Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา
8. Gopakamoggallānasuttavaṇṇanā
๗๙. เอวํ เม สุตนฺติ โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตํฯ ตตฺถ อจิรปรินิพฺพุเต ภควตีติ ภควติ อจิรปรินิพฺพุเต, ธาตุภาชนียํ กตฺวา ธมฺมสงฺคีติํ กาตุํ ราชคหํ อาคตกาเล ฯ รโญฺญ ปโชฺชตสฺส อาสงฺกมาโนติ จณฺฑปโชฺชโต นาเมส ราชา พิมฺพิสารมหาราชสฺส สหาโย อโหสิ, ชีวกํ เปเสตฺวา เภสชฺชการิตกาลโต ปฎฺฐาย ปน ทฬฺหมิโตฺตว ชาโต, โส ‘‘อชาตสตฺตุนา เทวทตฺตสฺส วจนํ คเหตฺวา ปิตา ฆาติโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มม ปิยมิตฺตํ ฆาเตตฺวา เอส รชฺชํ กริสฺสามีติ มญฺญติ, มยฺหํ สหายสฺส สหายานํ อตฺถิกภาวํ ชานาเปสฺสามี’’ติ ปริสติ วาจํ อภาสิฯ ตํ สุตฺวา ตสฺส อาสงฺกา อุปฺปนฺนาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘รโญฺญ ปโชฺชตสฺส อาสงฺกมาโน’’ติฯ กมฺมโนฺตติ พหินคเร นครปฎิสงฺขาราปนตฺถาย กมฺมนฺตฎฺฐานํฯ
79.Evaṃme sutanti gopakamoggallānasuttaṃ. Tattha aciraparinibbute bhagavatīti bhagavati aciraparinibbute, dhātubhājanīyaṃ katvā dhammasaṅgītiṃ kātuṃ rājagahaṃ āgatakāle . Rañño pajjotassa āsaṅkamānoti caṇḍapajjoto nāmesa rājā bimbisāramahārājassa sahāyo ahosi, jīvakaṃ pesetvā bhesajjakāritakālato paṭṭhāya pana daḷhamittova jāto, so ‘‘ajātasattunā devadattassa vacanaṃ gahetvā pitā ghātito’’ti sutvā ‘‘mama piyamittaṃ ghātetvā esa rajjaṃ karissāmīti maññati, mayhaṃ sahāyassa sahāyānaṃ atthikabhāvaṃ jānāpessāmī’’ti parisati vācaṃ abhāsi. Taṃ sutvā tassa āsaṅkā uppannā. Tena vuttaṃ ‘‘rañño pajjotassa āsaṅkamāno’’ti. Kammantoti bahinagare nagarapaṭisaṅkhārāpanatthāya kammantaṭṭhānaṃ.
อุปสงฺกมีติ มยํ ธมฺมวินยสงฺคีติํ กาเรสฺสามาติ วิจราม, อยญฺจ มเหสโกฺข ราชวลฺลโภ สงฺคเห กเต เวฬุวนสฺส อารกฺขํ กเรยฺยาติ มญฺญมาโน อุปสงฺกมิฯ เตหิ ธเมฺมหีติ เตหิ สพฺพญฺญุตญฺญาณธเมฺมหิฯ สเพฺพน สพฺพนฺติ สพฺพากาเรน สพฺพํฯ สพฺพถา สพฺพนฺติ สพฺพโกฎฺฐาเสหิ สพฺพํฯ กิํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ? ฉ หิ สตฺถาโร ปฐมตรํ อปฺปญฺญาตกุเลหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตา, เต ตถาคเต ธรมาเนเยว กาลํกตา, สาวกาปิ เนสํ อปฺปญฺญาตกุเลเหว ปพฺพชิตาฯ เต เตสํ อจฺจเยน มหาวิวาทํ อกํสุฯ สมโณ ปน โคตโม มหากุลา ปพฺพชิโต, ตสฺส อจฺจเยน สาวกานํ มหาวิวาโท ภวิสฺสตีติ อยํ กถา สกลชมฺพุทีปํ ปตฺถรมานา อุทปาทิฯ สมฺมาสมฺพุเทฺธ จ ธรเนฺต