Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. โคลิยานิสุตฺตวณฺณนา
9. Goliyānisuttavaṇṇanā
๑๗๓. เอวํ เม สุตนฺติ โคลิยานิสุตฺตํฯ ตตฺถ ปทสมาจาโรติ ทุพฺพลสมาจาโร โอฬาริกาจาโร, ปจฺจเยสุ สาเปโกฺข มหารกฺขิตเตฺถโร วิยฯ ตํ กิร อุปฎฺฐากกุเล นิสินฺนํ อุปฎฺฐาโก อาห ‘‘อสุกเตฺถรสฺส เม, ภเนฺต, จีวรํ ทินฺน’’นฺติฯ สาธุ เต กตํ ตํเยว ตเกฺกตฺวา วิหรนฺตสฺส จีวรํ เทเนฺตนาติฯ ตุมฺหากมฺปิ, ภเนฺต, ทสฺสามีติฯ สาธุ กริสฺสสิ ตํเยว ตเกฺกนฺตสฺสาติ อาหฯ อยมฺปิ เอวรูโป โอฬาริกาจาโร อโหสิฯ สปฺปติเสฺสนาติ สเชฎฺฐเกน, น อตฺตานํ เชฎฺฐกํ กตฺวา วิหริตพฺพํฯ เสริวิหาเรนาติ สจฺฉนฺทวิหาเรน นิรงฺกุสวิหาเรนฯ
173.Evaṃme sutanti goliyānisuttaṃ. Tattha padasamācāroti dubbalasamācāro oḷārikācāro, paccayesu sāpekkho mahārakkhitatthero viya. Taṃ kira upaṭṭhākakule nisinnaṃ upaṭṭhāko āha ‘‘asukattherassa me, bhante, cīvaraṃ dinna’’nti. Sādhu te kataṃ taṃyeva takketvā viharantassa cīvaraṃ dentenāti. Tumhākampi, bhante, dassāmīti. Sādhu karissasi taṃyeva takkentassāti āha. Ayampi evarūpo oḷārikācāro ahosi. Sappatissenāti sajeṭṭhakena, na attānaṃ jeṭṭhakaṃ katvā viharitabbaṃ. Serivihārenāti sacchandavihārena niraṅkusavihārena.
นานูปขชฺชาติ น อนุปขชฺช น อนุปวิสิตฺวาฯ ตตฺถ โย ทฺวีสุ มหาเถเรสุ อุภโต นิสิเนฺนสุ เต อนาปุจฺฉิตฺวาว จีวเรน วา ชาณุนา วา ฆเฎฺฎโนฺต นิสีทติ, อยํ อนุปขชฺช นิสีทติ นามฯ เอวํ อกตฺวา ปน อตฺตโน ปตฺตอาสนสนฺติเก ฐตฺวา นิสีทาวุโสติ วุเตฺต นิสีทิตพฺพํฯ สเจ น วทนฺติ, นิสีทามิ, ภเนฺตติ อาปุจฺฉิตฺวา นิสีทิตพฺพํ อาปุจฺฉิตกาลโต ปฎฺฐาย นิสีทาติ วุเตฺตปิ อวุเตฺตปิ นิสีทิตุํ วฎฺฎติเยวฯ น ปฎิพาหิสฺสามีติ เอตฺถ โย อตฺตโน ปตฺตาสนํ อติกฺกมิตฺวา นวกานํ ปาปุณนฎฺฐาเน นิสีทติ, อยํ นเว ภิกฺขู อาสเนน ปฎิพาหติ นามฯ ตสฺมิญฺหิ ตถา นิสิเนฺน นวา ภิกฺขู ‘‘อมฺหากํ นิสีทิตุํ น เทตี’’ติ อุชฺฌายนฺตา ติฎฺฐนฺติ วา อาสนํ วา ปริเยสนฺตา อาหิณฺฑนฺติฯ ตสฺมา อตฺตโน ปตฺตาสเนเยว นิสีทิตพฺพํฯ เอวํ น ปฎิพาหติ นามฯ
Nānūpakhajjāti na anupakhajja na anupavisitvā. Tattha yo dvīsu mahātheresu ubhato nisinnesu te anāpucchitvāva cīvarena vā jāṇunā vā ghaṭṭento nisīdati, ayaṃ anupakhajja nisīdati nāma. Evaṃ akatvā pana attano pattaāsanasantike ṭhatvā nisīdāvusoti vutte nisīditabbaṃ. Sace na vadanti, nisīdāmi, bhanteti āpucchitvā nisīditabbaṃ āpucchitakālato paṭṭhāya nisīdāti vuttepi avuttepi nisīdituṃ vaṭṭatiyeva. Na paṭibāhissāmīti ettha yo attano pattāsanaṃ atikkamitvā navakānaṃ pāpuṇanaṭṭhāne nisīdati, ayaṃ nave bhikkhū āsanena paṭibāhati nāma. Tasmiñhi tathā nisinne navā bhikkhū ‘‘amhākaṃ nisīdituṃ na detī’’ti ujjhāyantā tiṭṭhanti vā āsanaṃ vā pariyesantā āhiṇḍanti. Tasmā attano pattāsaneyeva nisīditabbaṃ. Evaṃ na paṭibāhati nāma.
