Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. คิลานสุตฺตวณฺณนา
9. Gilānasuttavaṇṇanā
๓๗๕. นวเม เพฬุวคามเกติ เวสาลิยา สมีเป เอวํนามโก ปาทคาโม อตฺถิ, ตสฺมิํฯ ยถามิตฺตนฺติอาทีสุ มิตฺตาติ มิตฺตาวฯ สนฺทิฎฺฐาติ ตตฺถ ตตฺถ สงฺคมฺม ทิฎฺฐมตฺตา นาติทฬฺหมิตฺตา ฯ สมฺภตฺตาติ สุฎฺฐุ ภตฺตา สิเนหวโนฺต ทฬฺหมิตฺตาฯ เยสํ ยตฺถ ยตฺถ เอวรูปา ภิกฺขู อตฺถิ, เต ตตฺถ ตตฺถ วสฺสํ อุเปถาติ อโตฺถฯ กสฺมา เอวมาห? เตสํ ผาสุวิหารตฺถายฯ เตสํ กิร เพฬุวคามเก เสนาสนํ นปฺปโหติ, ภิกฺขาปิ มนฺทาฯ สมนฺตา เวสาลิยา ปน พหูนิ เสนาสนานิ, ภิกฺขาปิ สุลภาฯ ตสฺมา เอวมาหฯ
375. Navame beḷuvagāmaketi vesāliyā samīpe evaṃnāmako pādagāmo atthi, tasmiṃ. Yathāmittantiādīsu mittāti mittāva. Sandiṭṭhāti tattha tattha saṅgamma diṭṭhamattā nātidaḷhamittā . Sambhattāti suṭṭhu bhattā sinehavanto daḷhamittā. Yesaṃ yattha yattha evarūpā bhikkhū atthi, te tattha tattha vassaṃ upethāti attho. Kasmā evamāha? Tesaṃ phāsuvihāratthāya. Tesaṃ kira beḷuvagāmake senāsanaṃ nappahoti, bhikkhāpi mandā. Samantā vesāliyā pana bahūni senāsanāni, bhikkhāpi sulabhā. Tasmā evamāha.
อถ กสฺมา ‘‘ยถาสุขํ คจฺฉถา’’ติ น วิสฺสเชฺชสิ? เตสํ อนุกมฺปายฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ทสมาสมตฺตํ ฐตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามิฯ สเจ อิเม ทูรํ คจฺฉิสฺสนฺติ, มํ ปรินิพฺพานกาเล ทฎฺฐุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ อถ เนสํ ‘สตฺถา ปรินิพฺพายโนฺต อมฺหากํ สติมตฺตมฺปิ น อทาสิฯ สเจ ชาเนยฺยาม, น เอวํ ทูเร วเสยฺยามา’ติ วิปฺปฎิสาโร ภเวยฺยฯ เวสาลิยา สมนฺตา ปน วสฺสํ วสนฺตา มาสสฺส อฎฺฐ วาเร อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุณิสฺสนฺติ, สุคโตวาทํ ลภิสฺสนฺตี’’ติ น วิสฺสเชฺชสิฯ
Atha kasmā ‘‘yathāsukhaṃ gacchathā’’ti na vissajjesi? Tesaṃ anukampāya. Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘ahaṃ dasamāsamattaṃ ṭhatvā parinibbāyissāmi. Sace ime dūraṃ gacchissanti, maṃ parinibbānakāle daṭṭhuṃ na sakkhissanti. Atha nesaṃ ‘satthā parinibbāyanto amhākaṃ satimattampi na adāsi. Sace jāneyyāma, na evaṃ dūre vaseyyāmā’ti vippaṭisāro bhaveyya. Vesāliyā samantā pana vassaṃ vasantā māsassa aṭṭha vāre āgantvā dhammaṃ suṇissanti, sugatovādaṃ labhissantī’’ti na vissajjesi.