ภิกฺขูนํ วิวาโท นาโหสิฯ โยปิ อโหสิ, โสปิ ตเตฺถว วูปสมิโตฯ ปรินิพฺพุตกาเล ปนสฺส – ‘‘อฎฺฐสฎฺฐิโยชนสตสหสฺสุเพฺพธํ สิเนรุํ อปวาหิตุํ สมตฺถสฺส วาตสฺส ปุรโต ปุราณปณฺณํ กิํ ฐสฺสติ, ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปตฺตสฺส สตฺถุ อลชฺชมาโน มจฺจุราชา กสฺส ลชฺชิสฺสตี’’ติ มหาสํเวคํ ชเนตฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย ภิกฺขู สมคฺคา ชาตา อติวิย อุปสนฺตุปสนฺตา, กิํ นุ โข เอตนฺติ อิทํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติฯ อนุสญฺญายมาโนติ อนุสญฺชายมาโน, กตากตํ ชนโนฺตติ อโตฺถฯ อนุวิจรมาโน วาฯ
Upasaṅkamīti mayaṃ dhammavinayasaṅgītiṃ kāressāmāti vicarāma, ayañca mahesakkho rājavallabho saṅgahe kate veḷuvanassa ārakkhaṃ kareyyāti maññamāno upasaṅkami. Tehi dhammehīti tehi sabbaññutaññāṇadhammehi. Sabbena sabbanti sabbākārena sabbaṃ. Sabbathā sabbanti sabbakoṭṭhāsehi sabbaṃ. Kiṃ pucchāmīti pucchati? Cha hi satthāro paṭhamataraṃ appaññātakulehi nikkhamitvā pabbajitā, te tathāgate dharamāneyeva kālaṃkatā, sāvakāpi nesaṃ appaññātakuleheva pabbajitā. Te tesaṃ accayena mahāvivādaṃ akaṃsu. Samaṇo pana gotamo mahākulā pabbajito, tassa accayena sāvakānaṃ mahāvivādo bhavissatīti ayaṃ kathā sakalajambudīpaṃ pattharamānā udapādi. Sammāsambuddhe ca dharante bhikkhūnaṃ vivādo nāhosi. Yopi ahosi, sopi tattheva vūpasamito. Parinibbutakāle panassa – ‘‘aṭṭhasaṭṭhiyojanasatasahassubbedhaṃ sineruṃ apavāhituṃ samatthassa vātassa purato purāṇapaṇṇaṃ kiṃ ṭhassati, dasa pāramiyo pūretvā sabbaññutaññāṇaṃ pattassa satthu alajjamāno maccurājā kassa lajjissatī’’ti mahāsaṃvegaṃ janetvā bhiyyosomattāya bhikkhū samaggā jātā ativiya upasantupasantā, kiṃ nu kho etanti idaṃ pucchāmīti pucchati. Anusaññāyamānoti anusañjāyamāno, katākataṃ janantoti attho. Anuvicaramāno vā.
๘๐. อตฺถิ นุ โขติ อยมฺปิ เหฎฺฐิมปุจฺฉเมว ปุจฺฉติฯ อปฺปฎิสรเณติ อปฺปฎิสรเณ ธมฺมวินเยฯ โก เหตุ สามคฺคิยาติ ตุมฺหากํ สมคฺคภาวสฺส โก เหตุ โก ปจฺจโยฯ ธมฺมปฺปฎิสรณาติ ธโมฺม อมฺหากํ ปฎิสรณํ, ธโมฺม อวสฺสโยติ ทีเปติฯ
80.Atthinu khoti ayampi heṭṭhimapucchameva pucchati. Appaṭisaraṇeti appaṭisaraṇe dhammavinaye. Ko hetu sāmaggiyāti tumhākaṃ samaggabhāvassa ko hetu ko paccayo. Dhammappaṭisaraṇāti dhammo amhākaṃ paṭisaraṇaṃ, dhammo avassayoti dīpeti.