อาภิสมาจาริกมฺปิ ธมฺมนฺติ อภิสมาจาริกํ วตฺตปฎิปตฺติมตฺตมฺปิฯ นาติกาเลนาติ น อติปาโต ปวิสิตพฺพํ, น อติทิวา ปฎิกฺกมิตพฺพํ, ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํเยว ปวิสิตพฺพญฺจ นิกฺขมิตพฺพญฺจฯ อติปาโต ปวิสิตฺวา อติทิวา นิกฺขมนฺตสฺส หิ เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตาทีนิ ปริหายนฺติฯ กาลเสฺสว มุขํ โธวิตฺวา มกฺกฎกสุตฺตานิ ฉินฺทเนฺตน อุสฺสาวพินฺทู นิปาเตเนฺตน คามํ ปวิสิตฺวา ยาคุํ ปริเยสิตฺวา ยาว ภิกฺขากาลา อโนฺตคาเมเยว นานปฺปการํ ติรจฺฉานกถํ กเถเนฺตน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวา นิกฺขมฺม ภิกฺขูนํ ปาทโธวนเวลาย วิหารํ ปจฺจาคนฺตพฺพํ โหติฯ น ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตพฺพนฺติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ นิมนฺติโต สภโตฺต สมาโน สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปเชฺชยฺย, อญฺญตฺร สมยา ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๙๙) อิมํ สิกฺขาปทํ รกฺขเนฺตน ตสฺส วิภเงฺค วุตฺตํ ปุเรภตฺตญฺจ ปจฺฉาภตฺตญฺจ จาริตฺตํ น อาปชฺชิตพฺพํฯ อุทฺธโต โหติ จปโลติ อุทฺธจฺจปกติโก เจว โหติ จีวรมณฺฑน-ปตฺตมณฺฑน-เสนาสนมณฺฑนา อิมสฺส วา ปูติกายสฺส เกลายนา มณฺฑนาติ เอวํ วุเตฺตน จ ตรุณทารกาวจาปเลฺยน สมนฺนาคโตฯ
Ābhisamācārikampi dhammanti abhisamācārikaṃ vattapaṭipattimattampi. Nātikālenāti na atipāto pavisitabbaṃ, na atidivā paṭikkamitabbaṃ, bhikkhusaṅghena saddhiṃyeva pavisitabbañca nikkhamitabbañca. Atipāto pavisitvā atidivā nikkhamantassa hi cetiyaṅgaṇabodhiyaṅgaṇavattādīni parihāyanti. Kālasseva mukhaṃ dhovitvā makkaṭakasuttāni chindantena ussāvabindū nipātentena gāmaṃ pavisitvā yāguṃ pariyesitvā yāva bhikkhākālā antogāmeyeva nānappakāraṃ tiracchānakathaṃ kathentena nisīditvā bhattakiccaṃ katvā divā nikkhamma bhikkhūnaṃ pādadhovanavelāya vihāraṃ paccāgantabbaṃ hoti. Na purebhattaṃ pacchābhattaṃ kulesu cārittaṃ āpajjitabbanti ‘‘yo pana bhikkhu nimantito sabhatto samāno santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā kulesu cārittaṃ āpajjeyya, aññatra samayā pācittiya’’nti (pāci. 299) imaṃ sikkhāpadaṃ rakkhantena tassa vibhaṅge vuttaṃ purebhattañca pacchābhattañca cārittaṃ na āpajjitabbaṃ. Uddhato hoti capaloti uddhaccapakatiko ceva hoti cīvaramaṇḍana-pattamaṇḍana-senāsanamaṇḍanā imassa vā pūtikāyassa kelāyanā maṇḍanāti evaṃ vuttena ca taruṇadārakāvacāpalyena samannāgato.