ขโรติ ผรุโสฯ อาพาโธติ วิสภาคโรโคฯ พาฬฺหาติ พลวติโยฯ มารณนฺติกาติ มรณนฺตํ มรณสนฺติกํ ปาปนสมตฺถาฯ สโต สมฺปชาโน อธิวาเสสีติ สติํ สูปฎฺฐิตํ กตฺวา ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อธิวาเสสิฯ อวิหญฺญมาโนติ เวทนานุวตฺตนวเสน อปราปรํ ปริวตฺตนํ อกโรโนฺต อปีฬิยมาโน อทุกฺขิยมาโน จ อธิวาเสสิฯ อนามเนฺตตฺวาติ อชานาเปตฺวาฯ อนปโลเกตฺวาติ อชานาเปตฺวาว โอวาทานุสาสนิํ อทตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ วีริเยนาติ ปุพฺพภาควีริเยน เจว ผลสมาปตฺติวีริเยน จฯ ปฎิปณาเมตฺวาติ วิกฺขเมฺภตฺวาฯ ชีวิตสงฺขารนฺติ เอตฺถ ชีวิตมฺปิ ชีวิตสงฺขาโรฯ เยน ชีวิตํ สงฺขรียติ ฉิชฺชมานํ ฆเฎตฺวา ฐปียติ, โส ผลสมาปตฺติธโมฺมปิ ชีวิตสงฺขาโรฯ โส อิธ อธิเปฺปโตฯ อธิฎฺฐายาติ อธิฎฺฐหิตฺวา ปวเตฺตตฺวา ชีวิตฐปนสมตฺถํ ผลสมาปตฺติํ สมาปเชฺชยฺยนฺติ อยเมตฺถ สเงฺขปโตฺถฯ
Kharoti pharuso. Ābādhoti visabhāgarogo. Bāḷhāti balavatiyo. Māraṇantikāti maraṇantaṃ maraṇasantikaṃ pāpanasamatthā. Sato sampajāno adhivāsesīti satiṃ sūpaṭṭhitaṃ katvā ñāṇena paricchinditvā adhivāsesi. Avihaññamānoti vedanānuvattanavasena aparāparaṃ parivattanaṃ akaronto apīḷiyamāno adukkhiyamāno ca adhivāsesi. Anāmantetvāti ajānāpetvā. Anapaloketvāti ajānāpetvāva ovādānusāsaniṃ adatvāti vuttaṃ hoti. Vīriyenāti pubbabhāgavīriyena ceva phalasamāpattivīriyena ca. Paṭipaṇāmetvāti vikkhambhetvā. Jīvitasaṅkhāranti ettha jīvitampi jīvitasaṅkhāro. Yena jīvitaṃ saṅkharīyati chijjamānaṃ ghaṭetvā ṭhapīyati, so phalasamāpattidhammopi jīvitasaṅkhāro. So idha adhippeto. Adhiṭṭhāyāti adhiṭṭhahitvā pavattetvā jīvitaṭhapanasamatthaṃ phalasamāpattiṃ samāpajjeyyanti ayamettha saṅkhepattho.
กิํ ปน ภควา อิโต ปุเพฺพ ผลสมาปตฺติํ น สมาปชฺชตีติ? สมาปชฺชติฯ สา ปน ขณิกสมาปตฺติฯ ขณิกสมาปตฺติ จ อโนฺตสมาปตฺติยํเยว เวทนํ วิกฺขเมฺภติ, สมาปตฺติโต วุฎฺฐิตมตฺตสฺส กฎฺฐปาเตน วา กฐลปาเตน วา ฉินฺนเสวาโล วิย อุทกํ, ปุน สรีรํ เวทนา อโชฺฌตฺถรติฯ ยา ปน รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกญฺจ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฎํ กตฺวา มหาวิปสฺสนาวเสน สมาปนฺนา สมาปตฺติ , สา สุฎฺฐุ วิกฺขเมฺภติฯ ยถา นาม ปุริเสน โปกฺขรณิํ โอคาเหตฺวา หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ สุฎฺฐุ อปพฺยุฬฺหเสวาโล จิเรน อุทกํ โอตฺถรติ, เอวเมว ตโต วุฎฺฐิตสฺส จิเรน เวทนา อุปฺปชฺชติฯ อิติ ภควา ตํทิวสํ มหาโพธิปลฺลเงฺก อภินวํ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปโนฺต วิย รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกญฺจ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฎํ กตฺวา จุทฺทสหากาเรหิ สเนฺนตฺวา มหาวิปสฺสนาย เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวา ‘‘ทสมาเส มา อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ สมาปตฺติํ สมาปชฺชิ, สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตา เวทนา ทส มาเส น อุปฺปชฺชิเยวฯ
Kiṃ pana bhagavā ito pubbe phalasamāpattiṃ na samāpajjatīti? Samāpajjati. Sā pana khaṇikasamāpatti. Khaṇikasamāpatti ca antosamāpattiyaṃyeva vedanaṃ vikkhambheti, samāpattito vuṭṭhitamattassa kaṭṭhapātena vā kaṭhalapātena vā chinnasevālo viya udakaṃ, puna sarīraṃ vedanā ajjhottharati. Yā pana rūpasattakaṃ arūpasattakañca niggumbaṃ nijjaṭaṃ katvā mahāvipassanāvasena samāpannā samāpatti , sā suṭṭhu vikkhambheti. Yathā nāma purisena pokkharaṇiṃ ogāhetvā hatthehi ca pādehi ca suṭṭhu apabyuḷhasevālo cirena udakaṃ ottharati, evameva tato vuṭṭhitassa cirena vedanā uppajjati. Iti bhagavā taṃdivasaṃ mahābodhipallaṅke abhinavaṃ vipassanaṃ paṭṭhapento viya rūpasattakaṃ arūpasattakañca niggumbaṃ nijjaṭaṃ katvā cuddasahākārehi sannetvā mahāvipassanāya vedanaṃ vikkhambhetvā ‘‘dasamāse mā uppajjitthā’’ti samāpattiṃ samāpajji, samāpattivikkhambhitā vedanā dasa māse na uppajjiyeva.
คิลานา วุฎฺฐิโตติ คิลาโน หุตฺวา ปุน วุฎฺฐิโตฯ มธุรกชาโต วิยาติ สญฺชาตครุภาโว สญฺชาตถทฺธภาโว สูเล อุตฺตาสิตปุริโส วิยฯ น ปกฺขายนฺตีติ น ปกาสนฺติ, นานาการโต น อุปฎฺฐหนฺติฯ ธมฺมาปิ มํ นปฺปฎิภนฺตีติ สติปฎฺฐานธมฺมา มยฺหํ ปากฎา น โหนฺตีติ ทีเปติฯ ตนฺติธมฺมา ปน เถรสฺส สุปฺปคุณาฯ น อุทาหรตีติ ปจฺฉิมโอวาทํ น เทติ, ตํ สนฺธาย วทติฯ
Gilānā vuṭṭhitoti gilāno hutvā puna vuṭṭhito. Madhurakajāto viyāti sañjātagarubhāvo sañjātathaddhabhāvo sūle uttāsitapuriso viya. Na pakkhāyantīti na pakāsanti, nānākārato na upaṭṭhahanti. Dhammāpi maṃ nappaṭibhantīti satipaṭṭhānadhammā mayhaṃ pākaṭā na hontīti dīpeti. Tantidhammā pana therassa suppaguṇā. Na udāharatīti pacchimaovādaṃ na deti, taṃ sandhāya vadati.
