Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๓. โคปาลกสุตฺตวณฺณนา

    3. Gopālakasuttavaṇṇanā

    ๓๓. ตติเย โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท ‘‘โกสลา’’เตฺวว วุจฺจติ, เตสุ โกสเลสุ ชนปเทฯ จาริกํ จรตีติ อตุริตจาริกาวเสน ชนปทจาริกํ จรติฯ มหตาติ คุณมหเตฺตนปิ มหตา, อปริจฺฉินฺนสงฺขฺยตฺตา สงฺขฺยามหเตฺตนปิ มหตาฯ ภิกฺขุสเงฺฆนาติ ทิฎฺฐิสีลสามญฺญสํหเตน สมณคเณนฯ สทฺธินฺติ เอกโตฯ มคฺคา โอกฺกมฺมาติ มคฺคโต อปกฺกมิตฺวาฯ อญฺญตรํ รุกฺขมูลนฺติ ฆนปตฺตสาขาวิฎปสมฺปนฺนสฺส สนฺทจฺฉายสฺส มหโต รุกฺขสฺส สมีปสงฺขาตํ มูลํฯ

    33. Tatiye kosalesūti kosalā nāma jānapadino rājakumārā, tesaṃ nivāso ekopi janapado ‘‘kosalā’’tveva vuccati, tesu kosalesu janapade. Cārikaṃ caratīti aturitacārikāvasena janapadacārikaṃ carati. Mahatāti guṇamahattenapi mahatā, aparicchinnasaṅkhyattā saṅkhyāmahattenapi mahatā. Bhikkhusaṅghenāti diṭṭhisīlasāmaññasaṃhatena samaṇagaṇena. Saddhinti ekato. Maggā okkammāti maggato apakkamitvā. Aññataraṃ rukkhamūlanti ghanapattasākhāviṭapasampannassa sandacchāyassa mahato rukkhassa samīpasaṅkhātaṃ mūlaṃ.

    อญฺญตโร โคปาลโกติ เอโก โคคณรกฺขโก, นาเมน ปน นโนฺท นามฯ โส กิร อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค, ยถา เกณิโย ชฎิโล ปพฺพชฺชาวเสน, เอวํ อนาถปิณฺฑิกสฺส โคยูถํ รกฺขโนฺต โคปาลกเตฺตน ราชปีฬํ อปหรโนฺต อตฺตโน กุฎุมฺพํ รกฺขติฯ โส กาเลน กาลํ ปญฺจ โครเส คเหตฺวา, มหาเสฎฺฐิสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา นิยฺยาเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, สตฺถารํ ปสฺสติ, ธมฺมํ สุณาติ, อตฺตโน วสนฎฺฐานํ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจติฯ สตฺถา ตเสฺสว ญาณปริปากํ อาคมยมาโน อคนฺตฺวา, อปรภาเค มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน ปริวุโต ชนปทจาริกํ จรโนฺต, ‘‘อิทานิสฺส ญาณํ ปริปกฺก’’นฺติ ญตฺวา ตสฺส วสนฎฺฐานสฺส อวิทูเร มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ ตสฺส อาคมนํ อาคมยมาโนฯ นโนฺทปิ โข ‘‘สตฺถา กิร ชนปทจาริกํ จรโนฺต อิโต อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา, หฎฺฐตุโฎฺฐ เวเคน คนฺตฺวา, สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา กตปฎิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิ, อถสฺส ภควา ธมฺมํ เทเสสิฯ โส โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิตฺวา ภควนฺตํ นิมเนฺตตฺวา สตฺตาหํ ปายาสทานมทาสิ, สตฺตเม ทิวเส ภควา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ โคปาลกํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ…เป.… อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามี’’ติฯ

    Aññataro gopālakoti eko gogaṇarakkhako, nāmena pana nando nāma. So kira aḍḍho mahaddhano mahābhogo, yathā keṇiyo jaṭilo pabbajjāvasena, evaṃ anāthapiṇḍikassa goyūthaṃ rakkhanto gopālakattena rājapīḷaṃ apaharanto attano kuṭumbaṃ rakkhati. So kālena kālaṃ pañca gorase gahetvā, mahāseṭṭhissa santikaṃ āgantvā niyyātetvā satthu santikaṃ gantvā, satthāraṃ passati, dhammaṃ suṇāti, attano vasanaṭṭhānaṃ āgamanatthāya satthāraṃ yācati. Satthā tasseva ñāṇaparipākaṃ āgamayamāno agantvā, aparabhāge mahatā bhikkhusaṅghena parivuto janapadacārikaṃ caranto, ‘‘idānissa ñāṇaṃ paripakka’’nti ñatvā tassa vasanaṭṭhānassa avidūre maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi tassa āgamanaṃ āgamayamāno. Nandopi kho ‘‘satthā kira janapadacārikaṃ caranto ito āgacchatī’’ti sutvā, haṭṭhatuṭṭho vegena gantvā, satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā katapaṭisanthāro ekamantaṃ nisīdi, athassa bhagavā dhammaṃ desesi. So sotāpattiphale patiṭṭhahitvā bhagavantaṃ nimantetvā sattāhaṃ pāyāsadānamadāsi, sattame divase bhagavā anumodanaṃ katvā pakkāmi. Tena vuttaṃ – ‘‘ekamantaṃ nisinnaṃ kho taṃ gopālakaṃ bhagavā dhammiyā kathāya sandassesi…pe… uṭṭhāyāsanā pakkāmī’’ti.

