสฺสว ภาโรฯ

    22. Dutiye sappāyānīti hitāni vuddhikarāni. Patirūpanti anucchavikaṃ. Neva vuṭṭhāti tamhā ābādhāti iminā atekicchena vātāpamārādinā rogena samannāgato niṭṭhāpattagilāno kathito. Vuṭṭhāti tamhā ābādhāti iminā khipitakakacchutiṇapupphakajarādibhedo appamattaābādho kathito. Labhanto sappāyāni bhojanāni no alabhantoti iminā pana yesaṃ paṭijagganena phāsukaṃ hoti, sabbepi te ābādhā kathitā. Ettha ca patirūpo upaṭṭhāko nāma gilānupaṭṭhākaaṅgehi samannāgato paṇḍito dakkho analaso veditabbo. Gilānupaṭṭhāko anuññātoti bhikkhusaṅghena dātabboti anuññāto. Tasmiñhi gilāne attano dhammatāya yāpetuṃ asakkonte bhikkhusaṅghena tassa bhikkhuno eko bhikkhu ca sāmaṇero ca ‘‘imaṃ paṭijaggathā’’ti apaloketvā dātabbā. Yāva pana te taṃ paṭijagganti, tāva gilānassa ca tesañca dvinnaṃ yenattho, sabbaṃ bhikkhusaṅghasseva bhāro.

    อเญฺญปิ คิลานา อุปฎฺฐาตพฺพาติ อิตเรปิ เทฺว คิลานา อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ กิํ การณา? โยปิ หิ นิฎฺฐปตฺตคิลาโน, โส อนุปฎฺฐิยมาโน ‘‘สเจ มํ ปฎิชเคฺคยฺยุํ, ผาสุกํ เม ภเวยฺยฯ น โข ปน มํ ปฎิชคฺคนฺตี’’ติ มโนปโทสํ กตฺวา อปาเย นิพฺพเตฺตยฺยฯ ปฎิชคฺคิยมานสฺส ปนสฺส เอวํ โหติ ‘‘ภิกฺขุสเงฺฆน ยํ กาตพฺพํ, ตํ กตํฯ มยฺหํ ปน กมฺมวิปาโก อีทิโส’’ติฯ โส ภิกฺขุสเงฺฆ เมตฺตํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺติสฺสติฯ โย ปน อปฺปมตฺตเกน พฺยาธินา สมนฺนาคโต ลภโนฺตปิ อลภโนฺตปิ วุฎฺฐาติเยว, ตสฺส วินาปิ เภสเชฺชน วูปสมนพฺยาธิ เภสเชฺช กเต ขิปฺปตรํ วูปสมฺมติฯ โส ตโต พุทฺธวจนํ วา อุคฺคณฺหิตุํ สกฺขิสฺสติ, สมณธมฺมํ วา กาตุํ สกฺขิสฺสติฯ อิมินา การเณน ‘‘อเญฺญปิ คิลานา อุปฎฺฐาตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ

    Aññepi gilānā upaṭṭhātabbāti itarepi dve gilānā upaṭṭhāpetabbā. Kiṃ kāraṇā? Yopi hi niṭṭhapattagilāno, so anupaṭṭhiyamāno ‘‘sace maṃ paṭijaggeyyuṃ, phāsukaṃ me bhaveyya. Na kho pana maṃ paṭijaggantī’’ti manopadosaṃ katvā apāye nibbatteyya. Paṭijaggiyamānassa panassa evaṃ hoti ‘‘bhikkhusaṅghena yaṃ kātabbaṃ, taṃ kataṃ. Mayhaṃ pana kammavipāko īdiso’’ti. So bhikkhusaṅghe mettaṃ paccupaṭṭhāpetvā sagge nibbattissati. Yo pana appamattakena byādhinā samannāgato labhantopi alabhantopi vuṭṭhātiyeva, tassa vināpi bhesajjena vūpasamanabyādhi bhesajje kate khippataraṃ vūpasammati. So tato buddhavacanaṃ vā uggaṇhituṃ sakkhissati, samaṇadhammaṃ vā kātuṃ sakkhissati. Iminā kāraṇena ‘‘aññepi gilānā upaṭṭhātabbā’’ti vuttaṃ.

    เนว โอกฺกมตีติ เนว ปวิสติฯ นิยามํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ มคฺคนิยามสงฺขาตํ สมฺมตฺตํฯ อิมินา ปทปรโม ปุคฺคโล กถิโตฯ ทุติยวาเรน อุคฺฆฎิตญฺญู คหิโต สาสเน นาลกเตฺถรสทิโส พุทฺธนฺตเร เอกวารํ ปเจฺจกพุทฺธานํ สนฺติเก โอวาทํ ลภิตฺวา ปฎิวิทฺธปเจฺจกโพธิญาโณ จฯ ตติยวาเรน วิปญฺจิตญฺญู ปุคฺคโล กถิโต, เนโยฺย ปน ตนฺนิสฺสิโตว โหติฯ

    Neva okkamatīti neva pavisati. Niyāmaṃ kusalesu dhammesu sammattanti kusalesu dhammesu magganiyāmasaṅkhātaṃ sammattaṃ. Iminā padaparamo puggalo kathito. Dutiyavārena ugghaṭitaññū gahito sāsane nālakattherasadiso buddhantare ekavāraṃ paccekabuddhānaṃ santike ovādaṃ labhitvā paṭividdhapaccekabodhiñāṇo ca. Tatiyavārena vipañcitaññū puggalo kathito, neyyo pana tannissitova hoti.

    ธมฺมเทสนา อนุญฺญาตาติ มาสสฺส อฎฺฐ วาเร ธมฺมกถา อนุญฺญาตาฯ อเญฺญสมฺปิ ธโมฺม เทเสตโพฺพติ อิตเรสมฺปิ ธโมฺม กเถตโพฺพฯ กิํ การณา? ปทปรมสฺส หิ อิมสฺมิํ อตฺตภาเว ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตุํ อสโกฺกนฺตสฺสาปิ อนาคเต ปจฺจโย ภวิสฺสติฯ โย ปน ตถาคตสฺส รูปทสฺสนํ ลภโนฺตปิ อลภโนฺตปิ ธมฺมวินยญฺจ สวนาย ลภโนฺตปิ อลภโนฺตปิ ธมฺมํ อภิสเมติ, โส อลภโนฺต ตาว อภิสเมติฯ ลภโนฺต ปน ขิปฺปเมว อภิสเมสฺสตีติ อิมินา การเณน เตสํ ธโมฺม เทเสตโพฺพฯ ตติยสฺส ปน ปุนปฺปุนํ เทเสตโพฺพวฯ

    Dhammadesanā anuññātāti māsassa aṭṭha vāre dhammakathā anuññātā. Aññesampi dhammo desetabboti itaresampi dhammo kathetabbo. Kiṃ kāraṇā? Padaparamassa hi imasmiṃ attabhāve dhammaṃ paṭivijjhituṃ asakkontassāpi anāgate paccayo bhavissati. Yo pana tathāgatassa rūpadassanaṃ labhantopi alabhantopi dhammavinayañca savanāya labhantopi alabhantopi dhammaṃ abhisameti, so alabhanto tāva abhisameti. Labhanto pana khippameva abhisamessatīti iminā kāraṇena tesaṃ dhammo desetabbo. Tatiyassa pana punappunaṃ desetabbova.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. คิลานสุตฺตํ • 2. Gilānasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. คิลานสุตฺตวณฺณนา • 2. Gilānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact