Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๘. โคณเปตวตฺถุวณฺณนา
8. Goṇapetavatthuvaṇṇanā
กิํ นุ อุมฺมตฺตรูโป วาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ มตปิติกํ กุฎุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิร อญฺญตรสฺส กุฎุมฺพิกสฺส ปิตา กาลมกาสิฯ โส ปิตุ มรเณน โสกสนฺตตฺตหทโย โรทมาโน อุมฺมตฺตโก ปิย วิจรโนฺต ยํ ยํ ปสฺสติ, ตํ ตํ ปุจฺฉติ – ‘‘อปิ เม ปิตรํ ปสฺสิตฺถา’’ติ? น โกจิ ตสฺส โสกํ วิโนเทตุํ อสกฺขิฯ ตสฺส ปน หทเย ฆเฎ ปทีโป วิย โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสโย ปชฺชลติฯ
Kiṃnu ummattarūpo vāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ matapitikaṃ kuṭumbikaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kira aññatarassa kuṭumbikassa pitā kālamakāsi. So pitu maraṇena sokasantattahadayo rodamāno ummattako piya vicaranto yaṃ yaṃ passati, taṃ taṃ pucchati – ‘‘api me pitaraṃ passitthā’’ti? Na koci tassa sokaṃ vinodetuṃ asakkhi. Tassa pana hadaye ghaṭe padīpo viya sotāpattiphalassa upanissayo pajjalati.
สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกโนฺต ตสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส อตีตการณํ อาหริตฺวา โสกํ วูปสเมตฺวา โสตาปตฺติผลํ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุนทิวเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต ปจฺฉาสมณํ อนาทาย ตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิฯ โส ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ เคหํ ปเวเสตฺวา สตฺถริ ปญฺญเตฺต อาสเน นิสิเนฺน สยํ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ‘‘กิํ, ภเนฺต, มยฺหํ ปิตุ คตฎฺฐานํ ชานาถา’’ติ อาหฯ อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุปาสก, กิํ อิมสฺมิํ อตฺตภาเว ปิตรํ ปุจฺฉสิ, อุทาหุ อตีเต’’ติ อาหฯ โส ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘พหู กิร มยฺหํ ปิตโร’’ติ ตนุภูตโสโก โถกํ มชฺฌตฺตตํ ปฎิลภิฯ อถสฺส สตฺถา โสกวิโนทนํ ธมฺมกถํ กตฺวา อปคตโสกํ กลฺลจิตฺตํ วิทิตฺวา สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิฯ
Satthā paccūsasamaye lokaṃ olokento tassa sotāpattiphalassa upanissayaṃ disvā ‘‘imassa atītakāraṇaṃ āharitvā sokaṃ vūpasametvā sotāpattiphalaṃ dātuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā punadivase pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto pacchāsamaṇaṃ anādāya tassa gharadvāraṃ agamāsi. So ‘‘satthā āgato’’ti sutvā paccuggantvā satthāraṃ gehaṃ pavesetvā satthari paññatte āsane nisinne sayaṃ bhagavantaṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno ‘‘kiṃ, bhante, mayhaṃ pitu gataṭṭhānaṃ jānāthā’’ti āha. Atha naṃ satthā, ‘‘upāsaka, kiṃ imasmiṃ attabhāve pitaraṃ pucchasi, udāhu atīte’’ti āha. So taṃ vacanaṃ sutvā ‘‘bahū kira mayhaṃ pitaro’’ti tanubhūtasoko thokaṃ majjhattataṃ paṭilabhi. Athassa satthā sokavinodanaṃ dhammakathaṃ katvā apagatasokaṃ kallacittaṃ viditvā sāmukkaṃsikāya dhammadesanāya sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā vihāraṃ agamāsi.
อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘ปสฺสถ, อาวุโส, พุทฺธานุภาวํ, ตถา โสกปริเทวสมาปโนฺน อุปาสโก ขเณเนว ภควตา โสตาปตฺติผเล วินีโต’’ติฯ สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิฯ ภิกฺขู ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํฯ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว มยา อิมสฺส โสโก อปนีโต, ปุเพฺพปิ อปนีโตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Atha bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘passatha, āvuso, buddhānubhāvaṃ, tathā sokaparidevasamāpanno upāsako khaṇeneva bhagavatā sotāpattiphale vinīto’’ti. Satthā tattha gantvā paññattavarabuddhāsane nisinno ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchi. Bhikkhū tamatthaṃ bhagavato ārocesuṃ. Satthā ‘‘na, bhikkhave, idāneva mayā imassa soko apanīto, pubbepi apanītoyevā’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ อญฺญตรสฺส คหปติกสฺส ปิตา กาลมกาสิฯ โส ปิตุ มรเณน โสกปริเทวสมาปโนฺน อสฺสุมุโข รตฺตโกฺข กนฺทโนฺต จิตกํ ปทกฺขิณํ กโรติฯ ตสฺส ปุโตฺต สุชาโต นาม กุมาโร ปณฺฑิโต พฺยโตฺต พุทฺธิสมฺปโนฺน ปิตุโสกวินยนูปายํ จิเนฺตโนฺต เอกทิวสํ พหินคเร เอกํ มตโคณํ ทิสฺวา ติณญฺจ ปานียญฺจ อาหริตฺวา ตสฺส ปุรโต ฐเปตฺวา ‘‘ขาท, ขาท, ปิว, ปิวา’’ติ วทโนฺต อฎฺฐาสิฯ อาคตาคตา ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม สุชาต, กิํ อุมฺมตฺตโกสิ, โย ตฺวํ มตสฺส โคณสฺส ติโณทกํ อุปเนสี’’ติ วทนฺติ? โส น กิญฺจิ ปฎิวทติฯ มนุสฺสา ตสฺส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุโตฺต เต อุมฺมตฺตโก ชาโต, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทตี’’ติ อาหํสุฯ ตํ สุตฺวา จ กุฎุมฺพิกสฺส ปิตรํ อารพฺภ ฐิโต โสโก อปคโตฯ โส ‘‘มยฺหํ กิร ปุโตฺต อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ สํเวคปฺปโตฺต เวเคน คนฺตฺวา ‘‘นนุ ตฺวํ, ตาต สุชาต, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต พุทฺธิสมฺปโนฺน, กสฺมา มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ โจเทโนฺต –
Atīte bārāṇasiyaṃ aññatarassa gahapatikassa pitā kālamakāsi. So pitu maraṇena sokaparidevasamāpanno assumukho rattakkho kandanto citakaṃ padakkhiṇaṃ karoti. Tassa putto sujāto nāma kumāro paṇḍito byatto buddhisampanno pitusokavinayanūpāyaṃ cintento ekadivasaṃ bahinagare ekaṃ matagoṇaṃ disvā tiṇañca pānīyañca āharitvā tassa purato ṭhapetvā ‘‘khāda, khāda, piva, pivā’’ti vadanto aṭṭhāsi. Āgatāgatā taṃ disvā ‘‘samma sujāta, kiṃ ummattakosi, yo tvaṃ matassa goṇassa tiṇodakaṃ upanesī’’ti vadanti? So na kiñci paṭivadati. Manussā tassa pitu santikaṃ gantvā ‘‘putto te ummattako jāto, matagoṇassa tiṇodakaṃ detī’’ti āhaṃsu. Taṃ sutvā ca kuṭumbikassa pitaraṃ ārabbha ṭhito soko apagato. So ‘‘mayhaṃ kira putto ummattako jāto’’ti saṃvegappatto vegena gantvā ‘‘nanu tvaṃ, tāta sujāta, paṇḍito byatto buddhisampanno, kasmā matagoṇassa tiṇodakaṃ desī’’ti codento –
๔๖.
46.
‘‘กิํ นุ อุมฺมตฺตรูโปว, ลายิตฺวา หริตํ ติณํ;
‘‘Kiṃ nu ummattarūpova, lāyitvā haritaṃ tiṇaṃ;
ขาท ขาทาติ ลปสิ, คตสตฺตํ ชรคฺควํฯ
Khāda khādāti lapasi, gatasattaṃ jaraggavaṃ.
๔๗.
47.