ปญฺญวตา ภวิตพฺพนฺติ จีวรกมฺมาทีสุ อิติกตฺตเพฺพสุ อุปายปญฺญาย สมนฺนาคเตน ภวิตพฺพํฯ อภิธเมฺม อภิวินเยติ อภิธมฺมปิฎเก เจว วินยปิฎเก จ ปาฬิวเสน เจว อฎฺฐกถาวเสน จ โยโค กรณีโยฯ สพฺพนฺติเมน หิ ปริเจฺฉเทน อภิธเมฺม ทุกติกมาติกาหิ สทฺธิํ ธมฺมหทยวิภงฺคํ วินา น วฎฺฎติฯ วินเย ปน กมฺมากมฺมวินิจฺฉเยน สทฺธิํ สุวินิจฺฉิตานิ เทฺว ปาติโมกฺขานิ วินา น วฎฺฎติฯ
Paññavatābhavitabbanti cīvarakammādīsu itikattabbesu upāyapaññāya samannāgatena bhavitabbaṃ. Abhidhamme abhivinayeti abhidhammapiṭake ceva vinayapiṭake ca pāḷivasena ceva aṭṭhakathāvasena ca yogo karaṇīyo. Sabbantimena hi paricchedena abhidhamme dukatikamātikāhi saddhiṃ dhammahadayavibhaṅgaṃ vinā na vaṭṭati. Vinaye pana kammākammavinicchayena saddhiṃ suvinicchitāni dve pātimokkhāni vinā na vaṭṭati.
อารุปฺปาติ เอตฺตาวตา อฎฺฐปิ สมาปตฺติโย วุตฺตา โหนฺติฯ ตา ปน สเพฺพน สพฺพํ อสโกฺกเนฺตน สตฺตสุปิ โยโค กรณีโย, ฉสุปิ…เป.… ปญฺจสุปิฯ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน เอกํ กสิเณ ปริกมฺมกมฺมฎฺฐานํ ปคุณํ กตฺวา อาทาย วิจริตพฺพํ, เอตฺตกํ วินา น วฎฺฎติฯ อุตฺตริมนุสฺสธเมฺมติ อิมินา สเพฺพปิ โลกุตฺตรธเมฺม ทเสฺสติฯ ตสฺมา อรหเนฺตน หุตฺวา วิหาตพฺพํ, อรหตฺตํ อนภิสมฺภุณเนฺตน อนาคามิผเล สกทาคามิผเล โสตาปตฺติผเล วา ปติฎฺฐาตพฺพํฯ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน เอกํ วิปสฺสนามุขํ ยาว อรหตฺตา ปคุณํ กตฺวา อาทาย วิจริตพฺพํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ อิมํ ปน เทสนํ อายสฺมา สาริปุโตฺต เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน อาภิสมาจาริกวตฺตโต ปฎฺฐาย อนุปุเพฺพน อรหตฺตํ ปาเปตฺวา นิฎฺฐาเปสีติฯ
Āruppāti ettāvatā aṭṭhapi samāpattiyo vuttā honti. Tā pana sabbena sabbaṃ asakkontena sattasupi yogo karaṇīyo, chasupi…pe… pañcasupi. Sabbantimena paricchedena ekaṃ kasiṇe parikammakammaṭṭhānaṃ paguṇaṃ katvā ādāya vicaritabbaṃ, ettakaṃ vinā na vaṭṭati. Uttarimanussadhammeti iminā sabbepi lokuttaradhamme dasseti. Tasmā arahantena hutvā vihātabbaṃ, arahattaṃ anabhisambhuṇantena anāgāmiphale sakadāgāmiphale sotāpattiphale vā patiṭṭhātabbaṃ. Sabbantimena pariyāyena ekaṃ vipassanāmukhaṃ yāva arahattā paguṇaṃ katvā ādāya vicaritabbaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Imaṃ pana desanaṃ āyasmā sāriputto neyyapuggalassa vasena ābhisamācārikavattato paṭṭhāya anupubbena arahattaṃ pāpetvā niṭṭhāpesīti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
โคลิยานิสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Goliyānisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. โคลิยานิสุตฺตํ • 9. Goliyānisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. โคลิยานิสุตฺตวณฺณนา • 9. Goliyānisuttavaṇṇanā