อนนฺตรํ อพาหิรนฺติ ธมฺมวเสน วา ปุคฺคลวเสน วา อุภยํ อกตฺวาฯ ‘‘เอตฺตกํ ธมฺมํ ปรสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ หิ จิเนฺตโนฺต ธมฺมํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม, ‘‘เอตฺตกํ ปรสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตโนฺต พาหิรํ กโรติ นามฯ ‘‘อิมสฺส ปุคฺคลสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตโนฺต ปน ปุคฺคลํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม, ‘‘อิมสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตโนฺต ปุคฺคลํ พาหิรํ กโรติ นามฯ เอวํ อกตฺวา เทสิโตติ อโตฺถฯ อาจริยมุฎฺฐีติ ยถา พาหิรกานํ อาจริยมุฎฺฐิ นาม โหติ, ทหรกาเล กสฺสจิ อกเถตฺวา ปจฺฉิมกาเล มรณมเญฺจ นิปนฺนา ปิยมนาปสฺส อเนฺตวาสิกสฺส กเถนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส ‘‘อิทํ มหลฺลกกาเล ปจฺฉิมฐาเน กเถสฺสามี’’ติ มุฎฺฐิํ กตฺวา ปริหริตฺวา ฐปิตํ กิญฺจิ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ
Anantaraṃ abāhiranti dhammavasena vā puggalavasena vā ubhayaṃ akatvā. ‘‘Ettakaṃ dhammaṃ parassa na desessāmī’’ti hi cintento dhammaṃ abbhantaraṃ karoti nāma, ‘‘ettakaṃ parassa desessāmī’’ti cintento bāhiraṃ karoti nāma. ‘‘Imassa puggalassa desessāmī’’ti cintento pana puggalaṃ abbhantaraṃ karoti nāma, ‘‘imassa na desessāmī’’ti cintento puggalaṃ bāhiraṃ karoti nāma. Evaṃ akatvā desitoti attho. Ācariyamuṭṭhīti yathā bāhirakānaṃ ācariyamuṭṭhi nāma hoti, daharakāle kassaci akathetvā pacchimakāle maraṇamañce nipannā piyamanāpassa antevāsikassa kathenti, evaṃ tathāgatassa ‘‘idaṃ mahallakakāle pacchimaṭhāne kathessāmī’’ti muṭṭhiṃ katvā pariharitvā ṭhapitaṃ kiñci natthīti dasseti.
อหํ ภิกฺขุสงฺฆนฺติ อหเมว ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามีติ วา, มมุเทฺทสิโกติ อหํ อุทฺทิสิตพฺพเฎฺฐน อุเทฺทโส อสฺสาติ มมุเทฺทสิโก, มเมว อุทฺทิสฺสิตฺวา มํ ปจฺจาสีสมาโน ภิกฺขุสโงฺฆ โหตุ มม อจฺจเยน มา วา อโหสิ, ยํ วา ตํ วา โหตูติ อิติ วา ปน ยสฺส อสฺสาติ อโตฺถฯ น เอวํ โหตีติ โพธิปลฺลเงฺกเยว อิสฺสามเจฺฉรานํ วิคตตฺตา เอวํ น โหติฯ ส กินฺติ โส กิํฯ อาสีติโกติ อสีติสํวจฺฉริโก, อิทํ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺตภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํฯ เวฐมิสฺสเกนาติ พาหพนฺธจกฺกพนฺธาทินา ปฎิสงฺขรเณน เวฐมิสฺสเกนฯ มเญฺญติ ชรสกฎํ วิย เวฐมิสฺสเกน มเญฺญ ยาเปติ, อรหตฺตผลเวฐเนน จตุอิริยาปถกปฺปนํ ตถาคตสฺส โหตีติ ทเสฺสติฯ
Ahaṃ bhikkhusaṅghanti ahameva bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmīti vā, mamuddesikoti ahaṃ uddisitabbaṭṭhena uddeso assāti mamuddesiko, mameva uddissitvā maṃ paccāsīsamāno bhikkhusaṅgho hotu mama accayena mā vā ahosi, yaṃ vā taṃ vā hotūti iti vā pana yassa assāti attho. Na evaṃ hotīti bodhipallaṅkeyeva issāmaccherānaṃ vigatattā evaṃ na hoti. Sa kinti so kiṃ. Āsītikoti asītisaṃvacchariko, idaṃ pacchimavayaṃ anuppattabhāvadīpanatthaṃ vuttaṃ. Veṭhamissakenāti bāhabandhacakkabandhādinā paṭisaṅkharaṇena veṭhamissakena. Maññeti jarasakaṭaṃ viya veṭhamissakena maññe yāpeti, arahattaphalaveṭhanena catuiriyāpathakappanaṃ tathāgatassa hotīti dasseti.
อิทานิ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต ยสฺมิํ อานนฺท สมเยติอาทิมาหฯ ตตฺถ สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปนิมิตฺตาทีนํฯ เอกจฺจานํ เวทนานนฺติ โลกิยานํ เวทนานํฯ ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา อิมินา ผลสมาปตฺติวิหาเรน ผาสุ โหติ, ตสฺมา ตุเมฺหปิ ตทตฺถาย เอวํ วิหรถาติ ทเสฺสติฯ อตฺตทีปาติ มหาสมุทฺทคตา ทีปํ วิย อตฺตานํ ทีปํ ปติฎฺฐํ กตฺวา วิหรถฯ อตฺตสรณาติ อตฺตคติกาว โหถ, มา อญฺญคติกาฯ ธมฺมทีปธมฺมสรณปเทสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ ธโมฺมติ นววิโธ โลกุตฺตรธโมฺม เวทิตโพฺพฯ ตมตเคฺคติ ตมอเคฺค, มเชฺฌ ต-กาโร ปทสนฺธิวเสน วุโตฺตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม อคฺคตมาติ ตมตคฺคาติ ฯ เอวํ สพฺพํ ตมโสตํ ฉินฺทิตฺวา อติวิย อเคฺค อุตฺตมภาเว เอเต, อานนฺท, มม ภิกฺขู ภวิสฺสนฺติ, เตสํ อเคฺค ภวิสฺสนฺติฯ เย เกจิ สิกฺขากามา, สเพฺพสํ เตสํ จตุสติปฎฺฐานโคจราว ภิกฺขู อเคฺค ภวิสฺสนฺตีติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ คณฺหีติฯ
Idāni tamatthaṃ pakāsento yasmiṃ ānanda samayetiādimāha. Tattha sabbanimittānanti rūpanimittādīnaṃ. Ekaccānaṃ vedanānanti lokiyānaṃ vedanānaṃ. Tasmātihānandāti yasmā iminā phalasamāpattivihārena phāsu hoti, tasmā tumhepi tadatthāya evaṃ viharathāti dasseti. Attadīpāti mahāsamuddagatā dīpaṃ viya attānaṃ dīpaṃ patiṭṭhaṃ katvā viharatha. Attasaraṇāti attagatikāva hotha, mā aññagatikā. Dhammadīpadhammasaraṇapadesupi eseva nayo. Ettha ca dhammoti navavidho lokuttaradhammo veditabbo. Tamataggeti tamaagge, majjhe ta-kāro padasandhivasena vutto. Idaṃ vuttaṃ hoti – ime aggatamāti tamataggāti . Evaṃ sabbaṃ tamasotaṃ chinditvā ativiya agge uttamabhāve ete, ānanda, mama bhikkhū bhavissanti, tesaṃ agge bhavissanti. Ye keci sikkhākāmā, sabbesaṃ tesaṃ catusatipaṭṭhānagocarāva bhikkhū agge bhavissantīti arahattanikūṭena desanaṃ gaṇhīti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. คิลานสุตฺตํ • 9. Gilānasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. คิลานสุตฺตวณฺณนา • 9. Gilānasuttavaṇṇanā