‘‘น หิ อเนฺนน ปาเนน, มโต โคโณ สมุฎฺฐเห;
‘‘Na hi annena pānena, mato goṇo samuṭṭhahe;
ตฺวํสิ พาโล จ ทุเมฺมโธ, ยถา ตโญฺญว ทุมฺมตี’’ติฯ –
Tvaṃsi bālo ca dummedho, yathā taññova dummatī’’ti. –
คาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ กิํ นูติ ปุจฺฉาวจนํฯ อุมฺมตฺตรูโปวาติ อุมฺมตฺตกสภาโว วิย จิตฺตเกฺขปํ ปโตฺต วิยฯ ลายิตฺวาติ ลวิตฺวาฯ หริตํ ติณนฺติ อลฺลติณํฯ ลปสิ วิลปสิฯ คตสตฺตนฺติ วิคตชีวิตํฯ ชรคฺควนฺติ พลิพทฺทํ ชิณฺณโคณํฯ อเนฺนน ปาเนนาติ ตยา ทิเนฺนน หริตติเณน วา ปานีเยน วาฯ มโต โคโณ สมุฎฺฐเหติ กาลกโต โคโณ ลทฺธชีวิโต หุตฺวา น หิ สมุฎฺฐเหยฺยฯ ตฺวํสิ พาโล จ ทุเมฺมโธติ ตฺวํ พาลฺยโยคโต พาโล, เมธาสงฺขาตาย ปญฺญาย อภาวโต ทุเมฺมโธ อสิฯ ยถา ตโญฺญว ทุมฺมตีติ ยถา ตํ อโญฺญปิ นิปฺปโญฺญ วิปฺปลเปยฺย, เอวํ ตฺวํ นิรตฺถกํ วิปฺปลปสีติ อโตฺถฯ ยถา ตนฺติ นิปาตมตฺตํฯ
Gāthādvayamāha. Tattha kiṃ nūti pucchāvacanaṃ. Ummattarūpovāti ummattakasabhāvo viya cittakkhepaṃ patto viya. Lāyitvāti lavitvā. Haritaṃ tiṇanti allatiṇaṃ. Lapasi vilapasi. Gatasattanti vigatajīvitaṃ. Jaraggavanti balibaddaṃ jiṇṇagoṇaṃ. Annena pānenāti tayā dinnena haritatiṇena vā pānīyena vā. Mato goṇo samuṭṭhaheti kālakato goṇo laddhajīvito hutvā na hi samuṭṭhaheyya. Tvaṃsi bālo ca dummedhoti tvaṃ bālyayogato bālo, medhāsaṅkhātāya paññāya abhāvato dummedho asi. Yathā taññova dummatīti yathā taṃ aññopi nippañño vippalapeyya, evaṃ tvaṃ niratthakaṃ vippalapasīti attho. Yathā tanti nipātamattaṃ.
ตํ สุตฺวา สุชาโต ปิตรํ สญฺญาเปตุํ อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสโนฺต –
Taṃ sutvā sujāto pitaraṃ saññāpetuṃ attano adhippāyaṃ pakāsento –
๔๘.
48.
‘‘อิเม ปาทา อิทํ สีสํ, อยํ กาโย สวาลธิ;
‘‘Ime pādā idaṃ sīsaṃ, ayaṃ kāyo savāladhi;
เนตฺตา ตเถว ติฎฺฐนฺติ, อยํ โคโณ สมุฎฺฐเหฯ
Nettā tatheva tiṭṭhanti, ayaṃ goṇo samuṭṭhahe.
๔๙.
49.