    ตตฺถ สนฺทเสฺสสีติ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลา’’ติอาทินา กุสลาทิธเมฺม กมฺมวิปาเก อิธโลกปรโลเก ปจฺจกฺขโต ทเสฺสโนฺต อนุปุพฺพิกถาวสาเน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมา ทเสฺสสิฯ สมาทเปสีติ ‘‘สจฺจาธิคมาย อิเม นาม ธมฺมา อตฺตนิ อุปฺปาเทตพฺพา’’ติ สีลาทิธเมฺม สมฺมา คณฺหาเปตฺวา เตสุ ตํ ปติฎฺฐเปสิฯ สมุเตฺตเชสีติ เต ธมฺมา สมาทินฺนา อนุกฺกเมน ภาวิยมานา นิเพฺพธภาคิยา หุตฺวา ติกฺขวิสทา ยถา ขิปฺปํ อริยมคฺคํ อาวหนฺติ, ตถา สมฺมา อุเตฺตเชสิ สมฺมเทว เตเชสิฯ สมฺปหํเสสีติ ภาวนาย ปุเพฺพนาปรํ วิเสสภาวทสฺสเนน จิตฺตสฺส ปโมทาปนวเสน สุฎฺฐุ ปหํเสสิฯ อปิเจตฺถ สาวชฺชานวชฺชธเมฺมสุ ทุกฺขาทีสุ จ สโมฺมหวิโนทเนน สนฺทสฺสนํ, สมฺมาปฎิปตฺติยํ ปมาทาปโนทเนน สมาทปนํ, จิตฺตสฺสาลสิยาปตฺติวิโนทเนน สมุเตฺตชนํ, สมฺมาปฎิปตฺติสิทฺธิยา สมฺปหํสนํ เวทิตพฺพํฯ เอวํ โส ภควโต สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ อธิวาเสสีติ เตน ทิฎฺฐสเจฺจน ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต ภควา’’ติอาทินา นิมนฺติโต กายงฺควาจงฺคํ อโจเปโนฺต จิเตฺตเนว อธิวาเสสิ สาทิยิฯ เตเนวาห ‘‘ตุณฺหีภาเวนา’’ติฯ

    Tattha sandassesīti ‘‘ime dhammā kusalā, ime dhammā akusalā’’tiādinā kusalādidhamme kammavipāke idhalokaparaloke paccakkhato dassento anupubbikathāvasāne cattāri ariyasaccāni sammā dassesi. Samādapesīti ‘‘saccādhigamāya ime nāma dhammā attani uppādetabbā’’ti sīlādidhamme sammā gaṇhāpetvā tesu taṃ patiṭṭhapesi. Samuttejesīti te dhammā samādinnā anukkamena bhāviyamānā nibbedhabhāgiyā hutvā tikkhavisadā yathā khippaṃ ariyamaggaṃ āvahanti, tathā sammā uttejesi sammadeva tejesi. Sampahaṃsesīti bhāvanāya pubbenāparaṃ visesabhāvadassanena cittassa pamodāpanavasena suṭṭhu pahaṃsesi. Apicettha sāvajjānavajjadhammesu dukkhādīsu ca sammohavinodanena sandassanaṃ, sammāpaṭipattiyaṃ pamādāpanodanena samādapanaṃ, cittassālasiyāpattivinodanena samuttejanaṃ, sammāpaṭipattisiddhiyā sampahaṃsanaṃ veditabbaṃ. Evaṃ so bhagavato sāmukkaṃsikāya dhammadesanāya sotāpattiphale patiṭṭhahi. Adhivāsesīti tena diṭṭhasaccena ‘‘adhivāsetu me, bhante bhagavā’’tiādinā nimantito kāyaṅgavācaṅgaṃ acopento citteneva adhivāsesi sādiyi. Tenevāha ‘‘tuṇhībhāvenā’’ti.

    อโปฺปทกปายาสนฺติ นิรุทกปายาสํฯ ปฎิยาทาเปตฺวาติ สมฺปาเทตฺวา สเชฺชตฺวาฯ นวญฺจ สปฺปินฺติ นวนีตํ คเหตฺวา ตาวเทว วิลีนํ มณฺฑสปฺปิญฺจ ปฎิยาทาเปตฺวาฯ สหตฺถาติ อาทรชาโต สหเตฺถเนว ปริวิสโนฺตฯ สนฺตเปฺปสีติ ปฎิยตฺตํ โภชนํ โภเชสิฯ สมฺปวาเรสีติ ‘‘อลํ อล’’นฺติ วาจาย ปฎิกฺขิปาเปสิฯ ภุตฺตาวินฺติ กตภตฺตกิจฺจํฯ โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต อปนีตปาณิํ, ‘‘โธตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโฐ, โธตปตฺตหตฺถนฺติ อโตฺถฯ นีจนฺติ อนุจฺจํ อาสนํ คเหตฺวา อาสเนเยว นิสีทนํ อริยเทสวาสีนํ จาริตฺตํ, โส ปน สตฺถุ สนฺติเก อุปจารวเสน ปญฺญตฺตสฺส ทารุผลกาสนสฺส สมีเป นิสีทิฯ ธมฺมิยา กถายาติอาทิ สตฺตเม ทิวเส กตํ อนุโมทนํ สนฺธาย วุตฺตํ ฯ โส กิร สตฺตาหํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ ตตฺถ วสาเปตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ สตฺตเม ปน ทิวเส อโปฺปทกปายาสทานํ อทาสิฯ สตฺถา ตสฺส ตสฺมิํ อตฺตภาเว อุปริมคฺคตฺถาย ญาณปริปากาภาวโต อนุโมทนเมว กตฺวา ปกฺกามิฯ

    Appodakapāyāsanti nirudakapāyāsaṃ. Paṭiyādāpetvāti sampādetvā sajjetvā. Navañca sappinti navanītaṃ gahetvā tāvadeva vilīnaṃ maṇḍasappiñca paṭiyādāpetvā. Sahatthāti ādarajāto sahattheneva parivisanto. Santappesīti paṭiyattaṃ bhojanaṃ bhojesi. Sampavāresīti ‘‘alaṃ ala’’nti vācāya paṭikkhipāpesi. Bhuttāvinti katabhattakiccaṃ. Onītapattapāṇinti pattato apanītapāṇiṃ, ‘‘dhotapattapāṇi’’ntipi pāṭho, dhotapattahatthanti attho. Nīcanti anuccaṃ āsanaṃ gahetvā āsaneyeva nisīdanaṃ ariyadesavāsīnaṃ cārittaṃ, so pana satthu santike upacāravasena paññattassa dāruphalakāsanassa samīpe nisīdi. Dhammiyā kathāyātiādi sattame divase kataṃ anumodanaṃ sandhāya vuttaṃ . So kira sattāhaṃ bhagavantaṃ bhikkhusaṅghañca tattha vasāpetvā mahādānaṃ pavattesi. Sattame pana divase appodakapāyāsadānaṃ adāsi. Satthā tassa tasmiṃ attabhāve uparimaggatthāya ñāṇaparipākābhāvato anumodanameva katvā pakkāmi.

    สีมนฺตริกายาติ สีมนฺตเร, ตสฺส คามสฺส อนฺตรํฯ คามวาสิโน กิร เอกํ ตฬากํ นิสฺสาย เตน สทฺธิํ กลหํ อกํสุฯ โส เต อภิภวิตฺวา ตํ ตฬากํ คณฺหิฯ เตน พทฺธาฆาโต เอโก ปุริโส ตํ สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา ทูรํ อนุคนฺตฺวา ‘‘นิวตฺตาหิ อุปาสกา’’ติ วุเตฺต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อญฺชลิํ กตฺวา ยาว ทสฺสนูปจารสมติกฺกมา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อญฺชลิํ สิรสิ ปคฺคยฺห ปฎินิวตฺติตฺวา ทฺวินฺนํ คามานํ อนฺตเร อรญฺญปฺปเทเส เอกกํ คจฺฉนฺตํ สเรน วิชฺฌิตฺวา มาเรสิฯ เตน วุตฺตํ อจิรปกฺกนฺตสฺส…เป.… โวโรเปสี’’ติฯ เกนจิเทว กรณีเยน โอหียิตฺวา ปจฺฉา คจฺฉนฺตา ภิกฺขู ตํ ตถา มตํ ทิสฺวา ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิฯ

    Sīmantarikāyāti sīmantare, tassa gāmassa antaraṃ. Gāmavāsino kira ekaṃ taḷākaṃ nissāya tena saddhiṃ kalahaṃ akaṃsu. So te abhibhavitvā taṃ taḷākaṃ gaṇhi. Tena baddhāghāto eko puriso taṃ satthu pattaṃ gahetvā dūraṃ anugantvā ‘‘nivattāhi upāsakā’’ti vutte bhagavantaṃ vanditvā padakkhiṇaṃ katvā bhikkhusaṅghassa ca añjaliṃ katvā yāva dassanūpacārasamatikkamā dasanakhasamodhānasamujjalaṃ añjaliṃ sirasi paggayha paṭinivattitvā dvinnaṃ gāmānaṃ antare araññappadese ekakaṃ gacchantaṃ sarena vijjhitvā māresi. Tena vuttaṃ acirapakkantassa…pe… voropesī’’ti. Kenacideva karaṇīyena ohīyitvā pacchā gacchantā bhikkhū taṃ tathā mataṃ disvā bhagavato tamatthaṃ ārocesuṃ, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘atha kho sambahulā bhikkhū’’tiādi.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยสฺมา ทิฎฺฐิสมฺปนฺนํ อริยสาวกํ นนฺทํ มาเรเนฺตน ปุริเสน อานนฺตริยกมฺมํ พหุลํ อปุญฺญํ ปสุตํ, ตสฺมา ยํ โจเรหิ จ เวรีหิ จ กตฺตพฺพํ, ตโตปิ โฆรตรํ อิเมสํ สตฺตานํ มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ กโรตีติ อิมมตฺถํ ชานิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃ viditvāti yasmā diṭṭhisampannaṃ ariyasāvakaṃ nandaṃ mārentena purisena ānantariyakammaṃ bahulaṃ apuññaṃ pasutaṃ, tasmā yaṃ corehi ca verīhi ca kattabbaṃ, tatopi ghorataraṃ imesaṃ sattānaṃ micchāpaṇihitaṃ cittaṃ karotīti imamatthaṃ jānitvā tadatthadīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ ทิโส ทิสนฺติ ทูสโก ทูสนียํ โจโร โจรํ, ทิสฺวาติ วจนเสโสฯ ยํ ตํ กยิราติ ยํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก เอกสฺส มิตฺตทุพฺภี โจโร ปุตฺตทารเขตฺตวตฺถุโคมหิํสาทีสุ อปรชฺฌโนฺต ยสฺส อปรชฺฌติ, ตมฺปิ ตเถว อตฺตนิ อปรชฺฌนฺตํ โจรํ ทิสฺวา, เวรี วา ปน เกนจิเทว การเณน พทฺธเวรํ เวริํ ทิสฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ทารุณตาย ยํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ปุตฺตทารํ วา ปีเฬยฺย, เขตฺตาทีนิ วา นาเสยฺย, ชีวิตา วา โวโรเปยฺย , ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาฐปิตตฺตา มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร, นํ ปุริสํ ปาปตรํ ตโต กเรยฺยฯ วุตฺตปฺปกาโร หิ ทิโส วา เวรี วา ทิสสฺส วา เวริโน วา อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ทุกฺขํ วา อุปฺปาเทยฺย, ชีวิตกฺขยํ วา กเรยฺยฯ อิทํ ปน อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาฐปิตํ จิตฺตํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม อนยพฺยสนํ ปาเปติ, อตฺตภาวสตสหเสฺสสุปิ จตูสุ อปาเยสุ ขิปิตฺวา สีสมสฺส อุกฺขิปิตุํ น เทตีติฯ

    Tattha diso disanti dūsako dūsanīyaṃ coro coraṃ, disvāti vacanaseso. Yaṃ taṃ kayirāti yaṃ tassa anayabyasanaṃ kareyya, dutiyapadepi eseva nayo. Idaṃ vuttaṃ hoti – eko ekassa mittadubbhī coro puttadārakhettavatthugomahiṃsādīsu aparajjhanto yassa aparajjhati, tampi tatheva attani aparajjhantaṃ coraṃ disvā, verī vā pana kenacideva kāraṇena baddhaveraṃ veriṃ disvā attano kakkhaḷatāya dāruṇatāya yaṃ tassa anayabyasanaṃ kareyya, puttadāraṃ vā pīḷeyya, khettādīni vā nāseyya, jīvitā vā voropeyya , dasasu akusalakammapathesu micchāṭhapitattā micchāpaṇihitaṃ cittaṃ pāpiyo naṃ tato kare, naṃ purisaṃ pāpataraṃ tato kareyya. Vuttappakāro hi diso vā verī vā disassa vā verino vā imasmiṃyeva attabhāve dukkhaṃ vā uppādeyya, jīvitakkhayaṃ vā kareyya. Idaṃ pana akusalakammapathesu micchāṭhapitaṃ cittaṃ diṭṭheva dhamme anayabyasanaṃ pāpeti, attabhāvasatasahassesupi catūsu apāyesu khipitvā sīsamassa ukkhipituṃ na detīti.

    ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๓. โคปาลกสุตฺตํ • 3. Gopālakasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact