Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    ๑๕. กกณฺฎกวโคฺค

    15. Kakaṇṭakavaggo

    [๑๔๑] ๑. โคธาชาตกวณฺณนา

    [141] 1. Godhājātakavaṇṇanā

    ปาปชนสํเสวีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เอกํ วิปกฺขเสวิํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ มหิฬามุขชาตเก กถิตสทิสเมวฯ

    Napāpajanasaṃsevīti idaṃ satthā veḷuvane viharanto ekaṃ vipakkhaseviṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Paccuppannavatthu mahiḷāmukhajātake kathitasadisameva.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต โคธาโยนิยํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ โส วยปฺปโตฺต นทีตีเร มหาพิเล อเนกโคธาสตปริวาโร วาสํ กเปฺปสิฯ ตสฺส ปุโตฺต โคธาปิลฺลโก เอเกน กกณฺฎเกน สทฺธิํ สนฺถวํ กตฺวา เตน สทฺธิํ สโมฺมทมาโน วิหรโนฺต ‘‘กกณฺฎกํ ปริสฺสชิสฺสามี’’ติ อวตฺถรติฯ ตสฺส เตน สทฺธิํ วิสฺสาสํ โคธาราชสฺส อาโรเจสุํฯ โคธาราชา ปุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ อฎฺฐาเน วิสฺสาสํ กโรสิ, กกณฺฎกา นาม นีจชาติกา, เตหิ สทฺธิํ วิสฺสาโส น กตฺตโพฺพฯ สเจ ตฺวํ เตน สทฺธิํ วิสฺสาสํ กริสฺสสิ, ตํ กกณฺฎกํ นิสฺสาย สพฺพเมฺปตํ โคธากุลํ วินาสํ ปาปุณิสฺสติ, อิโต ปฎฺฐาย เอเตน สทฺธิํ วิสฺสาสํ มา อกาสี’’ติ อาหฯ โส กโรติเยวฯ โพธิสโตฺต ปุนปฺปุนํ กเถโนฺตปิ ตสฺส เตน สทฺธิํ วิสฺสาสํ วาเรตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อวสฺสํ อมฺหากํ เอตํ กกณฺฎกํ นิสฺสาย ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺมิํ อุปฺปเนฺน ปลายนมคฺคํ สมฺปาเทตุํ วฎฺฎตี’’ติ เอเกน ปเสฺสน วาตพิลํ การาเปสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto godhāyoniyaṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. So vayappatto nadītīre mahābile anekagodhāsataparivāro vāsaṃ kappesi. Tassa putto godhāpillako ekena kakaṇṭakena saddhiṃ santhavaṃ katvā tena saddhiṃ sammodamāno viharanto ‘‘kakaṇṭakaṃ parissajissāmī’’ti avattharati. Tassa tena saddhiṃ vissāsaṃ godhārājassa ārocesuṃ. Godhārājā puttaṃ pakkosāpetvā ‘‘tāta, tvaṃ aṭṭhāne vissāsaṃ karosi, kakaṇṭakā nāma nīcajātikā, tehi saddhiṃ vissāso na kattabbo. Sace tvaṃ tena saddhiṃ vissāsaṃ karissasi, taṃ kakaṇṭakaṃ nissāya sabbampetaṃ godhākulaṃ vināsaṃ pāpuṇissati, ito paṭṭhāya etena saddhiṃ vissāsaṃ mā akāsī’’ti āha. So karotiyeva. Bodhisatto punappunaṃ kathentopi tassa tena saddhiṃ vissāsaṃ vāretuṃ asakkonto ‘‘avassaṃ amhākaṃ etaṃ kakaṇṭakaṃ nissāya bhayaṃ uppajjissati, tasmiṃ uppanne palāyanamaggaṃ sampādetuṃ vaṭṭatī’’ti ekena passena vātabilaṃ kārāpesi.