‘‘นายฺยกสฺส หตฺถปาทา, กาโย สีสญฺจ ทิสฺสติ;
‘‘Nāyyakassa hatthapādā, kāyo sīsañca dissati;
รุทํ มตฺติกถูปสฺมิํ, นนุ ตฺวเญฺญว ทุมฺมตี’’ติฯ –
Rudaṃ mattikathūpasmiṃ, nanu tvaññeva dummatī’’ti. –
คาถาทฺวยํ อภาสิฯ ตสฺสโตฺถ – อิมสฺส โคณสฺส อิเม จตฺตาโร ปาทา, อิทํ สีสํ, สห วาลธินา วตฺตตีติ สวาลธิ อยํ กาโยฯ อิมานิ จ เนตฺตา นยนานิ ยถา มรณโต ปุเพฺพ, ตเถว อภินฺนสณฺฐานานิ ติฎฺฐนฺติฯ อยํ โคโณ สมุฎฺฐเหติ อิมสฺมา การณา อยํ โคโณ สมุฎฺฐเหยฺย สมุตฺติเฎฺฐยฺยาติ มม จิตฺตํ ภเวยฺยฯ ‘‘มเญฺญ โคโณ สมุฎฺฐเห’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, เตน การเณน อยํ โคโณ สหสาปิ กายํ สมุฎฺฐเหยฺยาติ อหํ มเญฺญยฺยํ, เอวํ เม มญฺญนา สมฺภเวยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ อยฺยกสฺส ปน มยฺหํ ปิตามหสฺส น หตฺถปาทา กาโย สีสํ ทิสฺสติ, เกวลํ ปน ตสฺส อฎฺฐิกานิ ปกฺขิปิตฺวา กเต มตฺติกามเย ถูเป รุทโนฺต สตคุเณน สหสฺสคุเณน, ตาต, ตฺวเญฺญว ทุมฺมติ นิปฺปโญฺญ, ภิชฺชนธมฺมา สงฺขารา ภิชฺชนฺติ, ตตฺถ วิชานตํ กา ปริเทวนาติ ปิตุ ธมฺมํ กเถสิฯ
Gāthādvayaṃ abhāsi. Tassattho – imassa goṇassa ime cattāro pādā, idaṃ sīsaṃ, saha vāladhinā vattatīti savāladhi ayaṃ kāyo. Imāni ca nettā nayanāni yathā maraṇato pubbe, tatheva abhinnasaṇṭhānāni tiṭṭhanti. Ayaṃ goṇo samuṭṭhaheti imasmā kāraṇā ayaṃ goṇo samuṭṭhaheyya samuttiṭṭheyyāti mama cittaṃ bhaveyya. ‘‘Maññe goṇo samuṭṭhahe’’ti keci paṭhanti, tena kāraṇena ayaṃ goṇo sahasāpi kāyaṃ samuṭṭhaheyyāti ahaṃ maññeyyaṃ, evaṃ me maññanā sambhaveyyāti adhippāyo. Ayyakassa pana mayhaṃ pitāmahassa na hatthapādā kāyo sīsaṃ dissati, kevalaṃ pana tassa aṭṭhikāni pakkhipitvā kate mattikāmaye thūpe rudanto sataguṇena sahassaguṇena, tāta, tvaññeva dummati nippañño, bhijjanadhammā saṅkhārā bhijjanti, tattha vijānataṃ kā paridevanāti pitu dhammaṃ kathesi.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปิตา ‘‘มม มุโตฺต ปณฺฑิโต มํ สญฺญาเปตุํ อิมํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ตาต สุชาต, ‘สเพฺพปิ สตฺตา มรณธมฺมา’ติ อญฺญาตเมตํ, อิโต ปฎฺฐาย น โสจิสฺสามิ, โสกหรณสมเตฺถน นาม เมธาวินา ตาทิเสเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ ปุตฺตํ ปสํสโนฺต –
Taṃ sutvā bodhisattassa pitā ‘‘mama mutto paṇḍito maṃ saññāpetuṃ imaṃ kammaṃ akāsī’’ti cintetvā ‘‘tāta sujāta, ‘sabbepi sattā maraṇadhammā’ti aññātametaṃ, ito paṭṭhāya na socissāmi, sokaharaṇasamatthena nāma medhāvinā tādiseneva bhavitabba’’nti puttaṃ pasaṃsanto –
๕๐.
50.
‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;
‘‘Ādittaṃ vata maṃ santaṃ, ghatasittaṃva pāvakaṃ;
วารินา วิย โอสิญฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํฯ
Vārinā viya osiñcaṃ, sabbaṃ nibbāpaye daraṃ.
๕๑.
51.
‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;
‘‘Abbahī vata me sallaṃ, sokaṃ hadayanissitaṃ;
โย เม โสกปเรตสฺส, ปิตุโสกํ อปานุทิฯ
Yo me sokaparetassa, pitusokaṃ apānudi.
๕๒.
52.
‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสโลฺลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;
‘‘Svāhaṃ abbūḷhasallosmi, sītibhūtosmi nibbuto;
น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณวฯ
Na socāmi na rodāmi, tava sutvāna māṇava.
๕๓.
53.
‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปญฺญา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;
‘‘Evaṃ karonti sappaññā, ye honti anukampakā;
วินิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา, สุชาโต ปิตรํ ยถา’’ติฯ –
Vinivattayanti sokamhā, sujāto pitaraṃ yathā’’ti. –
จตโสฺส คาถา อภาสิฯ ตตฺถ อาทิตฺตนฺติ โสกคฺคินา อาทิตฺตํ ชลิตํฯ สนฺตนฺติ สมานํฯ ปาวกนฺติ อคฺคิฯ วารินา วิย โอสิญฺจนฺติ อุทเกน อวสิญฺจโนฺต วิยฯ สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรนฺติ สพฺพํ เม จิตฺตทรถํ นิพฺพาเปสิฯ อพฺพหี วตาติ นีหริ วตฯ สลฺลนฺติ โสกสลฺลํฯ หทยนิสฺสิตนฺติ จิตฺตสนฺนิสฺสิตสลฺลภูตํฯ โสกปเรตสฺสาติ โสเกน อภิภูตสฺสฯ ปิตุโสกนฺติ ปิตรํ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ โสกํฯ อปานุทีติ อปเนสิฯ ตว สุตฺวาน มาณวาติ, กุมาร, ตว วจนํ สุตฺวา อิทานิ ปน น โสจามิ น โรทามิฯ สุชาโต ปิตรํ ยถาติ ยถา อยํ สุชาโต อตฺตโน ปิตรํ โสกโต วินิวเตฺตสิ, เอวํ อเญฺญปิ เย อนุกมฺปกา อนุคฺคณฺหสีลา โหนฺติ, เต สปฺปญฺญา เอวํ กโรนฺติ ปิตูนํ อเญฺญสญฺจ อุปการํ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ
Catasso gāthā abhāsi. Tattha ādittanti sokagginā ādittaṃ jalitaṃ. Santanti samānaṃ. Pāvakanti aggi. Vārinā viya osiñcanti udakena avasiñcanto viya. Sabbaṃ nibbāpaye daranti sabbaṃ me cittadarathaṃ nibbāpesi. Abbahī vatāti nīhari vata. Sallanti sokasallaṃ. Hadayanissitanti cittasannissitasallabhūtaṃ. Sokaparetassāti sokena abhibhūtassa. Pitusokanti pitaraṃ ārabbha uppannaṃ sokaṃ. Apānudīti apanesi. Tava sutvāna māṇavāti, kumāra, tava vacanaṃ sutvā idāni pana na socāmi na rodāmi. Sujāto pitaraṃ yathāti yathā ayaṃ sujāto attano pitaraṃ sokato vinivattesi, evaṃ aññepi ye anukampakā anuggaṇhasīlā honti, te sappaññā evaṃ karonti pitūnaṃ aññesañca upakāraṃ karontīti attho.
มาณวสฺส วจนํ สุตฺวา ปิตา อปคตโสโก หุตฺวา สีสํ นหายิตฺวา ภุญฺชิตฺวา กมฺมเนฺต ปวเตฺตตฺวา กาลํ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฎฺฐหิํสุฯ ตทา สุชาโต โลกนาโถ อโหสีติฯ
Māṇavassa vacanaṃ sutvā pitā apagatasoko hutvā sīsaṃ nahāyitvā bhuñjitvā kammante pavattetvā kālaṃ katvā saggaparāyaṇo ahosi. Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā tesaṃ bhikkhūnaṃ saccāni pakāsesi, saccapariyosāne bahū sotāpattiphalādīsu patiṭṭhahiṃsu. Tadā sujāto lokanātho ahosīti.
โคณเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Goṇapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๘. โคณเปตวตฺถุ • 8. Goṇapetavatthu