๘๑. ปวตฺตตีติ ปคุณํ หุตฺวา อาคจฺฉติฯ อาปตฺติ โหติ วีติกฺกโมติ อุภยเมตํ พุทฺธสฺส อาณาติกฺกมนเมวฯ ยถาธมฺมํ ยถานุสิฎฺฐํ กาเรมาติ ยถา ธโมฺม จ อนุสิฎฺฐิ จ ฐิตา, เอวํ กาเรมาติ อโตฺถฯ
81.Pavattatīti paguṇaṃ hutvā āgacchati. Āpatti hoti vītikkamoti ubhayametaṃ buddhassa āṇātikkamanameva. Yathādhammaṃ yathānusiṭṭhaṃ kāremāti yathā dhammo ca anusiṭṭhi ca ṭhitā, evaṃ kāremāti attho.
น กิร โน ภวโนฺต กาเรนฺติ ธโมฺม โน กาเรตีติ ปททฺวเยปิ โน กาโร นิปาตมตฺตํฯ เอวํ สเนฺต น กิร ภวโนฺต กาเรนฺติ, ธโมฺมว กาเรตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ
Na kira no bhavanto kārenti dhammo no kāretīti padadvayepi no kāro nipātamattaṃ. Evaṃ sante na kira bhavanto kārenti, dhammova kāretīti ayamettha attho.
๘๓. ตคฺฆาติ เอกํเส นิปาโตฯ กหํ ปน ภวํ อานโนฺทติ กิํ เถรสฺส เวฬุวเน วสนภาวํ น ชานาตีติ? ชานาติฯ เวฬุวนสฺส ปน อเนน อารกฺขา ทินฺนา, ตสฺมา อตฺตานํ อุกฺกํสาเปตุกาโม ปุจฺฉติฯ กสฺมา ปน เตน ตตฺถ อารกฺขา ทินฺนา? โส กิร เอกทิวสํ มหากจฺจายนเตฺถรํ คิชฺฌกูฎา โอตรนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘มกฺกโฎ วิย เอโส’’ติ อาหฯ ภควา ตํ กถํ สุตฺวา – ‘‘สเจ ขมาเปติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ขมาเปติ, อิมสฺมิํ เวฬุวเน โคนงฺคลมกฺกโฎ ภวิสฺสตี’’ติ อาหฯ โส ตํ กถํ สุตฺวา – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส กถาย เทฺวธาภาโว นาม นตฺถิ, ปจฺฉา เม มกฺกฎภูตกาเล โคจรฎฺฐานํ ภวิสฺสตี’’ติ เวฬุวเน นานาวิเธ รุเกฺข โรเปตฺวา อารกฺขํ อทาสิฯ อปรภาเค กาลํ กตฺวา มกฺกโฎ หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ‘‘วสฺสการา’’ติ วุเตฺต อาคนฺตฺวา สมีเป อฎฺฐาสิฯ ตคฺฆาติ สพฺพวาเรสุ เอกํสวจเนเยว นิปาโตฯ ตคฺฆ, โภ อานนฺทาติ เอวํ เถเรน ปริสมเชฺฌ อตฺตโน อุกฺกํสิตภาวํ ญตฺวา อหมฺปิ เถรํ อุกฺกํสิสฺสามีติ เอวมาหฯ
83.Tagghāti ekaṃse nipāto. Kahaṃ pana bhavaṃ ānandoti kiṃ therassa veḷuvane vasanabhāvaṃ na jānātīti? Jānāti. Veḷuvanassa pana anena ārakkhā dinnā, tasmā attānaṃ ukkaṃsāpetukāmo pucchati. Kasmā pana tena tattha ārakkhā dinnā? So kira ekadivasaṃ mahākaccāyanattheraṃ gijjhakūṭā otarantaṃ disvā – ‘‘makkaṭo viya eso’’ti āha. Bhagavā taṃ kathaṃ sutvā – ‘‘sace khamāpeti, iccetaṃ kusalaṃ. No ce khamāpeti, imasmiṃ veḷuvane gonaṅgalamakkaṭo bhavissatī’’ti āha. So taṃ kathaṃ sutvā – ‘‘samaṇassa gotamassa kathāya dvedhābhāvo nāma natthi, pacchā me makkaṭabhūtakāle gocaraṭṭhānaṃ bhavissatī’’ti veḷuvane nānāvidhe rukkhe ropetvā ārakkhaṃ adāsi. Aparabhāge kālaṃ katvā makkaṭo hutvā nibbatti. ‘‘Vassakārā’’ti vutte āgantvā samīpe aṭṭhāsi. Tagghāti sabbavāresu ekaṃsavacaneyeva nipāto. Taggha, bho ānandāti evaṃ therena parisamajjhe attano ukkaṃsitabhāvaṃ ñatvā ahampi theraṃ ukkaṃsissāmīti evamāha.
๘๔. น จ โข, พฺราหฺมณาติ เถโร กิร จิเนฺตสิ ‘‘สมฺมาสมฺพุเทฺธน วณฺณิตชฺฌานมฺปิ อตฺถิ, อวณฺณิตชฺฌานมฺปิ อตฺถิ, อยํ ปน พฺราหฺมโณ สพฺพเมว วเณฺณตีติ ปญฺหํ วิสํวาเทติ, น โข ปน สกฺกา อิมสฺส มุขํ อุโลฺลเกตุํ น ปิณฺฑปาตํ รกฺขิตุํ, ปญฺหํ อุชุํ กตฺวา กเถสฺสามี’’ติ อิทํ วตฺตุํ อารทฺธํฯ อนฺตรํ กริตฺวาติ อพฺภนฺตรํ กริตฺวาฯ เอวรูปํ โข, พฺราหฺมณ, โส ภควา ฌานํ วเณฺณสีติ อิธ สพฺพสงฺคาหกชฺฌานํ นาม กถิตํฯ
84.Na ca kho, brāhmaṇāti thero kira cintesi ‘‘sammāsambuddhena vaṇṇitajjhānampi atthi, avaṇṇitajjhānampi atthi, ayaṃ pana brāhmaṇo sabbameva vaṇṇetīti pañhaṃ visaṃvādeti, na kho pana sakkā imassa mukhaṃ ulloketuṃ na piṇḍapātaṃ rakkhituṃ, pañhaṃ ujuṃ katvā kathessāmī’’ti idaṃ vattuṃ āraddhaṃ. Antaraṃ karitvāti abbhantaraṃ karitvā. Evarūpaṃ kho, brāhmaṇa, so bhagavā jhānaṃ vaṇṇesīti idha sabbasaṅgāhakajjhānaṃ nāma kathitaṃ.
ยํ โน มยนฺติ อยํ กิร พฺราหฺมโณ วสฺสการพฺราหฺมณํ อุสูยติ, เตน ปุจฺฉิตปญฺหสฺส อกถนํ ปจฺจาสีสมาโน กถิตภาวํ ญตฺวา ‘‘วสฺสกาเรน ปุจฺฉิตํ ปญฺหํ ปุนปฺปุนํ ตสฺส นามํ คณฺหโนฺต วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ, มยา ปุจฺฉิตปญฺหํ ปน ยฎฺฐิโกฎิยา อุปฺปีเฬโนฺต วิย เอกเทสเมว กเถสี’’ติ อนตฺตมโน อโหสิ, ตสฺมา เอวมาหฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Yaṃno mayanti ayaṃ kira brāhmaṇo vassakārabrāhmaṇaṃ usūyati, tena pucchitapañhassa akathanaṃ paccāsīsamāno kathitabhāvaṃ ñatvā ‘‘vassakārena pucchitaṃ pañhaṃ punappunaṃ tassa nāmaṃ gaṇhanto vitthāretvā kathesi, mayā pucchitapañhaṃ pana yaṭṭhikoṭiyā uppīḷento viya ekadesameva kathesī’’ti anattamano ahosi, tasmā evamāha. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gopakamoggallānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตํ • 8. Gopakamoggallānasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา • 8. Gopakamoggallānasuttavaṇṇanā