    ปุโตฺตปิสฺส อนุกฺกเมน มหาสรีโร อโหสิ, กกณฺฎโก ปน ปุริมปฺปมาโณเยวฯ อิตโร ‘‘กกณฺฎกํ ปริสฺสชิสฺสามี’’ติ อนฺตรนฺตรา อวตฺถรติเยว, กกณฺฎกสฺส ปพฺพตกูเฎน อวตฺถรณกาโล วิย โหติฯ โส กิลมโนฺต จิเนฺตสิ ‘‘สเจ อยํ อญฺญานิ กติปยานิ ทิวสานิ มํ เอวํ ปริสฺสชิสฺสติ, ชีวิตํ เม นตฺถิ, เอเกน ลุทฺทเกน สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา อิมํ โคธากุลํ วินาเสสฺสามี’’ติฯ อเถกทิวสํ นิทาฆสมเย เมเฆ วุเฎฺฐ วมฺมิกมกฺขิกา อุฎฺฐหิํสุ, ตโต ตโต โคธา นิกฺขมิตฺวา มกฺขิกาโย ขาทนฺติฯ เอโก โคธาลุทฺทโก โคธาพิลํ ภินฺทนตฺถาย กุทฺทาลํ คเหตฺวา สุนเขหิ สทฺธิํ อรญฺญํ ปาวิสิฯ กกณฺฎโก ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช อตฺตโน มโนรถํ ปูเรสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อวิทูเร นิปชฺชิตฺวา ‘‘โภ ปุริส , กสฺมา อรเญฺญ วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘โคธานํ อตฺถายา’’ติ อาหฯ ‘‘อหํ อเนกสตานํ โคธานํ อาสยํ ชานามิ, อคฺคิญฺจ ปลาลญฺจ อาทาย เอหี’’ติ ตํ ตตฺถ เนตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน ปลาลํ ปกฺขิปิตฺวา อคฺคิํ ทตฺวา ธูมํ กตฺวา สมนฺตา สุนเข ฐเปตฺวา สยํ มหามุคฺครํ คเหตฺวา นิกฺขนฺตา นิกฺขนฺตา โคธา ปหริตฺวา มาเรตฺวา ราสิํ กตฺวา ยาหี’’ติ เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘อชฺช ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฎฺฐิํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ เอกสฺมิํ ฐาเน สีสํ อุกฺขิปิตฺวา นิปชฺชิฯ ลุทฺทโกปิ ปลาลธูมํ อกาสิ, ธูโม พิลํ ปาวิสิ, โคธา ธูมนฺธา มรณภยตชฺชิตา นิกฺขมิตฺวา ปลายิตุํ อารทฺธาฯ ลุทฺทโก นิกฺขนฺตํ นิกฺขนฺตํ ปหริตฺวา มาเรสิ, ตสฺส หตฺถโต มุตฺตา สุนขา คณฺหิํสุฯ โคธานํ มหาวินาโส อุปฺปชฺชิฯ

    Puttopissa anukkamena mahāsarīro ahosi, kakaṇṭako pana purimappamāṇoyeva. Itaro ‘‘kakaṇṭakaṃ parissajissāmī’’ti antarantarā avattharatiyeva, kakaṇṭakassa pabbatakūṭena avattharaṇakālo viya hoti. So kilamanto cintesi ‘‘sace ayaṃ aññāni katipayāni divasāni maṃ evaṃ parissajissati, jīvitaṃ me natthi, ekena luddakena saddhiṃ ekato hutvā imaṃ godhākulaṃ vināsessāmī’’ti. Athekadivasaṃ nidāghasamaye meghe vuṭṭhe vammikamakkhikā uṭṭhahiṃsu, tato tato godhā nikkhamitvā makkhikāyo khādanti. Eko godhāluddako godhābilaṃ bhindanatthāya kuddālaṃ gahetvā sunakhehi saddhiṃ araññaṃ pāvisi. Kakaṇṭako taṃ disvā ‘‘ajja attano manorathaṃ pūressāmī’’ti taṃ upasaṅkamitvā avidūre nipajjitvā ‘‘bho purisa , kasmā araññe vicarasī’’ti pucchi. So ‘‘godhānaṃ atthāyā’’ti āha. ‘‘Ahaṃ anekasatānaṃ godhānaṃ āsayaṃ jānāmi, aggiñca palālañca ādāya ehī’’ti taṃ tattha netvā ‘‘imasmiṃ ṭhāne palālaṃ pakkhipitvā aggiṃ datvā dhūmaṃ katvā samantā sunakhe ṭhapetvā sayaṃ mahāmuggaraṃ gahetvā nikkhantā nikkhantā godhā paharitvā māretvā rāsiṃ katvā yāhī’’ti evañca pana vatvā ‘‘ajja paccāmittassa piṭṭhiṃ passissāmī’’ti ekasmiṃ ṭhāne sīsaṃ ukkhipitvā nipajji. Luddakopi palāladhūmaṃ akāsi, dhūmo bilaṃ pāvisi, godhā dhūmandhā maraṇabhayatajjitā nikkhamitvā palāyituṃ āraddhā. Luddako nikkhantaṃ nikkhantaṃ paharitvā māresi, tassa hatthato muttā sunakhā gaṇhiṃsu. Godhānaṃ mahāvināso uppajji.

    โพธิสโตฺต ‘‘กกณฺฎกํ นิสฺสาย ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ญตฺวา ‘‘ปาปปุริสสํสโคฺค นาม น กตฺตโพฺพ, ปาเป นิสฺสาย หิตสุขํ นาม นตฺถิ, เอกสฺส ปาปกกณฺฎกสฺส วเสน เอตฺตกานํ โคธานํ วินาโส ชาโต’’ติ วาตพิเลน ปลายโนฺต อิมํ คาถมาห –

    Bodhisatto ‘‘kakaṇṭakaṃ nissāya bhayaṃ uppanna’’nti ñatvā ‘‘pāpapurisasaṃsaggo nāma na kattabbo, pāpe nissāya hitasukhaṃ nāma natthi, ekassa pāpakakaṇṭakassa vasena ettakānaṃ godhānaṃ vināso jāto’’ti vātabilena palāyanto imaṃ gāthamāha –

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘น ปาปชนสํเสวี, อจฺจนฺตสุขเมธติ;

    ‘‘Na pāpajanasaṃsevī, accantasukhamedhati;

    โคธากุลํ กกณฺฎาว, กลิํ ปาเปติ อตฺตาน’’นฺติฯ

    Godhākulaṃ kakaṇṭāva, kaliṃ pāpeti attāna’’nti.

    ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – ปาปชนสํเสวี ปุคฺคโล อจฺจนฺตสุขํ เอกนฺตสุขํ นิรนฺตรสุขํ นาม น เอธติ น วินฺทติ น ปฎิลภติฯ ยถา กิํ? โคธากุลํ กกณฺฎาวฯ ยถา กกณฺฎกโต โคธากุลํ สุขํ น ลภติ, เอวํ ปาปชนสํเสวี ปุคฺคโล สุขํ น ลภติฯ ปาปชนํ ปน เสวโนฺต เอกเนฺตเนว กลิํ ปาเปติ อตฺตานํ, กลิ วุจฺจติ วินาโส, เอกเนฺตเนว ปาปเสวี อตฺตานญฺจ อเญฺญ จ อตฺตนา สทฺธิํ วสเนฺต วินาสํ ปาเปติฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘ผลํ ปาเปยฺยา’’ติ ลิขนฺติฯ ตํ พฺยญฺชนํ อฎฺฐกถายํ นตฺถิ, อโตฺถปิสฺส น ยุชฺชติฯ ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว คเหตพฺพํฯ

    Tatrāyaṃ saṅkhepattho – pāpajanasaṃsevī puggalo accantasukhaṃ ekantasukhaṃ nirantarasukhaṃ nāma na edhati na vindati na paṭilabhati. Yathā kiṃ? Godhākulaṃ kakaṇṭāva. Yathā kakaṇṭakato godhākulaṃ sukhaṃ na labhati, evaṃ pāpajanasaṃsevī puggalo sukhaṃ na labhati. Pāpajanaṃ pana sevanto ekanteneva kaliṃ pāpeti attānaṃ, kali vuccati vināso, ekanteneva pāpasevī attānañca aññe ca attanā saddhiṃ vasante vināsaṃ pāpeti. Pāḷiyaṃ pana ‘‘phalaṃ pāpeyyā’’ti likhanti. Taṃ byañjanaṃ aṭṭhakathāyaṃ natthi, atthopissa na yujjati. Tasmā yathāvuttameva gahetabbaṃ.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กกณฺฎโก เทวทโตฺต อโหสิ, โพธิสตฺตสฺส ปุโตฺต อโนวาทโก โคธาปิลฺลโก วิปกฺขเสวี ภิกฺขุ, โคธาราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kakaṇṭako devadatto ahosi, bodhisattassa putto anovādako godhāpillako vipakkhasevī bhikkhu, godhārājā pana ahameva ahosi’’nti.

    โคธาชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ

    Godhājātakavaṇṇanā paṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๔๑. โคธชาตกํ • 141. Godhajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact